แชร์

บทที่ 1253 คิดแผนการ

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
ผืนหนึ่งเป็นสีเขียวมรกต ส่วนอีกผืนเป็นสีน้ำ บนผืนผ้ามีการปักดอกไม้ ซึ่งดูมีรสนิยมมาก

เฮ่อยวนรู้สึกไม่พอใจ

“ชิงเกอไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ผ้าพวกนี้ให้ชิงเสวียนใส่ค่อยพอไหวหน่อย”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งทำหน้าผิดหวัง ถอนหายใจเบาๆ “ดูเหมือนว่าข้ายังไม่เข้าใจพี่หญิงเหมยเท่าท่านพี่ งั้นพรุ่งนี้ข้าจะเลือกม้าเพิ่มอีกสองตัว”

เฮ่อยวนส่ายหัว

“ไม่ต้องหรอก ไว้ค่อยคุยกันหลังจบการประลองยุทธ์เถอะ!”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถามอีกครั้ง

“ท่านพี่จะสู้กับพี่หญิงไหม ในเมื่อเราในอิ๋นเฉิงไม่ได้ตั้งใจที่จะครอบครองวิถีแห่งสวรรค์เพียงลำพัง ทำไมท่านพี่ไม่พูดกับพี่หญิงเหมยให้ชัดเจนล่ะ แบบนี้เราจะได้หลีกเลี่ยงความลำบากจากการลงมือได้ คำโบราณว่าไว้ว่า กระบี่ไร้ตา ถ้าเกิดท่านพี่ทำร้ายพี่หญิงเหมย นางจะไม่โทษท่านอีกหรือ”

เฮ่อยวนหยิบถ้วยน้ำชาบนโต๊ะ แล้วจิบเบาๆ

“ไม่ การประลองยุทธ์นี้เป็นเพียงพิธีการ ข้าจะไม่สู้กับนาง”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งวางผ้าลง เติมชาให้เขา แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “แบบนี้ก็ไม่ดี พี่หญิงเหมยมีนิสัยเย่อหยิ่ง ถ้าท่านพี่จงใจยอมแพ้ พี่หญิงเหมยคงไม่รู้สึกดีเท่าไหร่”

เฮ่อยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “แล้วฮูหยินงคิดว่าเราควรท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1254 บอกความจริง

    ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ได้หิ้วตัวหันเจิงหมิงที่ถูกควบคุมตัวกลับไปที่ตำหนักเทพหอทองคำแล้วเมื่อเห็นเหมยชิงเกอที่อยู่ในวัยสาวดังเดิม หันเจิงหมิงก็ค่อนข้างประหลาดใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับคนในความทรงจำ ไม่ได้แก่ชราขึ้นเลยแม่แต่น้อยเมื่อมองดูผมสีขาวที่ตกลู่ลงมาของตัวเอง จู่ๆ ก็รู้สึกด้อยค่าตัวเองทันที“ศิษย์พี่หัน ทำไมท่านถึงจากไปกับฉีอวิ๋นจื่อ”เหมยชิงเกอเข้าใกล้อีกสองก้าว แล้วมองลงไปที่หันเจิงหมิงหันเจิงหมิงเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่ก็ย่อมได้ เอาหัวของเจ้าเด็กนี่ไปขอขมาที่หลุมศพท่านพ่อข้า แล้วข้าจะกลับมาที่ตำหนักเทพ”หันเจิงหมิงวิปลาสมานานกว่าสิบปี เขาติดอยู่ในโลกของตัวเองมาโดยตลอด และคำพูดก็ดูไร้เดียงสาดวงตาของอินชิงเสวียนเย็นชา แม้ว่านางจะเห็นใจที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ แต่ก็ไม่สามารถเสียสละชีวิตของสามีตัวเองได้ ดูว่าเหมยชิงเกอจะแก้ไขปัญหาอย่างไรเหมยชิงเกอยิ้มบางๆ และพูดว่า “คนผู้นี้เป็นลูกเขยของข้า อย่าเพิ่งพูดถึงว่าเขาทำถูกต้อง แม้ว่าเขาจะทำผิดจริงๆ ศิษย์พี่หันก็ตัดสินใจแทนไม่ได้ ผู้อาวุโสหันจับเจ้าตำหน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1255 งานประลองยุทธ์

    หลังจากถามคำถามเพิ่มเติมอีกหลายข้อ หันเจิงหมิงก็ไม่สามารถบอกอะไรได้ จากนั้นก็ถูกเย่จิ่งอวี้จี้สกัดจุดสลบ“ผู้ใดกันที่ใจร้ายขนาดนี้ ถึงขั้นข้าว่าร้ายและทำร้ายท่านแม่ข้าถึงเพียงนี้?”เหมยชิงเกอไม่ได้ใคร่ครวญนานนัก นางโบกมือด้วยท่างท่าอันน่าเกรงขามและพูดว่า “คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อพวกเขาเจตนาแอบแฝง เช่นนั้นในการประลองยุทธ์ระหว่างสองสำนักนี้ก็จะได้เห็นความจริงกัน”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย นี่สิถึงจะเรียกว่าท่วงท่าของเจ้าตำหนัก“ท่านแม่พูดถูก ในเมื่อเราไม่สามารถหาเบาะแสใดๆ ได้ ถึงแม้สถานการณ์ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด แต่หลักการพื้นฐานหรือสิ่งที่สำคัญควรคงที่ไว้”เหมยชิงเกอกล่าวว่า “ถูกต้อง ใครก็ได้ พาตัวหันเจิงหมิงไปขังไว้ที่คุกหิน ควบคุมตัวชั่วคราว หลังการประลองยุทธ์ แล้วค่อยพิจารณา”ศิษย์หลายคนช่วยกันพาตัวหันเจิงหมิงออกไปจากห้องโถงจื่อชี่ตงไหล เฟิงเอ้อร์เหนียงพูดอย่างกังวลว่า “ในเมื่อพวกเขามีเจตนาไม่ดี พวกเขาต้องฆ่าคนในวันประลองยุทธ์แน่นอน ศิษย์พี่ใหญ่ต้องระวังตัวด้วย”เย่จิ่งอวี้โค้งคำนับและพูดว่า “ถ้าท่านแม่เต็มใจ ลูกเขยขออาสาไปเป็นตัวแทนของตำหนักเทพ เข้าร่วมการ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1256 การประลองยุทธ์รอบแรก

    ฉุยอวี้ได้เดินขึ้นบันไดไปแล้ว นางยังคงสวมชุดสีดำ ทั้งเย็นชาและคล่องแคล่วนางยืนอยู่ตรงกลางแท่นสูง พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “วันนี้เป็นการประลองยุทธ์ในรอบห้าสิบปีระหว่าง ตำหนักเทพหอทองคำกับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ผู้ชนะจะได้ครอบครองสิทธิ์ในทางสู่วิถีแห่งสวรรค์เป็นเวลาห้าสิบปี ขอบคุณชายยุทธ์ทุกท่านที่มาร่วมงาน ณ ที่แห่งนี้ สำนักเราได้เตรียมน้ำชาและของว่างไว้แล้ว เชิญทุกท่านดื่มตามสบาย”นางหยุดชั่วครู่และพูดต่อ “การประลองยุทธ์เดิมเป็นการประลองยุทธ์ทางวรรณกรรมและทักษะการต่อสู้ แต่คราวนี้ตำหนักเทพเป็นเจ้าภาพ ทางเจ้าตำหนักได้ตัดสินใจยกเลิกการประลองวรรณกรรม ใช้วรยุทธ์ตัดสินฟ้าดินโดยตรง ไม่ทราบว่าเจ้าเมืองเฮ่อมีข้อสงสัยอะไรหรือไม่”เฮ่อยวนตกใจเล็กน้อย กฎนี้สืบทอดกันมาหลายปีแล้ว ทำไมวันนี้จู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปแต่ในเมื่อเหมยชิงเกอเสนอเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยสัญญากับเหมยชิงเกอว่าเขาจะหาผู้บงการเบื้องหลังโดยเร็วที่สุด แต่จนป่านนี้ยังไม่มีเบาะแสเลย ด้วยเหตุนี้ในสองวันที่ผ่านมาเขาจึงไม่กล้ามาที่ตำหนักเทพ เพราะกลัวเหมยชิงเกอจะโกรธ ไม่ยอมมาเจอเขาอีกเขาจัดแจง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1257 ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วหรือไม่

    ทางด้านตำหนักเทพได้ส่งฮั่วเทียนเฉิงออกไป คนผู้นี้มีทักษะวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง มีจิตใจสุขุม นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีจริงๆอินชิงเสวียนที่อยู่อีกด้านก็พยักหน้า ค่อนข้างพอใจกับการเลือกของแม่ ดังนั้นนางจึงหยิบเฟรนช์ฟรายส์ขึ้นมากิน พร้อมชมความตื่นเต้นไปด้วยฆาตกรต้องจัดการกับเหมยชิงเกอ ดังนั้นในการประลองสองรอบแรกจึงไม่ต้องวิตกนักชาวยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังต่างตื่นเต้นมาก สองสำนักชั้นนำในยุทธภพกำลังประลองยุทธ์กัน นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเขาแทบอยากได้ไม้สองอันมาถ่างดวงตาให้เบิกกว้างไว้ เพราะกลัวว่าจะพลาดช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมไปมีเพียงอาคันตุกะเท่านั้นที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก เมื่อผู้อาวุโสหันยังมีชีวิตอยู่ เขาต้องการให้พวกเขาเข้าร่วมการประลองยุทธ์ แต่เหมยชิงเกอกลับเปลี่ยนใจ ทุกคนจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์โชคดีที่เหมยชิงเกอรับปากว่าจะเปิดหอตำราสะสม อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปศึกษาได้ตามต้องการ ดังนั้นความไม่พอใจของทุกคนจึงลดลงบ้างบนแท่นประลอง ฮั่วเทียนเฉิงประกบมือคำนับคู่ต่อสู้“ข้าชื่อฮั่วเทียนเฉิงจากตำหนักเทพ มารับการชี้แนะวรยุทธ์ของอิ๋นเฉิงโดยเฉพาะ หวังว่าน้องชายน้อยจะเมตตาด้วย”นี่ย่อมเป็น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1258 นี่คือความจริงใจของท่านที่มีต่อข้า

    ตำหนักเทพหอทองคำถูกผูกไว้ว่าต้องชนtเพื่อทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ดังนั้นฮั่วเทียนเฉิงย่อมไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อยู่แล้ว เขายกมือขึ้นจี้สกัดจุดเพื่อหยุดเลือดของตัวเองไม่ไหลออกอย่างรวดเร็วเขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าคนแซ่ฮั่วไม่ได้ล้มจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้อย่างไร ลงมือเถอะ”“ศิษย์พี่ฮั่ว!”เฟิงเอ้อร์เหนียงยืนขึ้นอย่างกระวนกระวายใจเมื่อเห็นฮั่วเทียนเฉิงเลือดออก ใบหน้าของเหมยชิงเกอดูไม่ดีนัก เพียงแต่อาวุธไร้ตา แม้ว่าความสงบสุขจะต้องมาก่อน แต่ในการต่อสู้ที่แท้จริง จะมีปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้มากมายส่วนผู้ที่ตรงข้าม สีหน้าของเฮ่อยวนก็มืดลงเช่นกัน“เหตุใดคนผู้นี้ถึงลงมือไม่รู้จักหนักเบา”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งขมวดคิ้วและพูดว่า “ใช่ ศิษย์คนนี้เป็นศิษย์ของใครกันแน่ เมื่อกลับอิ๋นเฉิง ต้องสั่งสอนให้รู้เรื่องแล้ว”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ศิษย์อิ๋นเฉิงบนแท่นประลองก็ลงมืออีกครั้งฮั่วเทียนเฉิงไม่กล้าที่จะประมาท กระบี่เปล่งประกายด้วยแสงสีม่วง ศิษย์ของอิ๋นเฉิงก็มีแสงสีขาวออกมาจากขอบกระบี่เช่นกัน และพลังของกระบี่ก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆอินชิงเสวียนรู้สึกไม่ค่อยดี ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อาอวี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1259 ฮั่วเทียนเฉิงเสียชีวิต

    “ท่านแม่อย่าเพิ่งผลีผลาม เกรงว่าเรื่องนี้จะมีเหตุผลอื่นซ่อนเร้นอยู่”อินชิงเสวียนก้าวเข้ามายืนขั้นกลางระหว่างคนทั้งสอง นิ้วเรียวยาวนี้บีบข้อมือของเหมยชิงเกอ การที่ถูกจองจำนานกว่าสิบปี ทำให้เหมยชิงเกอไม่เพียงแต่มีอารมณ์รุนแรงสุดโต่งเท่านั้น แต่ยังบ้าคลั่งและโกรธแค้นมากอีกด้วยอินชิงเสวียนสามารถเข้าใจสิ่งที่นางกำลังเผชิญได้ แต่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนาง เนื่องจากมีคนจงใจต้องการทำร้ายเหมยชิงเกอ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะใช้กลอุบายบางอย่างกับศิษย์เหล่านั้นเมื่อเห็นว่าเป็นลูกสาวของนาง เหมยชิงเกอจึงค่อยๆ ดึงมือออก มองเฮ่อยวนด้วยสายตาเย็นชา“ตำหนักเทพหอทองคำประลองยุทธ์กับอิ๋นเฉิงมาหลายปีแล้ว ไม่เคยมีผู้เสียชีวิตเลย หากวันนี้ท่านไม่มีคำอธิบายให้แก่ข้า ก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตออกไปจากตำหนักเทพหอทองคำได้”เมื่อเฮ่อยวนเงยหน้าขึ้น ศิษย์อิ๋นเฉิงที่เคยประลองยุทธ์กันมาก่อนก็หายตัวไปแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล หากไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนได้ ทั้งสองสำนักอาจไม่สามารถยอมลงให้กันได้คราวนี้ได้ยินเสียงชัดเจนพูดว่า “ท่านพ่อกำลังมองหาคนนี้อยู่หรือ”เย่จิ่งอวี้ไม่รู้ว่าเขาออกจากแท่นประลองเม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1260 ยิ่งผู้หญิงอ่อนโยนก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะหลอกคน

    ใบหน้าของเฮ่อยวนมืดลงทันที“อวิ๋นเฟิ่ง เจ้าสะเพร่าขนาดนี้ได้อย่างไร”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งหิ้วร่างของคนผู้นั้น แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นใคร หากกล้าทำลายมิตรภาพระหว่างอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพ ก็ไม่อาจปล่อยให้รดอได้ ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ข้าจะสืบหาต้นตอของเขาอย่างแน่นอน หาคำอธิบายให้พี่หญิงเหมย”เดิมทีทุกคนในตำหนักเทพเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่ออิ๋นเฉิง แต่เมื่อเห็นกงซวินอวิ๋นเฟิ่งฆ่าศิษย์คนนั้นด้วยมือตัวเอง ความโกรธของทุกคนก็ลดลงอย่างมากอินชิงเสวียนหรี่ตาลงเล็กน้อย นางต้องบอกว่ากงซวินฮูหยินมีกลอุบายบางอย่าง สิ่งที่นางพูดนั้นสมเหตุสมผล เป็นเรื่องยากที่จะจับผิดได้ แต่ถ้าสังเกตให้ละเอียดรอบคอบแล้ว เมื่อบุคคลนี้เสียชีวิต ระหว่างเหมยชิงเกอกับเฮ่อยวนก็ยิ่งมีเรื่องราวสับสนซึ่งยากต่อการคลี่คลาย“ชิงเกอ ข้า...”เฮ่อยวนต้องการอธิบาย แต่เมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดของเหมยชิงเกอ เขาก็กลืนคำพูดกลับคืนทันทีเหมยชิงเกอสะบัดเสื้อคลุม แล้วพูดกับทุกคนว่า “สำหรับวันนี้พอเท่านี้ การประลองยุทธ์จะดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้ ชาวยุทธ์ทุกคนสามารถพักอยู่ที่ตำหนักเทพอีกหนึ่งวัน เรื่องที่อยู่ที่กิน ตำหนักเทพจ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1261 เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ

    ในยามราตรีร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้นในที่พักชั่วคราวของชาวเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงภายในถ้ำ ผู้อาวุโสกงซวินมองดูศพบนพื้นด้วยสีหน้ากังวล“ศิษย์คนนี้ใช้สิ่งของของอิ๋นเฉิงจริงๆ แต่เรากลับไม่รู้จัก เรื่องนี้ค่อนข้างน่าสงสัยไปหน่อย”ผู้อาวุโสฉางชิวเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ฮั่วเทียนเฉิงยังเป็นศิษย์สายตรงของตาเฒ่าจิน มีสถานะที่สูงมากในตำหนักเทพ เกรงว่าเจ้าตำหนักเหมยจะไม่หยุดแค่นี้”เขาเหลือบมองเฮ่อยวนแล้วพูดว่า “ถ้าหากต้องการแก้ไขความขุ่นเคืองนี้ เกรงว่าเจ้าเมืองจะต้องออกหน้าด้วยตนเองแล้ว”เฮ่อยวนพูดด้วยสีหน้ายุ่งยากใจว่า “เดิมทีชิงเกอก็มีอารมณ์รุนแรงอยู่แล้ว ถ้าข้าไปตอนนี้ ไม่เพียงจะไม่ส่งผลดี แต่กลับทำให้นางพาลโกรธมากขึ้น มีแค่ต้องรอหลังการประลองยุทธ์ค่อยว่ากันอีกที พรุ่งนี้ข้าจะส่งลูกศิษย์ที่เชื่อถือได้ ส่วนคนผู้นี้ เมื่อกลับอิ๋นเฉิงแล้วต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”ผู้อาวุโสหลักอีกสองคนพยักหน้าพร้อมกัน การมีบุคคลที่ไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามเช่นนี้มาปะปนในอิ๋นเฉิง มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยผู้อาวุโสกงซวินมองดูท้องฟ้าแล้วพูดว่า “นี่ก็ดึกแล้ว วันนี้เราสงบสติอารมณ์และพักผ่อนให้สบายกันก่อนเถอะ อว

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status