สีหน้าท่าทางของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไปทันทีเหตุใดไทเฮาถึงมาที่นี่ได้เนื่องจากชุยไห่บอกว่ามีเสียงเด็กร้องไห้ เขาคงได้สืบพบเบาะแสอะไรบางอย่างตัวเองช่างประมาทเกินไปจริงๆในสถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ ไม่มีทางที่เสี่ยวหนานเฟิงจะซ่อนตัวได้เลยและไทเฮาก็รู้ว่านางเป็นใคร ดังนั้นนางจะต้องสงสัยในตัวเด็กอย่างแน่นอนควรทำอย่างไรดีอินชิงเสวียนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากอย่างอดไม่ได้ถ้ารู้แต่แรกคงขอให้เย่จิ่งอวี้มากินข้าวในตอนเช้าด้วย เมื่อมีเขาอยู่ที่นี่ ยังพอหาข้อแก้ตัวได้อวิ๋นฉ่ายตื่นตระหนกโดยสิ้นเชิง“พี่ใหญ่ ควรทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนกลั้นหายใจ กระซิบ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา เรากลับไปที่ห้องโถงด้านในกันเถอะ”ทั้งสองกลับไปที่ห้องโถงด้านในอย่างรวดเร็ว ก็เจอกับยายหลี่ก็วิ่งออกจากห้องมา“ใครรึ”อินชิงเสวียนกระซิบ “เป็นไทเฮา เข้าไปก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไร”ทั้งหมดรีบปิดประตู แต่ยังคงได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ซึ่งเสียงเคาะประตูดังกระชั้นขึ้นเรื่อยๆยายหลี่อดไม่ได้ที่จะเหงื่อออก“นี่...ถ้าพวกเขาเข้ามาล่ะ...”อินชิงเสวียนพูดอย่างรู้สึกผิด “อาจจะไม่ นี่คือวังเย็นเลยนะ”ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงอู
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีและก็เป็นไปตามคาด ไทเฮาหัวเราะกล่าวว่า “เสียนเฟยเป็นคนแรกที่เข้าวัง ตอนนี้นางไร้ทายาท ทำไมไม่ส่งเด็กไปที่วังจิ้งอาน ให้นางรับเลี้ยง ให้ถือว่าเป็นบุตรบุณธรรม เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลหรอกรึ”ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะพูด ก็ได้ยินเย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ “ไม่ได้ วันๆ เสียนผินเอาแต่ก่อปัญหา จะสั่งสอนเด็กให้ดีได้อย่างไร ข้าจะหาที่อื่นให้เด็กเอง ไทเฮาไม่ต้องกังวล”ทันใดนั้นสีหน้าของไทเฮาก็ดูบิดเบี้ยว แต่นางก็ยังคงยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าฮ่องเต้ต้องการส่งเขาไปที่ใด”อินชิงเสวียนคุกเข่าลงทันที แล้วพูดด้วยความเคารพนบนอบ “เด็กคนนี้เข้าวังมาก็มีแต่กระหม่อมที่คอยดูแล หวังว่าฝ่าบาทและไทเฮาจะกรุณา มอบเสี่ยวหนานเฟิงให้กระหม่อมดูแล เขาคุ้นเคยกับกระหม่อมดี หากอยู่ๆ ถูกส่งไปอยู่ที่อื่น เด็กจะต้องป่วยไข้อย่างแน่นอน จึงควรอยู่กับกระหม่อมจะดีกว่า”เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงอืมเบาๆ และพูดอย่างสงบ “ไว้ค่อยหารือเรื่องนี้ในภายหลัง หากไม่มีสิ่งใดแล้ว เชิญไทเฮาเสด็จกลับเถิด”ไทเฮากำมือแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทันใดนั้น ดวงตาก็ฉายแววยินดีในความทุกข์ของผู้อื่นนางก้าวไปข้างหน้าสองก
เย่จิ่งอวี้จ้องมองหลี่เต๋อฝูอย่างเย็นชาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะลั่นทันที“ดี ช่างดีจริงๆ!”หลี่เต๋อฝูขนลุกเพราะเสียงหัวเราะนั้น“ฝ่าบาท...”“ออกไป!”“พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เต๋อฝูออกมาจากห้องโถงด้านในด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ในห้องโถง นิ้วเรียวของเขากำหมัดแน่นเสียงหักข้อต่อดังกรอบชั่วครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็เป็นเสียงกระแทกโต๊ะอย่างแรงอินชิงเสวียนตัวดี กล้าวางอุบายจักจั่นลอกคราบกับเขาเสียได้เสียแรงที่เขาไว้วางใจนางมาโดยตลอด นางขั้นกล้าล้อเล่นกับเขาถึงเพียงนี้!ยิ่งเย่จิ่งอวี้คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น ฝ่ามือกวาดชุดน้ำชาบนโต๊ะตกพื้นกาน้ำกระเบื้องเคลือบชั้นดีร่วงลงสู่พื้น เศษที่กระเด็นก็เฉือนเข้ามือ เลือดไหลออกมาจากหลังมือ ไหลลงมาและหยดลงบนพื้นหลี่เต๋อฝูได้ยินเสียงดัง จึงรีบเข้าไปทันที และได้บังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้จึงหน้าซีดด้วยความตกใจ“ฝ่าบาท กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้”เย่จิ่งอวี้หันขวับทันที ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับคมมีด“ไปซะ!”หลี่เต๋อฝูตกใจมากจนต้องถอยกลับไปแต่ในใจรู้สึกหนักอึ้งราวกับแบกถังน้ำอยู่หลายถังเมื่อฝ่าบา
บัดซบ!ถ้านางกล้าพาลูกชายของเขาออกจากวัง เขาจะไล่ตามนางจนสุดหล้าฟ้าเขียว!และเด็กก็ไม่สามารถอยู่ในวังเย็นได้อีกต่อไปเย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาซ่อมแซมตำหนักจินหวู่ ข้าจะให้เสี่ยวหนานเฟิงอาศัยอยู่ที่นี่”เมื่อได้ยินดังนี้ หลี่เต๋อฝูก็รู้สึกยินดี รีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปแจ้งคนงานในวังเดี๋ยวนี้”เย่จิ่งอวี้พูดอีกครั้ง “ให้นางำนัลสองคนจากวังเย็นเข้ามาอยู่ด้วย”“ส่วนเสี่ยวเสวียนจื่อ...”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “ข่าวการเสียชีวิตของสนมในวังเย็นได้ถูกประกาศให้รับรู้กันทั่วแผ่นดินแล้ว จะให้ข้าดึงตัวนางออกมาประกาศว่ายังไม่ตายอีกงั้นรึ เจ้าคนบัดซบนี่ เสียแรงที่ข้าเก็บรักษากระดูกเอาไว้ เพื่อไว้ฝังในสุสานหลวง” หลี่เต๋อฝูพูดอย่างกล้าหาญ “เด็กมักต้องการมารดาผู้ให้กำเนิดอยู่เคียงข้าง...”เย่จิ่งอวี้หยิบชาขึ้นมาจิบแล้วพูดช้าๆ “ข้าจะให้เสี่ยวเสวียนจื่อมารับใช้ที่ตำหนักจินหวู่ เช่นนี้แล้วพวกนางสองแม่ลูกจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยให้นางเปลี่ยนชื่อแซ่ และกลับเข้ามาในวังอีกครั้ง”หลี่เต๋อฝูหัวเราะแหะๆ แล้วพูดว่า “ฝ
อินชิงเสวียนตกตะลึง ดวงตาของนางเบิกกว้างเย่จิ่งอวี้เบนสายตาไปที่สวีจือย่วนแล้วพูดเบาๆ “เด็กๆ ไปส่งนายหญิงสวีกลับตำหนัก”“ฝ่าบาท!”สวีจือย่วนรู้ว่าตัวตนของอินชิงเสวียนไม่อาจถูกเปิดเผยได้ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลน้ำเสียงของเย่จิ่งอวี้ลึกล้ำ“กลับไปซะ วันหลังข้าค่อยไปหาเจ้า”หลี่เต๋อฝูเดินเข้ามาจากด้านนอกทันที“เชิญนายหญิงสวี”สวีจือย่วนไม่กล้าขัดขืนคำสัง จำใจต้องจากไป ก่อนจากไปนางเหลือบมองอินชิงเสวียนแวบหนึ่ง แล้วกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงหวังว่านางจะสามารถพลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง เหลือเพียงสองคน บรรยากาศหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่งอินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท พระองค์สับสนหรือเปล่า กระหม่อมเป็นชาย จะนอนกับพระองค์ได้อย่างไร”เย่จิ่งอวี้ใช้ดวงตาหงส์จ้องมองตรงไปยังใบหน้าของนางนิ่งๆการจ้องมองด้วยสายตากดดัน ทำให้อินชิงเสวียนตื่นตระหนกและหายใจไม่ออกพูดอย่างจำใจ “ฝ่าบาท พระองค์จะไม่มีความคิดแปลกๆ เพราะคำพูดของไทเฮาหรอกกระมัง”เย่จิ่งอวี้ยังคงนิ่งเงียบ ความเงียบแปลกๆ นี้บีบบังคับให้คนอึดอัดจนแทบระเบิดอินชิงเสวียนก
เย่จิ่งอสรุปเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านโหวเหนือกลับมายังราชสำนัก ทำให้ข้าคลายความกังวลได้พอดี ข้าได้เตรียมมอบหมายให้ท่านโหวเหนือและอันผิงอ๋องนำกองกำลังไปยังเจียงวูเพื่อปราบกบฏ พวกท่านคิดว่าอย่างไร”แม่ทัพที่อยู่ในราชสำนักอยู่อย่างสบายมานานแล้ว ไม่เลือดร้อนเหมือนเมื่อก่อน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่มีใครพูดคัดค้าน แม้แต่แม่ทัพที่วิพากษ์วิจารณ์ขันทีว่าอ่อนแอเหมือนไก่ก็ยังเงียบเหมือนไก่เสียเอง ไม่เปล่งเสียงออกมาด้วยซ้ำขณะที่มองดูเศษสวะไร้ประโยชน์เหล่านี้ ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็เปล่งประกายด้วยความเหยียดหยัน“ในเมื่อทุกท่านไม่พูดอะไร เช่นนี้ก็ตกลงตามนี้ ถ้าไม่มีใครจะถวายฎีกาอีก ก็เลิกประชุมเถอะ”โหราจารย์พูดเสียงดังทันที “กระหม่อมน้อมส่งฝ่าบาท”ทันทีที่เขาพูด ทุกคนก็พูดคล้อยตาม เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น เย่จิ่งอวี้ก็หายไปแล้วณ ตำหนักฉือหนิงเรื่องที่ฮ่องเต้จะรับดาวมงคลย้ายเข้าไปในตำหนักจินหวู่ ในไม่ช้าก็ไปถึงหูของไทเฮา ในเวลาเดียวกัน นางก็ได้ยินว่าเย่จิ่งอวี้ให้อันผิงอ๋องออกศึกแดนไกล นางโกรธมากจนตัวสั่น ปลายนิ้วก็สั่นไหวๆนางคว้าหยกหรูอี้ซึ่งปกติมักจะถือเล่นด้วยแรงทั้งหมด ก
เกี้ยวพระที่นั่งของฮองเฮารึอินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อยดูเหมือนจะไม่เหมาะตามกฎเกณฑ์เท่าใดนัก แม้ว่านางจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับพิธีการในวังมากนัก แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะนั่งบนพระที่นั่งหงส์ได้ไม่รู้ว่าในอนาคตจะถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่เสี่ยวอานจื่อที่ร้อนใจอยู่แล้ว รีบเร่งเร้าทันที “เร็วเข้า ฝ่าบาทกำลังรออยู่ที่ตำหนักจินหวู่”อินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำสั่งของเย่จิ่งอวี้อยู่แล้ว ช่างเถอะทันทีที่ยกเกี้ยวขึ้น พระที่นั่งหงส์ก็ค่อยๆ ถูกยกขึ้น และเคลื่อนตัวออกจากวังเย็นตอนแรกอินชิงเสวียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะตกลงมา หลังจากเดินได้สักพัก ร่างกายของนางก็ผ่อนคลายในที่สุด และนางก็ค่อยๆ เอนกายบนที่นั่งนุ่มๆ เสี่ยวหนานเฟิงที่อยู่ในอ้อมแขนก็ยื่นมือเล็กป้อมออกมาคว้าพู่ที่ห้อยอยู่ แล้วปากเล็กๆ ก็เริ่มเปล่งสำเนียงอ้อแอ้อินชิงเสวียนจูบใบหน้าเล็กๆ แก้มยุ้ยๆ ของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ชอบหรือไม่”เสี่ยวหนานเฟิงยิ่งมีความสุข บั้นท้ายเล็กๆ เด้งขึ้นมา มือเล็กจ้อยก็คว้าพู่สีแดงแล้วเขย่าเล่นแรงๆเ
อินชิงเสวียนไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร ดังนั้นนางสะบัดเสื้อคลุมคุกเข่าลงทันที“ขอบพระทัยสำหรับความเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมเป็นเพียงขันทีตัวเล็กๆ มีคุณสมบัติไปนั่งบนพระที่นั่งหงส์ได้อย่างไร เป็นเพราะอาศัยบารมีของเสี่ยวหนานเฟิงล้วนๆ”แล้วจึงอาศัยจังหวะที่อินชิงเสวียนก้มศีรษะ เย่จิ่งอวี้รีบจูบแก้มเสี่ยวหนานเฟิงเร็วๆ จากนั้นแสร้งทำเป็นไม่แยแสและพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ ข้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง เจ้าไม่ต้องตกประหม่า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”อินชิงเสวียนลูบเข่ายืนขึ้น แต่เห็นเสี่ยวหนานเฟิงหัวเราะเบาๆ จับมือของเย่จิ่งอวี้ และเล่นกับธำมรงค์หยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา“เอ่อ...ลูกของกระหม่อมค่อนข้างซุกซน ให้กระหม่อมอุ้มดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง ที่ข้ารั้งเจ้าไว้เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้า”เย่จิ่งอวี้มองดูมืออ้วนจ้ำม่ำของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มจากนั้นก็ตีหน้านิ่ง พูดอย่างเคร่งขรึม “พรุ่งนี้ครบกำหนดสิห้าวันถึงสัปดาห์การแสดงยุทธ์แล้ว ไม่เพียงแต่ข้าจะไปดูเท่านั้น แต่ยังจะเชิญขุนนางในราชสำนักไปดูด้วย เจ้าห้ามทำให้ให้ข้าอับอายเด็ดขาด”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะต้องชนะอย่างงดงามแน่นอน”เมื่อนึก
“จิ่งหลาน!”เย่จิ่งอวี้คว้าคอเสื้อของเขารวดเร็ว หลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดตูม!อสุนีบาตฟาดเปรี้ยง บนพื้นมีหลุมลึกเกิดขึ้น ทุกคนล้วนหวาดกลัวกับฟ้าที่ผ่าลงมา ต่างใช้วิชาตัวเบาหนีไปทุกทิศทางอินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “นักพรตเทียนชิง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ชิงฮุยมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่จิ่งหลานฆ่าเขา ศิลาตอบสวรรค์อาจมองว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายมาก และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง”เมื่อเห็นว่ายังมีฟ้าผ่าลงมา อินชิงเสวียนพูดอย่างกังวล “ศิลาตอบสวรรค์ไม่แยกแยะผิดถูกเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่เย่จิ่งหลานฆ่านั้นคือคนชั่วร้ายจริงๆ ท่านนักพรตสามารถสื่อสารกับศิลาตอบสวรรค์ได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“ไม่ได้ ศิลาตอบสวรรค์มีวิธีการตัดสินใจของตัวเอง”“แล้วต้องทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนเป็นกังวล และทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างขึ้น“เย่จิ่งหลาน เจ้ารีบหลบเข้าไปในมิติเร็ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างวิตกกังวล “เสวียนเอ๋อร์พูดถูก จิ่งหลาน เจ้าเข้าไปหลบในมิติก่อน”เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีฟ้าแลบฟ้าผ่าเปล่งแสงแปลบปลาบ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกชาดิกไปทั้งหนังศีรษะ หากถูกโ
นอกห้วงทะเลแห่งจิต อินชิงเสวียนมองไปยังลิ่นเซียวที่ประทับฝ่ามืออยู่บนหลังของเย่จิ่งหลานอย่างประหม่า“อาจารย์ ท่านสัมผัสถึงแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานได้แล้วหรือยัง ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”“คงจะสำเร็จแล้ว”ลิ่นเซียวถอนมือออก และแน่นอนว่าเพียงครู่หนึ่ง เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกัน“ชิงเสวียน ผู้อาวุโสลิ่น นี่คือ...”“ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”เฮ่ออวิ๋นทงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน“ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่กันหมดล่ะ เกิดอะไรขึ้น”ทุกคนสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้นไป ต่างเพ่งมองไปยังอินชิงเสวียน“ผู้อาวุโสทุกท่านตกอยู่ภายใต้อาคมของชิงฮุย...”อินชิงเสวียนเล่าสั้นๆ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าชิงฮุยได้ช่วงงชิงร่างของลั่วสุ่ยชิงไปเมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งหลานกลับมาที่เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว และแก่นวิญญาณก็อยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิง ทุกคนก็เป็นกังวลอีกครั้งทุกคนเบิกตากว้าง มองไปยังเย่จิ่งหลานและลั่วสุ่ยชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดลั่วสุ่ยชิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ลง
เย่จิ่งหลานขบกรามแน่น“ข้าสามารถให้ร่างกายแก่เจ้าได้ แต่เจ้าต้องสาบานอย่างจริงจัง ว่าจะไม่ทำร้ายต้าโจว หากผิดคำสาบาน ลูกหลานชาวเฟยเหยาทั้งหมดรวมทั้งตัวเจ้าเอง จะถูกสวรรค์ลงโทษ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”ในชีวิตนี้ของเขา เขาได้เป็นหมอที่ตัวเองชอบ ได้ข้ามภพ แถมยังได้ข้ามภพมาเป็นท่านอ๋องที่มีสถานะสูง ได้เดินทางจากการต่อสู้แย่งชิงในวังสู่ยุทธภพ และจากการไร้ชื่อเสียงเรียงนาม มาเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในยุทธจักร ยังได้สัมผัสประสบการณ์การปล่อยให้ความคิดไหลไปในทางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง พอใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คุ้มค่าจริงๆหากเขาสามารถยุติสงครามนี้ด้วยชีวิตของตัวเองได้ เย่จิ่งหลานก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตัวกลัวตาย แต่เมื่อเผชิญกับความชอบธรรม เขาก็มีความตระหนักรู้ ในฐานะคนสมัยใหม่ เขาจะต้องไม่แย่กว่าอินชิงเสวียนอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาดแห่งบาปในร่างกายของเขาที่ยังไม่ถูกกำจัด หากชิงฮุยกล้าใช้ร่างกายของเขาเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ มันจะดึงดูดฟ้าผ่า ผ่าเขาให้เป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอนหลังจากฟังคำพูดของเย่จิ่งหลานแล้ว ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสี
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง
“โอ๊ย พ่องเอ๊ย ตกลงมาเกือบตาย”ชายคนหนึ่งสวมกางเกงยีน เสื้อยืดสีขาว กำลังนวดหลังตัวเองอยู่ จากนั้นก็คลานลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด“เย่จิ่งหลาน...เจ้าจะกลับไปจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานปีนขึ้นมาจากหลุม ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าเพิ่งฆ่าคน นางคือลั่วสุ่ยชิงจริงๆ”อินชิงเสวียนหยุดทันที นางไม่ไว้ใจคนอื่น แต่กลับไม่สงสัยในตัวเย่จิ่งหลานแม้แต่น้อย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เย่จิ่งหลานก็เดินตามหลังลั่วสุ่ยชิง ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บของนาง“เรื่องมันยาวนะ ยัยบ้า เจ้ายังมีน้ำอีกไหม รีบเอาน้ำมาให้จอมยุทธ์หญิงลั่วดื่มเร็ว”“อ้อ”อินชิงเสวียนหยิบขวดพุวิญญาณออกมาหนึ่งขวด เย่จิ่งหลานก็เอื้อมมือไปหยิบมัน และส่งให้ลั่วสุ่ยชิงดื่มลั่วสุ่ยชิงนั่งขัดสมาธิทันที ปรับลมปราณ หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของนางก็ดีขึ้นลิ่นเซียวกางนิ้ว กิ่งไม้ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง“แม่หนูน้อย ข้าให้เวลาเจ้าพักแล้ว มาสู้กันใหม่!”เมื่อเห็นกิ่งไม้หลอมรวมเป็นปราณกระบี่ในมือของเขา อินชิงเสวียนก็รีบคว้าเขาไว้“อาจารย์ นี่คือมิตร”ลิ่นเซียวส่ายผมสีขาว แล้วมองดูนาง “มิตร?”อินชิงเสวียนดึงเขาออกไป“ก็คือพวกเราเอง
ในช่วงที่เกิดวิกฤติในต้าโจว ฝ่ายของเย่จิ่งหลานก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันหลังอาหารเย็น เขาได้พูดคุยกับชิงผิงชิงอาน แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้ จึงเข้าสู่สมาธิอีกครั้งเข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิต แต่ก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทั่วทั้งห้วงทะเลแห่งจิตเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ลั่วสุ่ยชิงร่างเปลือยเปล่า นั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล ขยับมืออยู่ตลอดเวลา ลมปราณแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในทันที!“แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เย่จิ่งหลานถามอย่างครอบงำมากลั่วสุ่ยชิงยังคงหลับตาแน่น มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก“นี่ ลั่วสุ่ยชิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นนางมีท่าทางแบบนี้ เย่จิ่งหลานก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ เสียงสะท้อนที่ชัดเจนฟังดูเหมือนน้ำใสในห้วงทะเลแห่งจิตก็ตอบกลับมา“เย่จิ่งหลาน มาช่วยข้าที ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในต้าโจว แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายของชิงฮุยอ่อนแอ แก่นวิญญาณของข้าได้กลับมาควบคุมร่างกายบางส่วนแล้ว เสี้ยววิญญาณนี้คือกุญแจสำคัญ ว่าเจ้าและข้าจะสามารถกลับไปได้หรือไม่”เย่จิ่งหลานได้ยินเสียงของลั่วสุ่ยชิงเป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น“เจ้าพูดได้แล้ว?”ลั่
ลิ่นเซียวตะโกนเสียงดัง ปราณกระบี่บนท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปราณกระบี่นับพันรวมตัวกันในที่จุดเดียวอีก และปราณกระบี่สีทองก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองพร่างพราว เทียบเคียงกับความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปราณกระบี่อันทรงพลังสามารถสะเทือนขุนเขา สะท้านสวรรค์!ช่างเป็นกระบี่ที่น่าตกใจจริงๆ!ใบหน้าของชิงฮุยแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเป็นครั้งแรกคนผู้นี้สมแล้วที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!ปราณโคจรไปทั่วร่าง มีหมอกสีดำลอยขึ้นมาทั่วตัว ร่างนั้นปรากฏขึ้นในหมอกรางๆ ดวงตาทั้งคู่เกือบจะเสียตาขาวไปทั้งหมด ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีดำ ซึ่งทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัว!เพียงชั่วพริบตา กระบี่ก็ร่วงหล่นและหมอกก็หายไปอากาศเงียบสงบอย่างน่าขนลุก ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่โจมตีอินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งในเหตุการณ์ ชิงฮุยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากลิ่นเซียววางมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนตระหง่านต้านสายลมอินชิงเสวียนดีใจ สำเร็จแล้ว!นางรีบวิ่งไปหาลิ่นเซียว“อา...”“อาจารย์!”วินาทีต่อมา ความประหลาดใจของอินชิงเสวียนกลายเป็นความตกใจหน้าอกของลิ่นเซียวกลายเป็นสีแดงเลือด มีเล