เมื่อฟังคำรักอันหวานซึ้งของฮ่องเต้หนุ่ม อินชิงเสวียนรู้สึกอ่อนหวานในใจ“อาอวี้ ขอบคุณนะ”เย่จิ่งอวี้ก้มศีรษะลง แล้วลูบปลายจมูกของอินชิงเสวียนเบาๆ“เด็กโง่ เกรงใจข้าทำไม เจ้าก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบพักผ่อนเร็วเถอะ”เขานอนลงข้างๆ อินชิงเสวียน โอบหญิงสาวร่างบางไว้ในอ้อมแขนอินชิงเสวียนซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้เหมือนลูกแมว นางอ้าปากหาว“ถ้าอย่างนั้นข้าจะนอนจริงๆ แล้วนะ”“นอนเถอะ พักผ่อนดีย่อมเป็นผลดีต่อลูก”เย่จิ่งอวี้รออยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ยินหญิงสาวพูดอะไรอีก ฟังเสียงลมหายใจอันสม่ำเสมอของนาง จึงรู้ว่านางผล็อยหลับไปแล้วเขาลูบหลังนางเบาๆ เหมือนลูบหลังเด็ก อดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงรูปร่างหน้าตาของลูกสาวในอนาคตคงผิวขาวราวไข่ปอกเหมือนนาง เฉลียวฉลาดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายแบบไหนจะคู่ควรกับลูกสาวที่รักของเขาเมื่อนึกถึงว่าในอนาคตต้องส่งมอบลูกสาวที่เขาฟูมฟักเลี้ยงดูมานานหลายปีให้กับชายแปลกหน้าคนอื่น เย่จิ่งอวี้รู้สึกตงิดๆ ใจเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวแต่งงาน เว้นแต่อีกฝ่ายคือชายที่นางรักอย่างสุดซึ้ง ไม่งั้นใครก็อย่าคิดจะมาแหย็ม หลังจากคิดฟุ้งซ่านอยู่พักหนึ่ง เขาก็หล
ฉีอวิ๋นจื่อจ้องมองด้วยตาข้างเดียว มองไปยังสถานที่ที่เฮ่อยวนหายตัวไปด้วยสายตาเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแค่เหมยชิงเกอเสียชีวิตไปคนเดียว เขากลับคิดจะสละทางสู่วิถีแห่งสวรรค์จริงไป ผู้ชายแบบนี้ ช่างทำให้นางผิดหวังจริงๆยิ่งไปกว่านั้นเหมยชิงเกอยังไม่ตาย ถ้าเฮ่อยวนรู้เรื่องนี้ เกรงว่าแม้แต่อิ๋นเฉิงก็ยินดีจะมอบให้คนอื่นไปได้ยินมาว่าสถานที่จัดการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ถูกกำหนดให้จัดอยู่ที่ตำหนักเทพหอทองคำ เฮ่อยวนต้องสืบข่าวเรื่องเหมยชิงเกอแน่ๆ ดูเหมือนว่านางจะต้องกลับไปที่ตำหนักเทพ ไปพบกับผู้อาวุโสหันสักครั้งขณะที่ยังฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ ฉีอวิ๋นจื่อมองไปรอบๆ และเดินเข้าไปในป่าหมอกอย่างรวดเร็วเมื่อมาถึงตลาด ฉีอวิ๋นจื่อมีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไป ตอนนี้นางดูเหมือนอายุสามสิบกลางๆ แม้ว่าใบหน้าจะมีริ้วรอยแห่งวัยเล็กน้อย เมื่อพิจารณาจากใบหน้า หากเด็กกว่านี้สักสิบปี ความงดงามของนางคงมิอาจทำให้ใครลืมเลือนนางเดินไปรอบๆ ตลาดเหมือนคนธรรมดา และไม่นานก็เดินออกจากเมืองเล็กหลังจากออกจากเมือง ฉีอวิ๋นจื่อก็ใช้วิชาตัวเบา ตรงไปที่ยอดเขาบรรจบสวรรค์ในตำหนักเทพเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ผู้คนภายใต้ดวงอ
ห่างออกไปหลายสิบลี้ ดูเหมือนเฮ่อยวนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง และจู่ๆ ก็มีความอบอุ่นที่ระเบิดขึ้นในหูข้างขวาคนโบราณมักพูดว่า ถ้าหูอุ่นขึ้น แสดงว่ามีคนเรียกชื่อของเจ้าอยู่ แต่เฮ่อยวนไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลยเขาเดินตามถนนบนภูเขาที่อยู่ตรงหน้า เดินเข้าไปในหุบเขาลึกๆ ดูเหมือนว่าเขากำลังเดินเล่นสบายๆ แต่ไม่ใช่แค่การเดินธรรมดาเท่านั้น ที่นี่มีค่ายกลที่อิ๋นเฉิงวางเอาไว้ เว้นแต่จะมีใครนำทางมา ไม่เช่นนั้นก็คงจะติดอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงไม่ได้ส่งคนมาอารักขาประมาณสิบห้านาที ยอดเขาสูงตระหง่านก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าเฮ่อยวนยืนอยู่ที่ตีนเขา มองดูอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ดึงพลังลมปราณขึ้นมา และทะยานขึ้นไปราวกับนกตัวใหญ่ หลังจากนั้นอีกสามอึดใจ เขาก็ขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วบนยอดเขามีก้อนหินขนาดใหญ่หนึ่งก้อน สูงหลายจั้ง บนก้อนหินแกะสลักด้วยลวดลายที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง และมีประตูหินขนาดใหญ่สองบาน ที่สามารถให้คนเดินเข้ามาพร้อมกันได้มากกว่าสิบคนขณะนี้ ประตูหินทั้งสองถูกปิดผนึก แทบไม่มีช่องว่างระหว่างประตูหินเหล่านี้ มีชาวยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องการอ้างสิทธิ์ของตนเองในการขึ้นทางสู่วิถีแห่งสวร
“บ้าเอ๊ย”เย่จิ่งหลานสบถสาปแช่งเสียงดังลั่น จากนั้นแยกเขี้ยวยิงฟัน ขยับมือขวาไปมาเจ็บจริงๆถ้าเขาไม่เหลือกำลังภายในไว้ปกป้องแขนของตัวเอง เกรงว่าแขนข้างนี้คงจะพิการไปแล้ว“นายท่าน ท่านไม่เป็นไรนะ”หวังซุ่นลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเย่จิ่งหลานกัดฟันแล้วพูดว่า “ยังไม่ตาย”เขาสะบัดแขนอีกสองครั้ง จากนั้นใบหน้าที่ดุร้ายก็ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม จากนั้นก็ล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า จุดอย่างชำนาญ สูดเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ของสิ่งนี้ทุบยากยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไม่ใช่ของที่จะจัดการได้ง่ายจริงๆ”“ใช่ไหมล่ะ ท่านควรจะนั่งพักสักพักดีกว่า ไว้เราค่อยคิดหาทางใหม่”หวังซุ่นใช้แขนเสื้อเช็ดบนแท่นหินข้างๆ จนสะอาด แล้วค่อยๆ พยุงเย่จิ่งหลานไปนั่งที่หินเย่จิ่งหลานไม่ยอมรับความจริง เขาโบกมือ และหยิบสว่านไฟฟ้าแบบชาร์จได้ออกมาจากมิติ“ข้าไม่เชื่อว่าสิ่งนี้ไม่สามารถงัดแงะเปิดได้ แม้ว่าจะทำจากเหล็ก ข้าก็จะเจาะรูให้ได้”หวังซุ่นเคยเห็นความร้ายกาจของสิ่งนี้แล้ว ในตอนที่สร้างเรือในเป่ยไห่ เย่จิ่งหลานใช้สิ่งนี้บ่อยครั้ง แน่นอนว่าแลกมาด้วยคะแนนสะสมของอินชิงเสวียน คะแนนสะสมในปัจจุบันของเขา สามารถรักษาสถานการณ์ปัจจุบันใ
“ที่นี่แหละ”อินชิงเสวียนชี้ไปที่ด้านข้างของภูเขา แล้วกระซิบสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากลำธารที่นางได้พบกับอินหลี นางค้นพบสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ อย่างไรก็ตามหน้าผาค่อนข้างสูงชัน อาจต้องใช้ความพยายามพอสมควรถึงจะปีนขึ้นได้เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้นมองและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีปัญหา ขึ้นหลังข้าสิ”“นี่...ได้จริงๆ หรือ”อินชิงเสวียนถามอย่างไม่แน่ใจหน้าผาเกือบจะเป็นเส้นตรง ที่ให้ปีนป่ายก็ไม่มีมากนัก“งั้นเอาแบบนี้ ข้าขึ้นหลังอาอวี้ก่อน แล้วเข้าไปในมิติ แบบนี้ก็ไม่ต้องหนักแล้ว หลังจากอาอวี้ถึงยอดเขาแล้ว ข้าค่อยออกมา”“ไม่ลำบากขนาดนั้น ข้ายังมีความมั่นใจอยู่บ้าง มาเถอะ”เย่จิ่งอวี้ย่อตัวลงเล็กน้อย อินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ปีนขึ้นไปบนหลังของเขา“เข้าที่แล้วนะ”เย่จิ่งอวี้ดึงพลังลมปราณขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดขึ้นไปหนึ่งจั้ง มือทั้งสองยึดข้างจับแง่หิน จากนั้นก็เหนี่ยวกายปีนขึ้นไปอีกหลายเมตรคนทั้งคนดูเบาราวกับปุยนุ่น เหมือนไร้น้ำหนักอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะจุ๊ปากด้วยความประหลาดใจบางทีนางอาจจะทำได้ แต่ก็ไม่กล้าลองทำง่ายๆ ลำพังแค่ความสูงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำ
ทั้งสองมองหน้ากัน นัยน์ตาฉายแววตกใจสุดขีดแม้ว่าจะมีการคาดเดากันมาก่อน แต่ถึงอย่างไรการคาดเดาและความจริงก็เป็นคนละเรื่องกัน คิดไม่ถึงว่าตู้เยี่ยนจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!ฉีอวิ๋นจื่อก็ตกใจเช่นกัน“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าคือตู้เยี่ยนใช่หรือไม่”ฉางเฮิ่นเทียนค่อยๆ ยกมือขึ้น ในพริบตาเดียว เขาก็ซัดฝ่ามือโจมตีออกไปหลายครั้งรูม่านตาของฉีอวิ๋นจื่อหดลงทันทีเพียวเหมี่ยวสิบแปดท่า!เคล็ดวิชาลับนี้มีเพียงเจ้าเมืองและรองเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงเท่านั้นถึงจะสามารถร่ำเรียนได้ บุคคลนี้ไม่อาจเป็นเพียงคนครัวธรรมดาฉีอวิ๋นจื่อมองขึ้นลงซ้ายและขวาอย่างพิจารณา“ถ้าเจ้าเป็นตู้เยี่ยน อย่างน้อยต้องมีอายุสี่สิบปี ทำไมถึงดูเด็กขนาดนี้”ฉางเฮิ่นเทียนพูดนิ่งๆ “ในเมื่อเจ้ารู้จักอิ๋นเฉิงเป็นอย่างดี เช่นนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือว่ามีวรยุทธ์ในอิ๋นเฉิง วิชานี้คือวิชาต้องห้ามอิ๋นเฉิง สามารถทำให้วิญญาณของคนออกจากร่าง และย้ายไปสู่ร่างใหม่ได้”สีหน้าของฉีอวิ๋นจื่อเปลี่ยนไปอีกครั้งตอนที่นางอยู่ในอิ๋นเฉิงเคยได้ยินเรื่องศาสตร์วิชาที่ชั่วร้ายนี้เช่นกัน ได้ยินว่ามันถูกซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์ หากคนผู้นี้คือตู้เยี่ยนจริงๆ ก
เมื่อได้ยินฉีอวิ๋นจื่อเอ่ยคำว่าแม่ เย่จิ่งอวี้จำต้องชักมือกลับ เพราะถึงอย่างไรที่นี่คือเขตพื้นที่ของเหมยชิงเกอ เขาไม่ต้องการทำให้อินชิงเสวียนกับแม่ของนางมีเรื่องบาดหมางกันเพราะเขาอินชิงเสวียนไม่สนใจคำพูดไร้สาระของฉีอวิ๋นจื่อโดยสิ้นเชิง กว่าจะจับตัวตู้เยี่ยนได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉะนั้นจึงต้องจัดการเขาให้ได้ในคราวเดียวฝังโลหิตที่อยู่ในตัวเย่จิ่งอวี้นั้น เป็นภัยคุกคามมาตั้งแต่ต้นจนจบนางหันหลังกลับ ผ่านร่างของฉีอวิ๋นจื่อไป และซัดฝ่ามือใส่ฉางเฮิ่นเทียนศาสตร์วิชาอันชั่วร้ายเช่นนี้ ต้องไม่ให้เผยแพร่ไปทั่วโลกเด็ดขาดในเวลาเดียวกันฉีอวิ๋นจื่อก็ใช้ฝ่ามือโจมตีไปยังอินชิงเสวียน วิชาฝังโลหิตสามารถแยกตัวออกจากพันธนาการของกายเนื้อร่างเดิมได้ ศาสตร์ที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ผู้ใดบ้างจะไม่อยากครอบครอง หากสามารถเรียนรู้ศาสตร์นี้ได้ เช่นนี้ก็จะสามารถออกจากร่างเดิมได้ และเป็นไปไม่ได้ที่เฮ่อยวนจะไม่ชอบร่างกายในวัยที่อ่อนเยาว์กว่าเย่จิ่งอวี้ไม่มีทางยอมให้อินชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ขยับมือทำท่าดัชนีกระบี่ ชี้ไปที่หลังคอของฉีอวิ๋นจื่อฉีอวิ๋นจื่อพร้อมที่จะโจมตีอย่างรุนแรงเพื่อหยุดอินชิง
ฉีอวิ๋นจื่อถอนหายใจพูดว่า “แม่นางอิน เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าจะอยากครอบครองวรยุทธ์ที่แสนชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร ที่ทำเพราะไม่อยากทำให้มือของเจ้าสกปรกจริงๆ”ฉุยอวี้ถามด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”อินชิงเสวียนกล่าวอย่างเย็นชา “เกรงว่าพวกท่านยังไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของฉางเฮิ่นเทียนกระมัง แซ่เดิมของเขาคือตู้ และชื่อเดียวคือเยี่ยน บุคคลนี้ฝึกฝนศาสตร์ชั่วร้าย ศาสตร์นี้มีผลทำให้คนหลุดพ้นจากกายเนื้อเดิมย้ายไปร่างกายใหม่ บรรลุชีวิตนิรันดร์ ย้อนกลับไปตอนที่อยู่เป่ยไห่ เราเห็นเขาตายอย่างอนาถด้วยตาของเราเอง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้ศาสตร์จักจั่นลอกคราบนี้ และกลายเป็นฉางเฮิ่นเทียนในวันนี้”เหมยชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย“ตู้เยี่ยน? ฉางเฮิ่นเทียน...เขาเป็นรองเจ้าเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง? เป็นไปได้อย่างไร ตู้เยี่ยนตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้วไม่ใช่หรือ”อินชิงเสวียนดูตกตะลึงเล็กน้อย“เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง? เขามาจากเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง?”เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็หรี่ลงเล็กน้อยเขารู้เพียงว่าครั้งหนึ่งตู้เยี่ยนเคยเป็นราชครูอยู่ในวังหลวง จากนั้นได้เข้าไปในหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทำไม