หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 138 นางดูคล้ายผู้ใดในวัง

แชร์

บทที่ 138 นางดูคล้ายผู้ใดในวัง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

และก็เป็นไปตามคาด ไทเฮาหัวเราะกล่าวว่า “เสียนเฟยเป็นคนแรกที่เข้าวัง ตอนนี้นางไร้ทายาท ทำไมไม่ส่งเด็กไปที่วังจิ้งอาน ให้นางรับเลี้ยง ให้ถือว่าเป็นบุตรบุณธรรม เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลหรอกรึ”

ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะพูด ก็ได้ยินเย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ “ไม่ได้ วันๆ เสียนผินเอาแต่ก่อปัญหา จะสั่งสอนเด็กให้ดีได้อย่างไร ข้าจะหาที่อื่นให้เด็กเอง ไทเฮาไม่ต้องกังวล”

ทันใดนั้นสีหน้าของไทเฮาก็ดูบิดเบี้ยว แต่นางก็ยังคงยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าฮ่องเต้ต้องการส่งเขาไปที่ใด”

อินชิงเสวียนคุกเข่าลงทันที แล้วพูดด้วยความเคารพนบนอบ “เด็กคนนี้เข้าวังมาก็มีแต่กระหม่อมที่คอยดูแล หวังว่าฝ่าบาทและไทเฮาจะกรุณา มอบเสี่ยวหนานเฟิงให้กระหม่อมดูแล เขาคุ้นเคยกับกระหม่อมดี หากอยู่ๆ ถูกส่งไปอยู่ที่อื่น เด็กจะต้องป่วยไข้อย่างแน่นอน จึงควรอยู่กับกระหม่อมจะดีกว่า”

เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงอืมเบาๆ และพูดอย่างสงบ “ไว้ค่อยหารือเรื่องนี้ในภายหลัง หากไม่มีสิ่งใดแล้ว เชิญไทเฮาเสด็จกลับเถิด”

ไทเฮากำมือแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ทันใดนั้น ดวงตาก็ฉายแววยินดีในความทุกข์ของผู้อื่น

นางก้าวไปข้างหน้าสองก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 139 ว้าวุ่นใจ

    เย่จิ่งอวี้จ้องมองหลี่เต๋อฝูอย่างเย็นชาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะลั่นทันที“ดี ช่างดีจริงๆ!”หลี่เต๋อฝูขนลุกเพราะเสียงหัวเราะนั้น“ฝ่าบาท...”“ออกไป!”“พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เต๋อฝูออกมาจากห้องโถงด้านในด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ในห้องโถง นิ้วเรียวของเขากำหมัดแน่นเสียงหักข้อต่อดังกรอบชั่วครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็เป็นเสียงกระแทกโต๊ะอย่างแรงอินชิงเสวียนตัวดี กล้าวางอุบายจักจั่นลอกคราบกับเขาเสียได้เสียแรงที่เขาไว้วางใจนางมาโดยตลอด นางขั้นกล้าล้อเล่นกับเขาถึงเพียงนี้!ยิ่งเย่จิ่งอวี้คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น ฝ่ามือกวาดชุดน้ำชาบนโต๊ะตกพื้นกาน้ำกระเบื้องเคลือบชั้นดีร่วงลงสู่พื้น เศษที่กระเด็นก็เฉือนเข้ามือ เลือดไหลออกมาจากหลังมือ ไหลลงมาและหยดลงบนพื้นหลี่เต๋อฝูได้ยินเสียงดัง จึงรีบเข้าไปทันที และได้บังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้จึงหน้าซีดด้วยความตกใจ“ฝ่าบาท กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้”เย่จิ่งอวี้หันขวับทันที ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับคมมีด“ไปซะ!”หลี่เต๋อฝูตกใจมากจนต้องถอยกลับไปแต่ในใจรู้สึกหนักอึ้งราวกับแบกถังน้ำอยู่หลายถังเมื่อฝ่าบา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 140 ให้เจ้ามาแทนนาง

    บัดซบ!ถ้านางกล้าพาลูกชายของเขาออกจากวัง เขาจะไล่ตามนางจนสุดหล้าฟ้าเขียว!และเด็กก็ไม่สามารถอยู่ในวังเย็นได้อีกต่อไปเย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาซ่อมแซมตำหนักจินหวู่ ข้าจะให้เสี่ยวหนานเฟิงอาศัยอยู่ที่นี่”เมื่อได้ยินดังนี้ หลี่เต๋อฝูก็รู้สึกยินดี รีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปแจ้งคนงานในวังเดี๋ยวนี้”เย่จิ่งอวี้พูดอีกครั้ง “ให้นางำนัลสองคนจากวังเย็นเข้ามาอยู่ด้วย”“ส่วนเสี่ยวเสวียนจื่อ...”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “ข่าวการเสียชีวิตของสนมในวังเย็นได้ถูกประกาศให้รับรู้กันทั่วแผ่นดินแล้ว จะให้ข้าดึงตัวนางออกมาประกาศว่ายังไม่ตายอีกงั้นรึ เจ้าคนบัดซบนี่ เสียแรงที่ข้าเก็บรักษากระดูกเอาไว้ เพื่อไว้ฝังในสุสานหลวง” หลี่เต๋อฝูพูดอย่างกล้าหาญ “เด็กมักต้องการมารดาผู้ให้กำเนิดอยู่เคียงข้าง...”เย่จิ่งอวี้หยิบชาขึ้นมาจิบแล้วพูดช้าๆ “ข้าจะให้เสี่ยวเสวียนจื่อมารับใช้ที่ตำหนักจินหวู่ เช่นนี้แล้วพวกนางสองแม่ลูกจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยให้นางเปลี่ยนชื่อแซ่ และกลับเข้ามาในวังอีกครั้ง”หลี่เต๋อฝูหัวเราะแหะๆ แล้วพูดว่า “ฝ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 141 ดาวมงคลมาจุติ

    อินชิงเสวียนตกตะลึง ดวงตาของนางเบิกกว้างเย่จิ่งอวี้เบนสายตาไปที่สวีจือย่วนแล้วพูดเบาๆ “เด็กๆ ไปส่งนายหญิงสวีกลับตำหนัก”“ฝ่าบาท!”สวีจือย่วนรู้ว่าตัวตนของอินชิงเสวียนไม่อาจถูกเปิดเผยได้ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลน้ำเสียงของเย่จิ่งอวี้ลึกล้ำ“กลับไปซะ วันหลังข้าค่อยไปหาเจ้า”หลี่เต๋อฝูเดินเข้ามาจากด้านนอกทันที“เชิญนายหญิงสวี”สวีจือย่วนไม่กล้าขัดขืนคำสัง จำใจต้องจากไป ก่อนจากไปนางเหลือบมองอินชิงเสวียนแวบหนึ่ง แล้วกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงหวังว่านางจะสามารถพลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง เหลือเพียงสองคน บรรยากาศหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่งอินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท พระองค์สับสนหรือเปล่า กระหม่อมเป็นชาย จะนอนกับพระองค์ได้อย่างไร”เย่จิ่งอวี้ใช้ดวงตาหงส์จ้องมองตรงไปยังใบหน้าของนางนิ่งๆการจ้องมองด้วยสายตากดดัน ทำให้อินชิงเสวียนตื่นตระหนกและหายใจไม่ออกพูดอย่างจำใจ “ฝ่าบาท พระองค์จะไม่มีความคิดแปลกๆ เพราะคำพูดของไทเฮาหรอกกระมัง”เย่จิ่งอวี้ยังคงนิ่งเงียบ ความเงียบแปลกๆ นี้บีบบังคับให้คนอึดอัดจนแทบระเบิดอินชิงเสวียนก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 142 เกี้ยวฮองเฮา

    เย่จิ่งอสรุปเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านโหวเหนือกลับมายังราชสำนัก ทำให้ข้าคลายความกังวลได้พอดี ข้าได้เตรียมมอบหมายให้ท่านโหวเหนือและอันผิงอ๋องนำกองกำลังไปยังเจียงวูเพื่อปราบกบฏ พวกท่านคิดว่าอย่างไร”แม่ทัพที่อยู่ในราชสำนักอยู่อย่างสบายมานานแล้ว ไม่เลือดร้อนเหมือนเมื่อก่อน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่มีใครพูดคัดค้าน แม้แต่แม่ทัพที่วิพากษ์วิจารณ์ขันทีว่าอ่อนแอเหมือนไก่ก็ยังเงียบเหมือนไก่เสียเอง ไม่เปล่งเสียงออกมาด้วยซ้ำขณะที่มองดูเศษสวะไร้ประโยชน์เหล่านี้ ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็เปล่งประกายด้วยความเหยียดหยัน“ในเมื่อทุกท่านไม่พูดอะไร เช่นนี้ก็ตกลงตามนี้ ถ้าไม่มีใครจะถวายฎีกาอีก ก็เลิกประชุมเถอะ”โหราจารย์พูดเสียงดังทันที “กระหม่อมน้อมส่งฝ่าบาท”ทันทีที่เขาพูด ทุกคนก็พูดคล้อยตาม เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น เย่จิ่งอวี้ก็หายไปแล้วณ ตำหนักฉือหนิงเรื่องที่ฮ่องเต้จะรับดาวมงคลย้ายเข้าไปในตำหนักจินหวู่ ในไม่ช้าก็ไปถึงหูของไทเฮา ในเวลาเดียวกัน นางก็ได้ยินว่าเย่จิ่งอวี้ให้อันผิงอ๋องออกศึกแดนไกล นางโกรธมากจนตัวสั่น ปลายนิ้วก็สั่นไหวๆนางคว้าหยกหรูอี้ซึ่งปกติมักจะถือเล่นด้วยแรงทั้งหมด ก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 143 พระที่นั่งหงส์นั่งสบายดีหรือไม่

    เกี้ยวพระที่นั่งของฮองเฮารึอินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อยดูเหมือนจะไม่เหมาะตามกฎเกณฑ์เท่าใดนัก แม้ว่านางจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับพิธีการในวังมากนัก แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะนั่งบนพระที่นั่งหงส์ได้ไม่รู้ว่าในอนาคตจะถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่เสี่ยวอานจื่อที่ร้อนใจอยู่แล้ว รีบเร่งเร้าทันที “เร็วเข้า ฝ่าบาทกำลังรออยู่ที่ตำหนักจินหวู่”อินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำสั่งของเย่จิ่งอวี้อยู่แล้ว ช่างเถอะทันทีที่ยกเกี้ยวขึ้น พระที่นั่งหงส์ก็ค่อยๆ ถูกยกขึ้น และเคลื่อนตัวออกจากวังเย็นตอนแรกอินชิงเสวียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะตกลงมา หลังจากเดินได้สักพัก ร่างกายของนางก็ผ่อนคลายในที่สุด และนางก็ค่อยๆ เอนกายบนที่นั่งนุ่มๆ เสี่ยวหนานเฟิงที่อยู่ในอ้อมแขนก็ยื่นมือเล็กป้อมออกมาคว้าพู่ที่ห้อยอยู่ แล้วปากเล็กๆ ก็เริ่มเปล่งสำเนียงอ้อแอ้อินชิงเสวียนจูบใบหน้าเล็กๆ แก้มยุ้ยๆ ของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ชอบหรือไม่”เสี่ยวหนานเฟิงยิ่งมีความสุข บั้นท้ายเล็กๆ เด้งขึ้นมา มือเล็กจ้อยก็คว้าพู่สีแดงแล้วเขย่าเล่นแรงๆเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 144 เรื่องสำคัญ

    อินชิงเสวียนไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร ดังนั้นนางสะบัดเสื้อคลุมคุกเข่าลงทันที“ขอบพระทัยสำหรับความเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมเป็นเพียงขันทีตัวเล็กๆ มีคุณสมบัติไปนั่งบนพระที่นั่งหงส์ได้อย่างไร เป็นเพราะอาศัยบารมีของเสี่ยวหนานเฟิงล้วนๆ”แล้วจึงอาศัยจังหวะที่อินชิงเสวียนก้มศีรษะ เย่จิ่งอวี้รีบจูบแก้มเสี่ยวหนานเฟิงเร็วๆ จากนั้นแสร้งทำเป็นไม่แยแสและพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ ข้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง เจ้าไม่ต้องตกประหม่า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”อินชิงเสวียนลูบเข่ายืนขึ้น แต่เห็นเสี่ยวหนานเฟิงหัวเราะเบาๆ จับมือของเย่จิ่งอวี้ และเล่นกับธำมรงค์หยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา“เอ่อ...ลูกของกระหม่อมค่อนข้างซุกซน ให้กระหม่อมอุ้มดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง ที่ข้ารั้งเจ้าไว้เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้า”เย่จิ่งอวี้มองดูมืออ้วนจ้ำม่ำของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มจากนั้นก็ตีหน้านิ่ง พูดอย่างเคร่งขรึม “พรุ่งนี้ครบกำหนดสิห้าวันถึงสัปดาห์การแสดงยุทธ์แล้ว ไม่เพียงแต่ข้าจะไปดูเท่านั้น แต่ยังจะเชิญขุนนางในราชสำนักไปดูด้วย เจ้าห้ามทำให้ให้ข้าอับอายเด็ดขาด”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะต้องชนะอย่างงดงามแน่นอน”เมื่อนึก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 145 ตำหนิติติง

    เมื่อเห็นว่าปู่ดูโกรธมาก กวนลี่จือก็ไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระ เดินสะบัดแขนเสื้อออกจากห้องไปอาโฉ่วยืนอยู่ที่ประตู เมื่อกวนลี่จือเห็นเขา ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกชี้หน้าด่าเขาว่า “เจ้าเศษสวะ ปกติมีความสามารถมากไม่ใช่หรือ องครักษ์สองคนเจ้าก็เอาชนะมาแล้ว เจ้ายังมีหน้ามาอยู่ในตระกูลกวนอีกรึ รีบไสหัวออกไปจากเร็วๆ ซะ”อาโฉ่วมีสีหน้าตื่นตระหนก รีบคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“คุณชายโปรดระงับโทสะด้วย อาโฉ่วไม่มีที่ไป ขอคุณชายรับเลี้ยงไว้ด้วย”กวนลี่จือเตะไหล่เขา แล้วตำหนิด้วยความโกรธ “ขยะอย่างเจ้า เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์”อาโฉ่วหดคอ โขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอความเมตตา“คุณชายโปรดยกโทษให้ด้วย คุณชายโปรดยกโทษให้ด้วย”ในตอนนี้เอง ยามที่เฝ้าประตูใหญ่ก็เข้ามารายงานว่าโหวเหนือและอันผิงอ๋องมาถึงแล้วกวนลี่จือจึงให้อาโฉ่วไสหัวไป เร้นกายออกจากจวนเสนาบดีผ่านประตูเล็กๆ อาโฉ่วติดตามกวนลี่จือไปอย่างใกล้ชิด ความตื่นตระหนกในดวงตาของเขาหายไป และดวงตาของเขาก็สงบราวกับบ่อน้ำนิ่งด้านนอกมุมประตู มีม้าผูกอยู่ กวนลี่จือขึ้นหลังม้า แล้วพูดเสียงชั่วร้าย “ไปโรงบ่อน ถ้าวันนี้ชนะก็แล้วไป แต่ถ้าแพ้ ข้าจะถลกหน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 146 ของรางวัลมิติ

    อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยถ้ามองจากมุมมองของสามีภรรยา เย่จิ่งอวี้ค่อนข้างไร้หัวใจจริงๆ แต่ไม่อาจมองจากมุมนี้เพียงอย่างเดียว แล้วไปปฏิเสธเรื่องผลงานการปกครองของเขาเย่จิ่งอวี้ถือได้ว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชา ที่สามารถดูแลความกังวลและทนทุกข์ทรมานของประชาชนได้เหตุผลที่เขาส่งเสี่ยวหนานเฟิงไปที่ตำหนักจินหวู่ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะไทเฮาแม่มดเฒ่าคนนั้น ถ้านางไม่ไปที่วังเย็น ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนนี้ไม่เพียงแต่กล่าวหาว่าเย่จิ่งอวี้ไม่มีคุณธรรม แต่ยังทำให้อินชิงเสวียนพลอยเป็นกังวลไปด้วยนางรู้ว่านางไม่สามารถจัดการกับไทเฮาได้ในขณะนี้ แต่ถ้านางต้องการให้ฝนตก ก็เป็นเรื่องง่ายๆตอนนี้นางและเย่จิ่งอวี้เรียกได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเหมือนลิ้นกับฟัน หากราชวงศ์ของเขาถูกล้มล้าง นางและเสี่ยวหนานเฟิงจะไม่สามารถอยู่รอดได้เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ หลังจากส่งแตงโมไปที่สนามฝึกแล้ว นางก็พาฉินเทียนและหลี่ชีกลับวังณ ตำหนักจินหวู่มีร่างหนึ่งคุกเข่าลงกับพื้น แล้วถามด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงประสงค์ให้กระหม่อมไปจับกุมคนเหล่านี้ที่แพร่ข่าวลือหรือไม่”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1456 ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

    “ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1455 การทดสอบของพ่อหนุ่มน้อย

    เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต

DMCA.com Protection Status