Share

บทที่ 990

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หลานเอ่อร์ขมวดคิ้ว "ท่านตาจะออกเดินทางกลับชายแดนเฉิงหลิงพรุ่งนี้ เขาแก่แล้ว หากไม่ไปพบครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจออีกทีเมื่อใดกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในวันเกิดครบเจ็ดสิบปีของเขาได้อยู่คนเดียวในจวนตะกูลเซียว ท่านไม่อยากไปกินข้าวร่วมกับเขาสักมื้อเหรอ ไม่อยากอวยพรเขามีอายุยืนยาวเหรอ?

พระชายาอ๋องฮวยปาดน้ำตา ไม่ เสด็จแม่ไปไม่ได้ และเมื่อวันเกิดปีที่เจ็ดสิบของเขา ซ่งซีซีน่าจะฉลองร่วมกับเขา…

หลานเอ่อร์พูดด้วยความโกรธ "เสด็จแม่ แค่คิดดูก็รู้ว่าในวันเกิดที่เจ็ดสิบของเขา ท่านพี่ไปไม่ได้หรอก ในเวลานั้นการเจรจายังไม่เริ่มต้นและฝ่าบาทก็ยังไม่ออกคำสั่ง เขากับท่านพี่จะมาเจอหน้าในเวลาที่ไม่เหมาะสมได้อย่างไร?

พระชายาอ๋องฮวยปาดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าและสำลัก "มันก็ผ่านไปแล้ว บัดนี้กินชดเชยกันก็มิใช่วันเกิดแล้ว เสด็จแม่ไม่ไป ตอนที่เขากลับมาเมืองหลวง เสด็จแม่ก็ไปเยี่ยมมาแล้ว เพียงแต่มีคนคอยเฝ้าดูไว้ไม่ให้เสด็จแม่เข้าไป แต่ก็ถือว่าข้าทำดีที่สุดแล้ว

แม้ว่าหลานเอ่อร์จะฝึกฝนตัวเองให้สงบจิตใจในช่วงนี้ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูดนั้น ก็โกรธมากจนพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง

ช่างเถอะ ช่างเถอะ หลานเอ่อร์ส่ายหัว ดวงตาขอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 991

    เมื่อหลานเอ่อร์มาถึงจวนเป่ยหมิงอ๋อง พอเห็นท่านตาและป้าสะใภ้สาม นางก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกและคุกเข่าลงต่อหน้าพวกเขาเมื่อแม่ทัพใหญ่เซียวและนางหนานเห็นนาง พวกเขาก็มองออกไปข้างนอกโดยสัญชาตญาณ แต่ไม่เห็นมีใครอื่นเลย มีแววตาผิดหวังเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกตินางหนานยิ้มพลางช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น "หลานเอ่อร์ ทำไมถึงร้องไห้อยู่ล่ะ? ไม่ดีใจที่เห็นท่านตาออกมาอย่างปลอดภัยเหรอ?"หลานเอ่อร์ร้องไห้ "มีความสุขมาก เพราะมีความสุขมากเกินไป"แม่ทัพใหญ่เซียวมองไปที่หลานสาวคนนี้ โดยรู้ถึงความทุกข์ที่นางเจอ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจ "หลานเอ่อร์ รีบนั่งลง แล้วปล่อยให้ท่านตาดูเจ้าให้ดีๆ"หลานเอ่อร์ได้ยินน้ำเสียงที่เป็งห่วงกับการกระทำที่เฉยเมยของท่านแม่ อดไม่ได้รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา และน้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง "ท่านตา หลานเอ่อร์มีท่านพี่คอยช่วยเหลือให้ ทุกอย่างสบายดีเจ้าค่ะ"แม่ทัพใหญ่เซียวเหลือบมองซีซี และรู้สึกขมขื่นใจ นางเองไม่รู้ว่าต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน แต่ยังไม่ลืมที่ดูแลน้องของตนเอง"ท่านตาดีใจมากที่พวกเจ้าสามารถดูแลกันและกันได้ ต่อไปก็ต้องทำเช่นนี้ด้วยกันนะ""เจ้าค่ะ หนูจะท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 371

    หยานไท่ฟู่และเสนาบดีมู่อยู่กินข้าวที่จวนอ๋อง มีอาหารรสเลิศและสุราชั้นเลิศ แม่นมเหลียงยังทำซาลาเปาวันเกิดด้วยตนเอง และกดรอยแดงในนั้นเหมือนดอกบ๊วยที่ตกลงมาบนหิมะแม่ทัพใหญ่เซียวมีความสุขมากและดื่มอย่างดีใจด้วย ในระหว่างรับประทานอาหารเย็น พวกเขาทั้งสามยังคงพูดคุยและหัวเราะด้วย โดยส่วนใหญ่พูดถึงเรื่องเก่าๆ ในอดีต และแม้กระทั่งได้พูดถึงแม่ทัพผู้เฒ่าจ้านด้วยเสนาบดีมู่ยังถอนหายใจลึกๆ "ตอนนั้นข้าแบกหน้าไปคุยเรื่องแต่งงานให้จ้านเป่ยว่าง และเห็นแก่ผู้เฒ่าจ้าน โดยคิดว่าไม่อยากให้ตระกูลจ้านตกอับไป ไม่คิดว่าสองคนนี้กลายเป็นคนไม่กินเส้นกัน ข้าที่เป็นพ่อเสื่อนั้นถือว่าใช้ไม่ได้จริงๆ เสียใจเอาซะ""ทุกคนมีชะตากรรมของตัวเอง" หยานไท่ฟู่กล่าว จากนั้นมองไปที่แม่ทัพใหญ่เซียว "เราก็อายุปูนนี้แล้วจะมาห่วงใยเรื่องวันหนุ่นสาวก็ไม่ได้หรอก ดูแลตนเองให้ดี ใช้ชีวิตที่มีลูกกลานคอยอยู่ข้างกายให้นานๆ เท่าที่จะทำได้"คำพูดของหยานไท่ฟู่ค่อนข้างมีความหมายลึกซึ้ง ตอนนี้ฮ่องเต้อายุยังน้อย รากฐานยังไม่มั่นคงก็ย่อมต้องวางแผนในหลายๆ ด้าน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่วางแผนกับขุนนางเก่าเพื่อสนับสนุนใหม่ ก็ราชวงศ์ใหม่ก็ต้องมีขุนนางใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 993

    โรงงานเย็บปักซู่เจินได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถรับคนเข้ามาได้ตลอดเวลาฮูหยินของหลี่เต๋อฮวยได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ออกไป ในหมู่ชาวบ้านก็วิพากษ์วิจารณ์กันไม่น้อยแต่การสนทนายังคงเป็นการสนทนา แต่ไม่มีผู้หญิงคนใดที่ถูกไล่ออกจากบ้านกล้าก้าวเข้าสู่โรงงานนี้เสิ่นว่านจืองุนงงมาก จากการสืบของนางกับหงเซียว รู้ว่าผู้หญิงหลายคนที่ถูกหย่าร้างอาศัยอยู่ในสำนักแม่ชี ทำงานหนักและสกปรกหลายอย่าง บางครั้งวันหนึ่งก็กินอาหารไม่ครบสามมื้อบางคนสามารถกลับไปบ้านของครอบครัว แต่ก็ถูกทารุณจากพี่น้องสะใภ้ ชีวิตก็น่าสังเวชมากในวันขึ้นสามค่ำเดือนสามวันนี้ พบศพผู้หญิงในแม่น้ำสือจึหลี่ หลังจากการสอบสวนของสำนักเขตจิงจ้าว ก็พบว่าเป็นนางเย็บปักที่ถูกหย่าร้างไล่ออกจากเรือนเพราะไม่มีลูกชายหลังจากเสิ่นว่านจือรู้เรื่องนี้ ก็นั่งไม่ติดแล้ว ก็มุ่งตรงไปหาซ่งซีซีที่กองกำลังเมืองหลวงทันทีซ่งซีซีมองนางที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ ก็ปลอบขึ้นว่า "เรื่องนี้เดิมทีมันก็ยากมาก ร้านเย็บปักของเรายังไม่มีคนเข้าไป ใครก็ไม่อยากเป็นคนแรก เพราะเมื่อเข้าไปแล้วก็เท่ากับบอกให้คนทั้งแผ่นดินรู้ว่า ตนเองเป็น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 994

    ซ่งซีซีพูดขึ้นว่า "ข้าเองก็ใช่ว่าจะคิดไม่ถึง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น ก็อย่าเพิ่งคิดถึงปัญหาของจุดนั้น ถ้าขายไม่ได้จริงๆ ก็เอาไปขายต่างเมือง ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือก้าวแรกพวกเราก็ยังไม่สามารถเดินออกมาได้เลย""ก็ใช่ มีคิดว่ามันจะยากขนาดนี้ สถาบันการศึกษาสตรีจะไม่ยากกว่านี้อีกหรือ? ""ไม่สถาบันการศึกษาสตรีจะมีแต่จะรับมือไม่ทัน" ซ่งซีซีพูดขึ้นเสิ่นว่านจือเท้าคาง "ก็ได้ อารมณ์ไม่ดี คืนนี้เรียกศิษย์ทั้งสี่มาฝึกเพิ่มเติมแล้วกัน"ซ่งซีซีหัวเราะออกมา "อาจารย์เสิ่น รีบไปแจ้งเถอะ ศิษย์ของอาจารย์ก็กระหายวรยุทธมาก"เสิ่นว่านจือก็หัวเราะออกมาเช่นกัน "ก็มีจางฉีเหวินที่ขยันมากที่สุด ไอ้หมอนี่พยายามหนักมาก และยังก้าวหน้าเร็วมาก เป็นคนที่เหมาะสมจะฝึกวรยุทธเป็นอย่างยิ่ง ถ้าตอนเด็กเขาได้เจอกับท่านอาจารย์ ตอนนี้วรยุทธของเขาก็จะต้องสูงส่งมากแน่นอน ฝึกตอนนี้รากฐานก็ค่อนข้างไม่เพียงพอ"เย็นหน่อย ซ่งซีซีไปที่จวนป๋อผิงซี ส่วนเสิ่นว่านจือก็ใช้แส้หนังบังคับลูกศิษย์ทั้งสี่ของนางให้ฝึกฝนมากขึ้นหลังจากนางจีได้ยินคำพูดของซ่งซีซี นางก็ยินดีช่วยเหลือ และนางก็เต็มใจมากซ่งซีซีถอนหายใจด้ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 995

    ก็ยังไม่ยอมไปจากกรมราชทัณฑ์จริงๆ นี่มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกมาก ใครบ้างเมื่อได้รับการพระราชทานอภัยโทษแล้วไม่รีบออกไป เมื่อกลับไปแล้วก็ก้าวข้ามจานไฟเพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้าย? ทำไมเขาอยู่ในกรมราชทัณฑ์จนเสพติดไปแล้ว?ครั้งนี้ก็สงสัยมากจริงๆ "เพราะอะไรหรือ? ""ไม่รู้สิ วันนี้ใต้เท้าหลี่่ส่งบันทึกคดีมาให้แล้วพูดถึงขึ้น เขาอยู่ในห้องมืดไม่พูดอะไรสักคำ ข้าวก็กินเพียงมื้อเดียว วันวันก็เอาแต่อยู่ในนั้น เดิมทีก็บอกว่าจะอยู่แค่วันเดียว แต่ตอนนี้กลับบอกว่าไม่อยากออกไปแล้ว""แปลกมากจริงๆ หรือว่าตำแหน่งขุนนางก็ไม่เอาแล้ว? " ซ่งซีซีฟังแล้วไม่ใช่การตัดสินพระทัยลงโทษของฝ่าบาทก็ไม่พูดอะไรอีก เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น "เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจรจา หลังจากกราบทูลฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทไม่ทรงสืบหรือ? "การลอบสังหารของเจิ้งหยงโซวยังสามารถปกปิดไปได้ แต่พิษเหมียวที่เซี่ยงผิงวางให้กับองค์หญิงใหญ่นั่นดูจะเหมือนกับพิษเหมียวที่ใช้ในคดีที่เมืองปิ้โจว ฝ่าบาทควรจะสามารถเชื่อมโยงกันได้"เขาจะต้องสืบแน่นอน คาดว่าน่าจะให้อู๋เยว่ไปสืบ"แม้ว่าศาลต้าหลี่จะกำลังทำคดีก่อกบฏ แต่เรื่องที่ไม่ได้พูดออกมาชัดเจน ฝ่าบาทก็ไม่มีทางให้หอต้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 996

    ความคิดนี้ของลู่เจิน ซ่งซีซีทำให้เขาเข้าใจผิด อันที่จริงตอนนี้ฝ่าบาทยังไม่ต้องการกำจัดค่ายลาดตระเวนขอเพียงไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาก็ไม่สนใจเรื่องเล็กๆ เหล่านี้ ความสมดุลสำคัญที่สุด โดยเฉพาะตอนนี้ยังกำลังสืบคดีก่อกบฏ แม้อ๋องเยี่ยนกับอ๋องฮวยจะอยู่ในสายตาของเขาแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แท้จริง ถ้ากำจัดคนเหล่านี้ออกไป บางทีอ๋องเยี่ยนก็จะลงมือลับๆ แล้วคนหนึ่งยั่วยุทั้งตระกูล นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ยิ่งไปกว่านั้น เขามีแผนการที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมกองทัพซวนเจีย เขาก็จะทำลายกองทัพซวนเจียให้พังทลายราบคาบ องครักษ์ซวนเท่ก็เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์แบบแต่ซ่งซีซีไม่สามารถปล่อยให้เศษสวะกลุ่มนี้ทำให้ค่ายลาดตระเวนยุ่งเหยิงได้ คนบางคนเมื่อมีอำนาจนิดหนึ่งก็จะข่มเหงราษฎรไม่ก็กำจัดค่ายลาดตระเวนไปเสีย ไม่อย่างนั้นก็แก้ไขอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้น ค่ายลาดตระเวนก็แหล่งของอันธพาลที่ได้รับเงินเดือนจากราชสำนักฝ่าบาทไม่อยากแตะต้อง เพราะเกิดเรื่องขึ้นก็ถูกระงับลงไปแล้ว ไม่ได้เกิดเรื่องวุ่นวายจนถึงเขา แต่เรื่องนี้เมื่อขุดลงไปลึกเข้าก็ปกปิดไว้ไม่ได้ เมื่อขุดขึ้นมาแล้วก็ส่งไปยังหออาล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 997

    ฮูหยินปี้ไม่ชอบจ้านเป่ยว่างจริงๆ ให้คนจัดวางกับแกล้มเหล้าสามอย่างก็ออกไป และยังพาคนที่ปรนนิบัติออกไปด้วย เหม็นสาบขนาดนี้ ไม่ปรนนิบัติจ้านเป่ยว่างเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดื่มเหล้า ไม่กินอาหารสักคำ ท่าทางรังเกียจที่ฮูหยินปี้มีต่อเขา เขาก็เห็นชัดเจน ก็ยิ่งหดหู่มากขึ้น"กินกับข้าวหน่อย อย่าเอาแต่ดื่ม เกิดอะไรกับเจ้ากันแน่? " ปี้หมิงถามขึ้นจ้านเป่ยว่างดื่มเหล้าในแก้วจนหมด ก็ฟุบลงบนโต๊ะร้องไห้ เสียงร้องก็ไม่ดังมาก เหมือนกับถูกคนเอาหมอนปิดปากปิดจมูกไว้ มีเสียงอู้อี้ดังขึ้นปี้หมิงก็ไม่พูดอะไรอีก เอาแต่ดื่มเหล้ากินอาหาร บางทีเขาแค่อยากหาสถานที่ร้องไห้ แม้จะไม่รู้ว่าเขาร้องไห้อะไรหลังจากร้องไห้อยู่พักหนึ่ง เมื่อไม่เห็นใครปลอบใจเขา เขาก็เช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้น น้ำตาที่อยู่รอบๆ ดวงตาชะล้างสิ่งสกปรกออกไปเล็กน้อย ทำให้ดวงตาของเขาเป็นสีดำและขาว ดูตลกมากทำเอาปี้หมิงหัวเราะออกมา"ใต้เท้าปี้ก็คิดว่าข้าดูตลกเหมือนกันใช่ไหม? " จ้านเป่ยว่างยิ้มอย่างเศร้าๆ "ข้าก็เป็นตัวตลก เป็นตัวตลกอย่างสมบูรณ์แบบ"ปี้หมิงพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็รีบส่ายหน้าทันที เขาไม่สามารถผิดคุณธรรม จากนั้นก็ถามขึ้นว่า "ทำไมเจ้าไม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 998

    เมื่อปี้หมิงมีสติกลับมา และแย่งไหเหล้ากลับมา เขาก็ดื่มลงไปเกินครึ่งแล้วจ้านเป่ยว่างก็เมามายหลบไปไล่ออกไปไม่ได้ ไล่ออกไปไม่ได้จริง ๆปี้หมิงเสียใจมาก ทำไมเขาถึงไปเอาอันธพาลแบบนี้กลับมา?ดื่มเหล้าไปเยอะขนาดนี้ คงจะไม่ตายไปแล้วมั้ง?ปี้หมิงโกรธมากจนออกไปตักน้ำเย็นๆ เข้ามาถังหนึ่ง คิดจะเทใส่เขา แต่เมื่อเห็นเขานอนนิ่งไม่ไหว หน้าซีดเผือดน่ากลัวอย่างกับศพ สุดท้ายก็ลงมือกับเขาไม่ลงเขาส่ายหน้า ให้คนรับใช้เตรียมรถม้า และส่งเขากลับจวนด้วยตัวเองเพียงแต่รถม้าสั่งโคลงเกินไป เขาอยู่ข้างในอ้วกอย่างรุนแรง ปี้หมิงขับรถม้าก็ยังได้กลิ่นเหม็นที่ออกมาจากท้องของเขา กลิ่นเหม็นเหมือนน้ำในคูน้ำที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานนับหมื่นปี พร้อมกับกลิ่นเน่าเสียปี้หมิงโกรธจนบ้าคลั่ง ตะคอกเข้าไปในรถม้าประโยคหนึ่ง "จ้านเป่ยว่าง เจ้าจ่ายค่ารถม้าให้ข้าด้วย"เขามีรถม้าเพียงคันเดียวเท่านั้น เป็นรถม้าที่ฮูหยินของเขาใช้เดินทาง ปกติแล้วเขาไม่ใช่รถม้า บาปกรรมจริงๆ คราวนี้ถูกฮูหยินด่าตายแน่นอนเป็นคนก็ไม่ควรมีเมตตาและอยากรู้เกินไปเมื่อรถม้ามาถึงจวนแม่ทัพ เขาก็กระโดดลงมาด้วยความโกรธ และเรียกคนของจวนแม่ทัพออกมา "หามเจ้

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status