Share

บทที่ 989

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หลังอาหารเย็น แม่ทัพใหญ่เซียวและเซี่ยหลูโม่ได้คุยกันเป็นเวลานานในห้องหนังสือ เดิมทีซ่งซีซีอยากจะเข้าไปฟังด้วย แต่แม่ทัพใหญ่เซียวบอกว่าเป็นการสนทนาระหว่างชายสองคนและไม่สะดวกที่นางเข้าไป

ซ่งซีซีได้แต่ล้มเลิกความคิดนั้น แล้วไปหาศิษย์พี่ผิงและศิษย์พี่ชายใหญ่

ระหว่างทานอาหารเย็นคืนนี้ ศิษย์อาบอกว่าเขาจะกลับภูเขาเหม่ยชาน และให้พวกเขากลับด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาสั่งให้ศิษย์พี่ใหญ่กลับไปโดยบอกว่าเขาอาศัยอยู่ในจวนอ๋อง และทำให้มีผู้คนมากมายมาเยี่ยมชม จวนอ๋องก็วุ่นวายไปหมด

จริงๆ แล้วคนที่มาตามหาศิษย์พี่นั้นล้วนเป็นคนที่ชอบการวาดภาพในราชสำนัก ทว่าศิษย์อากล่าวว่ายิ่งเป็นคนจากราชสำนักยิ่งไม่ควรไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิดเกินไป มีแต่สร้างปัญหาให้กับเซี่ยหลูโม่ ลูกศิษย์ของเขาเท่านั้น จึงออกคำสั่งให้พวกเขาออกจากจวนอ๋องอย่างเคร่งครัด

ศิษย์พี่ผิงแอบบ่นว่าศิษย์อาพอใช้ประโยชน์พวกเขาเสร็จก็ถีบหัวส่ง เวลาต้องการพวกเขาก็สั่งทำนี่ทำนุ่นไม่หยุด พอเสร็จงานแล้วก็รังเกียจที่พวกเขามาขัดหูขัดตา

ศิษย์พี่ผิงไม่เคยพูดคนอื่นในแง่ไม่ดี มีแต่บ่นไม่ดีกับศิษย์อา อีกอย่างนางไม่กล้าพูดต่อหน้าด้วยซ้ำ

"จะกลับไปจริงๆ หรือ ไม
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 990

    หลานเอ่อร์ขมวดคิ้ว "ท่านตาจะออกเดินทางกลับชายแดนเฉิงหลิงพรุ่งนี้ เขาแก่แล้ว หากไม่ไปพบครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจออีกทีเมื่อใดกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในวันเกิดครบเจ็ดสิบปีของเขาได้อยู่คนเดียวในจวนตะกูลเซียว ท่านไม่อยากไปกินข้าวร่วมกับเขาสักมื้อเหรอ ไม่อยากอวยพรเขามีอายุยืนยาวเหรอ?พระชายาอ๋องฮวยปาดน้ำตา ไม่ เสด็จแม่ไปไม่ได้ และเมื่อวันเกิดปีที่เจ็ดสิบของเขา ซ่งซีซีน่าจะฉลองร่วมกับเขา…หลานเอ่อร์พูดด้วยความโกรธ "เสด็จแม่ แค่คิดดูก็รู้ว่าในวันเกิดที่เจ็ดสิบของเขา ท่านพี่ไปไม่ได้หรอก ในเวลานั้นการเจรจายังไม่เริ่มต้นและฝ่าบาทก็ยังไม่ออกคำสั่ง เขากับท่านพี่จะมาเจอหน้าในเวลาที่ไม่เหมาะสมได้อย่างไร?พระชายาอ๋องฮวยปาดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าและสำลัก "มันก็ผ่านไปแล้ว บัดนี้กินชดเชยกันก็มิใช่วันเกิดแล้ว เสด็จแม่ไม่ไป ตอนที่เขากลับมาเมืองหลวง เสด็จแม่ก็ไปเยี่ยมมาแล้ว เพียงแต่มีคนคอยเฝ้าดูไว้ไม่ให้เสด็จแม่เข้าไป แต่ก็ถือว่าข้าทำดีที่สุดแล้วแม้ว่าหลานเอ่อร์จะฝึกฝนตัวเองให้สงบจิตใจในช่วงนี้ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูดนั้น ก็โกรธมากจนพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่งช่างเถอะ ช่างเถอะ หลานเอ่อร์ส่ายหัว ดวงตาขอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 991

    เมื่อหลานเอ่อร์มาถึงจวนเป่ยหมิงอ๋อง พอเห็นท่านตาและป้าสะใภ้สาม นางก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกและคุกเข่าลงต่อหน้าพวกเขาเมื่อแม่ทัพใหญ่เซียวและนางหนานเห็นนาง พวกเขาก็มองออกไปข้างนอกโดยสัญชาตญาณ แต่ไม่เห็นมีใครอื่นเลย มีแววตาผิดหวังเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกตินางหนานยิ้มพลางช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น "หลานเอ่อร์ ทำไมถึงร้องไห้อยู่ล่ะ? ไม่ดีใจที่เห็นท่านตาออกมาอย่างปลอดภัยเหรอ?"หลานเอ่อร์ร้องไห้ "มีความสุขมาก เพราะมีความสุขมากเกินไป"แม่ทัพใหญ่เซียวมองไปที่หลานสาวคนนี้ โดยรู้ถึงความทุกข์ที่นางเจอ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจ "หลานเอ่อร์ รีบนั่งลง แล้วปล่อยให้ท่านตาดูเจ้าให้ดีๆ"หลานเอ่อร์ได้ยินน้ำเสียงที่เป็งห่วงกับการกระทำที่เฉยเมยของท่านแม่ อดไม่ได้รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา และน้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง "ท่านตา หลานเอ่อร์มีท่านพี่คอยช่วยเหลือให้ ทุกอย่างสบายดีเจ้าค่ะ"แม่ทัพใหญ่เซียวเหลือบมองซีซี และรู้สึกขมขื่นใจ นางเองไม่รู้ว่าต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน แต่ยังไม่ลืมที่ดูแลน้องของตนเอง"ท่านตาดีใจมากที่พวกเจ้าสามารถดูแลกันและกันได้ ต่อไปก็ต้องทำเช่นนี้ด้วยกันนะ""เจ้าค่ะ หนูจะท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 371

    หยานไท่ฟู่และเสนาบดีมู่อยู่กินข้าวที่จวนอ๋อง มีอาหารรสเลิศและสุราชั้นเลิศ แม่นมเหลียงยังทำซาลาเปาวันเกิดด้วยตนเอง และกดรอยแดงในนั้นเหมือนดอกบ๊วยที่ตกลงมาบนหิมะแม่ทัพใหญ่เซียวมีความสุขมากและดื่มอย่างดีใจด้วย ในระหว่างรับประทานอาหารเย็น พวกเขาทั้งสามยังคงพูดคุยและหัวเราะด้วย โดยส่วนใหญ่พูดถึงเรื่องเก่าๆ ในอดีต และแม้กระทั่งได้พูดถึงแม่ทัพผู้เฒ่าจ้านด้วยเสนาบดีมู่ยังถอนหายใจลึกๆ "ตอนนั้นข้าแบกหน้าไปคุยเรื่องแต่งงานให้จ้านเป่ยว่าง และเห็นแก่ผู้เฒ่าจ้าน โดยคิดว่าไม่อยากให้ตระกูลจ้านตกอับไป ไม่คิดว่าสองคนนี้กลายเป็นคนไม่กินเส้นกัน ข้าที่เป็นพ่อเสื่อนั้นถือว่าใช้ไม่ได้จริงๆ เสียใจเอาซะ""ทุกคนมีชะตากรรมของตัวเอง" หยานไท่ฟู่กล่าว จากนั้นมองไปที่แม่ทัพใหญ่เซียว "เราก็อายุปูนนี้แล้วจะมาห่วงใยเรื่องวันหนุ่นสาวก็ไม่ได้หรอก ดูแลตนเองให้ดี ใช้ชีวิตที่มีลูกกลานคอยอยู่ข้างกายให้นานๆ เท่าที่จะทำได้"คำพูดของหยานไท่ฟู่ค่อนข้างมีความหมายลึกซึ้ง ตอนนี้ฮ่องเต้อายุยังน้อย รากฐานยังไม่มั่นคงก็ย่อมต้องวางแผนในหลายๆ ด้าน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่วางแผนกับขุนนางเก่าเพื่อสนับสนุนใหม่ ก็ราชวงศ์ใหม่ก็ต้องมีขุนนางใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 993

    โรงงานเย็บปักซู่เจินได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถรับคนเข้ามาได้ตลอดเวลาฮูหยินของหลี่เต๋อฮวยได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ออกไป ในหมู่ชาวบ้านก็วิพากษ์วิจารณ์กันไม่น้อยแต่การสนทนายังคงเป็นการสนทนา แต่ไม่มีผู้หญิงคนใดที่ถูกไล่ออกจากบ้านกล้าก้าวเข้าสู่โรงงานนี้เสิ่นว่านจืองุนงงมาก จากการสืบของนางกับหงเซียว รู้ว่าผู้หญิงหลายคนที่ถูกหย่าร้างอาศัยอยู่ในสำนักแม่ชี ทำงานหนักและสกปรกหลายอย่าง บางครั้งวันหนึ่งก็กินอาหารไม่ครบสามมื้อบางคนสามารถกลับไปบ้านของครอบครัว แต่ก็ถูกทารุณจากพี่น้องสะใภ้ ชีวิตก็น่าสังเวชมากในวันขึ้นสามค่ำเดือนสามวันนี้ พบศพผู้หญิงในแม่น้ำสือจึหลี่ หลังจากการสอบสวนของสำนักเขตจิงจ้าว ก็พบว่าเป็นนางเย็บปักที่ถูกหย่าร้างไล่ออกจากเรือนเพราะไม่มีลูกชายหลังจากเสิ่นว่านจือรู้เรื่องนี้ ก็นั่งไม่ติดแล้ว ก็มุ่งตรงไปหาซ่งซีซีที่กองกำลังเมืองหลวงทันทีซ่งซีซีมองนางที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ ก็ปลอบขึ้นว่า "เรื่องนี้เดิมทีมันก็ยากมาก ร้านเย็บปักของเรายังไม่มีคนเข้าไป ใครก็ไม่อยากเป็นคนแรก เพราะเมื่อเข้าไปแล้วก็เท่ากับบอกให้คนทั้งแผ่นดินรู้ว่า ตนเองเป็น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 994

    ซ่งซีซีพูดขึ้นว่า "ข้าเองก็ใช่ว่าจะคิดไม่ถึง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น ก็อย่าเพิ่งคิดถึงปัญหาของจุดนั้น ถ้าขายไม่ได้จริงๆ ก็เอาไปขายต่างเมือง ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือก้าวแรกพวกเราก็ยังไม่สามารถเดินออกมาได้เลย""ก็ใช่ มีคิดว่ามันจะยากขนาดนี้ สถาบันการศึกษาสตรีจะไม่ยากกว่านี้อีกหรือ? ""ไม่สถาบันการศึกษาสตรีจะมีแต่จะรับมือไม่ทัน" ซ่งซีซีพูดขึ้นเสิ่นว่านจือเท้าคาง "ก็ได้ อารมณ์ไม่ดี คืนนี้เรียกศิษย์ทั้งสี่มาฝึกเพิ่มเติมแล้วกัน"ซ่งซีซีหัวเราะออกมา "อาจารย์เสิ่น รีบไปแจ้งเถอะ ศิษย์ของอาจารย์ก็กระหายวรยุทธมาก"เสิ่นว่านจือก็หัวเราะออกมาเช่นกัน "ก็มีจางฉีเหวินที่ขยันมากที่สุด ไอ้หมอนี่พยายามหนักมาก และยังก้าวหน้าเร็วมาก เป็นคนที่เหมาะสมจะฝึกวรยุทธเป็นอย่างยิ่ง ถ้าตอนเด็กเขาได้เจอกับท่านอาจารย์ ตอนนี้วรยุทธของเขาก็จะต้องสูงส่งมากแน่นอน ฝึกตอนนี้รากฐานก็ค่อนข้างไม่เพียงพอ"เย็นหน่อย ซ่งซีซีไปที่จวนป๋อผิงซี ส่วนเสิ่นว่านจือก็ใช้แส้หนังบังคับลูกศิษย์ทั้งสี่ของนางให้ฝึกฝนมากขึ้นหลังจากนางจีได้ยินคำพูดของซ่งซีซี นางก็ยินดีช่วยเหลือ และนางก็เต็มใจมากซ่งซีซีถอนหายใจด้ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 995

    ก็ยังไม่ยอมไปจากกรมราชทัณฑ์จริงๆ นี่มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกมาก ใครบ้างเมื่อได้รับการพระราชทานอภัยโทษแล้วไม่รีบออกไป เมื่อกลับไปแล้วก็ก้าวข้ามจานไฟเพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้าย? ทำไมเขาอยู่ในกรมราชทัณฑ์จนเสพติดไปแล้ว?ครั้งนี้ก็สงสัยมากจริงๆ "เพราะอะไรหรือ? ""ไม่รู้สิ วันนี้ใต้เท้าหลี่่ส่งบันทึกคดีมาให้แล้วพูดถึงขึ้น เขาอยู่ในห้องมืดไม่พูดอะไรสักคำ ข้าวก็กินเพียงมื้อเดียว วันวันก็เอาแต่อยู่ในนั้น เดิมทีก็บอกว่าจะอยู่แค่วันเดียว แต่ตอนนี้กลับบอกว่าไม่อยากออกไปแล้ว""แปลกมากจริงๆ หรือว่าตำแหน่งขุนนางก็ไม่เอาแล้ว? " ซ่งซีซีฟังแล้วไม่ใช่การตัดสินพระทัยลงโทษของฝ่าบาทก็ไม่พูดอะไรอีก เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น "เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจรจา หลังจากกราบทูลฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทไม่ทรงสืบหรือ? "การลอบสังหารของเจิ้งหยงโซวยังสามารถปกปิดไปได้ แต่พิษเหมียวที่เซี่ยงผิงวางให้กับองค์หญิงใหญ่นั่นดูจะเหมือนกับพิษเหมียวที่ใช้ในคดีที่เมืองปิ้โจว ฝ่าบาทควรจะสามารถเชื่อมโยงกันได้"เขาจะต้องสืบแน่นอน คาดว่าน่าจะให้อู๋เยว่ไปสืบ"แม้ว่าศาลต้าหลี่จะกำลังทำคดีก่อกบฏ แต่เรื่องที่ไม่ได้พูดออกมาชัดเจน ฝ่าบาทก็ไม่มีทางให้หอต้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 996

    ความคิดนี้ของลู่เจิน ซ่งซีซีทำให้เขาเข้าใจผิด อันที่จริงตอนนี้ฝ่าบาทยังไม่ต้องการกำจัดค่ายลาดตระเวนขอเพียงไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาก็ไม่สนใจเรื่องเล็กๆ เหล่านี้ ความสมดุลสำคัญที่สุด โดยเฉพาะตอนนี้ยังกำลังสืบคดีก่อกบฏ แม้อ๋องเยี่ยนกับอ๋องฮวยจะอยู่ในสายตาของเขาแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แท้จริง ถ้ากำจัดคนเหล่านี้ออกไป บางทีอ๋องเยี่ยนก็จะลงมือลับๆ แล้วคนหนึ่งยั่วยุทั้งตระกูล นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ยิ่งไปกว่านั้น เขามีแผนการที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมกองทัพซวนเจีย เขาก็จะทำลายกองทัพซวนเจียให้พังทลายราบคาบ องครักษ์ซวนเท่ก็เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์แบบแต่ซ่งซีซีไม่สามารถปล่อยให้เศษสวะกลุ่มนี้ทำให้ค่ายลาดตระเวนยุ่งเหยิงได้ คนบางคนเมื่อมีอำนาจนิดหนึ่งก็จะข่มเหงราษฎรไม่ก็กำจัดค่ายลาดตระเวนไปเสีย ไม่อย่างนั้นก็แก้ไขอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้น ค่ายลาดตระเวนก็แหล่งของอันธพาลที่ได้รับเงินเดือนจากราชสำนักฝ่าบาทไม่อยากแตะต้อง เพราะเกิดเรื่องขึ้นก็ถูกระงับลงไปแล้ว ไม่ได้เกิดเรื่องวุ่นวายจนถึงเขา แต่เรื่องนี้เมื่อขุดลงไปลึกเข้าก็ปกปิดไว้ไม่ได้ เมื่อขุดขึ้นมาแล้วก็ส่งไปยังหออาล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 997

    ฮูหยินปี้ไม่ชอบจ้านเป่ยว่างจริงๆ ให้คนจัดวางกับแกล้มเหล้าสามอย่างก็ออกไป และยังพาคนที่ปรนนิบัติออกไปด้วย เหม็นสาบขนาดนี้ ไม่ปรนนิบัติจ้านเป่ยว่างเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดื่มเหล้า ไม่กินอาหารสักคำ ท่าทางรังเกียจที่ฮูหยินปี้มีต่อเขา เขาก็เห็นชัดเจน ก็ยิ่งหดหู่มากขึ้น"กินกับข้าวหน่อย อย่าเอาแต่ดื่ม เกิดอะไรกับเจ้ากันแน่? " ปี้หมิงถามขึ้นจ้านเป่ยว่างดื่มเหล้าในแก้วจนหมด ก็ฟุบลงบนโต๊ะร้องไห้ เสียงร้องก็ไม่ดังมาก เหมือนกับถูกคนเอาหมอนปิดปากปิดจมูกไว้ มีเสียงอู้อี้ดังขึ้นปี้หมิงก็ไม่พูดอะไรอีก เอาแต่ดื่มเหล้ากินอาหาร บางทีเขาแค่อยากหาสถานที่ร้องไห้ แม้จะไม่รู้ว่าเขาร้องไห้อะไรหลังจากร้องไห้อยู่พักหนึ่ง เมื่อไม่เห็นใครปลอบใจเขา เขาก็เช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้น น้ำตาที่อยู่รอบๆ ดวงตาชะล้างสิ่งสกปรกออกไปเล็กน้อย ทำให้ดวงตาของเขาเป็นสีดำและขาว ดูตลกมากทำเอาปี้หมิงหัวเราะออกมา"ใต้เท้าปี้ก็คิดว่าข้าดูตลกเหมือนกันใช่ไหม? " จ้านเป่ยว่างยิ้มอย่างเศร้าๆ "ข้าก็เป็นตัวตลก เป็นตัวตลกอย่างสมบูรณ์แบบ"ปี้หมิงพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็รีบส่ายหน้าทันที เขาไม่สามารถผิดคุณธรรม จากนั้นก็ถามขึ้นว่า "ทำไมเจ้าไม่

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1470

    ซ่งซีซีไม่ชอบให้นำบิดาของนางมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นัก เพราะไม่ว่าฮ่องเต้จะตรัสสิ่งใด ก็ล้วนไม่เกี่ยวกับบิดาของนางเลย ไม่มีความจำเป็นต้องเน้นย้ำถึงความจงรักภักดีของบิดาต่อแผ่นดิน เพื่อนำมาเป็นกรอบบังคับคำตอบที่นางจะกล่าวต่อไป แต่เห็นได้ชัดว่า นางจะชอบหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ฮ่องเต้จะใส่พระทัย นางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฮ่องเต้มีเรื่องใดจะถามก็ตรัสเถิด หม่อมฉันฟังอยู่” ความเจ็บปวดเสียดลึกถึงกระดูก ทำให้จักรพรรดิ์ซูชิงไม่เลือกที่จะลองหยั่งเชิงเหมือนเคย แต่รับสั่งตรงไปตรงมาแทน “เจ้าน่าจะเป็นผู้ที่รู้จักเซี่ยหลูโม่ดีที่สุด เจ้าคิดว่า หากข้าสวรรคต แล้วเขาได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน จะสังหารฮ่องเต้องค์เยาว์แล้วตั้งตนเป็นจักรพรรดิ์หรือไม่?” ซ่งซีซีใจหายวาบ โทสะพลันแล่นขึ้นมาปรากฏในดวงตาเซี่ยหลูโม่ผ่านพ้นจากความเป็นความตายในหนานเจียงกลับมาอย่างยากลำบาก มิควรถูกกล่าวหาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ นางรู้สึกเจ็บแทนเขา น้ำเสียงจึงเย็นเยียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และพูดเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ฮ่องเต้ ข้ากับเซี่ยหลูโม่เป็นสามีภรรยากันเพียงสามปี จะนับได้อย่างไรว่าเป็นผู้ที่รู้จักเขาดีที่สุด? ผู้ที่รู้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1469

    จักรพรรดิ์ซูชิงได้ส่งอู๋ต้าปั้นไปร้านขายยาเย่าหวังเพื่อหาหมอมหัศจรรย์ดันเมื่อห้าวันก่อน ตอนนั้น คนของร้านขายยาเย่าหวังบอกว่าหมอมหัศจรรย์ดันได้ออกจากเมืองไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด อู๋ต้าปั้นกลับมารายงาน จักรพรรดิ์ซูชิงจึงเข้าใจได้ทันทีว่าสาเหตุนั้นมาจากเรื่องในอดีต เมื่อครั้งที่เสด็จพ่อของพระองค์ทรงสังหารหมอชื่อดังในหมู่ประชาชน ทำให้หมอมหัศจรรย์ดันไม่ต้องการเข้าวังมารักษา พระองค์เคยคิดจะส่งคนไปพาตัวหมอมหัศจรรย์ดันมา ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใด บนผืนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นดินแดนของจักรพรรดิ์ ย่อมหาวิธีตามหาเขาเจอแน่นอน แต่หากหมอมหัศจรรย์ดันไม่เต็มใจ ต่อให้พาตัวเขามา ก็คงไร้ประโยชน์ แน่นอนว่าจักรพรรดิ์ซูชิงทรงทราบดีว่ายังมีผู้ที่สามารถเชิญเขามาได้ นั่นคือซ่งซีซี เพียงแต่พระองค์ยังทรงปิดบังอาการประชวร ไม่ต้องการให้เหล่าขุนนางทั้งหลายล่วงรู้เร็วจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่อยากให้เซี่ยหลูโม่รู้เร็วจนเกินไป เขาเพิ่งสร้างผลงานจากสนามรบกลับมา เป็นที่เลื่อมใสของประชาชน หากได้รู้เรื่องพระอาการประชวรของพระองค์ และเตรียมการแต่เนิ่นๆ การกระทำของเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะประสบความสำ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1468

    งานเลี้ยงฉลองชัยชนะในวันรุ่งขึ้นถูกยกเลิก ทางวังส่งคนมาแจ้งว่า ฮ่องเต้ทรงเป็นหวัด ไอหนักมาก แม้ว่างานเลี้ยงฉลองจะไม่ได้จัดขึ้น แต่ราชโองการว่าด้วยการปูนบำเหน็จแก่ผู้มีความชอบก็ถูกประกาศออกมาอย่างรวดเร็ว ฝางเทียนสวี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ของหนานเจียง เลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพผู้พิทักษ์แผ่นดินชั้นเอก ฉีหลิน และแม่ทัพท่านอื่นๆ ได้รับเลื่อนยศเป็นขุนนางฝ่ายทหารชั้นสามและชั้นรองสาม ยังคงประจำการที่หนานเจียง มีการจัดสรรเงินทุนเพื่อสร้าง จวนแม่ทัพ ที่หนานเจียง พร้อมอนุญาตให้นำครอบครัวไปอยู่ด้วย สำหรับทหารที่เสียชีวิตในการรบ ทางการจัดสรรเงินเยียวยาให้ครอบครัว ทหารที่บาดเจ็บได้รับเงินปลอบขวัญคนละสิบตำลึงเงิน ทุกคนที่มีความชอบล้วนได้รับการจัดสรรรางวัลอย่างชัดเจน เว้นแต่ เซี่ยหลูโม่ ที่ยังไม่มีการกำหนดรางวัลแน่นอน ในเบื้องต้น พระองค์ได้รับ ทองคำพันตำลึง ผ้าไหมห้าสิบพับ และยังคงดำรงตำแหน่ง ต้าหลี่ซื่อชิง เช่นเดิม ในราชโองการประกาศยกย่องเซี่ยหลูโม่เป่ยหมิงอ๋องว่าได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อแผ่นดิน พรรณนาความดีความชอบด้วยถ้อยคำสละสลวย แต่ก็ยังเป็นเพียง วาจาชื่นชมที่ไร้เนื้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1467

    เซี่ยหลูโม่กุมมือของซ่งซีซีไว้แน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าไม่มีวันยอมรับพระชายารองหรืออนุภรรยา ข้าไม่มีใจให้ผู้ใดนอกจากเจ้า เจ้าต้องเชื่อใจข้าเสมอ" ซ่งซีซีจ้องมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน "แน่นอนว่าข้าย่อมเชื่อ มิฉะนั้นข้าคงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้โดยเด็ดขาด" เขาดึงนางเข้ามาโอบกอด ทั้งสองพิงพาอิงแอบกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อกันทำให้พวกเขามั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อเรื่องราวใดๆ "อาการป่วยของฮ่องเต้ ได้ให้หมอมหัศจรรย์ดันตรวจหรือไม่?" เซี่ยหลูโม่ถาม ซ่งซีซีส่ายหน้าเบาๆ ในอ้อมแขนของเขา "ไม่เคย ฮ่องเต้ไม่เอ่ยปากเอง ย่อมไม่มีใครกล้ากล่าวแนะนำ ไทเฮาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้" เซี่ยหลูโม่ถอนหายใจเบาๆ "เขาดูแก่ลงไปสิบปี ตอนที่ข้าพบเขาครั้งแรก ข้ายังตกใจไม่น้อย" ซ่งซีซีพบจักรพรรดิซูชิงเป็นครั้งคราว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขาดูแก่ลงขนาดนั้น แต่ก็แน่นอนว่าเขาซูบซีดและอิดโรยไปมาก ดวงตาก็ขุ่นมัวลง ซ่งซีซีกล่าว "เจ้ากรมทั้งหกและข้าไม่มีใครแนะนำหมอมหัศจรรย์ดัน เพราะตอนที่เขาเสด็จออกจากวังมาที่จวนอ๋อง ได้กล่าวไว้ว่าจะไปหาหมอมหัศจรรย์ดันโดยส่วนตัว ดังนั้นเจ้ากรมทั้งหกจึงไม่คิดแนะนำซ้ำ แต่ที่ข้าแปลก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1466

    หลังจากจัดการบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ซ่งซีซีเป็นผู้ไปส่งหมอมหัศจรรย์ดันและศิษย์ของเขาด้วยตนเอง ระหว่างทาง หมอมหัศจรรย์ดันยังคงกำชับเบาๆ "จดจำไว้ให้ดี ห้ามใช้พลังภายในอีกเป็นอันขาด การต่อสู้ก็ไม่ได้ เขาบาดเจ็บที่ตันเถียน เดิมทีก็ฝืนใช้พลังภายในไปแล้ว ยังฝืนเดินทางกลับมาอย่างเร่งรีบทั้งที่บาดแผลยังไม่หายดี ตอนที่ข้าจับชีพจรให้ เขายังพยายามฝืนกักลมปราณปกป้องร่างกาย นี่เป็นเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตจริงๆ ตอนนี้เขาเปราะบางราวกับเปลือกไข่ หากมีใครคิดปองร้ายเขาเวลานี้ คงเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง ดังนั้นต้องระมัดระวังให้ถึงที่สุด เข้าใจหรือไม่?" "อีกอย่าง เรื่องของเขา ยิ่งมีคนน้อยคนรู้ยิ่งดี สถานการณ์เช่นนี้ จิตใจมนุษย์ไว้ใจไม่ได้ที่สุด" ซ่งซีซีรู้ดีว่าท่านลุงดันเป็นคนรอบคอบ คำเตือนของเขาก็เพื่อตัวนางและสามี จะไม่ซาบซึ้งได้อย่างไร นางจึงรีบรับคำและให้คำมั่น ภายในจวน อาจารย์หยูสั่งให้ทุกคนแยกย้ายออกไป เพื่อให้ท่านอ๋องได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากที่เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย และต้องรบในหิมะและความหนาวเย็นเป็นเวลานาน จนต้องดื่มน้ำหิมะทำให้กระเพาะและม้ามได้รับความเสียหาย เขาจำเป็นต้องพักผ่อนแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1465

    เมื่อเข้ามาในห้องด้านใน ม่านถูกปล่อยลง หมอมหัศจรรย์ดันก็กล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึมทันที "ห้ามมีความสัมพันธ์ทางกาย ห้ามเหลวไหล รู้หรือไม่?" ใบหูของเซี่ยหลูโม่แดงก่ำ กล่าวเสียงเบา "เรื่องนี้...ไม่น่าร้ายแรงถึงเพียงนั้น" ทว่าหมอมหัศจรรย์ดันยังคงเคร่งขรึม สีหน้าปฏิเสธข้อโต้แย้งใดๆ "ต้องห้ามโดยเด็ดขาด" หัวใจของซ่งซีซีพลันหนักอึ้งขึ้นมา นางรู้ว่าสถานการณ์อาจร้ายแรงยิ่งกว่าที่ตนคาดคิดไว้ หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวต่อ "ด้านนอกมีคนมากมาย ต่างก็พูดกันไปต่างๆ นานา ข้าไม่แน่ใจว่าจะมีใครที่เชื่อถือไม่ได้หรือไม่ จึงไม่ได้บอกอะไรมากนัก อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี อีกทั้งร่างกายของเจ้าผ่านพ้นความเจ็บป่วยครั้งใหญ่ ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าสู่ห้าตับหกไส้ ส่งผลเสียอย่างมหาศาล หากมิใช่เพราะพลังภายในของเจ้ายังค้ำจุนไว้ เกรงว่าเจ้าคงไม่อาจรอดจากโรคร้ายนี้ แต่เพราะเจ้าไม่ควรใช้พลังภายใน ทว่ากลับต้องฝืนใช้จนได้ ทำให้พลังชีวิตของเจ้าเสียหายอย่างหนัก พลังภายในของเจ้าก็แทบจะหมดสิ้น หากเจ้าไม่บำรุงรักษาให้ดี วิชายุทธ์ทั้งร่างนี้คงสูญสิ้นไป อายุขัยของเจ้าก็อาจถูกลดทอนลง นี่ข้ากล่าวให้ง่ายเข้าไว้แล้วนะ" "ร้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1464

    พวกเขาเพิ่งกลับมาถึงจวน ก็ได้ยินเสียงประทัดดังขึ้นกึกก้อง ทุกคนต่างกรูกันออกมา รายล้อมเซี่ยหลูโม่ ก่อนจะพาเขาเข้าไปข้างใน แม้แต่ลุงฟูและแม่นมฮวงจากจวนเสนาบดีกั๋วกงก็มา รุ่ยเอ่อร์ก็ถูกพาตัวออกจากวังมาด้วย เซี่ยหลูโม่ใช้สองแขนยกรุ่ยเอ่อร์ขึ้น วางให้นั่งบนไหล่ของเขา จากนั้นก็เดินเข้าไปในโถงกลางอย่างองอาจ รุ่ยเอ่อร์ดีใจจนแทบบ้า สองมือจับหน้าผากของเขาไว้ รอยยิ้มกว้างจนเกือบถึงหลังหู ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อเขา เมื่อเข้ามาในโถงกลาง เซี่ยหลูโม่จึงวางรุ่ยเอ่อร์ลง ก่อนจะถามเรื่องการเรียนของเขา ได้ยินว่าตอนนี้รุ่ยเอ่อร์เป็นคู่เรียนในวัง ได้รับคำชมจากไทเฮาและไทฟู่ เซี่ยหลูโม่ยกนิ้วโป้งให้หลายครั้ง ชื่นชมที่เขาขยันและพยายามอย่างมาก รุ่ยเอ่อร์เหลือบมองซ่งซีซี ดูมีท่าทางขวยเขินอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความสุข ซ่งซีซีมีรอยยิ้มพร่างพราวอยู่บนใบหน้า แต่ในดวงตากลับเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา สนมฮุ่ยไทเฟยเดิมทีตั้งใจรอให้ลูกชายมาคารวะและถวายบังคมในวัง แต่สุดท้ายก็ทนรอไม่ไหว ต้องออกมาพบหน้าเขาด้วยตนเอง เมื่อเห็นว่าเขาผอมลงมากเช่นนี้ หัวใจก็ปวดร้าว อาหารถูกยกขึ้นมาอย่างมากมาย สนมฮุ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1463

    จักรพรรดิ์ซูชิงเงยพระพักตร์มองเขา ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ ถูกสายลมหนาวและความโหดร้ายของสนามรบที่หนานเจียงขัดเกลาจนดูทรุดโทรมลง พระอุระคล้ายมีบางสิ่งอัดแน่นอยู่ รู้สึกอึดอัดจนหายใจลำบาก พระองค์ทรงรู้ดีว่าสงครามครั้งนี้ยากลำบากเพียงใด ทั้งความหนาวเย็นและความอดอยาก ล้วนเป็นสิ่งที่กัดกินจิตใจมนุษย์ แต่พวกเขาก็ยังฝ่าฟันมาได้ และคว้าชัยชนะอย่างงดงาม แต่ขณะที่เขากำลังเสี่ยงชีวิตอยู่แนวหน้า พระองค์กลับมีใจอื่นต่อซ่งซีซี จักรพรรดิ์ซูชิงรู้สึกผิด แต่สิ่งที่มาพร้อมกับความรู้สึกผิดก็คือความหวาดระแวง มันเหมือนตรึงแน่นอยู่ในพระทัย ไม่อาจสลัดออกไปได้ สิ่งนี้ทำให้พระองค์รู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง พระองค์เหมือนถูกพันธนาการด้วยความขัดแย้งในพระทัยเองอยู่เสมอ ในขณะที่รู้สึกสงสารและห่วงใยเขา แต่สิ่งที่ตรัสออกมากลับแฝงด้วยความรู้สึกอิจฉาและขุ่นเคือง "ศึกครั้งนี้ เกรงว่าทั้งขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊คงต้องยอมรับเจ้าแล้ว กระแสของประชาชนและความนิยมล้วนอยู่ที่เจ้า การลักลอบไปยังสนามรบของเจ้าครั้งนี้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย...แต่เจ้าชนะ" ตรัสจบ พระองค์ก็แย้มพระโอษฐ์ "แน่นอน ข้าภูมิใจในตัวเจ้า" เมื่อได้ยินคำ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1462

    เสนาบดีมู่มีคำพูดอยู่บนริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็กลืนมันลงไป เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาลังเล จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงจับพระทัยของเขาได้ จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์ “เป่ยหมิงอ๋องมีผลงานในการกู้คืนหนานเจียง อีกทั้งยังขับไล่ทัพแคว้นซา คลี่คลายวิกฤตของแผ่นดินซางได้ ถือเป็นความดีความชอบอันใหญ่หลวง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็สมควรได้โอกาสแสดงฝีมือเช่นกัน ข้าเชื่อว่าเสด็จน้องเองก็คงเต็มใจจะให้โอกาสพวกเขา การเป็นแม่ทัพ ต้องรู้จักใช้คนให้เหมาะสม” เสนาบดีมู่รับคำ “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพิจารณาโดยละเอียด การให้เป่ยหมิงอ๋องกลับเมืองหลวงโดยเร็วก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แม้หากให้เขาเป็นตัวแทนเจรจาสงบศึก จะสามารถเรียกร้องผลประโยชน์และค่าปรับจากแคว้นซาได้มากขึ้น แต่โรคภัยของจักรพรรดิ์ไม่รู้ว่าจะทรุดลงเมื่อใด เมืองหลวงยังจำเป็นต้องมีเป่ยหมิงอ๋องประจำอยู่เพื่อรักษาเสถียรภาพ หลังจากเสนาบดีมู่ถวายบังคมลาออกไป จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตรัสกับอู๋ต้าปั้นว่า “ข้าเองก็หวังให้พวกเขาได้พบกันโดยเร็ว อย่างไรเสียก็จากกันไปหลายวันแล้ว” อู๋ต้าปั้นหลุบตาลง “ฝ่าบาททรงเมตตายิ่ง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status