กงซวินอวิ๋นเฟิ่งตะโกนด้วยความโกรธว่า “บังอาจ ขืนกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะทำให้เจ้าตายอีกครั้ง”ศิษย์คนนี้เหมือนจะหวาดกลัวเล็กน้อย ถอยกลับไปหนึ่งก้าว“กงซวินฮูหยินจะฆ่าคนปิดปากงั้นหรือ”กระแสเสียงของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งเย็นชา“เจ้าเป็นลูกศิษย์ของอิ๋นเฉิง ควรคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมเป็นอันดับแรก จะทำร้ายผู้อื่นได้อย่างไร”ศิษย์ถอนหายใจ “เห็นได้ชัดว่าเป็นฮูหยินที่สั่งให้ข้าออกไปสู้ แต่ตอนนี้มาพูดกลับไปกลับมา ถ้าบอกเรื่องนี้กับเจ้าเมือง ไม่รู้ว่าเขาจะมองฮูหยินด้วยสายตาเช่นไร”“หุบปาก!”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งโจมตีทันที เนื่องจากกำลังภายในที่แข็งแกร่งทำให้เย่จิ่งอวี้ก็เลิกคิ้วน้อยๆเพราะเขามีรูปร่างใกล้เคียงกับศิษย์อิ๋นเฉิง เขาจึงสวมหน้ากากและมาทดสอบกงซวินอวิ๋นเฟิ่งเมื่อเห็นมือของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งเปล่งแสงสีเงิน เย่จิ่งอวี้ก็คิดในใจว่า ทุกคนในโลกต่างกล่าวว่ากงซวินอวิ๋นเฟิ่งมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม มีวรยุทธ์ธรรมดา ตอนนี้ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่น่าเชื่อถือ กงซวินอวิ๋นเฟิ่งซ่อนคมไว้โดยตลอด คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของนางไม่มีช่องโหว่เลย เย่จิ่งอวี้ยากจะบอกได้ในทันทีว่ากงซวิน
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นไม่เท่ากับว่าเราทำให้แหวกหญ้าให้งูตื่นหรอกหรือ”เย่จิ่งอวี้ตอบอืม“คงเป็นแบบนั้น”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว“คิดไม่ถึงว่ากงซวินอวิ๋นเฟิ่งที่อยู่ในเมืองจะลึกซึ้งขนาดนี้ หากเป็นเช่นนี้ ความสงสัยของนางจะเพิ่มขึ้นมาก”เย่จิ่งอวี้มองดูภรรยาของเขาแล้วพูดว่า “ถึงสงสัยไปก็ไร้ประโยชน์ หากหาหลักฐานไม่ได้ เราก็จัดการกับนางได้ยาก ตระกูลกงซวินทำการรักษามาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะในใจของศิษย์อิ๋นเฉิง หรือในสายตาของชาวบ้าน พวกเขาล้วนอยู่ในสถานะสูงส่ง”อินชิงเสวียนเริ่มรู้สึกท้อแท้“แล้วเราควรทำอย่างไรดี หรือจะไม่ทำอะไรเลย รอให้นางเผยพิรุธเองงั้นหรือ”ตั้งแต่มาอยู่ที่ต้าโจวนานขนาดนี้ อินชิงเสวียนเจอตัวร้ายมาไม่น้อย แต่ไม่เคยเห็นตัวร้ายอย่างกงซวินอวิ๋นเฟิ่งที่ไม่ยอมหลงกลอะไรเลย ชั่วครู่หนึ่งนางไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดีเย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ พูดว่า “ไม่ต้องกังวล ข้ามีวิธีอยู่ บางทีอาจทำให้กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงได้ แต่ต้องรอหลังการประลองยุทธ์ จึงจะสามารถทำได้”“วิธีอะไร”ดวงตาสีเข้มของอินชิงเสวียนเบิกกว้าง“ในโลกนนี้ไม่มีแม่คนใดที่ไม่รักลูก บางที
“ท่านพี่ ไม่อย่างนั้น...ท่านไปเกลี้ยกล่อมพี่หญิงเหมยเถอะ นางต้องเชื่อคำพูดของท่านแน่นอน”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งคว้าแขนของเฮ่อยวนเฮ่อยวนยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าคิดว่านางจะฟังคำพูดข้างั้นหรือ ไว้ค่อยคุยหลังการประลองยุทธ์ก่อนดีกว่า”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถอนหายใจ“พี่หญิงเหมยต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี อุปนิสัยย่อมต้องเปลี่ยนไปบ้าง ข้าหวังว่าท่านพี่จะเข้าใจนาง อดทนต่อนาง”เฮ่อยวนก้มศีรษะมองไปที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง ประกายในดวงตาสั่นไหว จากนั้นก็จับมือนางทันที“ได้มีภรรยาที่มีคุณธรรมเช่นนี้ เฮ่อยวนโชคดีอย่างยิ่งจริงๆ!”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม“เราเป็นคู่สามีภรรยากันมายาวนานแล้ว พูดเรื่องพวกนี้ทำไมกัน รีบกลับกันเถิด”ในอีกด้านหนึ่ง อินชิงเสวียนก็มาส่งเฮ่อฉางเฟิงกลับเช่นกันเมื่อมองดูแผ่นหลังของเขา เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจว่า “พี่เจ้าเป็นคนดีจริงๆ แต่มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ”อินชิงเสวียนถามว่า “เรื่องใดงั้นหรือ”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างสับสนว่า “ถ้าเราคำนวณตามเวลาการครองรักกัน เสวียนเอ๋อร์ก็ควรเป็นพี่สาวสิ ทำไมฉางเฟิงถึงกลายเป็นพี่ชายของเสวียนเอ๋อร์ไปได้”อินชิงเสวียนกลอกตามอง
หลังจากที่กลับจากตงหลิวตั้งแต่ตอนแรก หวังซุ่นสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นอกจากฆ่าชาวยุทธ์ชั่วสามคนนั้นที่รังแกเฉิงเฟิ่งโหลวในโรงเตี๊ยมแล้ว เย่จิ่งหลานไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นที่เกินขอบเขตเลยแต่วันนี้ กลับทำให้หวังซุ่นขนหัวลุกนี่คือการฆ่าอย่างทารุณที่แท้จริง!ด้วยวรยุทธ์ในปัจจุบันของเย่จิ่งหลาน การจัดการกับเศษสวะของยุทธภพนั้นทำได้ง่ายราวกับการดีดนิ้ว ไม่จำเป็นต้อนทรมานขนาดนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับศิษย์หญิงคนนั้นเลยขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่จิ่งหลานก็หันกลับมา ดวงตามืดมนส่องประกายวาวในความมืด จู่ๆ หวังซุ่นก็ตัวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ผงะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“นายท่าน...”เย่จิ่งหลานแยกเขี้ยวแสยะยิ้ม“กลัวอะไรเล่า เศษสวะแบบนี้ ไม่ควรสั่งสอนให้ดีหรอกหรือ”เขายกมือขึ้นคว้าคนผู้นั้น แล้วโยนอัดเข้ากับกำแพงหินอย่างแรงคนผู้นั้นพ่นเลือดออกมา ชีวิตดับลงในพริบตา จากนั้นเย่จิ่งหลานก็ลอยตามไป และเตะคนผู้นั้นลงจากหน้าผาราวกับเตะบอลหวังซุ่นพูดตะกุกตะกัก “อันที่จริง...ควรต้องสั่งสอนแล้ว!”เย่จิ่งหลานคำรามเสียงดัง ในใจรู้สึกมีความสุขท่วมท้น สะบัดแข
สิบห้านาทีต่อมาเหมยชิงเกอปรากฏตัวที่ประตูถ้ำหินที่พักชั่วคราวของอิ๋นเฉิง นางมองเห็นเฮ่อยวนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ไกลๆเขายืนไพล่หลัง มองขึ้นไปบนยอดต้นไม้ คิ้วทั้งคู่ขมวดเล็กน้อย สีหน้าเศร้าสร้อยเหมยชิงเกอไอเบาๆ“ดึกมากแล้ว ท่านยังไม่นอนหรือ”เมื่อได้ยินเสียงของเหมยชิงเกอ เฮ่อยวนก็ตัวชา หันขวับกลับมาทันที“ชิงเกอ เจ้ามาได้อย่างไร”เหมยชิงเกอหยุดเดิน น้ำเสียงเปลี่ยนจากความรุนแรงครั้งก่อน เป็นอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย“ข้านอนไม่หลับ เลยแวะมาดู”นางก้าวไปข้างหน้า ถอนหายใจเบาๆ “เฮ่อยวน บางที...ข้าผิดเองที่ไปโทษท่าน”เมื่อเห็นสีหน้าอันนุ่มนวลของเหมยชิงเกอ และท่าทางอ่อนโยน หัวใจของเฮ่อยวนก็เต้นรัว ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กอดเหมยชิงเกอไว้ในอ้อมแขน“ขอบใจนะชิงเกอ ในฐานะเจ้าแห่งอิ๋นเฉิง ข้าไม่สามารถหนีความผิดของเหตุการณ์นี้ได้ ยามนี้ศิษย์คนนั้นได้หลบหนีไปแล้ว คงอยู่เฉยไม่ได้นานนักหรอก ข้าได้คิดแผนล่องูออกจากรูแล้ว อีกไม่นาน เหตุการณ์นี้จะคลี่คลายความจริงจะปรากฏ”เมื่อพิงท่อนอกที่มั่นคงของเฮ่อยวน ร่างกายอันตึงเครียดของเหมยชิงเกอก็ค่อยๆ ผ่อนคลายนางมาที่นี่เพราะลูกสาวเกลี้ยกล่อม เมื่อได้ฟังเส
บนต้นไม้ อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งอวี้สบตากัน มีคำถามเกิดขึ้นในใจพร้อมกันคนนี้เป็นใครประตูเปิดออกดังเอี๊ยด กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเดินออกจากประตูแล้วถามด้วยน้ำเสียงสงบ “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ามีธุระอะไรหรือ”คนผู้นั้นโค้งคำนับ พูดด้วยสีหน้านอบน้อม “บ่าวพบสมุนไพรบนภูเขา ไม่รู้ว่าจะเก็บมันได้หรือไม่”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเหลือบมองเขา“สมุนไพรอะไร แล้วยาอยู่ที่ไหน”คนผู้นั้นชี้ไปทางทิศเหนือ“บนภูเขาลูกนั้น”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งพูดนิ่งๆ “ถึงแม้จะบอกว่าเป็นของป่า แต่ก็ยังต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าตำหนักเหมย เจ้ากลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะถามดูให้ ถ้านางอนุญาต ค่อยขุด”คนผู้นั้นรีบพูดว่า “รบกวนฮูหยินแล้ว บ่าวขอตัวก่อน”หลังจากพูดจบก็เดินกะโผลกกะเผลกออกไป หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็เรียกเขาอีก“เดี๋ยวก่อน ถึงอย่างไรข้าก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว ข้าจะไปดูกับเจ้าหน่อย สมุนไพรชนิดใดกันถึงทำให้เจ้าดีใจมากขนาดนี้”คนผู้นั้นไม่สามารถซ่อนความสุขได้ รีบยื่นแขนออกไปให้กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจับเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนกลั้นหายใจทันที เก็บงำกลิ่นอายทั้งหมด จากนั้นสองคนนั้นก็เดินช้าๆ ผ่านพวกเขาไปราวกับกำลังเด
ริมฝีปากของเย่จิ่งอวี้กดลงมาแล้ว“ข้าน่ะ คิดถึงเสวียนเอ๋อร์”กลิ่นที่คุ้นเคยหอมกรุ่นตีขึ้นจมูกทันที ราวกับว่าตัวเองกำลังถูกดูดเข้าไปในท้องของเขาอินชิงเสวียนหายใจหอบเล็กน้อย เรียวมืออ่อนนุ่มไร้กระดูกนั้นคว้าสาบเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว“อาอวี้...ระวัง...ลูก...”“ข้าจะอ่อนโยนนะ...”เย่จิ่งอวี้ตระกองกอดร่างอ่อนนุ่มมีกลิ่นหอมของอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขนของเขา สูดกลิ่นหอมแรงๆ และการสัมผัสที่เหมือนผ้าแพรไหมบนปลายนิ้วทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงจนแทบคลั่งความปรารถนาที่สะสมหลายวันทะลักล้นออกมา เพลิงแห่งความรักไม่อาจควบคุมได้...ค่ำคืนแห่งความรักทำให้อินชิงเสวียนเหนื่อยล้า เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ปกติฮ่องเต้หนุ่มควบคุมได้ตลอด หลายคืนที่ผ่านมาก็แค่นอนกอดตัวเองแล้วหลับไป ไม่เคยฝืนใจ แต่เพราะเหตุใดทำไมเมื่อวานถึงสูญเสียการควบคุมกะทันหัน?“เสวียนเอ๋อร์ แค่กๆ เมื่อคืนเจ้านอนหลับสบายไหม”เย่จิ่งอวี้แต่งตัวเรียบร้อย เดินเข้ามาจากประตูด้วยแววตารู้สึกผิดอินชิงเสวียนจ้องมองเขาอย่างงอนๆ“ท่านยังกล้าถามอีกนะ”นางโบกมือหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมา ซึ่งช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในร่างกายขอ
“ข้าไว้ใจอยู่แล้ว แต่เฟิงเอ๋อร์ไม่เคยต่อสู้กับใครเลย...”ก่อนที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจะพูดจบ เฮ่อฉางเฟิงก็ลุกขึ้นยืน“ไม่ต้องกังวลหรอกท่านแม่ ลูกเคยไปเป่ยไห่มาก่อน แม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วมในสงครามอย่างเป็นทางการ แต่ก็เคยต่อสู้กับผู้อื่น”เขายิ้มอย่างมั่นใจ แล้วกระโดดขึ้นไปบนแท่นประลองอินชิงเสวียนก็ยืนขึ้นเช่นกัน“ท่านแม่ รอบนี้ ให้ลูกสู้นะเจ้าคะ”เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดอีก อินชิงเสวียนตัดสินใจลงสนามต่อสู้ด้วยตัวเอง เพื่อทดสอบด้วยว่าเฮ่อฉางเฟิงมีเจตนาใดหรือไม่“นี่...”เดิมทีเหมยชิงเกออยากจะบอกว่านางไม่ใช่คนของตำหนักเทพ แต่อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าเบาๆ และจรดปลายเท้าลงที่แท่นประลองอย่างสง่างามแล้วเฮ่อฉางเฟิงยังคงสุภาพอ่อนโยน ประกบมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเล็กสบายดีหรือไม่ พี่ชายขอคำนับแล้ว”อินชิงเสวียนประกบมือคารวะกลับ สีหน้าอ่อนโยน“พี่ชายเกรงใจไปแล้ว ได้ประลองยุทธ์กับพี่ชาย เป็นความโชคดีของน้องเล็กแล้ว”จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็พูดเสียงดังว่า “วรยุทธ์ของแม่นางอินนั้นยอดเยี่ยมมาก ข้าเคยสัมผัสมาแล้วที่เป่ยไห่ ข้ารู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่นางอิน ต้องขอยอมแพ้แต่เพียงเท่านี้”