หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 364 ความสามารถที่แท้จริง

แชร์

บทที่ 364 ความสามารถที่แท้จริง

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-02-21 16:00:00
พลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาลแผ่กระจายออกมาจากด้านในบ้าน ผลักเย่จิ่งอวี้ถอยกรูดออกไปหลายคืบ พลังลมนั้นราวกับสิ่งปกคลุมที่มองไม่เห็น ซึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งลานบ้าน ไม่ว่าเขาจะมาจากทิศทางและตำแหน่งไหน ก็ยากที่จะก้าวขึ้นมาด้านหน้า

พลังภายในที่ฉกาจฉกรรจ์เช่นนี้ ช่างน่ากลัวเสียจริง

เขาคงแฝงตัวอยู่ในเมืองสินะ

ความสามารถของเย่จิ่งอวี้นับว่าสูงสุดในกลุ่มนักรบแล้ว แต่พลังฝ่ามือของเขายังไม่อาจฟันฝ่าพลังลมก้อนนี้ได้

หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

จึงพูดกับคนด้านในว่า “เสวียนเอ๋อร์ อีกเจ็ดวันจากนี้ข้าจะมารับเจ้า ขอผู้อาวุโสได้โปรดดูและภรรยาและลูกของข้าด้วย ผู้เยาว์ขอตัวลาขอรับ!”

ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่จั้นกำลังเขย่ากระพรวนทองอยู่ในจวนอ๋อง

เสียงกระพรวนที่คมชัดดังขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยมีระลอกคลื่นที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า กระจายออกไปอย่างต่อเนื่องจากลานบ้านเล็กๆ

เพียงชั่วครู่ ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในลานบ้านโดยไร้ซึ่งเสียงใดๆ

“ผู้อาวุโส ท่านเรียกผู้เยาว์ใช่หรือไม่?”

ผู้พูดก็คือต่งจื่ออวี๋

เขาค้นหาเมืองหลวงเป็นเวลาสองวัน แต่ไม่พบร่องรอยของอาจารย์อา เขาจึงสั่งเนื้อวัวหน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 365 รางวัลมิติที่น่าสะพรึงกลัว

    “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสจะสอนบทเพลงใดให้ผู้เยาว์?”ด้านในบ้าน อินชิงเสวียนเริ่มปริปากพูดก่อนพูดตามความจริง นางไม่มีความสนใจต่อส่ิงนี้เลยเครื่องดนตรีชนิดเดียวในชีวิตที่อินชิงเสวียนชื่นชอบก็คือขลุ่ยดินเผา หากเรียนเป่าขลุ่ยดินเผากับเย่จิ่งหลาน ไม่แน่ว่าอาจจะสนใจมันมากขึ้นด้วยซ้ำชายผมขาวพูดขึ้นเสียงเรียบ “เจ็ดวันนี้ ข้าจะสอนเจ้าสองบทเพลง ชื่อเพลงว่าหยกรัตติกาลและใจหินผา”เขาชะงักไปเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “ภรรยาของข้าที่เสียชีวิตไปแล้วเป็นผู้แต่งเพลงทั้งสองบทนี้ ข้าทำใจไม่ได้ที่จะฝังผลงานอันเป็นที่รักของนางลงไว้ใต้ดิน ดังนั้นข้าจึงนำพิณการเวกไปที่โรงเตี๊ยมโหย่วเจีย โดยหวังว่าจะใช้มันเพื่อเลือกผู้ที่บรรเลงพิณโบราณให้เกิดเสียงขึ้นมาได้”อินชิงเสวียนจึงรีบฉวยโอกาสถามขึ้นว่า “ผู้เยาว์ได้ยินมาว่า มีผู้ที่สามารถบรรเลงพิณโบราณให้เกิดเสียงได้ก่อนผู้เยาว์ ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงไม่ได้เป็นผู้สืบทอดของผู้อาวุโส?”ชายผมขาวตกใจเล็กน้อย“มีผู้อื่นด้วยหรือ? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใดกัน?”อินชิงเสวียนพูดว่า “น่าจะราวๆ สองปีก่อนเจ้าค่ะ”ชายผมขาวพูดพึมพำว่า “สองปีก่อนข้ามีธุระอยู่สักพักใหญ่ๆ และต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-21
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 366 พบกับต่งจื่ออวี๋อีกครั้ง

    อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจที่พบว่า นางไม่เพียงสามารถเข้าชมมิติจากด้านนอกได้ แต่นางยังสามารถเก็บเกี่ยวพืชผลจากความคิดของนางได้อีกด้วยเมื่อมองดูธัญพืชและผักผลไม้ที่จัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อก่อนจะทำสิ่งใดก็ต้องเข้าไปในมิติ ซึ่งมีความยุ่งยากจริงๆและเมื่อเห็นสองหมื่นคะแนนที่แสดงอยู่ในระบบ อินชิงเสวียนก็ดีใจจนแทบกรี๊ดออกมาก่อนหน้านี้นางใช้แรงในการเล่นพิณ แต่ก็ไม่ได้รับรางวัล หากไม่ใช่เพราะเนื้อเพลง ก็ต้องเป็นเพราะความแตกต่างของพิณการเวก ครั้งนี้นับว่ามาถูกทางแล้วตอนนี้นางได้เข้าใจความรู้สึกของคนรวยยุคใหม่เสียที และนางก็อยากไปที่ร้านค้าสะสมคะแนนเป็นพิเศษ เพื่อแลกเนื้อเสียบไม้ย่างมาลองชิมดูทักษะการกระโดดสุดขีดก็ค่อนข้างมีประโยชน์มากทีเดียว หากนางใช้ทักษะนี้ได้ตั้งนาน วันนั้นคงไม่ปล่อยให้อาซือหลานจับตัวเสี่ยวหนานเฟิงไปได้แน่เพียงแต่... ห้าสิบห้าสิบนี่คืออะไรกัน?ด้านล่างทักษะไม่ได้ระบุอะไรไว้อย่างละเอียด อินชิงเสวียนคิดอยู่นานก็ไม่เข้าใจความหมาย นางจึงล้มเลิกความคิดไปไม่นาน ขอบฟ้าก็ขาวสว่างขึ้นราวกับท้องปลาเสี่ยวหนานเฟิงพลิกตัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-21
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 367 บอกลา

    ชายผมขาวไม่ได้สนใจเขา และพูดกับอินชิงเสวียนว่า “ไปเล่นเพลงหยกรัตติกาล”“เจ้าค่ะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเล็กน้อย เหลือบมองต่งจื่ออวี๋และเดินเข้าไปในบ้านจากนั้นก็นั่งลงข้างพิณ แต่ในสมองกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าสิ่งที่นางจินตนาการได้มีเพียงภาพมหาคลื่นธารากระแทกฝั่ง และลมที่โหมพัดอย่างบ้าคลั่งแผดเสียงก้อง หากต้องการให้นางบรรเลงดนตรีจากสิ่งเหล่านี้ นางก็ไม่รู้จะเริ่มจากที่ใดเมื่อนั่งอยู่นาน อินชิงเสวียนก็พูดอย่างเบื่อหน่าย “ผู้เยาว์ยังคงจับใจความไม่ได้”ชายผมขาวผิดหวังเล็กน้อย“เช่นนั้นก็จำใจหินผาให้ดีก่อน”พูดจบก็อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงออกไปเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยงตรงในตำหนักจินหลวน หลี่เต๋อฝูตะโกนเพื่อเลิกการประชุมราชวงศ์เย่จิ่งอวี้กดมือลงบนที่เท้าแขนหัวมังกร และลุกขึ้นจากเก้าอี้มังกรเสื้อคลุมสีเหลืองสดใสทำให้เขาดูหล่อเหลาและเต็มไปด้วยบารมี ดวงตาคมอันเฉียบแหลมของเขากวาดสายตาไปเหนือเหล่าขุนนาง ทำให้เขาน่าเกรงขามมากทีเดียวทุกคนต่างก้มศีรษะลง น้อมตัวถอยออกไปจากตำหนักจินหลวน ไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้าขึ้นมองเย่จิ่งอวี้เดินเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-22
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 368 สังหารอาซือหลาน

    เมืองซุ่ยหานแจ้งขอความช่วยเหลือด่วน เย่จั้นกลัวเพียงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ชายแดน เขาจึงสั่งให้เดินทางอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม ทหารม้าก็ออกเดินทางได้หนึ่งร้อยกว่าลี้แล้วตรงไปด้านหน้า จะเป็นเส้นทางภูเขาช่องผาแคบที่มีชื่อเสียงของต้าโจวทางภูเขาเส้นนี้มีความคับแคบ ด้านบนมีเพียงรอยแยกเล็กๆ เพียงเส้นเดียว รวมระยะทางกว่าสามลี้กลุ่มภูเขาปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ที่เข้าสู่หุบเขา และแสงก็สลัวลงทันทีกองทหารล้วนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้หลายร้อยสนามรบ ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมพร้อมทันทีเสียงร้องของนกกางเขนปลุกนกจำนวนมากที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าเย่จั้นเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ยอดเขา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงปิ้วที่แผ่วเบา และลูกธนูยาวเรืองแสงสีเขียวหนึ่งดอกก็พุ่งตรงมาหาเขา“ท่านอ๋อง!”เหล่าทหารถือดาบกั้นลูกธนูไว้ ดาบกว้างหลายเล่มร้อยเรียงกันเป็นตาข่ายหนึ่งผืน ลูกธนูยาวกระทบกับดาบเสียงดังกริ๊ง เมื่อตกลงมา ควันหนาทึบก็ปรากฏขึ้นจากพืชชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ลูกธนูเหล่าทหารรู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้“ลูกธนูดอกนี้มีพิษร้ายแรง”ไม่ทันสิ้นเสียง ลูกธนูยาวจำนวนมากก็ตกล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-22
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 369 เสวียนเอ๋อร์จะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า

    “พ่ะย่ะค่ะ”ทหารเปลวเพลิงแดงนายหนึ่งขานรับและปีนลงจากหน้าผาชาวเจียงวูเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตเพียงถูกมัดไว้ด้วยเชือก ทหารสองสามนายคุมตัวพวกเขาไปยังเมืองหลวง ส่วนคนอื่นที่เหลือเริ่มการจัดทัพใหม่ และเคลื่อนทัพออกนอกหุบเขาเย่จั้นเก็บดาบยาวกลับคืน และสำรวจตัวเองอย่างละเอียด ร่างกายไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ต้องเป็นเพราะอาซือหลานเจตนาพูดให้ตกใจกลัว เพื่อขู่ตัวเองเขาถอดชุดคลุมสีขาวที่เปื้อนเลือดออกด้วยความรังเกียจ พร้อมกับเปลี่ยนชุดตัวใหม่ เมื่อเหยียบโกลนม้าก็พลิกตัวขึ้นหลังม้า“ไป!”ทันทีที่เสียงตะโกนดังขึ้น ม้าพันธุ์ดีก็ควบฝีเท้าตะบึงอย่างบ้าระห่ำ เพื่อนำกองทัพไปทางเหนือณ พระราชวังเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่ที่ห้องหนังสือ แม้จะถือสาส์นกราบทูลไว้ในมือ แต่จิตใจกลับไม่สามารถสงบนิ่งได้แม้ไทเฮาจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่ยังกำจัดเย่จิ่งเย่าไม่ได้ นี่คือเหตุผลแรกสงครามที่เจียงวูก็ตึงเครียดมากเช่นกัน เย่จิ่งอวี้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะอดทนได้หรือไม่ เพื่อรอให้ดินปืนส่งถึงด่านถงกู่ นี่คือเหตุผลที่สองเหตุผลที่สามคือเมืองซุ่ยหาน ตอนนี้แม่ทัพของเป่ยมู่ต๋ารู้แล้วว่าเย่จั้นไม่ได้อยู่ที่เมือง เขาจะต้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-22
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 370 ขอให้ท่านอ๋องเดินทางปลอดภัย

    หลังจากทหารเปลวเพลิงแดงออกไปแล้ว องครักษ์เงาหลายนายก็ออกเดินทางจากวัง และมุ่งหน้าไปยังช่องผาแคบผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าสวมใส่หน้ากากของฟางรั่วนางกล่าวอวยพร และพูดขึ้นด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท หม่อมฉันยังจำเป็นต้องออกนอกวังหรือไม่เพคะ?”เย่จิ่งอวี้พูดขึ้น “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ใส่หน้ากากนี้ไว้ให้ดี ออกไปเถอะ”“เพคะ”ผู้หญิงโน้มตัวทูลลา ความคิดของเย่จิ่งอวี้เริ่มผันผวนอีกครั้งในทางสติปัญญา เขาเชื่อมั่นใจตัวของอินชิงเสวียน ในทางความรู้สึกกลับอดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ในขณะที่จิตใจสับสนวุ่นวาย คนที่ไม่สมควรตายดีอย่างเย่จิ่งเย่าก็เดินเข้ามาอีกแล้วเจ้านี่แทบไม่เคยดูอารมณ์ผู้อื่นก่อน ทันทีที่เข้าประตูมาก็พูดว่า “ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจัดเตรียมทหารม้าให้กระหม่อมแล้วหรือไม่ ตอนนี้จิ้งอ๋องก็ออกไปแล้ว กระหม่อมจะได้เตรียมตัวออกเดินทาง”เย่จิ่งอวี้รู้สึกรำคาญ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่นานเย่จิ่งเย่าก็จะไปอยู่กับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ผู้เป็นที่รัก เขาก็ระงับไฟที่เกิดขึ้นมาลงไปในลำคอเขากระตุกยิ้มที่มุมปาก หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “คืนนี้ทหารม้าจะถูกจัดเตรียมอย่างเรียบร้อย หากอันผิง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-22
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 371 พูดจาไม่สบอารมณ์

    “ข้ามาตามหาภรรยา ไม่ทราบว่าน้องชายพอจะผ่อนปรน ยอมให้ข้าพบนางได้หรือไม่”เย่‍จิ่ง‍อวี้ประกบมือคำนับ ทุกท่วงท่าอากัปกิริยาคงไว้ซึ่งความสูงศักดิ์“ภรรยาของท่าน? ภรรยาของท่านคือผู้อาวุโสไม่ใช่รึ แต่สตรีข้างในไม่ใช่ผู้อาวุโส ท่านจำผิดคนกระมัง”ต่งจื่ออวี๋มองไปยังเย่‍จิ่ง‍อวี้ด้วยสีหน้างุนงงเย่‍จิ่ง‍อวี้คลี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “นางเป็นภรรยาของข้า ที่นางได้พบเจ้าก่อนหน้านี้ เป็นใบหน้าตอนที่นางแปลงโฉม”“แปลงโฉม?”ต่งจื่ออวี๋หันกลับไปมอง แล้วถามว่า “อาจารย์อา มีคนต้องการพบผู้อา...เอ่อ สตรีผู้นั้น”เขากำลังจะเรียกว่าผู้อาวุโส แต่รู้สึกว่าไม่ดีที่จะเรียกหญิงสาวแบบนั้นต่อหน้าอาจารย์อา เขาจึงเปลี่ยนคำเรียก“ภายในเจ็ดวันนี้ นางจะไม่พบผู้ใดทั้งสิ้น”กระแสเสียงอันเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งดังมาจากในห้อง เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ผู้อาวุโส...”“กลับไปเถอะ”พลังอันอ่อนนุ่มชนิดหนึ่งพุ่งออกมาจากในเรือน ผลักเย่‍จิ่ง‍อวี้ให้ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอินชิงเสวียนก็ได้ยินเสียงของเย่‍จิ่ง‍อวี้แล้ว นางลังเลก่อนจะพูดว่า “ผู้อาวุโสโปรดอำนวยความสะดวกด้วย ให้ข้าได้คุยกับเขาสักสองสามคำ ถ้าเขายังคงมาอยู่ตลอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 372 ท่านอ๋องสิ้นพระชนม์แล้ว

    วันถัดมาเย่จิ่งเย่าสวมชุดเกราะอ่อนมุ่งหน้าไปยังสนามฝึก ตามไปด้วยพระชายาเจียงซิ่วหนิงที่อยู่ในสีหน้าบิดเบี้ยวเพราะไม่รู้ว่าบิดาที่อยู่เจียงวูจะเป็นหรือตาย เจียงซิ่วหนิงจึงไม่อยากออกจากเมืองหลวงแต่จะทำอย่างไรได้เพราะสตรีในยุคโบราณต้องติดตามสามีไปทุกหนทุกแห่ง ไม่มีสิทธิ์เป็นอิสระ พอคิดว่าจะต้องเดินทางไกลไปที่เขตเมืองหวยหนาน ไม่รู้ว่าจะต้องกลับมาเมื่อใด ขอบตาของเจียงซิ่วหนิงพลันแดงก่ำทว่าเย่จิ่งเย่ากลับวางท่าผยองด้วยความยินดีปรีดา เพราะทหารม้าจำนวนห้าหมื่นนายที่ได้มานั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยตอนแรกคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ต้องต่อรองกับเขา ให้ทหารเพียงหนึ่งหมื่นนายก็รู้สึกขอบคุณอย่างสูง ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะตกลงง่ายๆ ขนาดนี้เมื่อคิดว่าตัวเองจะมีเขตการปกครองเป็นของตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจครั้นเห็นเจียงซิ่วหนิงเช็ดน้ำตาไม่หยุด ก็ตวาดอย่างอดไม่ได้ “ร้องไห้อะไรกัน ที่ข้าพาเจ้าไปเขตเมืองหวยหนานด้วย ก็เป็นถือเป็นบุญคุณมากแล้ว เจ้าไม่ซาบซึ้งในบุญคุณของข้า แต่เจ้ามาทำหน้าเศร้าหมองร้องไห้ใครดูกัน”เจียงซิ่วหนิงทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอ๋อง ท่านพ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-23

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1531 ขอฮองเฮาได้โปรดช่วยเหลือด้วย

    “ข้าเอง!”อยู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกสนุก กระโดดขึ้นไปบนแท่นสูงเมื่อเห็นนางชัดเจน คนบนแท่นก็ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความดีใจ“อิน...”นางพูดได้คำเดียว จากนั้นรีบเปลี่ยนคำพูด คุกเข่าลงแล้วพูดว่า “หน่วยรักษาการณ์ฝั่งซ้ายฟางรั่ว ขอน้อมถวายพระพรฮองเฮาเพคะ”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปประคองนางขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เพียงพริบตาเดียวก็ไม่ได้เจอกันมาครึ่งปีแล้ว แม่นางฟางรั่วเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลย มีความกล้าหาญขนาดที่หมื่นคนก็ขวางไม่อยู่ ทำให้สตรีทั่วทั้งแผ่นดินรู้สึกภาคภูมิใจจริงๆ”ฟางรั่วถูกอินชิงเสวียนยกย่องจนดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก นางก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ฮองเฮาตรัสยกย่องเกินไปแล้ว”นางพูดด้วยกระแสเสียงสงบ ก้องกังวานราวกับว่าเสียงโลหะกระทบกัน คิดว่านางคงใช้น้ำพุวิญญาณที่ตัวเองเก็บไว้ให้ จนก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว“คำยกย่องใช่ว่าจะไม่มีมูล เจ้าเก่งมากจริงๆ ข้ามองคนไม่ผิด คนเหล่านี้เป็นลูกน้องของเจ้าหรือ”อินชิงเสวียนหันความสนใจไปยังคนที่เบื้องล่างแท่นประลองฟางรั่วพยักหน้า“สตรีทุกคนในค่ายกำลังสอบวิชาการต่อสู้ หลังจากพวกนางสอบเสร็จสิ้น ฮองเฮาก็จะสามารถชมความองอาจของพวกนางได้”อินชิงเสว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1530 ใครกล้าขึ้นแท่นประลอง

    อินชิงเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็กลั้นเสียงหัวเราะ แต่ต้องชื่นชมสายตาขององครักษ์เงาเหล่านี้ ภายใต้การจ้องมองของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นแผนการและกลอุบายใดๆ ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาไปได้สามวันผ่านไปในชั่วพริบตา เอกสารสอบที่ปิดผนึกจำนวน 420 ชุดก็ถูกขนย้ายเข้ามาในห้องหนังสือแล้วอินชิงเสวียนรออยู่ก่อนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกของที่ทำหน้าที่ตรวจข้อสอบ นางตื่นเต้นมาก หลังจากได้รับกระดาษคำตอบแล้ว นางก็เปิดผนึกเคลือบออกทันที สองสามีภรรยามีการแบ่งงานอย่างชัดเจน คนหนึ่งตรวจวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี ส่วนอีกคนก็พิจารณาภาพรวม หลังจากผ่านไปสิบวัน ในที่สุดก็ได้คัดเลือกออกมาเก้าสิบหกชุดอินชิงเสวียนตรวจอ่านจนเวียนหัวตาลาย ชาตินี้ไม่คิดจะแตะต้องชุดข้อสอบเหล่านี้อีกแล้วเย่จิ่งอวี้นวดหน้าผากของนางเบาๆ ถามด้วยรอยยิ้ม “อีกไม่กี่วันจะเป็นการสอบหน้าพระที่นั่ง ฮองเฮาอยากมาสังเกตการณ์หรือไม่”อินชิงเสวียนส่ายหัวซ้ำๆ“ไม่แล้ว ฝ่าบาทดูก็พอ ตอนนี้ข้าแค่อยากจะนอนพักผ่อนให้สบายสักสองสามวันแล้ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างเอ็นดูรักใคร่ “ได้ เช่นนั้นก็พักผ่อนดีๆ ฮองเฮาของข้าลำบากแล้ว”อินชิงเสวียนถอนหายใจอีกครั้ง“น่าเสียดา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1529 การสอบฤดูใบไม้ผลิ

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเดือนสามนักเรียนฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊จำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเมืองหลวง ต้าโจวก็คึกคักครื้นเครงเป็นพิเศษ วันที่สิบแปดเดือนสาม กรมพิธีการเป็นประธานในการสอบอินชิงเสวียนปลอมตัวเป็นอาจารย์อินอีกครั้ง และแอบหนีไปที่หอตรวจ ท้องของนางเริ่มโตขึ้นมากแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกคนสังเกตเห็น จึงสวมชุดคลุมตัวใหญ่ อำพรางร่างกาย ไว้เย่จิ่งอวี้ไม่วางใจ ปลอมตัวเป็นองครักษ์ติดตามไปด้วย โดยมีหน้ากากปิดบังครึ่งใบหน้า ริมฝีปากที่เม้มน้อยๆ ยังคงแสดงให้เห็นถึงอำนาจของผู้สูงศักดิ์เขาโค้งคำนับประสานมือคารวะ พูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้าน้อยคุ้มครองความปลอดภัยของ อาจารย์อิน ถ้าอาจารย์อินต้องการสิ่งใด เชิญสั่งมาได้เต็มที่”อินชิงเสวียนกลอกตามองเขา วางท่าเหมือนเป็นผู้มีการศึกษา“ไปยืนอยู่ด้านหลัง หากไม่มีอะไรก็อย่าพูดมาก”“รับทราบ”เย่จิ่งอวี้ลดมือลง ยืนข้างหลังนางอย่างเชื่อฟัง โดยไม่พูดอะไรสักคำอินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากยิ้มๆ แล้วก้าวเข้าไปในห้องสอบเสนาบดีกรมพิธีการกำลังนั่งดื่มชาบนเก้าอี้ ท่าทางสบายอารมณ์มาก คนจากสำนักศึกษาหลวงถูกย้ายมาที่นี่แล้ว ไม

DMCA.com Protection Status