แชร์

บทที่ 1002 ศึกนี้ต้องชนะ

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-18 16:00:00
เย่จิ่งหลานกลับมาที่ดาดฟ้า มองดูทุกคนกินขาแพะ ดื่มสุรา แล้วก็ยิ้มเล็กน้อย ถามเสียงดัง “ทำไมพวกเจ้าถึงอยากติดตามข้า หากต้องเผชิญกับการบาดเจ็บล้มตาย จะกลัวหรือไม่”

เก่อหงยวนกำลังกัดขาแพะตุ้ยๆ ตอนนี้เรือหยุดแล้ว นางรู้สึกว่านางฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้ก็จะขึ้นฝั่งแล้ว ถ้าไม่มีแรงจะได้อย่างไร

เมื่อได้ยินคำถามของเย่จิ่งหลาน นางก็ร้องชิ แล้วพูดว่า “นี่เจ้าพูดไร้สาระอยู่หรือ ที่เราออกทะเลมากับเจ้า ย่อมเป็น็นเพราะต้องการกำจัดรังตงหลิวให้หมดสิ้น กำจัดหายนะนี้เพื่อชาวประชา แม้ว่าข้าจะเป็นสตรี แต่ก็ไม่ใช่สาวน้อยบอบบางที่รอแต่งงานในห้องหอ เมื่อถืออาวุธ ย่อมมีการบาดเจ็บล้มตาย แต่สิบปีนับตากนี้ ข้าก็จะกลายเป็นผู้กล้า”

ชายหน้าตาท่าทางนักเลงอีกคนพูดว่า “แม่นางเก่อพูดถูก หัวหลุดก็เป็นแผลใหญ่ไม่เท่าชาม น่ากลัวตรงไหน ในเมื่อเรากล้ามา ก็ไม่คำนึงถึงเรื่องแบบนี้”

“ถูกต้อง หากเราสามารถแลกชีวิตเพื่อความสงบสุขชั่วนิรันดร์ของคนในเป่ยไห่ ก็นับว่าตายคุ้มค่าแล้ว ชื่อเสียงจะดำรงอยู่ตลอดไป”

ศิษย์หนุ่มคนหนึ่งถามด้วยรอยยิ้ม “คุณชายน้อยเย่ คงไม่ใช่ว่าเจ้าเริ่มกลัวแล้วหรอกนะ”

เย่จิ่งหลานหัวเราะลั่น พูดอย่างองอาจ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Kotchaphan Ang
ตอนสั้นเกินไป
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1003 ทำใจไม่ได้

    หญิงชราคนหนึ่งพูดว่า “หรือว่าอ๋องโมริตะกลับมาแล้ว?”หลายคนมองหน้ากัน อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้ายินดีตอนนี้จักรพรรดิสิ้นแล้ว คนที่เหลืออยู่บนเกาะก็มีแค่คนแก่อ่อนแอและพิการ อาหารหมดไปนานแล้ว หวังเพียงว่าอ๋องโมริตะจะกลับมาโดยเร็ว มารับผิดชอบสถานการณ์โดยรวม พาพวกนางออกจากเกาะอันแห้งแล้งแห่งนี้เด็กที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ถ้าเป็นท่านอ๋องจริง แล้วทำไมพวกเขาไม่กลับมาที่เกาะล่ะ? แล้วเจ้าสิ่งใหญ่โตมโหฬารนั่นมันอะไร”ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มองดูวัตถุใหญ่ยักษ์สีดำนั่นอีกครั้งใช่ ถ้าอ๋องโมริตะกลับมา เขาต้องกลับเข้ามาในเกาะโดยเร็วที่สุดอย่างแน่นอน จะจอดอยู่ในทะเลได้อย่างไรชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจ“เรากลับกันก่อน ไปถามหัวหน้าก่อนว่านั่นคืออะไรกันแน่”ทุกคนรีบปีนออกจากพุ่มไม้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้นไม่นาน คนสูงอายุหลายคนก็มาที่ชายฝั่ง แต่ไม่มีใครเข้าใจว่านั่นคืออะไรคนที่มีทักษะทางน้ำที่ดีต่างก็ไปเป่ยไห่กันหมดแล้ว ที่เหลือก็ไม่ค่อยเก่งกาจด้านวรยุทธ์ จึงไม่มีใครกล้าออกไปตรวจสอบ ในใจรู้สึกถึงเงามืดอึมครึมอยู่มิวายวัตถุนี้โตนี้ อาจไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-18
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1004 ถึงตายก็ยังไม่สาสมแก่บาปกรรม

    เย่จิ่งหลานไม่ได้พูดอะไร เขามองอย่างเฉยเมยออกคำสั่ง “ค้นหาต่อไป!”เก่อหงยวนขมวดคิ้ว มองไปที่ฮวาเชียนอีกครั้งฮวาเชียนถอนหายใจเบาๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกส่วนตัวเย่จิ่งหลานได้เคลื่อนไหวไปยังกลางเกาะแล้วมีเสียงร้องไห้ดังระงมตลอดทาง รวมถึงดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องมองของราวกับอยากกินเลือดกินเนื้อเย่จิ่งหลานมองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง อารมณ์สงบราวกับน้ำเป็นคนควรมีความเห็นอกเห็นใจก็จริงอยู่ แต่ต้องแยกแยะเป็นคนๆ ไป ตามที่เต้าสำนักเซี่ยวกล่าว คนเหล่านี้คือคนที่ถูกขับไล่ออกมา หากพวกเขาพัฒนาไปทางที่ดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อจงหยวน นั่นก็ช่างเถิดแต่คนเหล่านี้กลับมีเจตนาชั่วร้ายให้ได้ ก่ออาชญากรรมหลายครั้ง หากปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอด เช่นนั้นชาวเป่ยไห่จะต้องประสบหายนะอย่างแน่นอนนี่ก็เหมือนการเผชิญหน้ากับลูกของตัวเองและคนอื่น หากสามารถมีชีวิตรอดได้เพียงคนเดียว เกรงว่าจะไม่มีใครเลือกอย่างหลัง เย่จิ่งหลานก็เช่นเดียวกันเพียงแต่ไม่คาดคิด ว่าการศึกคราวนี้เกาะตงหลิวจะส่งหัวกะทิออกไปหมด โชคดีที่ในเป่ยไห่มีหลายสำนัก หากโชคไม่ดีกลายเป็นพวกเขาที่ตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านี้ จุดจบคงจะน่าเศร้ากว่าวันนี้หลายเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1005 โกหกเจ้าแล้วจะทำไม

    ราวๆ สามสิบนาที เย่จิ่งหลานก็เดินตามหวังซุ่นไปยังถ้ำที่ถล่มเมื่อมองเห็นฉากทรุดโทรมตรงหน้า เย่จิ่งหลานก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง“ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ”หวังซุ่นก็งงเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน“ตอนที่ข้าจากไป ยังอยู่ดีอยู่ชัดๆ”เย่จิ่งหลานก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วยืนนิ่ง“สถานการณ์บนเกาะตงหลิวเป็นอย่างไร บอกว่าพวกเจ้ายังมีจักรพรรดิอยู่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่มีคนแข็งแรงเลย”หวังซุ่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เกาหัวแล้วพูดว่า “ใช่ขอรับ มีจักรพรรดิอยู่จริง แม้ว่าตงหลิวจะทำการโจมตีครั้งใหญ่ แต่คงไม่ให้จักรพรรดิออกหน้า หรือว่า...มีบางอย่างเกิดขึ้นบนเกาะ”ฮวาเชียนที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “หรือมีคนล่วงหน้ามาเกาะตงหลิวก่อนเราก้าวหนึ่ง?”เย่จิ่งหลานขมวดคิ้วและพูดว่า “หรือว่ามีคนจากจงหยวนพบเกาะตงหลิวแล้ว?”หวังซุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่ใช่ ถ้ามีคนรู้ตำแหน่งเฉพาะของเกาะ ก็ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันนี้”คำพูดนี้ถูกต้อง เย่จิ่งหลานเหลือบมองถ้ำที่พังทลายลง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “อาจเป็นความขัดแย้งภายในหรือไม่ หรือมีคนทำเพื่อบรรลุจุดประสงค์บางอย่าง หรือมีคนอยากฝังกลบความลับจึงทำลายถ้ำ ทำลายทั้งเกาะต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1006 ไสยศาสตร์

    ศิษย์ของสำนักเทียนเตาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะทันตอบสนอง มือของเด็กก็เจาะทะลุหน้าอก จับหัวใจของเขาอย่างแม่นยำและอำมหิตเสียงกรีดร้องบาดแก้วหูดังขึ้น หัวใจของศิษย์สำนักเทียนเตาก็ถูกฉีกกระชากออกไปเด็กเหลือบมองหัวใจที่เปื้อนเลือดซึ่งยังคงเต้นอยู่ในมือด้วยความรังเกียจ ในอดีตเขาเกลียดคนหยาบที่พึ่งพาการกินเนื้อคนเพื่อเลื่อนระดับวรยุทธ์ตนเอง แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงเดินตามเส้นทางเดียวกันกับพวกเขาเท่านั้นการแข่งขันระหว่างตำหนักเทพหอทองคำและเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะก็ตาม จะมีการจัดพิธีส่งมอบวิถีแห่งสวรรค์ ซึ่งนั่นเป็นโอกาสของเขา“แม่งเอ้ย!”เด็กน้อยก่นด่าด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว เดินมาที่แอ่งน้ำ ล้างเลือดที่มือ นั่งขัดสมาธิ ครู่ต่อมา ก็ขมวดคิ้วขึ้นไม่รู้ว่านังนั่นใช้กลอุบายอะไรกับเขา นับตั้งแต่ออกจากเป่ยไห่ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็รู้สึกใจคอไม่ดีอาการบาดเจ็บภายในนั้นยากต่อการฟื้นตัว ซึ่งถือว่าผิดปกติจริงๆ หรือว่า...นังเด็กบ้านั่นมีความสามารถในการแย่งชิงโชคลาภของคนได้?ทันทีที่ความคิดเกิดขึ้น เขาก็รู้สึกว่าไร้สาระ ถ้านางมีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1007 คัมภีร์ศีลธรรมจรรยา

    ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน ต่างนึกถึงพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของชาวตงหลิวครั้งนี้ลงจอดบนเกาะง่ายเกินไป ง่ายจนพวกเขาเกือบลืมไปว่าชาวตงหลิวเก่งเรื่องไศยศาสตร์มนต์ดำเช่นนี้ในการรุกรานเป่ยไห่ครั้งก่อน ยังมีหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บด้วยวิธีเดียวกันศิษย์คนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “เจ้าผีตงหลิวโง่เขลา ถ้าเก่งนักก็ไสหัวออกมา สู้ตายกับข้า”ทันทีที่คนผู้นั้นพูดจบ ศิษย์สองคนก็วิ่งมามา โดยอุ้มศพของศิษย์สำนักเทียนเตาที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้มีคนตะโกนอย่างเศร้าเสียใจ “ศิษย์พี่หลิว!”เย่จิ่งหลานรุดหน้าไปตรวจบาดแผลทันที หัวใจของคนผู้นั้นหายไป ไม่มีทางช่วยชีวิตได้มีคนทยอยเสียชีวิตไปสองคน หัวใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยเมฆดำมืด“คุณชายน้อยเย่ เราควรทำอย่างไรดี”สีหน้าของฮวาเชียนก็ดูยุ่งยากเช่นกันเย่จิ่งหลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถอยกลับไปที่วังของพวกเขาก่อน หวังซุ่น เจ้ามากับข้า”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่ต้องการให้หวังซุ่นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาต้องเปลี่ยนใจหวังซุ่นเป็นคนท้องถิ่น สามารถสื่อสารกับคนในท้องถิ่นได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเขาจะเข้าใจภาษาตงหลิว แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1008 จะเป็นเขาได้อย่างไร

    ฮั่วเทียนเฉิงออกจากวังที่ทรุดโทรมด้วยความรู้สึกหดหู่เมื่อเห็นศิษย์สำนักฆ่าคนตงหลิวเหล่านี้ไปตามถนน เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเช่นกัน เมื่อเห็นการเสียชีวิตอันน่าสลดใจของศิษย์ในสำนัก เขารู้สึกว่าคนตงหลิวโหดร้ายเกินไปอะไรคือถูก แล้วอะไรคือผิด?จุดประสงค์ของตำหนักเทพในการสรรหานักปราชญ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คืออะไรกันแน่หากวันหนึ่ง ผู้อาวุโสหันพาคนเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์จริงๆ เขาจะสั่งสอนศิษย์ในสำนัก พัฒนาทักษะ ถ่ายทอดทุกสิ่งที่เขาเรียนรู้ให้กับคนในโลกจริงๆ ดังที่เขากล่าวไว้หรือไม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามีความเคารพสูงสุดต่อตำหนักเทพเสมอ ครั้งเดียวที่เขาลังเล คือตอนที่ผู้อาวุโสหันจัดการกับธิดาเทพเหมยชิงเกอ และวันนี้ เขาเกิดความลังเลอีกครั้งในตอนแรกคนฝึกฝนวรยุทธ์เสริมสร้างร่างกาย ชำระความชั่วขจัดความเลว แต่ตอนนี้กลับใช้เพื่อต่อสู้ชิงอำนาจ เป็นการไม่จัดลำดับความสำคัญใช่หรือไม่?แม้ว่าจะมีวิทยายุทธ์ชั้นยอดซ่อนอยู่ในการไต่ทางขึ้นสู่วิถีแห่งสวรรค์ แต่แล้วอย่างไรเล่า ดวงอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นทางทิศตะวันออก ดวงจันทร์ยังคงตกจากทางทิศตะวันตก สิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงได้คือหัวใจของมนุษย์เท่านั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-20
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1009 คงไม่ใช่ว่าเจอผีแล้วกระมัง

    ขอบตาของโมริตะคาวาสึบาเมะเปลี่ยนเป็นสีแดง พูดเสียงสะอื้นว่า “พวกเขาเป็นกลุ่มคนน่าเกลียดมาก พวกเขาถูกตาต้องใจท่านแม่ข้า จึงจับพวกเรามาด้วยกัน ข้าพยายามดิ้นแต่ก็ถูกตีจนหมดสติไป พอตื่นก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”ฮั่วเทียนเฉิงขมวดคิ้ว“แล้วแม่ของเจ้าล่ะ”โมริตะคาวาสึบาเมะหลั่งน้ำตา“นาง...นางถูกคนพวกนั้นฆ่าตายแล้ว”แม่ของเขาถูกฆ่าตายจริงๆ เขาเฝ้าดูตอนที่ชายหนุ่มร่างกำยำกว่าสิบคนในหมู่บ้าน ขืนใจแม่เขาจนตายแม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มานานกว่าร้อยปี แต่ก็ยังไม่สามารถลืมทุกฉากในวันนั้นได้ แม้กระทั่งทุกรายละเอียดในเวลานั้นเขาอายุเท่าๆ กับตอนนี้ แม้ว่าในเวลาต่อมาเขาจะฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน แต่เขาก็ยังไม่สามารถระบายความเกลียดชังในใจได้ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าส่องประกายราวกับเลือดอยู่เบื้องหน้า โมริตะคาวาสึบาเมะตกอยู่ในห้วงภวังค์เวลาผ่านไปนานมากจน เขาลืมชื่อเดิมของเขาแล้ว จำได้เพียงว่าเขาฆ่าคนทั้งหมู่บ้านทั้งเมือง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับการลงโทษจากผลกรรมความชั่วร้ายจากวิถีแห่งสวรรค์ฮ่าๆ อะไรดี อะไรชั่ว ที่เขาแก้แค้นให้แม่ ไม่ใช่หลักคุณธรรมหรอกหรือนักพรตเต๋าหน้าซื่อใจคดที่ท่องได้แค่บทสวด จะไปรู้เรื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-20
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1010 อย่ามาพ่นลมเน่าๆ กับข้า

    “กลางวันแสกๆ มีผีที่ไหน ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรารีบกลับกันเถอะ”ฮั่วเทียนเฉิงกระโดดลงไปที่พื้น ต้องรีบไปบอกเย่จิ่งหลานว่ามีคนอื่นซ่อนตัวอยู่บนเกาะทั้งสองกลับไปที่ค่ายชั่วคราว เหล่าศิษย์มารวมตัวกันที่กลางลาน ศพทั้งสองร่างถูกคลุมด้วยผ้าขาวซึ่งดูบาดตาบาดใจยิ่งนักเย่จิ่งหลานกำลังคุยกับหวังซุ่น เมื่อเห็นฮั่วเทียนเฉิงกลับมา ก็หันกลับมาถามว่า “ท่านฮั่วพบเบาะแสอะไรหรือเปล่า”ฮั่วเทียนเฉิงพยักหน้า“มีอยู่เล็กน้อย”เขาบอกเรื่องที่พบโมริตะคาวาสึบาเมะกับเย่จิ่งหลาน เย่จิ่งหลานตกใจเล็กน้อย“เด็กจากจงหยวน?”ฮั่วเทียนเฉิงพูดอย่างหนักแน่น “ยังเป็นเด็ก อายุประมาณแปดเก้าขวบ”“โอ้? เขาหน้าตาเป็นอย่างไร”ทันใดนั้นดวงตาที่เจ้าเล่ห์คู่หนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของเย่จิ่งหลาน ซึ่งเจ้าของดวงตาคู่นั้น คือคนที่เกือบจะฆ่าอินชิงเสวียนหรือว่าที่เขาหนีกลับมาที่เกาะตงหลิว?ฮั่วเทียนเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตัวขาวหมดจด ดูเป็นผู้ใหญ่มาก นอกนั้น ก็ดูไม่มีอะไรพิเศษ”“อื้ท ข้าเข้าใจแล้ว”เย่จิ่งหลานกลับมาที่ขั้นบันไดหน้าประตู แวะพูดกับเหล่าศิษย์ว่า “อาจมีศัตรูอยู่บนเกาะนี้ อย่าประมาทเด็ดขาด ทางที่ดีเวลาออกไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-20

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status