Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 147 โล่กระดองเต่า

Share

บทที่ 147 โล่กระดองเต่า

Author: ม่อเยี่ยน
จู่ๆ ก็ได้กำไรที่ไม่คาดคิด?

ปากของอินชิงเสวียนเชิดขึ้นไปบนฟ้า แน่นอนว่าคนดีย่อมได้รับสิ่งที่ดีตอบแทน

แล้วนางออกจากมิติอย่างรวดเร็ว เมฆดำก็เคลื่อนมาถึงหัวของนาง

เมฆดำเป็นชั้นๆ ทำให้คนรู้สึกถึงการถูกกดดันอย่างหนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่เมฆดำกำลังกดทับเมืองราวกับว่าจะทำลายทั้งเมือง!

นางส่งม้าให้ขันทีน้อยแล้ววิ่งไปที่ตำหนักจินหวู่อย่างรวดเร็ว ทันทีที่นางเข้าไปในลานบ้าน ฝนก็เริ่มเทกระหน่ำลงมา

เสี่ยวหนานเฟิงกำลังนอนหลับ เมื่อเขาได้ยินเสียงฝนตกเขาก็เตะขาสะดุ้งด้วยความกลัว

เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมาทันที และตบท้องเขาเบาๆ บางทีอาจรู้สึกได้ว่าบิดาผู้ให้กำเนิดอยู่ข้างๆ เสี่ยวหนานเฟิงก็ดูดปากเล็กๆ สองครั้งแล้วหลับไปอีกครา

อินชิงเสวียนเปิดประตู ก็เห็นเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่ข้างเตียงพอดี

เมื่อสบตากัน เย่จิ่งอวี้ก็ลุกขึ้นยืนทันที

เขาดูประดักประเดิดเล็กน้อย

“เดิมทีข้าจะไปแล้ว แต่จู่ๆ ก็เห็นท้องฟ้ามีเมฆมาก ข้าจึงรั้งอยู่ต่ออีกพักหนึ่ง”

อินชิงเสวียนคิดในใจ นางออกไปข้างนอกตลอดทั้งบ่าย ถึงแม้จะมีเมฆมากแต่เมฆก็เพิ่งก่อตัว ถ้าเขาต้องการ เขาก็คงจากไปนานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหาข้อแก้ตัวที่จะจ้องมองลู
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 148 นางร่านที่ร้องเพลงเล่นดนตรีได้

    แม้ว่าสวีจือย่วนจะไม่รู้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงเป็นลูกของอินชิงเสวียน แต่นางก็รู้สึกคลุมเครือว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนางตอนนี้สิ่งที่นางอยากรู้มากที่สุดคือ อินชิงเสวียนกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สวีจือย่วนก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “หานปิง เอาชุดฟางกันฝนมาให้ข้าหน่อย”“นายหญิง ฝนตกหนักมากขนาดนี้ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ”ใบหน้าของสวีจือย่วนเคร่งขรึมทันที “ไม่ต้องถาม แค่ไปเอามาก็พอ”หานปิงรีบนำชุดฟางกันฝนมาสองตัวมาอย่างรวดเร็ว สวีจือย่วนสวมใส่แล้วออกเดินไปยังตำหนักจินหวู่ทันทีเมื่อพวกนางมาถึงประตูตำหนัก ก็ถูกขวางด้วยทหารรักษาพระองค์ “ฝ่าบาทสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไป”“ข้าเป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง รบกวนส่งพี่ชายสักคนไปบอกเขาด้วย”ฝนตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว แม้จะสวมชุดฟางกันฝน เสื้อผ้าของสวีจือย่วนก็เปียกอย่างรวดเร็วฝนตกหนักตกลงมาจากด้านบนของศีรษะ ทำให้ดวงตาพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่งพวกทหารรักษาพระองค์เชื่อฟังคำสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่านางเป็นใครพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องมาพูดว่าเจ้าเป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง แม้ว่าจะเป็นเทพเจ้ามาก็เข้าไปไม่ได้ รีบถอยกลับไปเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 149 พ่อเสือย่อมไม่ให้กำเนิดลูกหมา

    ฝนตกหนักเช่นนี้ยังต้องประลองกันอีก ฮ่องเต้ในสมัยโบราณช่างชอบแข่งขันจริงๆ!อินชิงเสวียนบ่น แล้วหยิบชุดฟางกันฝนที่ฉินเทียนส่งให้นาง และออกจากประตูวังหลวงหลี่ฉีกำลังรออยู่ที่ประตูแล้ว“วันนี้ไม่มีประชุมเช้า พวกขุนนางทุกคนจะไปที่สนามฝึก รีบไปกันเถอะ”อินชิงเสวียนไม่กล้ารอช้า ขึ้นหลังม้าแล้วควบออกจากประตูวังทันทีฝนยังคงตกอยู่ หยาดฝนเท่าเมล็ดถั่วก็ตกกระทบแก้มจนเจ็บ ยังให้ความหนาวเย็นสายหนึ่งอินชิงเสวียนดึงหมวกลงแล้วกัดฟันขี่ม้าไปที่สนามฝึกในเวลานี้ แท่นฝึกทหารสูงเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ทุกคนสวมชุดฟางกันฝน ทำให้มองเห็นรูปร่างไม่ชัดเจน คนเดียวที่โดดเด่นคือเย่จิ่งอวี้ ซึ่งมีร่มทรงพุ่มขนาดใหญ่ช่วยกัรฝนอยู่เขาสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองอร่าม ด้วยรูปร่างอันเพรียวบางจากการไม่ได้สวมชุดฟางกันฝน ทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนในชุดฟางกันฝนอินชิงเสวียนพลิกตัวลงจากหลังม้า พูดด้วยความเคารพ “กระหม่อมเสี่ยวเสวียนจื่อถวายบังคมฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าเล็กน้อย “ลุกขึ้น”ซ่งเฉียวอันที่อยู่ด้านข้างแทบรอไม่ไหวอีกต่อไปเขายกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อขันทีเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงก็อยู่ที่นี่แล้ว ก็เริ่มการ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 150 ลูกควรก้าวหน้าทุกวัน

    เย่จิ่งอวี้เหลือบมองไปด้านข้าง นัยน์ตาฉายแววสนุกสนาน“ท่านโหวเหนือ ท่านก็จะป่วยเหมือนกันหรือ”โหวเหนือคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว “กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมทำศึกไหว!”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “ดี หลายวันนี้ข้าจะสั่งให้คนสร้างโล่ยักษ์ไว้หลายอัน ในอีกไม่กี่วันนี้ก็นำไปที่เจียงวูด้วยกัน พวกเจ้าทุกคนก็ไปหาผู้ที่มีกำลังแขนแข็งแรงไว้”“พ่ะย่ะค่ะ”โหวเหนือตะโกนอย่างแหบแห้งเขาไม่เพียงแต่กลัวการต่อสู้เท่านั้น แต่เขาทนไม่ได้ที่จะสูญเสียทหารห้าพันนายของเขาแต่เขาก็รู้อยู่ในใจว่าฮ่องเต้กำลังวางแผนใช้งานทหารจำนวนห้าพันนายของเขาตอนนั้นข้านำทัพมาที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยอันผิงอ๋องสร้างแรงกดดัน แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดตกหลุมพรางแล้วครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ก็ขึ้นรถม้าพระที่นั่งมังกร แล้วพูดเบาๆ “ขุนนางทุกท่านก็กลับเถิด หากเจ้ามีฎีกา ก็ส่งไปยังห้องหนังสือได้เลย!”ขุนนางทุกคนคุกเข่าลงทันที “กระหม่อมน้อมส่งเสด็จ!”อินชิงเสวียนก็ขี่ม้าตามหลังไป ก่อนออกเดินทาง ยังมองไปยังจอมพลเฒ่ากวนแต่เมื่อเห็นกวนฮั่นหลินยิ้มพลางพยักหน้าให้ตัวเอง นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ แล้วกระตุ้นให้ม้าไล่ตามร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 151 เขาเป็นลูกของข้า

    ฝนตกหนักขนาดนี้ เขายังมาทำไมอีกถึงอย่างไรตัวเองก็เอาชนะการประลองครั้งนี้ได้ จะปล่อยให้อยู่อย่างสงบไม่ได้เลยเชียวหรือขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามา"กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท"อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ จึงโค้งกายเป็นสัญลักษณ์แทนการคำนับ"ลุกขึ้น นี่คือสิ่งใดรึ"เย่จิ่งอวี้ชูโกลนม้าขึ้นแสดงชิ สังเกตเห็นเร็วชะมัด"นี่คือโกลนม้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมชนะศึกนี้ด้วยสิ่งนี้"เย่จิ่งอวี้โยนโกลนม้าให้หลี่เต๋อฝู นั่งบนเก้าอี้แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ในหัวเจ้ามีอะไรอยู่ในนั้น ถึงสามารถคิดค้นสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ออกมาได้"อินชิงเสวียนคิดในใจว่า สิ่งที่ข้ามีอยู่ในหัวคือวัฒนธรรมความรู้ของชาวจีนนับห้าพันปี แคว้นต้าโจวผุๆ พังๆ ของท่านจะมาเทียบได้รึแต่กลับพูดออกมาด้วยความเคารพว่า "ฝ่าบาทตรัสยกย่องเกินไปแล้ว กระหม่อมเพียงบังเอิญคิดขึ้นมาได้เท่านั้น"เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า "ช่างบังเอิญได้ดีทีเดียว ข้าจะจดจำความชอบครั้งนี้ของเจ้าไว้ เพียงแต่เรื่องค่ายกลโล่กำแพงนี้ ข้ายังคงต้องการคำแนะนำจากเจ้าหน่อย โล่และหอกข้าได้สั่งให้กรมกลาโหมเร่งสร้างขึ้นตามแบบที่เจ้าร่างแ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 152 บุตรชายทำร้ายบิดา

    อินชิงเสวียนเบิกตาโพลง เย่จิ่งอวี้คงบ้าไปแล้วกระมัง!เมื่อเห็นนางทำหน้าทำตาราวกับกระต่ายตื่นตูม มุมปากของเย่จิ่งอวี้ก็กระตุกขึ้น"ทำไม เจ้าไม่ชอบรึ"ก็ไม่ชอบอยู่แล้วสิ นี่คือลูกของนางนะ จะให้อยู่ในวังเพื่ออะไรอย่างไรก็ตาม ร่างกายกลับคุกเข่าลงอย่างอ่อนน้อม"กระหม่อมขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!""ลุกขึ้นเถอะ"เย่จิ่งอวี้นั่งบนเก้าอี้แล้วจิบน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ เมื่อดื่มเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงรสเผ็ดร้อนในปาก จึงนึกขึ้นได้ว่าสิ่งนี้เป็นน้ำขิง"เจ้าโดนฝนมา ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง"อินชิงเสวียนโบกมือแล้วพูดว่า "ตอนนี้กระหม่อมรู้สึกสบายมาก ทุกอย่างเรียบร้อยดีพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเห็นสีหน้าของนางดูผ่องใส เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกโล่งใจด้านเสี่ยวหนานเฟิงที่อยู่ในอ้อมแขน เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนกำลังพูดคุยกับคนอื่น เขาก็ยื่นมือเล็กๆ ออกมาดึงหมวกของนางทันที ด้วยความคิดที่จะพยายามหันเหความสนใจของผู้เป็นแม่อินชิงเสวียนจึงรีบหยิบรถของเล่นออกมา ใช้หยอกล้อเสี่ยวหนานเฟิงเมื่อเห็นว่าสิ่งเล็กๆ นี้สามารถเปล่งแสงวิบวับได้ สามารถส่งเสียง แถมยังวิ่งได้ด้วย เย่จิ่งอวี้ก็โน้มตัวลงเล็กน้อย แล้วถามด้วยความประหลาดใจ "หรือ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 153 ฝ่าบาทไม่ควรมาจะดีกว่า

    เย่จิ่งอวี้อุ้มเด็กลุกขึ้นยืน ต้องสะกดลมหายใจอยู่ชั่วอึดใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวในจมูกถึงค่อยๆ บรรเทาลงไปเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า "เด็กตัวเล็กเท่านี้ เหตุใดถึงมีแรงมากเพียงนี้"อินชิงเสวียนรีบหุบยิ้ม แล้วก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า "ลูกชายของกระหม่อมกินเยอะตั้งแต่เด็ก คงเป็นเพราะกินมากจึงมีเรี่ยวแรงมากกระมัง"เสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองทำผิด เก็บกำปั้นเล็กจ้อยนั้นกลับคืนทันที ชี้ที่จมูกที่เริ่มแดงเล็กน้อยของเย่จิ่งอวี้ แล้วเริ่มพูดอ้อแอ้ครั้นเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของเด็ก เย่จิ่งอวี้ย่อมโกรธไม่ลงเขายิ้มแล้วพูดว่า "ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกลัว"อินชิงเสวียนคิดในใจ ในเมื่อไม่เป็นไร คราวหน้าต้องเล่นงานให้หนักขึ้นเลยนะ!เมื่อได้ยินเสียงปลอบใจอันอ่อนโยนของเย่จิ่งอวี้ เสี่ยวหนานเฟิงก็เอาหน้าเล็กๆ แนบคางของเขาทันที แล้วเกลือกหน้าไปมาราวกับลูกสุนัข อินชิงเสวียนกลอกตา ถูกปลอบแล้วหายง่ายๆ เพียงนี้ ไม่มีหลักการเอาเสียเลย!ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น หลี่เต๋อฝูก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก"ฝ่าบาท เสนาบดีกรมกลาโหมมาขอเข้าเฝ้าที่ห้องหนังสือพ่ะย่ะค่ะ"เย่จิ่งอวี้พยักหน้า"ข้ารู้แล้ว"อิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 154 ถนอมตัวให้ดี รอวันพบกันอีกครา

    ความรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยผุดขึ้นมาจากใจ อินชิงเสวียนเกือบจะอุทานออกมาร่างนี้เป็นพี่ชายใหญ่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอย่างแน่นอนอินสิงอวิ๋นยังไม่ตายจริงๆ เขายังอยู่ในเมืองหลวงจริงๆ!อินชิงเสวียนดึงบังเหียนม้าอย่างตื่นเต้น จับท้องของม้าแล้วไล่ตามร่างนั้นไปหลังจากไล่ตามจนมาถึงตรอกเล็กๆ ก็พบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังความเงียบงันในบรรยากาศทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกกังวลเล็กน้อยนางไม่ควรแยกจากฉินเทียนและหลี่ชีจริงๆ ถ้าเกิดมีคนวางแผนลอบทำร้ายจะทำอย่างไรแล้วจึงเร่งควบม้าออกจากตรอกทันที แต่ได้ยินผู้ใดบางคนตะโกนด้วยความประหลาดใจ "เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง!"เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นกวนเซี่ยวทันทีที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก กระโดดลงจากหลังม้าแล้วพูดว่า "คุณชายน้อยกวน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้"ขณะที่กวนเซี่ยวกำลังจะพูดตอบ จู่ๆ ก็มีหญิงผู้หนึ่งปรากฏตัวที่ประตูหลัง และยื่นมือออกไปจับเขา"คุณชายกวน ท่านจะออกไปแล้วรึ"ทันใดนั้นใบหน้าของกวนเซี่ยวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง รีบผลักนางออกไป"ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเข้าไป"เมื่อเห็นเขายัดหญิงผู้นั้นกลับเข้าไปในประตูเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 155 ข้ามีคนรัก

    "หรือว่าเขาก็คือเสด็จอาสิบสามของฝ่าบาท เย่จั้น?" อินชิงเสวียนเอ่ยถามด้วยความประหลาด ใจฉินเทียนพยักหน้ากล่าวว่า "ใช่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งออกไปดู ทหารอารักขาล้วนสวมชุดเกราะสีชาด ยกเว้นค่ายเปลวเพลิงสีชาดของท่านอ๋องสิบสามแล้ว ต้าโจวของเราก็ไม่มีผู้ใดสวมเสื้อเกราะประเภทนี้อีก"อินชิงเสวียนร้องอ้อออกมาคำหนึ่ง แล้วพูดว่า "ฟังดูแข็งแกร่งมาก""ย่อมเป็นเช่นนั้น มีท่านอ๋องสิบสามเฝ้าประจำการอยู่ในเมืองซุ่ยหาน หลายปีมานี้จึงไม่มีผู้ใดกล้ากระทำผิดใดๆ"ฉินเทียนยกย่องเย่จั้นเป็นอย่างมาก กล่าวถึงด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิใจบนใบหน้าเมื่อได้ยินคำว่า ‘เมืองซุ่ยหาน’ อินชิงเสวียนก็จำได้ว่านั่นคือสถานที่ที่บิดาของเจ้าของร่างเดิมอาศัยอยู่จะต้องหาโอกาสไปพบกับเย่จั้น แล้วถามว่าครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมมีชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยพวกเขาขจัดความอยุติธรรมได้ในขณะนี้ แต่ถ้าสามารถส่งเงินให้ได้บ้างก็เป็นการดี เพื่อเอาไว้ให้จับจ่ายใช้สอย"ท่านอ๋องสิบสามจะไปพำนักอยู่ที่ใดรึ"ฉินเทียนกล่าว "ในเมืองหลวงมีจวนจิ้งอ๋ฮงอยู่หลังหนึ่ง ที่นั่นเป็นที่พำนักของท่านอ๋องสิบสาม แม้ว่าท่านอ๋องสิบสามจะไม

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status