แชร์

บทที่ 355 ตบหน้า

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
ทั้งสองเดินกลับตำหนักเฉิงเทียนอย่างช้าๆ ภายใต้แสงจันทร์

ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ยามค่ำคืนอากาศเย็นสบายและมีสายลมพัดเบาๆ ซึ่งสบายใจเป็นอย่างมาก

อินชิงเสวียนหลับตาลงอย่างอดไม่ได้ ปล่อยให้เย่จิ่งอวี้จูงตัวเองไป

เหมือนตอนที่นางยังเด็ก มักจะให้คุณย่าเดินจูงตัวเองอยู่บนคันนา ตอนนั้นนางก็ชอบหลับตาให้ลมพัด รู้สึกเป็นอิสระอย่างมาก

“ง่วงแล้วหรือ?” เย่จิ่งอวี้ถาม

“ไม่เพคะ เพียงแค่ชอบสายลมยามค่ำคืน”

อินชิงเสวียนสูดอากาศเย็นๆ ท่ามกลางสายลมอย่างละโมบ แล้วถามอีกครั้งว่า “พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าใช่ไหมเพคะ?”

งานพระราชพิธีศพของไทเฮา จะต้องมีพิธีการที่ยุ่งยากเหล่านั้นแน่นอน เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกปวดหัวอย่างอดไม่ได้

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนย่นใบหน้าเล็กๆ เย่จิ่งอวี้ก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู

“หากเจ้าไม่อยากไป ข้าจะบอกว่าเจ้าไม่สบาย”

“ไม่ดีกว่าเพคะ หากว่าหม่อมฉัน เหล่านางสนมในวังหลังและพวกขุนนางจะนินทาหม่อมฉันเอาได้”

เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ “มีข้าอยู่ ใครจะกล้าว่าร้ายเจ้า”

ในระหว่างที่พูด ก็เดินมาถึงหน้าประตูตำหนัก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดีดพิณลอยออกมา

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 356 ข้าคิดถึงเจ้า

    อินชิงเสวียนไม่ตอบแต่ย้อนถามว่า“ฝ่าบาทไม่ให้พระสนมสวีอยู่ด้วยหรือเพคะ นางเป็นถึงผู้ช่วยชีวิตของฝ่าบาท”เมื่อมองเห็นดวงตาสีเข้มที่เต็มไปด้วยคำถาม เย่จิ่งอวี้หัวเราะอย่างอดไม่ได้“ข้าได้เลื่อนตำแหน่งให้สวีเม่าแล้ว ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณบ้างเล็กน้อย อีกทั้งเสนาบดีกรมพิธีการก็อายุมากแล้ว อีกไม่เกินสองสามปีก็จะขอลาออกกลับบ้านเกิด ข้าจะยกตำแหน่งเสนาบดีให้กับสวีเม่า สวีจือย่วนคงเข้าใจในความลำบากใจของข้า”ผู้ช่วยชีวิตก็เรื่องหนึ่ง ความรักก็เป็นอีกเรื่องเช่นกันเขารักอินชิงเสวียน แต่ไม่ใช่เพราะความงามของนางเย่จิ่งอวี้เป็นคนรอบคอบมาก และเขาไม่เพียงแค่มองสิ่งต่างๆ ตามรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นสิ่งที่เขารักจริงๆ ก็คือความรู้และความสามารถของอินชิงเสวียนโรคระบาด น้ำท่วม ภัยพิบัติทางทหาร ไม่ว่างานจะยากแค่ไหน นางล้วนสามารถหาทางแก้ไขได้เสมอสำหรับเขาแล้ว อินชิงเสวียนไม่ใช่แค่นางสนมธรรมดาคนหนึ่งมานานแล้ว แต่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่เขาขาดไปไม่ได้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่รักแรกพบ แต่มันก่อเกิดอย่างช้าๆ และระเบิดออกมาในที่สุด ซึ่งแข็งแกร่งกว่ารักแรกพบมากเขาไม่ใจบุญสุนทานเหมือนฮ่องเต้องค์ก่อน แ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 357 เจ้าคิดว่าข้ากล้าหรือไม่

    เสียงแหบพร่าตรงเข้ามาในหู แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ที่ไม่อาจอธิบายได้อินชิงเสวียนหายใจถี่ขึ้นในทันที ความกังวลใจของนางก็ถึงจุดสูงสุด วันนี้เย่จิ่งอวี้คงไม่คิดที่จะ...น่ากลัวจัง!มือที่อบอุ่นเล็กน้อยของเขาเอื้อมลงมาที่ชายเสื้อผ้าของ และสถานที่ที่ถูกเย่จิ่งอวี้สัมผัส กลับร้อนผ่าวราวกับถูกไฟลนอินชิงเสวียนรู้สึกเพียงความร้อนทั่วร่างกาย อบอ้าวเสียจนนางหายใจไม่ออกนางอยากขัดขืน แต่กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ความรู้สึกเช่นนั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่ใช้พลังในมิติสายตาของเย่จิ่งอวี้เริ่มเบลอมากขึ้นเรื่อยๆ จูบของเขาช่างอดกลั้นและชั่งใจ ทว่าดูเหมือนว่ามันจวนจะถึงจุดสูงสุดและสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อเขาไม่อาจพึงพอใจกับความละเอียดอ่อนบนฝ่ามือได้อีกต่อไป และเขาต้องการมันเพิ่มมากขึ้นนิ้วเรียวยาวเลิกหยกคาดเอวของอินชิงเสวียนออก และจับเอวเรียวไว้ในอ้อมแขนของเขาให้แน่นอินชิงเสวียนได้ยินเสียงหยกคาดเอวกระทบกัน เสื้อคลุมอันกว้างขวางของเย่จิ่งอวี้กระจายออกในที่สุด ผิวกายของเขาปกคลุมร่างกายของนางเหมือนกับลูกไฟ ราวกับว่ามันสามารถกลืนกินนางได้ทุกเมื่อในระหว่างที่ลืมตัว จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 358 นางจะต่อสู้ในวัง

    เมื่อเย่จิ่งเย่าออกไปแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็ดีดนิ้วขึ้นกลางอากาศองครักษ์เงาสองนายลอยลงมาจากด้านบน พูดขึ้นด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นเสียงเบา “เอาหูมานี่”ทั้งสองขยับเข้าใกล้เย่จิ่งอวี้ จากนั้นไม่นานก็บินขึ้นสู่หลังคาและหายไปอีกครั้งเมื่อมองดูค่ำคืนอันมืดมิด เย่จิ่งอวี้ก็กระตุกยิ้มที่มุมปากถึงเวลาจบเรื่องทั้งหมดแล้ว คนต่อไปก็คือไอ้โจรชั่วกวนเมิ่งถิงอาซือหลานมีหน้ากากคนใช้ส่วนตัวของเขาได้ ต้องเป็นเพราะความสัมพันธ์ของโจรชั่วและอาซือหลานอย่างแน่นอนเขาหาตัวของโจรชั่วนั่นไม่พบเสียที เป็นเพราะช่วงนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย จึงไม่มีเวลาจัดการเมื่อนึกได้เช่นนี้ แววตาของเย่จิ่งอวี้ก็เย็นชาลงในทันทีเขายืนรับลมยามราตรี ทำจิตใจให้สงบ แล้วกลับเข้าไปในตำหนักกลับพบว่ายัยเด็กสาวได้หลับลงใต้ผ้าห่มแล้วมันเป็นท่านอนที่ไม่สง่างามจริงๆ แต่เขาชอบมันเขาชอบท่าทางอวดดีและเป็นอิสรเสรีของอินชิงเสวียนที่สุดเขาค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออกและอุ้มร่างที่มีกลิ่นหอมและอ่อนนุ่มไว้ในอ้อมแขนของเขาเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้บนร่างกายของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาในทันทีเขา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 359 วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกัน

    อินชิงเสวียนไม่ค่อยเข้าใจรายละเอียดของพิธีการมากนัก เมื่อกำลังลังเลว่าควรเดินตามไปกับพวกเขาหรือไม่ เย่จิ่งอวี้ก็ดึงมือของนางไว้“กลับไปเถอะ”“เอ่อ... ดูเหมือนว่าพวกนางจะออกจากวัง?”อินชิงเสวียนใช้นิ้วชี้ไปเย่จิ่งอวี้พูดว่า “พวกนางเพียงไปส่งออกนอกประตูวังเท่านั้น ไม่เข้าไปในสุสานราชวงศ์หรอก”เขาดึงมือของอินชิงเสวียนเดินออกจากแท่นอนุสรณ์ และถามขึ้นว่า “เมื่อครู่เย่จิ่งหลานพูดอะไรกับเจ้า?”อินชิงเสวียนเม้มปากหัวเราะและพูดว่า “ไม่มีอะไรที่ปิดบังฝ่าบาทได้จริงๆ ฝูอี้อ๋องพูดเรื่องที่จะเปิดจวนเพคะ”เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้ว “เหตุใดเขาจึงอยากออกจากวังมากขนาดนี้?”อินชิงเสวียนส่ายหัวและพูดว่า “หม่อมฉันก็ไม่ทราบ”แต่นางคาดเดาว่า เย่จิ่งหลานอยากไป ต้องเกี่ยวกับระบบของเขาเป็นแน่สิ่งที่เขานำมาด้วยคือระบบการรักษา หากต้องการอัพเลเวล การรักษาคนคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ เหล่าพระสนมนางกำนัลในวังไม่สบายก็มีหมอหลวงทำการรักษา เหล่าคนรับใช้ก็ไปหาลูกศิษย์ของหมอหลวง ระบบของเขาจึงแทบไม่ได้ใช้งานเลยเย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดครูหนึ่งแล้วพูดว่า “เขายังเด็กอยู่มาก ออกจากวังตอนนี้คงไม่เหมาะ”อินชิงเสวียนพูดขึ้นอย่างไม่เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 360 สวีจือย่วนถูกยาพิษ

    เมื่อคิดฟุ้งซ่านอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็รีบเรียกสติกลับมาเมื่อแช่น้ำพุวิญญาณเสร็จแล้ว ก็นำผลไม้ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวออกมาจากมิติอวิ๋นฉ่ายได้เริ่มรีดแป้งแล้ว เด็กคนนี้มือไม้คล่องแคล่วมากขึ้นเรื่อยๆ เลยทีเดียวยายหลี่กำลังทำไส้อยู่ข้างๆ เสี่ยวอันจื่อก็ไปเรียกเย่จิ่งอวี้ที่ห้องหนังสือเมื่อเห็นภาพที่คุ้นเคย อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ชีวิตที่เรียบง่ายเช่นนี้ ช่างดีมากเลยจริงๆนางไม่มีใจทะเยอทะยาน และไม่เคยคิดที่จะเป็นฮองเฮามาก่อนแต่ถ้าหากไม่เป็น เสี่ยวหนานเฟิงก็จะเป็นองค์รัชทายาทไม่ได้นี่คือคำสัญญาของเจ้าของร่างเดิ แม้จะมีเพียงนางผู้เดียว แต่ก็ต้องทำให้ได้เมื่อมองรถเข็นเด็กที่อยู่ด้านนอก อินชิงเสวียนก็คิดถึงเสี่ยวหนานเฟิง ตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งวันที่ไม่ได้พบกัน ไม่รู้ว่าเขาคิดถึงตัวเองหรือไม่ในระหว่างที่ครุ่นคิด ฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกร่างสูงยางของคนสองคนเดินเข้ามาจากด้านนอกคนแรกสวมชุดผ้าแพรสีน้ำเงิน มีขดด้ายสีทองที่คอเสื้อและแขนเสื้อ เสื้อคลุมยาวปักด้วยลายไม้ไผ่สีเขียวเข้มเล็กน้อย ลวดลายไม้ไผ่ที่ขอบเอวทอด้วยด้ายสีทอง ประดับด้วยจี้หยกสีเขียวสองชิ้น หร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 361 ความเห็นแก่ตัว

    เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย วางแก้วเหล้าลงแล้วถามว่า“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”หานปิงร้องห่มร้องไห้พูดขึ้นว่า “พระสนมตื่นแต่เช้าเพื่อไปส่งพระศพไทเฮา เมื่อกลับมาก็รู้สึกหิวเล็กน้อย หม่อมฉันไปที่ห้องพระเครื่องต้นเพื่อตักโจ๊กผักเล็กน้อย แต่พอพระสนมรับประทานเสร็จก็ล้มลงไปบนพื้น หม่อมฉันจึงรีบไปเรียกหมอหลวง และบอกว่าพระสนมถูกยาพิษเพคะ”เย่จิ่งอวี้เพ่งสายตาคม และถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?”หานปิงพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ยังไม่ฟื้นเพคะ หมอหลวงเฉินเฝ้าดูอาการอยู่ข้างๆ ฝ่าบาทได้โปรดช่วยเป็นธุระหาฆาตกรที่วางยาด้วยนะเพคะ”หานปิงพูดจบ ก็เหลือบมองไปที่ตัวของอินชิงเสวียนอินชิงเสวียนเข้าใจความคิดของนางในทันที จึงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเพียงไม่กี่ก้าวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้าหมายความว่าอย่างไร หรือว่าเจ้าสงสัยว่าข้าเป็นผู้วางยา?”หานปิงรีบก้มหน้าลง“หม่อมฉันไม่กล้าเพคะ”“ในเมื่อไม่กล้า เจ้ามองหน้าข้าทำไมกัน?”อินชิงเสวียนสีหน้านิ่ง แต่ยังคงมีความน่าเกรงขาม หานปิงจึงตกใจตัวสั่นในทันทีหานปิงกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “หม่อมฉัน... หม่อมฉันมองเพราะไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 362 อินหลี

    “ผู้ที่ชื่อต่งจื่ออวี๋ให้ข้าไว้ บอกว่ามาจากสำนักกระบี่สังหารเพคะ”อินชิงเสวียนเก็บกระพรวนทองขึ้นมา เสียงกรุ๊งกริ๊งของพวงกระพรวนก็ดังขึ้นอีกสายตาของเย่จั้นเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มากเหลือเกิน ตอนที่อาหลีหายตัวไป เขาก็ได้ยินเสียงกระพรวนแบบนี้เช่นกันจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสำนักกระบี่สังหารอยู่ที่ใด?”อินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ต่งจื่ออวี๋เคยบอกว่าอยู่ที่ภูเขาหิมะแต่อยู่บนภูเขาหิมะลูกไหน หม่อมฉันไม่อาจทราบได้เพคะ”เย่จั้นถามอีกว่า “เจ้าสามารถติดต่อต่งจื่ออวี๋ได้หรือไม่?”อินชิงเสวียนยักไหล่“เขาบอกว่ากระพรวนพวงนี้สามารถใช้เรียกเขาได้เพียงเวลาค่ำคืนเท่านั้น เกรงว่าตอนนี้จะติดต่อหาเขาไม่ได้”นางเหลือบมองเย่จั้น และถามอีกว่า “ท่านอ๋องรู้จักกระพรวนนี้ด้วยหรือ?”เย่จั้นสายตาขรึมลงเล็กน้อย น้ำเสียงก็เย็นลงเล็กน้อย“กระพรวนนี้อาจเกี่ยวข้องกับท่านอาของเจ้า”เย่จั้นนำกระพรวนคืนให้กับอินชิงเสวียน พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “วันนั้นที่ข้าให้เจ้าเล่นพิณโบราณตัวนั้น เพราะมีแผนการอย่างอื่นด้วย พิณตัวนั้นมีความพิเศษและไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ดัง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 363 หากข้าจะฆ่าเจ้ามันก็เหมือนกับการบีบมดให้ตาย

    เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง อินชิงเสวียนถามขึ้นด้วยทีเล่นทีจริงว่า “ทำไมหรือ หรือว่าข้าทำให้เจ้าตกใจ?”สวีจือย่วนรีบก้มหน้าลง“ไม่เพคะ หม่อมฉันร่างกายอ่อนแอ จึงไม่อาจลุกขึ้นถวายบังคมเหนียงเหนียงได้”เมื่อนางเอียงหัวไหล่ รอยปานนั้นก็โผล่ออกมาในทันทีอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงปานบนไหล่ของนาง แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่จอมพลเฒ่ากลับจำนางได้เพราะรอยปานนั้นความคิดที่น่าประหลาดก็ผุดขึ้นมาในใจ เย่จิ่งอวี้คงไม่จำผิดคนหรอกนะอย่างไรก็ยังมีคนอีกมากมายที่มีรอยปานแบบนั้น ไม่นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากความคิดที่ล่องลอยไปชั่วขณะก็ถูกอินชิงเสวียนดึงสติกลับมา นางเดินมาด้านหน้าเตียง ดวงตากลมโตมองสวีจือย่วนด้วยความเหยียดหยาม“นับตั้งแต่ส่งดวงวิญญาณของไทเฮาแล้ว ข้าก็อยู่กับฝ่าบาทโดยตลอด เจ้าท่าทางเช่นนี้ ราวกับว่าข้าเป็นผู้ที่ทำร้ายเจ้า”สวีจือย่วนเม้มริมฝีปาก และพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว “หม่อมฉันไม่กล้าสงสัยเหนียงเหนียงหรอกเพคะ”อินชิงเสวียนทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ “เจ้าจะคิดอย่างไร ข้าไม่ใคร่อยากรู้สักนิด ข้ามาที่นี่ก็เพื่ออยากบอกเจ้าว่า ข้าไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับเรื่องไม่เป็นเร

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status