แม้ว่าสวีจือย่วนจะไม่รู้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงเป็นลูกของอินชิงเสวียน แต่นางก็รู้สึกคลุมเครือว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนางตอนนี้สิ่งที่นางอยากรู้มากที่สุดคือ อินชิงเสวียนกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สวีจือย่วนก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “หานปิง เอาชุดฟางกันฝนมาให้ข้าหน่อย”“นายหญิง ฝนตกหนักมากขนาดนี้ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ”ใบหน้าของสวีจือย่วนเคร่งขรึมทันที “ไม่ต้องถาม แค่ไปเอามาก็พอ”หานปิงรีบนำชุดฟางกันฝนมาสองตัวมาอย่างรวดเร็ว สวีจือย่วนสวมใส่แล้วออกเดินไปยังตำหนักจินหวู่ทันทีเมื่อพวกนางมาถึงประตูตำหนัก ก็ถูกขวางด้วยทหารรักษาพระองค์ “ฝ่าบาทสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไป”“ข้าเป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง รบกวนส่งพี่ชายสักคนไปบอกเขาด้วย”ฝนตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว แม้จะสวมชุดฟางกันฝน เสื้อผ้าของสวีจือย่วนก็เปียกอย่างรวดเร็วฝนตกหนักตกลงมาจากด้านบนของศีรษะ ทำให้ดวงตาพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่งพวกทหารรักษาพระองค์เชื่อฟังคำสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่านางเป็นใครพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องมาพูดว่าเจ้าเป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง แม้ว่าจะเป็นเทพเจ้ามาก็เข้าไปไม่ได้ รีบถอยกลับไปเ
ฝนตกหนักเช่นนี้ยังต้องประลองกันอีก ฮ่องเต้ในสมัยโบราณช่างชอบแข่งขันจริงๆ!อินชิงเสวียนบ่น แล้วหยิบชุดฟางกันฝนที่ฉินเทียนส่งให้นาง และออกจากประตูวังหลวงหลี่ฉีกำลังรออยู่ที่ประตูแล้ว“วันนี้ไม่มีประชุมเช้า พวกขุนนางทุกคนจะไปที่สนามฝึก รีบไปกันเถอะ”อินชิงเสวียนไม่กล้ารอช้า ขึ้นหลังม้าแล้วควบออกจากประตูวังทันทีฝนยังคงตกอยู่ หยาดฝนเท่าเมล็ดถั่วก็ตกกระทบแก้มจนเจ็บ ยังให้ความหนาวเย็นสายหนึ่งอินชิงเสวียนดึงหมวกลงแล้วกัดฟันขี่ม้าไปที่สนามฝึกในเวลานี้ แท่นฝึกทหารสูงเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ทุกคนสวมชุดฟางกันฝน ทำให้มองเห็นรูปร่างไม่ชัดเจน คนเดียวที่โดดเด่นคือเย่จิ่งอวี้ ซึ่งมีร่มทรงพุ่มขนาดใหญ่ช่วยกัรฝนอยู่เขาสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองอร่าม ด้วยรูปร่างอันเพรียวบางจากการไม่ได้สวมชุดฟางกันฝน ทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนในชุดฟางกันฝนอินชิงเสวียนพลิกตัวลงจากหลังม้า พูดด้วยความเคารพ “กระหม่อมเสี่ยวเสวียนจื่อถวายบังคมฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าเล็กน้อย “ลุกขึ้น”ซ่งเฉียวอันที่อยู่ด้านข้างแทบรอไม่ไหวอีกต่อไปเขายกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อขันทีเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงก็อยู่ที่นี่แล้ว ก็เริ่มการ
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองไปด้านข้าง นัยน์ตาฉายแววสนุกสนาน“ท่านโหวเหนือ ท่านก็จะป่วยเหมือนกันหรือ”โหวเหนือคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว “กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมทำศึกไหว!”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “ดี หลายวันนี้ข้าจะสั่งให้คนสร้างโล่ยักษ์ไว้หลายอัน ในอีกไม่กี่วันนี้ก็นำไปที่เจียงวูด้วยกัน พวกเจ้าทุกคนก็ไปหาผู้ที่มีกำลังแขนแข็งแรงไว้”“พ่ะย่ะค่ะ”โหวเหนือตะโกนอย่างแหบแห้งเขาไม่เพียงแต่กลัวการต่อสู้เท่านั้น แต่เขาทนไม่ได้ที่จะสูญเสียทหารห้าพันนายของเขาแต่เขาก็รู้อยู่ในใจว่าฮ่องเต้กำลังวางแผนใช้งานทหารจำนวนห้าพันนายของเขาตอนนั้นข้านำทัพมาที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยอันผิงอ๋องสร้างแรงกดดัน แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดตกหลุมพรางแล้วครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ก็ขึ้นรถม้าพระที่นั่งมังกร แล้วพูดเบาๆ “ขุนนางทุกท่านก็กลับเถิด หากเจ้ามีฎีกา ก็ส่งไปยังห้องหนังสือได้เลย!”ขุนนางทุกคนคุกเข่าลงทันที “กระหม่อมน้อมส่งเสด็จ!”อินชิงเสวียนก็ขี่ม้าตามหลังไป ก่อนออกเดินทาง ยังมองไปยังจอมพลเฒ่ากวนแต่เมื่อเห็นกวนฮั่นหลินยิ้มพลางพยักหน้าให้ตัวเอง นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ แล้วกระตุ้นให้ม้าไล่ตามร
ฝนตกหนักขนาดนี้ เขายังมาทำไมอีกถึงอย่างไรตัวเองก็เอาชนะการประลองครั้งนี้ได้ จะปล่อยให้อยู่อย่างสงบไม่ได้เลยเชียวหรือขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามา"กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท"อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ จึงโค้งกายเป็นสัญลักษณ์แทนการคำนับ"ลุกขึ้น นี่คือสิ่งใดรึ"เย่จิ่งอวี้ชูโกลนม้าขึ้นแสดงชิ สังเกตเห็นเร็วชะมัด"นี่คือโกลนม้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมชนะศึกนี้ด้วยสิ่งนี้"เย่จิ่งอวี้โยนโกลนม้าให้หลี่เต๋อฝู นั่งบนเก้าอี้แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ในหัวเจ้ามีอะไรอยู่ในนั้น ถึงสามารถคิดค้นสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ออกมาได้"อินชิงเสวียนคิดในใจว่า สิ่งที่ข้ามีอยู่ในหัวคือวัฒนธรรมความรู้ของชาวจีนนับห้าพันปี แคว้นต้าโจวผุๆ พังๆ ของท่านจะมาเทียบได้รึแต่กลับพูดออกมาด้วยความเคารพว่า "ฝ่าบาทตรัสยกย่องเกินไปแล้ว กระหม่อมเพียงบังเอิญคิดขึ้นมาได้เท่านั้น"เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า "ช่างบังเอิญได้ดีทีเดียว ข้าจะจดจำความชอบครั้งนี้ของเจ้าไว้ เพียงแต่เรื่องค่ายกลโล่กำแพงนี้ ข้ายังคงต้องการคำแนะนำจากเจ้าหน่อย โล่และหอกข้าได้สั่งให้กรมกลาโหมเร่งสร้างขึ้นตามแบบที่เจ้าร่างแ
อินชิงเสวียนเบิกตาโพลง เย่จิ่งอวี้คงบ้าไปแล้วกระมัง!เมื่อเห็นนางทำหน้าทำตาราวกับกระต่ายตื่นตูม มุมปากของเย่จิ่งอวี้ก็กระตุกขึ้น"ทำไม เจ้าไม่ชอบรึ"ก็ไม่ชอบอยู่แล้วสิ นี่คือลูกของนางนะ จะให้อยู่ในวังเพื่ออะไรอย่างไรก็ตาม ร่างกายกลับคุกเข่าลงอย่างอ่อนน้อม"กระหม่อมขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!""ลุกขึ้นเถอะ"เย่จิ่งอวี้นั่งบนเก้าอี้แล้วจิบน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ เมื่อดื่มเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงรสเผ็ดร้อนในปาก จึงนึกขึ้นได้ว่าสิ่งนี้เป็นน้ำขิง"เจ้าโดนฝนมา ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง"อินชิงเสวียนโบกมือแล้วพูดว่า "ตอนนี้กระหม่อมรู้สึกสบายมาก ทุกอย่างเรียบร้อยดีพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเห็นสีหน้าของนางดูผ่องใส เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกโล่งใจด้านเสี่ยวหนานเฟิงที่อยู่ในอ้อมแขน เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนกำลังพูดคุยกับคนอื่น เขาก็ยื่นมือเล็กๆ ออกมาดึงหมวกของนางทันที ด้วยความคิดที่จะพยายามหันเหความสนใจของผู้เป็นแม่อินชิงเสวียนจึงรีบหยิบรถของเล่นออกมา ใช้หยอกล้อเสี่ยวหนานเฟิงเมื่อเห็นว่าสิ่งเล็กๆ นี้สามารถเปล่งแสงวิบวับได้ สามารถส่งเสียง แถมยังวิ่งได้ด้วย เย่จิ่งอวี้ก็โน้มตัวลงเล็กน้อย แล้วถามด้วยความประหลาดใจ "หรือ
เย่จิ่งอวี้อุ้มเด็กลุกขึ้นยืน ต้องสะกดลมหายใจอยู่ชั่วอึดใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวในจมูกถึงค่อยๆ บรรเทาลงไปเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า "เด็กตัวเล็กเท่านี้ เหตุใดถึงมีแรงมากเพียงนี้"อินชิงเสวียนรีบหุบยิ้ม แล้วก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า "ลูกชายของกระหม่อมกินเยอะตั้งแต่เด็ก คงเป็นเพราะกินมากจึงมีเรี่ยวแรงมากกระมัง"เสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองทำผิด เก็บกำปั้นเล็กจ้อยนั้นกลับคืนทันที ชี้ที่จมูกที่เริ่มแดงเล็กน้อยของเย่จิ่งอวี้ แล้วเริ่มพูดอ้อแอ้ครั้นเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของเด็ก เย่จิ่งอวี้ย่อมโกรธไม่ลงเขายิ้มแล้วพูดว่า "ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกลัว"อินชิงเสวียนคิดในใจ ในเมื่อไม่เป็นไร คราวหน้าต้องเล่นงานให้หนักขึ้นเลยนะ!เมื่อได้ยินเสียงปลอบใจอันอ่อนโยนของเย่จิ่งอวี้ เสี่ยวหนานเฟิงก็เอาหน้าเล็กๆ แนบคางของเขาทันที แล้วเกลือกหน้าไปมาราวกับลูกสุนัข อินชิงเสวียนกลอกตา ถูกปลอบแล้วหายง่ายๆ เพียงนี้ ไม่มีหลักการเอาเสียเลย!ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น หลี่เต๋อฝูก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก"ฝ่าบาท เสนาบดีกรมกลาโหมมาขอเข้าเฝ้าที่ห้องหนังสือพ่ะย่ะค่ะ"เย่จิ่งอวี้พยักหน้า"ข้ารู้แล้ว"อิ
ความรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยผุดขึ้นมาจากใจ อินชิงเสวียนเกือบจะอุทานออกมาร่างนี้เป็นพี่ชายใหญ่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอย่างแน่นอนอินสิงอวิ๋นยังไม่ตายจริงๆ เขายังอยู่ในเมืองหลวงจริงๆ!อินชิงเสวียนดึงบังเหียนม้าอย่างตื่นเต้น จับท้องของม้าแล้วไล่ตามร่างนั้นไปหลังจากไล่ตามจนมาถึงตรอกเล็กๆ ก็พบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังความเงียบงันในบรรยากาศทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกกังวลเล็กน้อยนางไม่ควรแยกจากฉินเทียนและหลี่ชีจริงๆ ถ้าเกิดมีคนวางแผนลอบทำร้ายจะทำอย่างไรแล้วจึงเร่งควบม้าออกจากตรอกทันที แต่ได้ยินผู้ใดบางคนตะโกนด้วยความประหลาดใจ "เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง!"เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นกวนเซี่ยวทันทีที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก กระโดดลงจากหลังม้าแล้วพูดว่า "คุณชายน้อยกวน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้"ขณะที่กวนเซี่ยวกำลังจะพูดตอบ จู่ๆ ก็มีหญิงผู้หนึ่งปรากฏตัวที่ประตูหลัง และยื่นมือออกไปจับเขา"คุณชายกวน ท่านจะออกไปแล้วรึ"ทันใดนั้นใบหน้าของกวนเซี่ยวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง รีบผลักนางออกไป"ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเข้าไป"เมื่อเห็นเขายัดหญิงผู้นั้นกลับเข้าไปในประตูเ
"หรือว่าเขาก็คือเสด็จอาสิบสามของฝ่าบาท เย่จั้น?" อินชิงเสวียนเอ่ยถามด้วยความประหลาด ใจฉินเทียนพยักหน้ากล่าวว่า "ใช่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งออกไปดู ทหารอารักขาล้วนสวมชุดเกราะสีชาด ยกเว้นค่ายเปลวเพลิงสีชาดของท่านอ๋องสิบสามแล้ว ต้าโจวของเราก็ไม่มีผู้ใดสวมเสื้อเกราะประเภทนี้อีก"อินชิงเสวียนร้องอ้อออกมาคำหนึ่ง แล้วพูดว่า "ฟังดูแข็งแกร่งมาก""ย่อมเป็นเช่นนั้น มีท่านอ๋องสิบสามเฝ้าประจำการอยู่ในเมืองซุ่ยหาน หลายปีมานี้จึงไม่มีผู้ใดกล้ากระทำผิดใดๆ"ฉินเทียนยกย่องเย่จั้นเป็นอย่างมาก กล่าวถึงด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิใจบนใบหน้าเมื่อได้ยินคำว่า ‘เมืองซุ่ยหาน’ อินชิงเสวียนก็จำได้ว่านั่นคือสถานที่ที่บิดาของเจ้าของร่างเดิมอาศัยอยู่จะต้องหาโอกาสไปพบกับเย่จั้น แล้วถามว่าครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมมีชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยพวกเขาขจัดความอยุติธรรมได้ในขณะนี้ แต่ถ้าสามารถส่งเงินให้ได้บ้างก็เป็นการดี เพื่อเอาไว้ให้จับจ่ายใช้สอย"ท่านอ๋องสิบสามจะไปพำนักอยู่ที่ใดรึ"ฉินเทียนกล่าว "ในเมืองหลวงมีจวนจิ้งอ๋ฮงอยู่หลังหนึ่ง ที่นั่นเป็นที่พำนักของท่านอ๋องสิบสาม แม้ว่าท่านอ๋องสิบสามจะไม
“จิ่งหลาน!”เย่จิ่งอวี้คว้าคอเสื้อของเขารวดเร็ว หลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดตูม!อสุนีบาตฟาดเปรี้ยง บนพื้นมีหลุมลึกเกิดขึ้น ทุกคนล้วนหวาดกลัวกับฟ้าที่ผ่าลงมา ต่างใช้วิชาตัวเบาหนีไปทุกทิศทางอินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “นักพรตเทียนชิง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ชิงฮุยมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่จิ่งหลานฆ่าเขา ศิลาตอบสวรรค์อาจมองว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายมาก และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง”เมื่อเห็นว่ายังมีฟ้าผ่าลงมา อินชิงเสวียนพูดอย่างกังวล “ศิลาตอบสวรรค์ไม่แยกแยะผิดถูกเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่เย่จิ่งหลานฆ่านั้นคือคนชั่วร้ายจริงๆ ท่านนักพรตสามารถสื่อสารกับศิลาตอบสวรรค์ได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“ไม่ได้ ศิลาตอบสวรรค์มีวิธีการตัดสินใจของตัวเอง”“แล้วต้องทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนเป็นกังวล และทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างขึ้น“เย่จิ่งหลาน เจ้ารีบหลบเข้าไปในมิติเร็ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างวิตกกังวล “เสวียนเอ๋อร์พูดถูก จิ่งหลาน เจ้าเข้าไปหลบในมิติก่อน”เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีฟ้าแลบฟ้าผ่าเปล่งแสงแปลบปลาบ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกชาดิกไปทั้งหนังศีรษะ หากถูกโ
นอกห้วงทะเลแห่งจิต อินชิงเสวียนมองไปยังลิ่นเซียวที่ประทับฝ่ามืออยู่บนหลังของเย่จิ่งหลานอย่างประหม่า“อาจารย์ ท่านสัมผัสถึงแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานได้แล้วหรือยัง ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”“คงจะสำเร็จแล้ว”ลิ่นเซียวถอนมือออก และแน่นอนว่าเพียงครู่หนึ่ง เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกัน“ชิงเสวียน ผู้อาวุโสลิ่น นี่คือ...”“ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”เฮ่ออวิ๋นทงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน“ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่กันหมดล่ะ เกิดอะไรขึ้น”ทุกคนสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้นไป ต่างเพ่งมองไปยังอินชิงเสวียน“ผู้อาวุโสทุกท่านตกอยู่ภายใต้อาคมของชิงฮุย...”อินชิงเสวียนเล่าสั้นๆ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าชิงฮุยได้ช่วงงชิงร่างของลั่วสุ่ยชิงไปเมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งหลานกลับมาที่เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว และแก่นวิญญาณก็อยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิง ทุกคนก็เป็นกังวลอีกครั้งทุกคนเบิกตากว้าง มองไปยังเย่จิ่งหลานและลั่วสุ่ยชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดลั่วสุ่ยชิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ลง
เย่จิ่งหลานขบกรามแน่น“ข้าสามารถให้ร่างกายแก่เจ้าได้ แต่เจ้าต้องสาบานอย่างจริงจัง ว่าจะไม่ทำร้ายต้าโจว หากผิดคำสาบาน ลูกหลานชาวเฟยเหยาทั้งหมดรวมทั้งตัวเจ้าเอง จะถูกสวรรค์ลงโทษ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”ในชีวิตนี้ของเขา เขาได้เป็นหมอที่ตัวเองชอบ ได้ข้ามภพ แถมยังได้ข้ามภพมาเป็นท่านอ๋องที่มีสถานะสูง ได้เดินทางจากการต่อสู้แย่งชิงในวังสู่ยุทธภพ และจากการไร้ชื่อเสียงเรียงนาม มาเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในยุทธจักร ยังได้สัมผัสประสบการณ์การปล่อยให้ความคิดไหลไปในทางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง พอใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คุ้มค่าจริงๆหากเขาสามารถยุติสงครามนี้ด้วยชีวิตของตัวเองได้ เย่จิ่งหลานก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตัวกลัวตาย แต่เมื่อเผชิญกับความชอบธรรม เขาก็มีความตระหนักรู้ ในฐานะคนสมัยใหม่ เขาจะต้องไม่แย่กว่าอินชิงเสวียนอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาดแห่งบาปในร่างกายของเขาที่ยังไม่ถูกกำจัด หากชิงฮุยกล้าใช้ร่างกายของเขาเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ มันจะดึงดูดฟ้าผ่า ผ่าเขาให้เป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอนหลังจากฟังคำพูดของเย่จิ่งหลานแล้ว ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสี
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง
“โอ๊ย พ่องเอ๊ย ตกลงมาเกือบตาย”ชายคนหนึ่งสวมกางเกงยีน เสื้อยืดสีขาว กำลังนวดหลังตัวเองอยู่ จากนั้นก็คลานลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด“เย่จิ่งหลาน...เจ้าจะกลับไปจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานปีนขึ้นมาจากหลุม ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าเพิ่งฆ่าคน นางคือลั่วสุ่ยชิงจริงๆ”อินชิงเสวียนหยุดทันที นางไม่ไว้ใจคนอื่น แต่กลับไม่สงสัยในตัวเย่จิ่งหลานแม้แต่น้อย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เย่จิ่งหลานก็เดินตามหลังลั่วสุ่ยชิง ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บของนาง“เรื่องมันยาวนะ ยัยบ้า เจ้ายังมีน้ำอีกไหม รีบเอาน้ำมาให้จอมยุทธ์หญิงลั่วดื่มเร็ว”“อ้อ”อินชิงเสวียนหยิบขวดพุวิญญาณออกมาหนึ่งขวด เย่จิ่งหลานก็เอื้อมมือไปหยิบมัน และส่งให้ลั่วสุ่ยชิงดื่มลั่วสุ่ยชิงนั่งขัดสมาธิทันที ปรับลมปราณ หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของนางก็ดีขึ้นลิ่นเซียวกางนิ้ว กิ่งไม้ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง“แม่หนูน้อย ข้าให้เวลาเจ้าพักแล้ว มาสู้กันใหม่!”เมื่อเห็นกิ่งไม้หลอมรวมเป็นปราณกระบี่ในมือของเขา อินชิงเสวียนก็รีบคว้าเขาไว้“อาจารย์ นี่คือมิตร”ลิ่นเซียวส่ายผมสีขาว แล้วมองดูนาง “มิตร?”อินชิงเสวียนดึงเขาออกไป“ก็คือพวกเราเอง
ในช่วงที่เกิดวิกฤติในต้าโจว ฝ่ายของเย่จิ่งหลานก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันหลังอาหารเย็น เขาได้พูดคุยกับชิงผิงชิงอาน แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้ จึงเข้าสู่สมาธิอีกครั้งเข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิต แต่ก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทั่วทั้งห้วงทะเลแห่งจิตเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ลั่วสุ่ยชิงร่างเปลือยเปล่า นั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล ขยับมืออยู่ตลอดเวลา ลมปราณแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในทันที!“แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เย่จิ่งหลานถามอย่างครอบงำมากลั่วสุ่ยชิงยังคงหลับตาแน่น มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก“นี่ ลั่วสุ่ยชิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นนางมีท่าทางแบบนี้ เย่จิ่งหลานก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ เสียงสะท้อนที่ชัดเจนฟังดูเหมือนน้ำใสในห้วงทะเลแห่งจิตก็ตอบกลับมา“เย่จิ่งหลาน มาช่วยข้าที ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในต้าโจว แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายของชิงฮุยอ่อนแอ แก่นวิญญาณของข้าได้กลับมาควบคุมร่างกายบางส่วนแล้ว เสี้ยววิญญาณนี้คือกุญแจสำคัญ ว่าเจ้าและข้าจะสามารถกลับไปได้หรือไม่”เย่จิ่งหลานได้ยินเสียงของลั่วสุ่ยชิงเป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น“เจ้าพูดได้แล้ว?”ลั่
ลิ่นเซียวตะโกนเสียงดัง ปราณกระบี่บนท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปราณกระบี่นับพันรวมตัวกันในที่จุดเดียวอีก และปราณกระบี่สีทองก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองพร่างพราว เทียบเคียงกับความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปราณกระบี่อันทรงพลังสามารถสะเทือนขุนเขา สะท้านสวรรค์!ช่างเป็นกระบี่ที่น่าตกใจจริงๆ!ใบหน้าของชิงฮุยแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเป็นครั้งแรกคนผู้นี้สมแล้วที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!ปราณโคจรไปทั่วร่าง มีหมอกสีดำลอยขึ้นมาทั่วตัว ร่างนั้นปรากฏขึ้นในหมอกรางๆ ดวงตาทั้งคู่เกือบจะเสียตาขาวไปทั้งหมด ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีดำ ซึ่งทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัว!เพียงชั่วพริบตา กระบี่ก็ร่วงหล่นและหมอกก็หายไปอากาศเงียบสงบอย่างน่าขนลุก ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่โจมตีอินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งในเหตุการณ์ ชิงฮุยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากลิ่นเซียววางมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนตระหง่านต้านสายลมอินชิงเสวียนดีใจ สำเร็จแล้ว!นางรีบวิ่งไปหาลิ่นเซียว“อา...”“อาจารย์!”วินาทีต่อมา ความประหลาดใจของอินชิงเสวียนกลายเป็นความตกใจหน้าอกของลิ่นเซียวกลายเป็นสีแดงเลือด มีเล