ดูเหมือนว่าร่างกายถูกติดอยู่กับอะไรบางอย่าง ไม่สามารถหลุดพ้นได้เลย ความรู้สึกสิ้นหวังอันลึกซึ้งแล่นออกมาจากหัวใจของโมริตะคาวาสึบาเมะของสิ่งนั้นที่มากระทบแขนช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ถ้าโดนหัว หัวของเขาจะไม่แตกหรือเมื่อเห็นรูดำของปืนชี้มาที่เขา โมริตะคาวาสึบาเมะก็รู้สึกว่าผมตั้งชึ้นขึ้น รู้สึกเสียวสันหลังวาบเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการลงโทษความชั่วร้ายจากวิถีแห่งสวรรค์ แต่ในขณะนี้ มีความทรมานและความกลัวที่อธิบายไม่ได้นั้นพลันเกิดขึ้นในใจอย่างไรก็ตาม เย่จิ่งหลานยังคงเล็งเป้ามา พึมพำกับตัวเอง“ยิงตรงไหนดีนะ ให้เจ้าหมานี่ตายง่ายๆ ในวันเดียว เกรงว่าจะสบายไปหน่อยกระมัง”หน้าผากของโมริตะคาวาสึบาเมะมีเหงื่อออกอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งความตายก็ไม่น่ากลัวนัก บางทีช่วงที่ตายนั้น อาจไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดด้วยซ้ำสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความทุกข์ทรมานจากการรอคอยความตาย ความอัปยศอดสูและการทรมานอย่างโจ่งแจ้ง“ช้าก่อน”เมื่อเย่จิ่งหลานเล็งปืนไปที่เขา โมริตะคาวาสึบาเมะก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปเย่จิ่งหลานทำเหมือนจะตกใจ ทนทีที่สะบัดข้อมือ ปืนก็ดังปังข้อเท้าของโมริตะคาวาสึบาเมะ
เย่จิ่งหลานเลิกคิ้ว“ในเมื่อเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเป็นสำนักถือสันโดษ ทำไมถึงให้เจ้าแอบเข้าไปอย่างง่ายดายขนาดนี้”โมริตะคาวาสึบาเมะกล่าวว่า “แม้ว่าอิ๋นเฉิงจะถือเป็นสำนักอันดับต้นๆ ในจงหยวน แต่ก็ยังแตกต่างจากสำนักทั่วไปเล็กน้อย เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ แม้ว่าทุกคนจะรู้วรยุทธ์ แต่ก็ไม่ต่างจากชาวบ้านธรรมดา ฉะนั้นจึงแอบเข้ามาได้ง่าย”เย่จิ่งหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจ้าแอบขโมยวิชาฝังโลหิตมาจากอิ๋นเฉิงงั้นหรือ นั่นไม่ถูกสิ หากเจ้ามีชีวิตอยู่นานกว่าร้อยปี อย่างไรก็ต้องใช้หลายศพ แล้วก่อนหน้านี้เจ้าใช้อะไรประคองวิญญาณ”โมริตะคาวาสึบาเมะแค่นเสียงพูดว่า “ร่างอื่นที่ข้ากำลังพูดถึงคือร่างกายดั้งเดิมของข้า หากกำลังภายในแข็งแกร่งพอที่จะรักษาพลังชีวิตของตัวเองไว้ได้ การมีชีวิตอยู่สามถึงห้าร้อยปีก็ไม่ใช่ปัญหา น่าเสียดาย ร่างกายของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถฟื้นตัวได้ จึงต้องยอมเสี่ยง กลับไปยังจงหยวนเพื่อหาทางรักษา บังเอิญเป็นการเปิดเมืองอิ๋นเฉิงพอดี ทำให้ข้าได้ฉวยโอกาส ต่อมาเมื่อตระกูลโมริตะให้กำเนิดลูกชาย ข้าก็ได้ใช้วิชาฝังโลหิตกับเขา เพื่อรอโอกาสที่จะยึดร่างของเขา”เย
กระบองไฟฟ้าของเย่จิ่งหลานกระทบร่างของโมริตะคาวาสึบาเมะอีกครั้ง“เจ้าบอกว่าไม่มีทางแก้ไขไม่ใช่หรอกหรือ คราวนี้กลับบอกว่าได้?”โมริตะคาวาสึบาเมะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ถึงจะเอาเปลือกตาที่กลอกขึ้นลงได้“ในเมื่อมันเป็นศาสตร์ของพวกเขา แล้วทำไมจะแก้ไม่ได้ แม้ว่าจะแก้ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ต้องมีวิธีที่จะยับยั้ง”เย่จิ่งหลานปิดกระบองไฟฟ้า แล้วหมุนไปมาบนมือ“จะแก้ไขได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญสำหรับข้า แต่เจ้าจะบอกให้ฟังก่อนก็ได้”โมริตะคาวาสึบาเมะรีบพูดว่า “เจ้าเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงและธิดาเทพแห่งตำหนักเทพมีความรักให้กัน ต่อมาพวกเขาคิดว่าธิดาเทพตายแล้ว จึงปิดเมือง ความจริงแล้วธิดาเทพยังมีชีวิตอยู่ ถูกขังอยู่ในตำหนักเทพ หากเจ้าเมืองเฮ่อยวนรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องดีใจแน่ๆ แม้ว่าเจ้าไม่ต้องการแก้ไขวิชาฝังโลหิต เขาก็จะพยายามช่วยเจ้าเต็มที่”เย่จิ่งหลานยกมือขึ้น และฟาดกระบองอีกครั้ง“ไอ้สารเลว ในเมื่ออิ๋นเฉิงถูกปิดแล้ว แล้วข้าจะไปหาเขาได้ที่ไหน หากเจ้าแค่พูดไร้สาระ ข้าจะช่วยให้เจ้าไปพบยมบาลซะ”โมริตะคาวาสึบาเมะกระตุกอีกครั้ง ในหัวคิดอยากถลกหนังของเย่จิ่งหลานนับครั้งไม่ถ้วน“แล้วเจ้าต้องการอะไรล่ะ”
ทันทีที่โมริตะคาวาสึบาเมะเห็นหวังซุ่น เขาก็ด่าสาดเสียเทเสีย หวังซุ่นก็ไม่เกรงใจ พุ่งปราดเข้าไปต่อยเขาหลายครั้ง“เจ้าหมาแก่ คนที่ทำร้ายอาจารย์ข้าต้องเกี่ยวกับเจ้า”การต่อยเหล่านี้ไม่ทำให้โมริตะคาวาสึบาเมะรู้สึกเจ็บปวดหรือคันเลย แต่เป็นการดูถูกอย่างยิ่งเขาโกรธมากจนตาโปน ก่นด่าว่า “เจ้ามันคนทรยศบ้านเมือง”เย่จิ่งหลานขัดจังหวะทั้งสองคน“เอาล่ะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว จะถ่ายทอดวรยุทธ์อย่างไร ก็เร็วเข้า ความอดทนของข้ามีจำกัด ข้าไม่มีเวลาชักช้ากับเจ้า”โมริตะคาวาสึบาเมะระงับความโกรธชั่วคราว มองเย่จิ่งหลานแล้วพูดว่า “เจ้าจะรับประกันอย่างไรว่าเจ้าจะปล่อยข้าไป”เย่จิ่งหลานพ่นควันออกมา พูดอย่างใจเย็น “เจ้าต้องการหลักประกันอะไร สาบาน หรือเขียนเอกสารก็ได้ทั้งนั้น”โมริตะคาวาสึบาเมะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นมาพร้อมกัน ก่อนอื่นเจ้าต้องสาบาน แล้วเขียนเอกสารสัญญาด้วย”“ได้”เย่จิ่งหลานชูสามนิ้วออกมา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าเย่จิ่งหลาน สัญญาว่าหลังจากที่ได้รับพลังแล้ว จะไม่ตามล่าโมริตะคาวาสึบาเมะอีกเลยชั่วนิรันดร์ ถ้าข้าผิดคำสาบาน ขอให้ไม่ตายดี”หลังจากพูดจบ ก็หยิบกระดาษแผ
“บัดซบ เจ้าหมาบ้า รอข้าก่อนเถอะ”เย่จิ่งหลานกัดฟันสาปแช่งพลังที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องเกือบจะระเบิดร่างกายของเขา กำลังภายในยังคงไหลบนผิวหนัง เช่นเดียวกับมนุษย์ต่างดาวในทีวี ที่ผิวหนังปูดออกมาอย่างต่อเนื่อง“อ๊าก!”หวังซุ่นมีวรยุทธ์ระดับต่ำ จู่ๆ ก็ปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาเย่จิ่งหลานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนกเขาตะโกนด้วยความยากลำบาก “หวังซุ่น เจ้าต้องอดทนไว้ เจ้าจะเป็นบ่าวรับใช้ของข้าไปตลอดชีวิตไม่ใช่หรือ ถึงเจ้าตายเป็นผีข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากมุมปากของหวังซุ่น เขายิ้มอย่างอัปลักษณ์เล็กน้อย“ไม่เป็นไร ถ้าข้าตายก่อน ข้าจะรอท่านอ๋องน้อยที่สะพานไน่เหอ ท่านอ๋องน้อยจะได้ไม่หลงทาง”เย่จิ่งหลานตะโกนด่าอย่างอดทนต่อความเจ็บปวด “อย่าพูดคำที่เป็นลางร้ายแบบนั้น สงบอารมณ์ รวมพลังที่จุดศูนย์ เปลี่ยนพลังงานภายในให้เป็นกระแส หลอมรวมเข้าไปในจุดตันเถียน แล้วกระจายไปยังเส้นลมปราณในตัว แปลงเป็นของตัวเอง”นี่คือสิ่งที่เจ้าสำนักเซี่ยวพูดตอนที่สอนวิธีโคจรกำลังภายใน เย่จิ่งหลานจำได้ชัดเจน ตอนนี้เขาทำได้เพียงปฏิบัติไปอย่างไม่มีอะไรจะเสียแล้ว“ข้าน้อย...ทราบแล้ว”หวั
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็เห็นหวังซุ่นกระอักเลือดออกมาจากปาก“หวังซุ่น หวังซุ่น!”เย่จิ่งหลานพยุงหวังซุ่นขึ้นมาหัวใจของเขาเต้นแผ่วเบา ดูเหมือนว่าจะยังสามารถช่วยชีวิตได้เย่จิ่งหลานรู้ว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ของตัวเองไม่มีประโยชน์กับเขา จึงไม่ยอมให้เปลืองแรง หยิบขวดน้ำพุวิญญาณของอินชิงเสวียนขึ้นมาหนึ่งขวด บีบปากของหวังซุ่นให้อ้าออก แล้วให้เขาดื่มประมาณสิบห้านาที ในที่สุดหวังซุ่นก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปชั่วขณะเขาพึมพำ “ท่านคือ...ยมบาลหรือ ที่แท้ยมบาลก็รูปงานเพียงนี้...”เย่จิ่งหลานเอื้อมมือไปตบหัวเขา“ยมบาลบ้านพ่องเจ้าน่ะสิ เจ้าจำข้าไม่ได้รึ”ขณะที่ฝ่ามือฟาดลงไป เย่จิ่งหลานก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งมือนี้...ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากจากหางตาของเขา จู่ๆ ก็มองเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกลับมาเป็นขนาดปกติ จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ“โอ้โห!”เย่จิ่งหลานวิ่งออกจากห้องรับแขกเล็กๆ อย่างรวดเร็วราวพายุ หากระจกมาส่องดูเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามในกระจกก็ตกตะลึงอี
ฮวาเชียนเข้าใจทันที ดวงตาแข็งกระด้าง ยื่นมือออกไปจับโมริตะคาวาสึบาเมะทันที“โจรชาติสุนัข คุณชายเย่ฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ข้าทำได้”นางไม่ได้พูดอะไรไร้สาระอีกต่อไป ใช้กระบี่แทงอกโมริตะคาวาสึบาเมะทันทีโมริตะคาวาสึบาเมะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เอื้อมมือออกไปคว้ากระบี่เขากัดฟันกรอด พูดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ได้ พวกเจ้ากล้าทำแบบนี้กับข้า ข้าจะทำให้พวกเจ้าไม่ได้ตายดี ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับ พวกเจ้าต้องได้รับเช่นกัน โดยเฉพาะเจ้า”เขาหันหน้ามา ‘มอง’ เย่จิ่งหลานด้วยเปลือกตาที่ไร้ลูกตาเขาพูดเน้นทีละคำ “ข้าคือเหตุและผล ข้าคือกรรม เจ้าจะถูกตามล่าและเนรเทศโดยคำสั่งลงโทษอันชั่วร้าย!”เลือดหยดหนึ่งกระทบหน้าผากของเย่จิ่งหลาน รวดเร็วราวกับสายฟ้า ก่อนที่เย่จิ่งหลานจะรู้ตัว เลือดก็ไหลซึมเข้าสู่ผิวหนังของเขาอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าโมริตะคาวาสึบาเมะยังอยากพูดอยู่ แต่ฮวาเชียนได้เหวี่ยงกระบี่สับหัวของเขาแล้วเย่จิ่งหลานรู้สึกเย็นเฉียบที่ระหว่างคิ้ว เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสมัน ก็ไม่พบอะไรเลยฮวาเชียนมองตามสายตาของเย่จิ่งหลาน แต่ไม่เห็นเลือดหยดนั้น จึงถามด้วยความประหลาดใจ “มีอะไร”เย่จิ่งหลานยิ้ม“ไม่เป
หลังจากผ่านอุทยานหลวงแล้ว เฟยมั่วก็ส่งเสียงฟู่ยาวออกมา แล้วหันหลังกลับด้วยตัวเอง“หยุด~”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปดึงสายบังเหียนเฟยมั่วร้องไม่หยุด เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว เดิมทีเขาฝึกมันให้เชื่องมาหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งเลย แต่วันนี้กลับไม่ปกติเย่จิ่งอวี้จึงปล่อยบังเหียนดูว่ามันต้องการทำอะไรสิบอึดใจต่อมา เฟยมั่วก็มาถึงหน้าคอกม้า ม้าตัวหนึ่งที่ขาวราวกับหิมะก็สบตาเย่จิ่งอวี้แผงคอของม้าตัวนี้สว่างราวกับสีเงิน ดวงตาเหมือนเสือ มีกำลังวังชายิ่งนัก กีบใหญ่เท่าชาม สุขุมเยือกเย็นดั่งท่อนเสา ช่างเป็นม้าเทพที่ไม่มีใครเทียบได้!จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกว่าดวงตาของเขาสว่างขึ้น มีม้าขาวรูปงามเช่นนี้ปรากฏตัวในวังตั้งเมื่อใดเฟยมั่วได้พาเย่จิ่งอวี้วิ่งมถึงม้าขาวแล้ว พวกมันสนิทสนมกันมากเมื่อขันทีดูแลม้าหลวงได้ยินเสียงร้องของเฟยมั่ว ก็รีบวิ่งออกไปทั้งหมด“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ ม้าตัวนี้เข้ามาในวังเมื่อไหร่”เย่จิ่งอวี้ถือบังเหียนขี่ม้าไว้ในมือ แล้วชี้ไปที่ม้าตัวสีขาวหัวหน้าขันรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ทูลฝ่าบาท นี่คือม้าที่เจียงวูจัดหามาให้ ทรงประทานชื่อว่าหนิ