แชร์

บทที่ 140 ให้เจ้ามาแทนนาง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
บัดซบ!

ถ้านางกล้าพาลูกชายของเขาออกจากวัง เขาจะไล่ตามนางจนสุดหล้าฟ้าเขียว!

และเด็กก็ไม่สามารถอยู่ในวังเย็นได้อีกต่อไป

เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาซ่อมแซมตำหนักจินหวู่ ข้าจะให้เสี่ยวหนานเฟิงอาศัยอยู่ที่นี่”

เมื่อได้ยินดังนี้ หลี่เต๋อฝูก็รู้สึกยินดี รีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปแจ้งคนงานในวังเดี๋ยวนี้”

เย่จิ่งอวี้พูดอีกครั้ง “ให้นางำนัลสองคนจากวังเย็นเข้ามาอยู่ด้วย”

“ส่วนเสี่ยวเสวียนจื่อ...”

เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “ข่าวการเสียชีวิตของสนมในวังเย็นได้ถูกประกาศให้รับรู้กันทั่วแผ่นดินแล้ว จะให้ข้าดึงตัวนางออกมาประกาศว่ายังไม่ตายอีกงั้นรึ เจ้าคนบัดซบนี่ เสียแรงที่ข้าเก็บรักษากระดูกเอาไว้ เพื่อไว้ฝังในสุสานหลวง”

หลี่เต๋อฝูพูดอย่างกล้าหาญ “เด็กมักต้องการมารดาผู้ให้กำเนิดอยู่เคียงข้าง...”

เย่จิ่งอวี้หยิบชาขึ้นมาจิบแล้วพูดช้าๆ “ข้าจะให้เสี่ยวเสวียนจื่อมารับใช้ที่ตำหนักจินหวู่ เช่นนี้แล้วพวกนางสองแม่ลูกจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยให้นางเปลี่ยนชื่อแซ่ และกลับเข้ามาในวังอีกครั้ง”

หลี่เต๋อฝูหัวเราะแหะๆ แล้วพูดว่า “ฝ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 141 ดาวมงคลมาจุติ

    อินชิงเสวียนตกตะลึง ดวงตาของนางเบิกกว้างเย่จิ่งอวี้เบนสายตาไปที่สวีจือย่วนแล้วพูดเบาๆ “เด็กๆ ไปส่งนายหญิงสวีกลับตำหนัก”“ฝ่าบาท!”สวีจือย่วนรู้ว่าตัวตนของอินชิงเสวียนไม่อาจถูกเปิดเผยได้ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลน้ำเสียงของเย่จิ่งอวี้ลึกล้ำ“กลับไปซะ วันหลังข้าค่อยไปหาเจ้า”หลี่เต๋อฝูเดินเข้ามาจากด้านนอกทันที“เชิญนายหญิงสวี”สวีจือย่วนไม่กล้าขัดขืนคำสัง จำใจต้องจากไป ก่อนจากไปนางเหลือบมองอินชิงเสวียนแวบหนึ่ง แล้วกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงหวังว่านางจะสามารถพลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง เหลือเพียงสองคน บรรยากาศหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่งอินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท พระองค์สับสนหรือเปล่า กระหม่อมเป็นชาย จะนอนกับพระองค์ได้อย่างไร”เย่จิ่งอวี้ใช้ดวงตาหงส์จ้องมองตรงไปยังใบหน้าของนางนิ่งๆการจ้องมองด้วยสายตากดดัน ทำให้อินชิงเสวียนตื่นตระหนกและหายใจไม่ออกพูดอย่างจำใจ “ฝ่าบาท พระองค์จะไม่มีความคิดแปลกๆ เพราะคำพูดของไทเฮาหรอกกระมัง”เย่จิ่งอวี้ยังคงนิ่งเงียบ ความเงียบแปลกๆ นี้บีบบังคับให้คนอึดอัดจนแทบระเบิดอินชิงเสวียนก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 142 เกี้ยวฮองเฮา

    เย่จิ่งอสรุปเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านโหวเหนือกลับมายังราชสำนัก ทำให้ข้าคลายความกังวลได้พอดี ข้าได้เตรียมมอบหมายให้ท่านโหวเหนือและอันผิงอ๋องนำกองกำลังไปยังเจียงวูเพื่อปราบกบฏ พวกท่านคิดว่าอย่างไร”แม่ทัพที่อยู่ในราชสำนักอยู่อย่างสบายมานานแล้ว ไม่เลือดร้อนเหมือนเมื่อก่อน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่มีใครพูดคัดค้าน แม้แต่แม่ทัพที่วิพากษ์วิจารณ์ขันทีว่าอ่อนแอเหมือนไก่ก็ยังเงียบเหมือนไก่เสียเอง ไม่เปล่งเสียงออกมาด้วยซ้ำขณะที่มองดูเศษสวะไร้ประโยชน์เหล่านี้ ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็เปล่งประกายด้วยความเหยียดหยัน“ในเมื่อทุกท่านไม่พูดอะไร เช่นนี้ก็ตกลงตามนี้ ถ้าไม่มีใครจะถวายฎีกาอีก ก็เลิกประชุมเถอะ”โหราจารย์พูดเสียงดังทันที “กระหม่อมน้อมส่งฝ่าบาท”ทันทีที่เขาพูด ทุกคนก็พูดคล้อยตาม เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น เย่จิ่งอวี้ก็หายไปแล้วณ ตำหนักฉือหนิงเรื่องที่ฮ่องเต้จะรับดาวมงคลย้ายเข้าไปในตำหนักจินหวู่ ในไม่ช้าก็ไปถึงหูของไทเฮา ในเวลาเดียวกัน นางก็ได้ยินว่าเย่จิ่งอวี้ให้อันผิงอ๋องออกศึกแดนไกล นางโกรธมากจนตัวสั่น ปลายนิ้วก็สั่นไหวๆนางคว้าหยกหรูอี้ซึ่งปกติมักจะถือเล่นด้วยแรงทั้งหมด ก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 143 พระที่นั่งหงส์นั่งสบายดีหรือไม่

    เกี้ยวพระที่นั่งของฮองเฮารึอินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อยดูเหมือนจะไม่เหมาะตามกฎเกณฑ์เท่าใดนัก แม้ว่านางจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับพิธีการในวังมากนัก แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะนั่งบนพระที่นั่งหงส์ได้ไม่รู้ว่าในอนาคตจะถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่เสี่ยวอานจื่อที่ร้อนใจอยู่แล้ว รีบเร่งเร้าทันที “เร็วเข้า ฝ่าบาทกำลังรออยู่ที่ตำหนักจินหวู่”อินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำสั่งของเย่จิ่งอวี้อยู่แล้ว ช่างเถอะทันทีที่ยกเกี้ยวขึ้น พระที่นั่งหงส์ก็ค่อยๆ ถูกยกขึ้น และเคลื่อนตัวออกจากวังเย็นตอนแรกอินชิงเสวียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะตกลงมา หลังจากเดินได้สักพัก ร่างกายของนางก็ผ่อนคลายในที่สุด และนางก็ค่อยๆ เอนกายบนที่นั่งนุ่มๆ เสี่ยวหนานเฟิงที่อยู่ในอ้อมแขนก็ยื่นมือเล็กป้อมออกมาคว้าพู่ที่ห้อยอยู่ แล้วปากเล็กๆ ก็เริ่มเปล่งสำเนียงอ้อแอ้อินชิงเสวียนจูบใบหน้าเล็กๆ แก้มยุ้ยๆ ของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ชอบหรือไม่”เสี่ยวหนานเฟิงยิ่งมีความสุข บั้นท้ายเล็กๆ เด้งขึ้นมา มือเล็กจ้อยก็คว้าพู่สีแดงแล้วเขย่าเล่นแรงๆเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 144 เรื่องสำคัญ

    อินชิงเสวียนไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร ดังนั้นนางสะบัดเสื้อคลุมคุกเข่าลงทันที“ขอบพระทัยสำหรับความเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมเป็นเพียงขันทีตัวเล็กๆ มีคุณสมบัติไปนั่งบนพระที่นั่งหงส์ได้อย่างไร เป็นเพราะอาศัยบารมีของเสี่ยวหนานเฟิงล้วนๆ”แล้วจึงอาศัยจังหวะที่อินชิงเสวียนก้มศีรษะ เย่จิ่งอวี้รีบจูบแก้มเสี่ยวหนานเฟิงเร็วๆ จากนั้นแสร้งทำเป็นไม่แยแสและพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ ข้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง เจ้าไม่ต้องตกประหม่า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”อินชิงเสวียนลูบเข่ายืนขึ้น แต่เห็นเสี่ยวหนานเฟิงหัวเราะเบาๆ จับมือของเย่จิ่งอวี้ และเล่นกับธำมรงค์หยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา“เอ่อ...ลูกของกระหม่อมค่อนข้างซุกซน ให้กระหม่อมอุ้มดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง ที่ข้ารั้งเจ้าไว้เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้า”เย่จิ่งอวี้มองดูมืออ้วนจ้ำม่ำของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มจากนั้นก็ตีหน้านิ่ง พูดอย่างเคร่งขรึม “พรุ่งนี้ครบกำหนดสิห้าวันถึงสัปดาห์การแสดงยุทธ์แล้ว ไม่เพียงแต่ข้าจะไปดูเท่านั้น แต่ยังจะเชิญขุนนางในราชสำนักไปดูด้วย เจ้าห้ามทำให้ให้ข้าอับอายเด็ดขาด”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะต้องชนะอย่างงดงามแน่นอน”เมื่อนึก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 145 ตำหนิติติง

    เมื่อเห็นว่าปู่ดูโกรธมาก กวนลี่จือก็ไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระ เดินสะบัดแขนเสื้อออกจากห้องไปอาโฉ่วยืนอยู่ที่ประตู เมื่อกวนลี่จือเห็นเขา ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกชี้หน้าด่าเขาว่า “เจ้าเศษสวะ ปกติมีความสามารถมากไม่ใช่หรือ องครักษ์สองคนเจ้าก็เอาชนะมาแล้ว เจ้ายังมีหน้ามาอยู่ในตระกูลกวนอีกรึ รีบไสหัวออกไปจากเร็วๆ ซะ”อาโฉ่วมีสีหน้าตื่นตระหนก รีบคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“คุณชายโปรดระงับโทสะด้วย อาโฉ่วไม่มีที่ไป ขอคุณชายรับเลี้ยงไว้ด้วย”กวนลี่จือเตะไหล่เขา แล้วตำหนิด้วยความโกรธ “ขยะอย่างเจ้า เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์”อาโฉ่วหดคอ โขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอความเมตตา“คุณชายโปรดยกโทษให้ด้วย คุณชายโปรดยกโทษให้ด้วย”ในตอนนี้เอง ยามที่เฝ้าประตูใหญ่ก็เข้ามารายงานว่าโหวเหนือและอันผิงอ๋องมาถึงแล้วกวนลี่จือจึงให้อาโฉ่วไสหัวไป เร้นกายออกจากจวนเสนาบดีผ่านประตูเล็กๆ อาโฉ่วติดตามกวนลี่จือไปอย่างใกล้ชิด ความตื่นตระหนกในดวงตาของเขาหายไป และดวงตาของเขาก็สงบราวกับบ่อน้ำนิ่งด้านนอกมุมประตู มีม้าผูกอยู่ กวนลี่จือขึ้นหลังม้า แล้วพูดเสียงชั่วร้าย “ไปโรงบ่อน ถ้าวันนี้ชนะก็แล้วไป แต่ถ้าแพ้ ข้าจะถลกหน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 146 ของรางวัลมิติ

    อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยถ้ามองจากมุมมองของสามีภรรยา เย่จิ่งอวี้ค่อนข้างไร้หัวใจจริงๆ แต่ไม่อาจมองจากมุมนี้เพียงอย่างเดียว แล้วไปปฏิเสธเรื่องผลงานการปกครองของเขาเย่จิ่งอวี้ถือได้ว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชา ที่สามารถดูแลความกังวลและทนทุกข์ทรมานของประชาชนได้เหตุผลที่เขาส่งเสี่ยวหนานเฟิงไปที่ตำหนักจินหวู่ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะไทเฮาแม่มดเฒ่าคนนั้น ถ้านางไม่ไปที่วังเย็น ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนนี้ไม่เพียงแต่กล่าวหาว่าเย่จิ่งอวี้ไม่มีคุณธรรม แต่ยังทำให้อินชิงเสวียนพลอยเป็นกังวลไปด้วยนางรู้ว่านางไม่สามารถจัดการกับไทเฮาได้ในขณะนี้ แต่ถ้านางต้องการให้ฝนตก ก็เป็นเรื่องง่ายๆตอนนี้นางและเย่จิ่งอวี้เรียกได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเหมือนลิ้นกับฟัน หากราชวงศ์ของเขาถูกล้มล้าง นางและเสี่ยวหนานเฟิงจะไม่สามารถอยู่รอดได้เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ หลังจากส่งแตงโมไปที่สนามฝึกแล้ว นางก็พาฉินเทียนและหลี่ชีกลับวังณ ตำหนักจินหวู่มีร่างหนึ่งคุกเข่าลงกับพื้น แล้วถามด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงประสงค์ให้กระหม่อมไปจับกุมคนเหล่านี้ที่แพร่ข่าวลือหรือไม่”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 147 โล่กระดองเต่า

    จู่ๆ ก็ได้กำไรที่ไม่คาดคิด?ปากของอินชิงเสวียนเชิดขึ้นไปบนฟ้า แน่นอนว่าคนดีย่อมได้รับสิ่งที่ดีตอบแทนแล้วนางออกจากมิติอย่างรวดเร็ว เมฆดำก็เคลื่อนมาถึงหัวของนางเมฆดำเป็นชั้นๆ ทำให้คนรู้สึกถึงการถูกกดดันอย่างหนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่เมฆดำกำลังกดทับเมืองราวกับว่าจะทำลายทั้งเมือง!นางส่งม้าให้ขันทีน้อยแล้ววิ่งไปที่ตำหนักจินหวู่อย่างรวดเร็ว ทันทีที่นางเข้าไปในลานบ้าน ฝนก็เริ่มเทกระหน่ำลงมาเสี่ยวหนานเฟิงกำลังนอนหลับ เมื่อเขาได้ยินเสียงฝนตกเขาก็เตะขาสะดุ้งด้วยความกลัวเย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมาทันที และตบท้องเขาเบาๆ บางทีอาจรู้สึกได้ว่าบิดาผู้ให้กำเนิดอยู่ข้างๆ เสี่ยวหนานเฟิงก็ดูดปากเล็กๆ สองครั้งแล้วหลับไปอีกคราอินชิงเสวียนเปิดประตู ก็เห็นเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่ข้างเตียงพอดีเมื่อสบตากัน เย่จิ่งอวี้ก็ลุกขึ้นยืนทันทีเขาดูประดักประเดิดเล็กน้อย“เดิมทีข้าจะไปแล้ว แต่จู่ๆ ก็เห็นท้องฟ้ามีเมฆมาก ข้าจึงรั้งอยู่ต่ออีกพักหนึ่ง”อินชิงเสวียนคิดในใจ นางออกไปข้างนอกตลอดทั้งบ่าย ถึงแม้จะมีเมฆมากแต่เมฆก็เพิ่งก่อตัว ถ้าเขาต้องการ เขาก็คงจากไปนานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหาข้อแก้ตัวที่จะจ้องมองลู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 148 นางร่านที่ร้องเพลงเล่นดนตรีได้

    แม้ว่าสวีจือย่วนจะไม่รู้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงเป็นลูกของอินชิงเสวียน แต่นางก็รู้สึกคลุมเครือว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนางตอนนี้สิ่งที่นางอยากรู้มากที่สุดคือ อินชิงเสวียนกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สวีจือย่วนก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “หานปิง เอาชุดฟางกันฝนมาให้ข้าหน่อย”“นายหญิง ฝนตกหนักมากขนาดนี้ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ”ใบหน้าของสวีจือย่วนเคร่งขรึมทันที “ไม่ต้องถาม แค่ไปเอามาก็พอ”หานปิงรีบนำชุดฟางกันฝนมาสองตัวมาอย่างรวดเร็ว สวีจือย่วนสวมใส่แล้วออกเดินไปยังตำหนักจินหวู่ทันทีเมื่อพวกนางมาถึงประตูตำหนัก ก็ถูกขวางด้วยทหารรักษาพระองค์ “ฝ่าบาทสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไป”“ข้าเป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง รบกวนส่งพี่ชายสักคนไปบอกเขาด้วย”ฝนตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว แม้จะสวมชุดฟางกันฝน เสื้อผ้าของสวีจือย่วนก็เปียกอย่างรวดเร็วฝนตกหนักตกลงมาจากด้านบนของศีรษะ ทำให้ดวงตาพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่งพวกทหารรักษาพระองค์เชื่อฟังคำสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่านางเป็นใครพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องมาพูดว่าเจ้าเป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง แม้ว่าจะเป็นเทพเจ้ามาก็เข้าไปไม่ได้ รีบถอยกลับไปเ

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1456 ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

    “ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1455 การทดสอบของพ่อหนุ่มน้อย

    เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต

DMCA.com Protection Status