공유

บทที่ 996

작가: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ความคิดนี้ของลู่เจิน ซ่งซีซีทำให้เขาเข้าใจผิด อันที่จริงตอนนี้ฝ่าบาทยังไม่ต้องการกำจัดค่ายลาดตระเวน

ขอเพียงไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาก็ไม่สนใจเรื่องเล็กๆ เหล่านี้ ความสมดุลสำคัญที่สุด โดยเฉพาะตอนนี้ยังกำลังสืบคดีก่อกบฏ แม้อ๋องเยี่ยนกับอ๋องฮวยจะอยู่ในสายตาของเขาแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แท้จริง ถ้ากำจัดคนเหล่านี้ออกไป บางทีอ๋องเยี่ยนก็จะลงมือลับๆ แล้ว

คนหนึ่งยั่วยุทั้งตระกูล นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่

ยิ่งไปกว่านั้น เขามีแผนการที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมกองทัพซวนเจีย เขาก็จะทำลายกองทัพซวนเจียให้พังทลายราบคาบ องครักษ์ซวนเท่ก็เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ซ่งซีซีไม่สามารถปล่อยให้เศษสวะกลุ่มนี้ทำให้ค่ายลาดตระเวนยุ่งเหยิงได้ คนบางคนเมื่อมีอำนาจนิดหนึ่งก็จะข่มเหงราษฎร

ไม่ก็กำจัดค่ายลาดตระเวนไปเสีย ไม่อย่างนั้นก็แก้ไขอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้น ค่ายลาดตระเวนก็แหล่งของอันธพาลที่ได้รับเงินเดือนจากราชสำนัก

ฝ่าบาทไม่อยากแตะต้อง เพราะเกิดเรื่องขึ้นก็ถูกระงับลงไปแล้ว ไม่ได้เกิดเรื่องวุ่นวายจนถึงเขา แต่เรื่องนี้เมื่อขุดลงไปลึกเข้าก็ปกปิดไว้ไม่ได้ เมื่อขุดขึ้นมาแล้วก็ส่งไปยังหออาล
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터
댓글 (5)
goodnovel comment avatar
Kai
มาต่อแล้วขอบคุณ
goodnovel comment avatar
Kai
จ่ายเงินไปแล้วทำไง
goodnovel comment avatar
Kai
เขียนต่อเมื่อไหร่
댓글 모두 보기

관련 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 997

    ฮูหยินปี้ไม่ชอบจ้านเป่ยว่างจริงๆ ให้คนจัดวางกับแกล้มเหล้าสามอย่างก็ออกไป และยังพาคนที่ปรนนิบัติออกไปด้วย เหม็นสาบขนาดนี้ ไม่ปรนนิบัติจ้านเป่ยว่างเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดื่มเหล้า ไม่กินอาหารสักคำ ท่าทางรังเกียจที่ฮูหยินปี้มีต่อเขา เขาก็เห็นชัดเจน ก็ยิ่งหดหู่มากขึ้น"กินกับข้าวหน่อย อย่าเอาแต่ดื่ม เกิดอะไรกับเจ้ากันแน่? " ปี้หมิงถามขึ้นจ้านเป่ยว่างดื่มเหล้าในแก้วจนหมด ก็ฟุบลงบนโต๊ะร้องไห้ เสียงร้องก็ไม่ดังมาก เหมือนกับถูกคนเอาหมอนปิดปากปิดจมูกไว้ มีเสียงอู้อี้ดังขึ้นปี้หมิงก็ไม่พูดอะไรอีก เอาแต่ดื่มเหล้ากินอาหาร บางทีเขาแค่อยากหาสถานที่ร้องไห้ แม้จะไม่รู้ว่าเขาร้องไห้อะไรหลังจากร้องไห้อยู่พักหนึ่ง เมื่อไม่เห็นใครปลอบใจเขา เขาก็เช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้น น้ำตาที่อยู่รอบๆ ดวงตาชะล้างสิ่งสกปรกออกไปเล็กน้อย ทำให้ดวงตาของเขาเป็นสีดำและขาว ดูตลกมากทำเอาปี้หมิงหัวเราะออกมา"ใต้เท้าปี้ก็คิดว่าข้าดูตลกเหมือนกันใช่ไหม? " จ้านเป่ยว่างยิ้มอย่างเศร้าๆ "ข้าก็เป็นตัวตลก เป็นตัวตลกอย่างสมบูรณ์แบบ"ปี้หมิงพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็รีบส่ายหน้าทันที เขาไม่สามารถผิดคุณธรรม จากนั้นก็ถามขึ้นว่า "ทำไมเจ้าไม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 998

    เมื่อปี้หมิงมีสติกลับมา และแย่งไหเหล้ากลับมา เขาก็ดื่มลงไปเกินครึ่งแล้วจ้านเป่ยว่างก็เมามายหลบไปไล่ออกไปไม่ได้ ไล่ออกไปไม่ได้จริง ๆปี้หมิงเสียใจมาก ทำไมเขาถึงไปเอาอันธพาลแบบนี้กลับมา?ดื่มเหล้าไปเยอะขนาดนี้ คงจะไม่ตายไปแล้วมั้ง?ปี้หมิงโกรธมากจนออกไปตักน้ำเย็นๆ เข้ามาถังหนึ่ง คิดจะเทใส่เขา แต่เมื่อเห็นเขานอนนิ่งไม่ไหว หน้าซีดเผือดน่ากลัวอย่างกับศพ สุดท้ายก็ลงมือกับเขาไม่ลงเขาส่ายหน้า ให้คนรับใช้เตรียมรถม้า และส่งเขากลับจวนด้วยตัวเองเพียงแต่รถม้าสั่งโคลงเกินไป เขาอยู่ข้างในอ้วกอย่างรุนแรง ปี้หมิงขับรถม้าก็ยังได้กลิ่นเหม็นที่ออกมาจากท้องของเขา กลิ่นเหม็นเหมือนน้ำในคูน้ำที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานนับหมื่นปี พร้อมกับกลิ่นเน่าเสียปี้หมิงโกรธจนบ้าคลั่ง ตะคอกเข้าไปในรถม้าประโยคหนึ่ง "จ้านเป่ยว่าง เจ้าจ่ายค่ารถม้าให้ข้าด้วย"เขามีรถม้าเพียงคันเดียวเท่านั้น เป็นรถม้าที่ฮูหยินของเขาใช้เดินทาง ปกติแล้วเขาไม่ใช่รถม้า บาปกรรมจริงๆ คราวนี้ถูกฮูหยินด่าตายแน่นอนเป็นคนก็ไม่ควรมีเมตตาและอยากรู้เกินไปเมื่อรถม้ามาถึงจวนแม่ทัพ เขาก็กระโดดลงมาด้วยความโกรธ และเรียกคนของจวนแม่ทัพออกมา "หามเจ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 999

    ในห้องทรงพระอักษร พระเนตรของจักรพรรดิ์ซูชิงเต็มไปด้วยความโกรธ ทอดพระเนตรจ้านเป่ยว่างที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก "ลาออกจากตำแหน่ง? เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม? "จ้านเป่ยว่างก้มหน้า น้ำเสียงสั่นเทา "กระหม่อมมีความผิด กระหม่อมทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง กระหม่อมละอายใจต่อฝ่าบาทและตระกูลเซียวพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงกริ้วมากจนปวดสมอง "ในเมื่อเจ้ารู้ว่าตั้งความหวังในตัวเจ้าไว้สูง เจ้าก็ควรตั้งใจทำงานของเจ้าให้ดี แทนที่จะมาลาใช้อารมณ์จะลาออก"จ้านเป่ยว่างก้มคำนับอีกครั้ง "ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้ใช้อารมณ์ กระหม่อมแค่เห็นความไร้ความสามารถและขี้ขลาดของตัวเองแล้ว กระหม่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะรับหน้าที่เป็นรองผู้บัญชาการองครักษ์ซวนเท่จริงๆ ขอฝ่าบาทโปรดให้กระหม่อมสมปรารถนาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"อู๋ต้าปั้นก็ทนดูไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ก็เอาแต่พูดว่าตัวเองมีความผิด ก็เท่ากับหมายความว่าการตัดสินพระทัยของฝ่าบาทไม่ยุติธรรมหรือ?น้ำเสียงของจักรพรรดิ์ซูชิงเย็นลงอีกเล็กน้อย "กลับไปทบทวนตัวเองอีกสองสามวันก่อนแล้วค่อยกลับมา ออกไป"จ้านเป่ยว่างลุกขึ้นยืนอย่างจนใจ โค้งคำนับและพูดว่า :"พ่ะย่ะค่ะ! "หลังจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1000

    วิธีคิดปัญหาของเสิ่นว่านจือนั้นมักจะแตกต่างจากคนอื่นๆ อยู่เสมอ นางอึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นหันไปถามซ่งซีซีว่า "เขาไม่พอใจที่ฝ่าบาทลดตำแหน่งเขาและปรับเงินเดือนเขา เพราะงั้นเขาเลยโกรธและไม่อยากทำไง"นางไม่รู้ว่าจ้านเป่ยว่างเป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่นางเป็นเช่นนั้นตราบใดที่สิ่งที่ครอบครัวหรืออาจารย์มอบให้นางมันน้อยกว่าที่นางคาดไว้ นางก็จะหยุดมือและไม่ทำอะไรเลย ใช้กลยุทธ์ดูเหมือนว่าล่าถอยแต่จริงๆ แล้วก็การโจมตีเมื่อเห็นซ่งซีซีทำสีหน้าไม่สู้ดี นางจึงพูดว่า "ไม่พูดเรื่องคนนี้แล้ว พอพูดถึงมันก็รำคาญ ในเมื่อฝ่าบาทจะไม่ยอมให้เขาลาออก งั้นเขาก็เล่นลูกไม้ใดๆ ไม่ได้"ทุกคนก็รีบเปลี่ยนหัวข้อทันที กินขนมชิงถวน เซี่ยหลูโม่ยังไม่กลับมา เป่าจูจึงบอกว่าจะเก็บไว้ให้ท่านอ๋องบ้างหลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว เสิ่นว่านจือถึงถามซ่งซีซีว่า "อันที่จริงถ้าเขาลาออกก็ดีสิ คนเช่นนั้นจะคู่ควรกับการเป็นผู้บัญชาการขององครักษ์ซวนเท่ได้อย่างไร"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ในเวลานี้ ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับชายแดนเฉิงหลิงควรเก็บตัวให้หลีกเลี่ยงเป็นที่สนใจมากที่สุดจะดีกว่า เพื่อไม่ให้คนนอกมาพูดถึงกัน อีกอย่างไม่ว่าเขาจะลาออกหรือถูกฝ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1001

    สนมฮุ่ยไทเฟยไม่ชอบทานอาหารร่วมกับบุตรชาย พวกเขามีรสนิยมแตกต่างกัน และพอพูดกันไม่ถึงสองสามคำก็จะเกิดปากเสียง ทว่าไทเฮาได้กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าต้องให้พวกเขามาทานข้าวด้วยกันอย่างน้อยสองสามครั้งต่อเดือน มิฉะนั้น มีคนรับใช้เยอะ พอเอาเรื่องนี้ไปพูดข้านอก งั้นก็จะโดนหาว่าโม่เอ๋อและซีซีอกตัญญูเห้อ ชีวิตก็เป็นอย่างนี้แหละ ถูกเรื่องมากมายควบคุมเอาไว้ และไม่สามารถทำอะไรตามใจชอบได้แม่นมเกามักจะพูดว่านางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแต่กลับไม่รู้ตัว ทว่านางคิดว่าในโลกนี้จะมีคนที่มีความสุขอย่างแท้จริงโดยไม่มีเรื่องกลุ้มใจได้อย่างไร? ไม่ว่าชีวิตจะดีแค่ไหน ย่อมมีเรื่องกลุ้มใจของตนเองบ้าง ต่อให้เป็นผู้ร่ำรวยที่รวยสุดในโลกก็จะเจอปัญหาอยู่ดีสรุปคือ เวลานางมีความสุขนางจะยิ้ม พอนางหงุดหงิดก็อย่าเข้ามายุ่ง นางมีสิทธิ์ที่จะหงุดหงิดด้วยเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีล้วนไม่ใช่คนช่างพูด ดังนั้นจึงเรียกเสิ่นว่านจือมาร่วมรับประทานอาหารด้วย เสิ่นว่านจือถนัดกับการทำให้บรรยากาศดีขึ้นและเปลี่ยนบรรยากาศที่ตึงเครียดกลายมีชีวิตชีวาสุดท้ายแล้วจ้านเป่ยว่างก็ไม่ได้ลาออกจากงาน พอผ่านไปสองสามวันเขาก็ใส่เครื่องแบบกลับไปทำงานอย่างหด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1002

    ที่จางฉีเหวินไหว้ครูเพื่อเรียนศิลปะการต่อสู้ ข้อแรกคือเขาชอบศิลปะการต่อสู้ ข้อที่สองเพราะเขาต้องการได้รับการเลื่อนตำแหน่งแต่เขามีความอดทนมากพอ หากสามปีไม่ได้ผล งั้นก็รอห้าปี หากห้าปีไม่ได้การก็รอสิบปี ทำงานอยู่ข้างกายฮ่องเต้ให้ยิ่งนานงั้นยิ่งมีประสบการณ์มากขึ้น ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ สักวันหนึ่งเขาก็จะประสบความสำเร็จแน่นอนว่าเขามีเป้าหมายของตนเองด้วย โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นรองหัวหน้าหน่วยและหัวหน้าหน่วยภายในสามหรือห้าปีดังนั้นเมื่อฝ่าบาทเรียกเขาไปเข้าเฝ้า โดยแต่งตั้งเขาเป็นรองผู้บัญชาการองครักษ์ซวนเท่ ทำให้เขาตกตะลึงไปเขาไม่เคยเสียท่าในท้องพระโรงเลย นี่เป็นครั้งแรกเป็นอู๋เยว่ที่เตะเขาข้างๆ และดุเขาด้วยรอยยิ้มว่า "มัวแต่เหม่อลอยอะไรกัน ยังไม่รีบขอบพระทัยฝ่าบาท"เขาเอามือที่สั่นเทาค้ำพื้น จากนั้นก้มลงเพื่อกราบไหว้ "กระหม่อมขอบพระทัยที่ฝ่าบาททรงเลื่อนตำแหน่งให้ กระหม่อมจะภักดีต่อฝ่าบาท และทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของกระหม่อมอย่างแน่นอนพะย่ะค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงชอบได้ยินคำพูดเหล่านี้มาก และพูดด้วยรอยยิ้ม " อู๋เยว่ พาเขาออกไป ให้ลูกน้องของเจ้าไปขอสุราจากเขาได้เลย"พวกเขาทั้งสามได้รับการเลื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1003

    วันรุ่งขึ้น จางฉีเหวินพาพ่อแม่ ภรรยา และลูกๆ ของเขาไปเยี่ยมเสิ่นว่านจือ แน่นอนว่าได้เอาของขวัญมากมายไปติดมือด้วยเสิ่นว่านจือรู้ว่าเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ซีซีกลับมาบอกให้ ในตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มันเป็นเพียงการเลื่อนตำแหน่งเองแต่วันนี้ เมื่อเห็นเขาพาทั้งครอบครัวมาแสดงความขอบคุณ ใบหน้าของทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับว่าพวกเขาได้สมบัตล้ำค่าอย่างเปล่าๆ ต่างก็ยิ้มกว้างเลยนางรู้สึกถึงความสุขที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งนี้ และหลังจากได้ถามไปแล้วถึงรู้ว่าคนที่ทำงานข้างกายฮ่องเต้ หากต้องการเลื่อนตำแหน่งเว้นแต่เขาช่วยชีวิตฮ่องเต้ที่ได้สร้างผลงานยิ่งใหญ่ไว้ มิเช่นนั้นหากทำงานไปวันๆ แบบนั้นมันยากมากแต่เมื่อเผชิญกับความขอบคุณจากครอบครัวของจางฉีเหวิน นางรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรได้รับมัน เพราะที่เขาได้เลื่อนตำแหน่ง นางเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรด้วย ซึ่งทั้งหมดได้มาจากความพยายามของเขาเองจากนั้นจางฉีเหวินให้พ่อแม่ ภรรยา และลูกๆ ของเขากลับบ้านก่อน ส่วนเขาก็อยู่ในจวนอ๋องต่อ เขารู้สึกว่ามีบางเรื่องต้องพูดล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงเกิดความเข้าใจผิดและความสงสัยในภายหลังหลังจากอธิบายไปบ้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1004

    ซ่งซีซียอมรับความจริงข้อนี้มานานแล้ว และถามกุ้นเอ๋อร์ว่า "มีใครมารับศพของนางกลับหรือไม่?""ใต้เท้าขงบอกว่าได้ไปหาครอบครัวพ่อแม่ของนางมาแล้ว พ่อแม่ของนางไม่อยู่แล้ว มีพี่ชายและพี่สะใภ้คอยดูแลบ้าน โดยบอกว่าผู้หญิงที่โดนทอดทิ้งยังฆ่าตัวตายด้วยวิธีจมน้ำตายเช่นนั้นเป็นลางร้าย ไม่ยอมมารับนางกลับ""ครอบครัวสามีของนางล่ะ" หลังจากที่เสิ่นว่านจือถามออกมา นาวก็รู้สึกว่าคำถามนี้เป็นส่วนเกิน ในเมื่อถูกหย่าแล้วจะมารับนางได้อย่างไร"ครอบครัวของสามีนางอีกไม่กี่วันก็จะแต่งภรรยาใหม่ จะช่วยจัดงานศพให้นางได้อย่างไร"เสิ่นว่านจือขมวดคิ้ว "แต่งงานกับคนใหม่เร็วขนาดนี้ ไอ้ผู้ชายชั่วนี้ยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่าเนี่ย?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "เกรงว่าถูกใจกันมาตั้งนานแล้ว"ทันใดนั้นเสิ่นว่านจือก็คิดขึ้นมาว่า "แม่นางเย็บปักคนนั้นถูกหย่าเพราะไม่มีลูก แล้วนางมีสินเดิมหรือเปล่า? สินเดิมก็ถูกสามีนางได้เอาไปใช้แล้วนี่"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ต่างก็เป็นสามัญชนธรรมดา จะมีสินเดิมอันมีค่าที่ไหนกัน ต่อให้มี ตั้งหลายปีแล้วก็คงใช้หมดแล้ว ข้าได้ยินมาว่าแม่นางปักเย็บคนนั้นมีฝีมือเก่งาก ปกติแค่ลำพังงานฝีมือก็ทำเงินไม่น้อย น่าเสียดายก็ใ

최신 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status