แชร์

บทที่ 906

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-08-21 19:10:45
ในกลางคืน พวกเขามองหาโอกาสมากมายเพื่อพูดคุยกับจางฉีเหวินตามลำพัง แต่จางฉีเหวินและชีกุ้ยอยู่ในห้องเดียวกัน และทั้งสองคนก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน มีตั้งหลายครั้งที่อยากจะหาวิธีให้ชีกุ้ยออกไปก็

กว่าจะรอให้จางฉีเหวินไปห้องน้ำด้วยตนเอง หลูหงไปจับตาดูชีกุ้ยไว้ ส่วนฉีฟางยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องน้ำ รอให้จางฉีเหวินออกมา

จางฉีเหวินไม่ชินกับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น ดังนั้นเขาจึงเข้าห้องน้ำเป็นเวลานานกว่าจะออกมาได้ เมื่อเขาออกมา ฉีฟางก็หนาวมากจนตัวสั่น

แสงไฟที่นี่สลัว เมื่อจางฉีเหวินออกมาก็เห็นเงาของร่างหนึ่ง และตกใจกลัวด้วย เมื่อเห็นชัดเจนแล้วจึงพูดว่า "แม่ทัพฉีนี่เองเหรอ ข้าตกใจหมดเลย"

ฉีฟางเข้าไปใกล้และกำลังจะพูดอะไร จางฉีเหวินก็พูดด้วยรอยยิ้ม "ถ้าเจ้ายังกลั้นไว้ได้ก็ให้กลั้นไว้สักพักก่อน เพื่อให้กลิ่นกระจายไปสักหน่อย"

ฉีฟางยิ้ม "องครักษ์จาง ข้าตั้งใจมารอเจ้าที่นี่นะ มีเรื่องอยากคุยกับเจ้า"

"มีอะไรก็อย่ามาพูดที่นี่สิ กลับไปคุยที่ห้องเลย เจ้าไม่หนาวเหรอ?" จางฉีเหวินขาสั่น และรู้สึกว่าเท้าของตนเองชาไปหมดราวกับได้คลานไปด้วยมด

ฉีฟางลดเสียงให้เบาลง "องครักษ์จ้าง พวกแม่ทัพที่มาตามหาข้าในคืนนี้ ล้วนเป็นลู
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 907

    ท่านหกเซียวรั้งเขาไว้ "เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พูดอย่างนั้นก็ไม่ได้อะไร ข้าจะไปโรงเตี้ยมสักหน่อย จะไปถามแม่ทัพฉีว่าคนๆ นั้นได้ยินเรื่องนี้เข้าหรือไม่""แน่ใจว่าต้องได้ยินเข้าแล้ว" เหล่าอวี่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน แม้แต่ต้องต่อหน้ากองทหารนับพันเขาก็ไม่เคยหวาดกลัว แต่ตอนนี้เขากลัวมาก เพราะนั่ยมันเป็นสถานการณ์ที่เขาไม่ถนัด "เหล่าติงคำรามดังขนาดนั้น ตราบใดที่ไม่ใช่คนหูหนวก ต่างก็สามารถได้ยินมัน""ข้าจะไปตามหาพวกเขา และขอความช่วยเหลือจากพวกเขา คำพูดนี้จะไปถึงหูฮ่องเต้ไม่ได้เด็ดขาด" ท่านหกเซียวตะโกนดังๆ "คนใช้ เตรียมม้า"หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปท่านสามเซียวมองดูพวกเขา และรู้ว่าพวกเขาติดตามท่านพ่อมาครึ่งชีวิตแล้ว เพราะเป็นห่วงจึงไปหาฉีฟางเขาถอนหายใจ "ท่านพี่ทุกท่าน ปัญหามักจะเกิดจากปากเรา ต่อไปช่วยระวังคำพูดของตนเองให้ดีๆ คำที่ไม่ควรพูดก็ห้ามพูดเด็ดขาด"ทุกคนพยักหน้าอย่างเร่งรีบ แต่ตอนนี้สำนึกผิดแล้วมันยังกู้คืนสถานการณ์ได้หรือไม่?"แม้ว่าจะไม่มีองครักษ์รักษาพระองค์ ก็ไม่ควรพูดเช่นนั้นต่อฉีฟางและหลูหง เฮ้อ!" ท่านแปดเซียวปวดหัวมาก ท่านพ่อได้รับคำสั่งให้กลับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 908

    ในเมืองหลวง หงเซียวได้รับจดหมายจากชายแดนเฉิงหลิง นางไม่ได้อ่านมัน และยื่นให้กับเสิ่นว่านจือโดยตรง ซึ่งฝากเสิ่นว่านจือมอบให้กับพระชายาข่าวจากชายแดนเฉิงหลิง เสิ่นว่านจือรู้ถึงความสำคัญของมัน ดังนั้นจึงเปิดอ่านทันที หลังจากอ่านแล้ว นางรีบขี่ม้าตรงไปที่สำนักกองกำลังเมืองหลวง เวลานี้ซีซีน่าจะอยู่ในสำนักกองกำลังเมืองหลวงเป็นเรื่องปกติที่เสิ่นว่านจือจะเข้าออกสำนักกองกำลังเมืองหลวง ตอนนี้นางเป็นอาจารย์ที่รับจ้างพิเศษ จักรพรรดิ์ซูชิงรู้ว่านางมีทักษะด้านศิลปะการต่อสู้เก่งมาก แต่ไม่ต้องการเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ ดังนั้นปล่อยให้นางไปสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับกองทัพซวนเจียก็เหมาะสมที่สุดแม้ว่าองครักษ์รักษาพระองค์จะแยกออกมาเป็นอิสระแล้ว แต่ทางด้านศิลปะการต่อสู้ยังต้องฝึกฝนด้วย ดังนั้นยังคงต้องมาที่สำนักกองกำลังเมืองหลวงเพื่อตามหาเสิ่นว่านจือซ่งซีซีอ่านเนื้อหาของจดหมายแล้วถอนหายใจลึกๆ นี่เป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้นที่สุดเลยประโยคนี้ หากพูดให้มันมีผลร้ายน้อยสุด อาจกล่าวได้ว่าแม่ทัพติงพูดเหลวไหลไปเรื่อยโดยไม่ใช้สมองคิดในชั่วขณะหนึ่ง ออกพระราชโองการที่ตักเตือนเขาหรือไม่ก็ลงโทษโดยใช้ไม้กระดานตีสักย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 909

    หลังจากที่หมอมหัศจรรย์ดันจากไป จางเลี่ยเหวินก็มองไปที่พ่อของเขา "ท่านพ่อ ต้องรั้งน้องชีเอาไว้ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม"โหวเซวียนผิงพยักหน้า "ไม่ต้องกังวล พ่อจะไม่ปล่อยให้แม่ทัพใหญ่เซียวตกอยู่ในหายนะที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้อีก"สำหรับบางคน ตนเองต้องการปกป้องเขาอย่างสุดใจแม้ว่าจะต้องสละเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองก็ตาม ในบรรดาบรรพบุรุษของโหวเซวียนผิงเองก็เป็นทหาร ที่เขามีตำแหน่งโหวก็เพราะใช้ชีวิตแลกกลับมาในสนามรบ หากถูกปลดตำแหน่งยศเพื่อแม่ทัพใหญ่เซียว โหวเซวียนผิงคิดว่าท่านปู่จะไม่ตำหนิเขาเขาไม่แน่ใจว่าจะโน้มน้าวใจจางฉีเหวินที่เป็นหลานชายของตนเองได้สำเร็จ เขามีคนมีความคิดของตนเองมาตั้งแต่ยังเด็กและรู้วิธีการวางแผนให้อนาคตของตนเองด้วย น่าเสียดายที่เขามักจะโชคไม่ดีตลอด ทุกครั้งที่มีงานสำคัญต้องทำ เขาไม่ได้ป่วยหรือไม่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด และไม่มีโอกาสได้สร้างผลงานและไม่สามารถพิสูจน์ความสามารถของเขาต่อฝ่าบาทได้ ทำงานในตำหนักบูรพามาเป็นเวลานานก็เป็นเพียงองครักษ์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นหลังจากที่ฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็ขึ้นอยู่กับกองทัพซวนเจีย และกลายเป็นองครักษ์รักษาพระองค์ แต่ไม่มีงา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 910

    แต่ความคิดเห็นของสาธารณชนนั้นมันสร้างกระแสรุนแรงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นฝีมือผู้ใดบางคน จักรพรรดิ์ซูชิงสงสัยว่าจะเป็นจวนเป่ยหมิงอ๋อง แต่หลังจากการสอบสวนแล้วโดยไม่คาดคิดเมื่อตามเบาะแสที่มีก็พบว่าคือเสนาบดีมู่บทความและนักเล่าเรื่องเหล่านั้นในโรงน้ำชาและร้านอาหารถูกจัดโดยเสนาบดีมู่ยิ่งไปกว่านั้น พอสืบสอบเล็กๆ ก็สืบเรื่องได้ เห็นๆ อยู่ว่าเสนาบดีมู่ไม่มีเจตนาปิดบังเรื่องนี้จากเขาเขาเงียบเป็นเวลานานในห้องหนังสือหลวง และพูดกับอู๋เยว่ว่า "แค่แกล้งทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้รับการสอบสวนมา และปิดปากให้มิด"ก่อนที่อดีตฮ่องเต้จะเสด็จสวรรคต เสนาบดีมู่ได้วางแผนที่จะเกษียณ ทว่าการสิ้นพระชนม์ของอดีตฮ่องเต้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันมาก เขาเห็นแก่ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์เลยกลัวว่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยังคงอยู่ในตำแหน่งของเขาและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่หากพูดถึงขุนนางต่างๆ ในราชสำนัก ผู้ใดที่เขาไว้วางใจมากที่สุด งั้นก็ต้องเป็นเสนาบดีมู่และหยานไท่ฟู่สองคนเท่านั้นเมื่อนึกถึงการหารือเรื่องชายแดนเฉิงหลิงกับเสนาบดีในช่วงนี้ เขามักจะทำท่าอยากจะพูดแต่ก็สุดท้ายก็เงียบไป จริงๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 911

    เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีอยู่ในร้านอาหารที่ไม่ไกลจากประตูเมือง ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของร้านอาหารแห่งนี้มีทำเลดีที่สุด เมื่อเปิดหน้าต่างก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์แถวประตูเมืองได้อย่างชัดเจนเนื่องจากตารางงานของพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมอยู่เสมอ ดังนั้นเซี่ยหลูโม่จึงจองห้องส่วนตัวนี้ล่วงหน้ามานาน และให้ซีซีได้เห็นแม่ทัพใหญ่เซียวที่นี่ซ่งซีซีไม่เคยละสายตาจากใบหน้าของแม่ทัพใหญ่เซียว เมื่อมองดูเขาอย่างตะกละตะกลาม นางแทบรอไม่ไหวอยากจะวิ่งลงไปและซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของท่านตาเพื่อร้องไห้ เช่นเดียวกับที่นางทำเมื่อตอนเด็ก บอกเขาถึงความคับข้องใจทั้งหมด แล้วท่านตาก็จะลูบหัวของนาง โดยบอกว่าผู้ใดกล้ารังแกซีซีตัวน้อยของตา ตาจะไปสั่งสอนให้เลยแต่ตอนนี้นางทำได้เพียงยืนอยู่บนชั้นสอง มองดูม้าของท่านถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน ฟังเสียงสนับสนุนที่ดังก้อง และน้ำตาก็ไหลออกมาท่านตาแก่ขึ้นไม่น้อยจริงๆ แก่แล้วจริงๆในอดีต ขมับของเขามีผมหงอกแต่เขายังทรงพลังและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เมื่อกลับมาเมืองหลวงเพื่อฝึกซ้อมชกมวยกับท่านพ่อสองสามชุด ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยแต่ปัจจุบันนี้ ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยผมสีขาว และหาผมดำได้ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 912

    ในที่สุด ปี้หมิงและลู่เจินก็เบียดเสียดเข้าไปโดยนำกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวน และค่อยๆ เปิดทางเพื่อให้แม่ทัพใหญ่เซียวและองครักษ์รักษาพระองค์สามารถเดินทางต่อได้องครักษ์รักษาพระองค์นำแม่ทัพใหญ่เซียวเข้าวังไปเข้าเฝ้าก่อนหน้านี้ มีคนรายงานความโกลาหลที่เกิดจากประชาชนและเนื้อหาการตะโกนของพวกเขาไปยังจักรพรรดิ์ซูชิงจักรพรรดิ์ซูชิงขมวดคิ้ว และเสียงตะโกนว่า "ฝ่าบาททรงมีพระปัญญา" ก็รวมตัวกันเป็นเชือกและมัดเขาตายเดิมทีเขาวางแผนว่าให้เขาไปอยู่กรมราชทัณฑ์ก่อนหลังจากที่เซียวเฉิงกลับมาถึงเมองหลวง และเตรียมห้องขังที่มีสภาพแวดล้อมเงื่อนค่อนข้างดีเพื่อกักขังเขาไว้ อีกประเดี๋ยวก็ให้คำอธิบายให้กับนักการทูตจากเมืองซีจิงได้ง่าย แต่ตอนนี้เขายังสามารถทำเช่นนั้นได้หรือไม่?ภายใต้การนำทางของชีกุ้ย แม่ทัพใหญ่เซียวเข้าสู่ห้องหนังสือหลวงก่อนคุกเข่าลงและกราบกราบไหว้ "กระหม่อมเซียวเฉิงคารวะฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญพะย่ะค่ะ!"ก่อนที่จักรพรรดิ์ซูชิงจะเจอกับเซียวเฉิง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยขั้นตอนในการจัดการเรื่องนี้แต่เมื่อเห็นเขาคุกเข่าต่อหน้าตนเอง เขาก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากภาพอันงดงามและแข้งแกร่งในอดี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 913

    ในอดีต เมื่อซ่งซีซีเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพซวนเจีย จะมีขุนนางมากมายคัดค้านและรู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่ให้ผู้หญิงมาดำรงตำแหน่งสำคัญเช่นนี้แต่ตอนนี้พอเห็นการกระทำต่างๆ ของฝ่าบาท และรู้ถึงเจนตาของฝ่าบาท พวกเขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ ดีไม่ดี กองทัพซวนเจียในที่สุดก็เหลือแค่ค่ายลาดตระเวนที่รวบรวมผู้คนที่ไม่เป็นโล้เป็นพายเอาซะเลยแต่กองทัพซวนเจีย ซึ่งเคยเป็นกำแพงสำหรับเมืองหลวง ได้ถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ ทุกคนรู้สึกว่ามันไม่เหมาะ ราวกับว่าอำนาจอย่างใดอย่างหนึ่งถูกทำลายแน่นอนว่าเป็นเพราะหลังจากที่ซ่งซีซีเป็นผู้บัญชาการ กองทัพซวนเจียก็เริ่มมีอิธิพลมากขึ้น ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น หลายคนที่ไม่พอใจกับซ่งซีซีในตอนแรกนั้น บัดนี้ต่างก็นับถือนางเข้าแล้วเป็นเพราะการที่พวกเขายอมรับซ่งซีซี ทำให้จักรพรรดิ์ซูชิงเร่งฝีเท้าและเปลี่ยนองครักษ์รักษาพระองค์กลายเป็นกองทัพซวนเท่ และการดำเนินการต่อไปอาจจะถูกเร่งให้เร็วขึ้นเช่นกันแม่ทัพใหญ่เซียวถูกหน่วยฉินหรงส่งตัวกลับไปจวนตระกูลเซียว จวนตระกูลเซียวอยู่ในสภาพรกร้าง หน่วยฉินหรงเข้าไปถอนวัชพืชและทำความสะอาดด้วยตนเอง อู๋ต้าปั้นได้คัดเลือกคนใช้หลายคนเข้าไปรับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 914

    โหวเซวียนผิงมาด้วยคนเดียวโดยไม่มีผู้ติดตามด้วยซ้ำ เขาสวมเสื้อผ้าสีฟ้าและเสื้อคลุมสีดำหนา คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าเขาเป็นพ่อบ้านจากตระกูลแห่งหนึ่งเสียอีกเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซียืนขึ้นก่อนเพื่อต้อนรับเขา และคนอื่นๆ ก็ทำตาม ทุกคนรู้สึกซาบซึ้งใจที่โหวเซวียนผิงยอมออกมือช่วยโดยไม่ลังเลหลังจากถามสารทุกข์สุขดิบเสร็จแล้ว โหวเซวียนผิงก็พูตามตรงว่า "ข้าขอโทษไม่ได้ให้ไอ้หมอนั่นตอบตกลงโดยไม่มีเงื่อนไขได้ เขาตั้งเงื่อนไขไว้ ข้าเลยต้องมาถามพระชายาและคุณหนูเสิ่นก่อน"โหวเซวียนผิงใช้คำว่า "ขอโทษ" ในตอนต้นทำให้ทุกคนตกใจมากจริงๆ จากนั้นก็ใจเย็นลงหลังจากได้ยินคำพูดที่เหลือเสิ่นว่านจือถามแปลกๆ "ทำไมถึงต้องถามข้าด้วย เขาต้องการทำอะไรกัน"โหวเซวียนผิงรู้สึกแปลกๆ เมื่อเขาพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา "เขาบอกว่าเขาต้องการไหว้คุณหนูเสิ่นเป็นอาจารย์ของเขา และจะเป็นลูกศิษย์สายตรงเหมือนกับพวกลู่เจิน ปี้หมิงด้วย"“อ๊า? ข้าก็ได้สอนศิลปะการต่อสู้ให้เขาด้วยนี่" เสิ่นว่านจือไม่เข้าใจว่าจางฉีเหวินต้องการทำอะไร เขาเป็นสมาชิกขององครักษ์รักษาพระองค์ก็สามารถเข้าเรียนร่วมกับทุกคน ทำไมต้องไหว้ครูด้วย? นางบอกไปแล้วว่า แค่รับลูกศิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1388

    นางไม่ได้ไปหา หวังเยว่จาง ในอดีตนางอาจหน้าหนาพอที่จะคิดว่า เขาอย่างไรก็เป็นสายเลือดของจวนป๋อผิงซี เมื่อครอบครัวหรือญาติเกิดปัญหา การช่วยเหลือย่อมเป็นหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนนี้นางจะไม่ทำเช่นนั้นอีก นางเข้าใจความจริงบางประการว่า ในวันที่จวนป๋อผิงซีรุ่งเรือง เขาไม่เคยได้สัมผัสแม้เศษเสี้ยวของเกียรติยศนั้น แต่พอถึงวันที่ล่มจม กลับต้องการให้เขายื่นมือช่วยเหลือ นางทำเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนเรื่องว่าจะไปหาพี่สะใภ้ใหญ่เพื่อพูดเรื่องนี้หรือไม่ นางลังเลใจยิ่งนัก เพราะอย่างไรเสีย นางก็ไม่อยากให้พี่ใหญ่ตาย นางนั่งอยู่ใต้ต้นไหว มองเหม่อลอยอยู่นาน พอดีศิษย์พี่ซือโซยกตะกร้าไหมเดินผ่านมา เมื่อเห็นนางก็รีบเลี้ยวหลบไปทางอื่น ท่าทางเหมือนไม่อยากเผชิญหน้ากับนาง หวังชิงหรูนึกถึงเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ รีบเรียกนางไว้ “ศิษย์พี่ซือโซ ขอโทษเรื่องเมื่อครู่นี้ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ศิษย์พี่ซือโซเหลือบมองนางแวบหนึ่ง “อืม” พูดจบ นางก็เตรียมเดินจากไป หวังชิงหรูคิดถึงนิสัยของหญิงสาวในยุทธภพเหล่านี้ ที่มักซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไม่คิดอะไรซับซ้อน จึงถามว่า “ศิษย์พี่ซือโซ ข้าขอพูดคุย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1387

    หวังชิงหรูรู้ว่าศิษย์พี่ซือโซเข้าใจผิด แต่ก็ไม่ได้รีบอธิบาย เพราะในใจยังว้าวุ่น นางปิดประตู ยกยาเข้าไปแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ ดื่มยาก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อยคิดหาวิธีแก้ทีหลัง” ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้า มองหน้านางพลางกล่าวว่า “ชิงเอ๋อร์ เจ้าลองถามใจตัวเองดูว่าพี่ชายของเจ้าเคยปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร?” หวังชิงหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านแม่ พวกเราไม่มีความสามารถจะช่วยเขาได้ พวกเรายังอาศัยอยู่ในโรงงาน เงินที่ใช้ซื้อยาของท่านยังเป็นของแม่นางเสิ่นเลย” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า “เจ้าคิดผิด เงินเหล่านี้ล้วนเป็นของเยว่จาง เขาแม้จะไม่ได้ยอมรับพวกเรา แต่ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้หยุดช่วยเหลือเราเลย” หวังชิงหรูกล่าวว่า “แม้ว่าเงินจะเป็นของเขา พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์จะขอให้เขาเอาเงินไปช่วยพี่ใหญ่ของเรา” “เงินเหล่านั้น” ฮูหยินผู้เฒ่ากัดฟัน กล่าวความจริงออกมาว่า “ไม่ใช่ของเขา ในตอนนั้นที่เขากลับมา พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าแนะนำให้ชดเชยเขา จึงโอนที่ดินและร้านค้าให้เขาบางส่วน” “ในเมื่อโอนให้เขาไปแล้ว และเขาก็ช่วยเหลือพวกเราอย่างลับๆ เสมอมา ยังจะให้เขาคืนกลับมาอีกหรือ? ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย” ฮู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1386

    จีซูเซิ่นไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหรู ในวันรุ่งขึ้นขณะที่พวกนางออกไปตรวจที่ร้านขายยาเย่าหวัง นางแปลงตัวเป็นชาวนาและแอบตามไป เพียงแต่ตลอดทางจากไปจนกลับ ไม่มีใครเข้ามาใกล้รถลาของพวกนาง และระหว่างทางรถลานั้นก็ไม่ได้หยุดเลย หลังจากกลับมาถึงโรงงาน หวังชิงหรูก็เริ่มต้มยา ในโรงงานไม่มีใครคอยรับใช้ ทุกคนต้องผลัดกันทำอาหาร ตอนแรกหวังชิงหรูทำอะไรไม่เป็นเลย แม้แต่การก่อไฟยังต้องใช้เวลาฝึกถึงสามวัน อาหารมื้อแรกที่นางทำถึงกับกินไม่ได้เลย คนในโรงงานช่วยเหลือกัน แต่ก็ล้อกันด้วย พวกเขาหัวเราะเยาะว่านางมีร่างกายเหมือนฮูหยิน แต่โชคชะตาไม่ใช่ฮูหยินตอนแรกนางโกรธและรู้สึกน้อยใจ คิดว่าทำไมต้องมาเจอกับความลำบากเช่นนี้ นางถึงขั้นคิดว่าพวกเขาตั้งใจกลั่นแกล้ง จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเจียอี้มาที่โรงงานเพื่อเยี่ยม นางลงมือทำอาหารเอง มันอาจจะไม่เลิศรส แต่ก็รสชาติกลมกล่อมพอดี นางนิ่งเงียบไป หวังชิงหรูรู้ดีว่าเจียอี้เคยเป็นคนอย่างไร อดีตท่านหญิงที่หยิ่งยโส แต่หลังจากถูกหย่าแล้วได้รับการพากลับมา นางยังสามารถลดตัวเองลงและลงมือทำอาหารให้กลุ่มสตรีที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้ได้ ที่สำค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1385

    สถานการณ์ของหวังเบียวทำให้ซ่งซีซีแปลกใจไม่น้อย นางคิดว่าเขาจะพาคนสนิทหนีไปซ่อนได้อย่างน้อยสองสามปี ใครจะคาดคิดว่า ระหว่างทางเขาจะถูกปล้นทรัพย์สิน แม้แต่อนุที่รักก็ยังทอดทิ้งเขา ไม่รู้ว่าในเวลานั้น เขาเคยเสียใจต่อความโง่เขลาของตัวเองบ้างหรือไม่ คนวัยกลางคน กลับยังหลงเชื่อในความรักแท้ คิดจะทิ้งภรรยาที่อยู่เคียงข้างและดูแลเขามากว่าสิบปี สุดท้ายกลับถูกคนอื่นทิ้งเสียเอง นับว่าเป็นกรรมที่ตามสนอง แต่กรรมที่เขาได้รับยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยนิสัยของกู้ชิงหวู่ ตอนที่จากไปนางต้องเคยดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่นางเคยดูถูกเหลียงเส้า กู้ชิงหวู่ใช้ความงามของตัวเองเป็นเครื่องมือ แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดชังชายที่หลงใหลในความงามของนางอย่างยุติธรรม ในความเป็นจริง ซ่งซีซีคิดว่าหวังเบียวอาจไม่ได้อยู่ที่อำเภอหยง เพราะด้วยสถานะของเขาในฐานะผู้หลบหนี เขาไม่สามารถปรากฏตัวด้วยหน้าตาที่แท้จริง และไม่กล้าพำนักในที่ใดที่หนึ่งนานเกินไป ได้แต่หนีซุกซ่อน เขายังพาลูกไปด้วยอีก ซ่งซีซีคิดว่า หากเขาจนตรอก เขาอาจจะแอบกลับเมืองหลวงหรือไม่?แม้เขาจะโง่ แต่ก็ไม่ถึงกับโง่สิ้นดี เขารู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1384

    กู้ชิงหวู่กำหมัดแน่น ดวงตาเปล่งประกายแห่งความโกรธ "ดังนั้นข้าถึงบอกว่า สวรรค์ไม่ยุติธรรม ไยต้องเป็นเช่นนี้?" "เจ้าพูดเอง ด้วยชาติกำเนิดที่ดีของข้า รวมถึงสตรีหน้าเหลืองที่เจ้ากล่าวถึง นางก็เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์" ซ่งซีซีตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่เต็มไปด้วยท่าทีเหนือกว่า กู้ชิงหวู่เกลียดชังท่าทางเช่นนี้ที่สุด มันเหมือนกับอดีตองค์หญิงใหญ่ที่อยู่บนหอคอยสูง ในขณะที่ตนต้องก้มต่ำอยู่ในโคลนตม นางโกรธจัด หน้าอกสะท้อนขึ้นลง "ถึงจะเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์แล้วอย่างไร? ก็ยังถูกสามีรังเกียจอยู่ดีมิใช่หรือ?" "หวังเบียวหรือ? นางไม่เคยใส่ใจเขาเลย มีแต่เจ้าที่มองเขาเหมือนสมบัติ" ซ่งซีซีตอบอย่างไม่ใส่ใจ "สำหรับข้า เขาก็ไม่ใช่สมบัติอะไร แค่ขยะชิ้นหนึ่ง" กู้ชิงหวู่ตอบด้วยแววตาดุดัน ซ่งซีซีหัวเราะเยาะ "ข้ารู้ว่าไม่ใช่เช่นนั้น เจ้าถึงกับให้กำเนิดบุตรให้เขา ทั้งที่รู้ว่าการหนีจากสนามรบเป็นความผิดร้ายแรง เจ้ากลับไม่สนใจและหนีตามเขาไป ข้าเคยเจอคนปากไม่ตรงกับใจเช่นเจ้ามานักต่อนัก" "ไร้สาระ!" กู้ชิงหวู่ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าแดงก่ำ แต่ไม่นานก็หัวเราะเยาะ "ฮะ คิดจะหลอกข้าหรือ? ใช่ ข้ารักเขาจนถ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1383

    สถานที่อันเป็นมงคลนี้ถูกเลือกโดยสำนักโหรหลวง เป็นสถานที่ที่งดงามด้วยภูเขาและสายน้ำ มีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ สองแห่ง แม้จะเรียกว่าด้านข้างพระราชสุสาน แต่ความจริงแล้วห่างจากพระราชสุสานถึงสามสิบลี้ หลังจากงานศพ กู้ชิงหยิงมาพบซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเพื่อกล่าวลา บอกว่าจะไปสร้างกระท่อมเล็กๆ อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อเฝ้าสุสานของบิดาบุญธรรม เสิ่นว่านจือถามว่านางต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินหรือไม่ นางตอบว่าไม่จำเป็น เพราะนางจะขายเครื่องประดับที่เคยซื้อไว้ ก็เพียงพอจะกลายเป็นคนมีฐานะเล็กๆ ได้ วันที่นางจากไปพอดีกับวันที่เจ้าสิบเอ็ดฝางคุมตัวอ๋องเยี่ยนและคนอื่นๆ กลับเมืองหลวง นางยืนอยู่ที่ประตูเมือง มองเข้าไปในรถนักโทษที่มีอ๋องเยี่ยนและอ๋องฮวย ความเกลียดชังพลันผุดขึ้นในใจ แต่เมื่อเห็นชาวบ้านต่างด่าทอและโยนใบไม้เน่าใส่พวกเขา นางก็รู้สึกคลายความโกรธ เพราะคิดว่าคนชั่วได้กรรมของตนเองแล้ว สำหรับนาง นับจากนี้ก็เป็นอิสระแล้ว ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาผูกมัดนางได้อีก ในการคุมตัวครั้งนี้ ยังมีข้าราชการของหนิงโจวและชิวเหมิงถูกนำตัวกลับมาด้วย สิ่งที่ทำให้ซ่งซีซีประหลาดใจคือ นางยังเห็นกู้ชิงหวู่ด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1382

    ใช้เวลาห้าวันกว่าจะกวาดล้างเศษซากกบฏได้หมดสิ้น เจ้าสิบเอ็ดฝางและมู่ฉงกุยส่งข่าวชัยชนะมาว่าได้จับชิวเหมิงกบฏตัวสำคัญเป็นเชลย พร้อมนำตัวอ๋องเยี่ยน อ๋องหวย และอู๋เซียงผู้ทรยศกลับมายังเมืองหลวง ซึ่งอีกไม่นานจะมาถึง ยกเว้นเพียงหวังเบียวที่ยังคงหลบหนี นอกนั้นกบฏส่วนใหญ่ล้วนถูกจับกุมได้หมดแล้ว วันที่ 25 เดือนเจ็ด สำนักราชวังจัดพิธีศพให้ท่านอ๋องฮุย เพราะเหตุการณ์กบฏของเซี่ยทิงเหยียน พิธีศพจึงจัดอย่างเรียบง่าย และจักรพรรดิ์ซูชิงทรงเรียกขุนนางมาหารือว่าท่านอ๋องฮุยควรได้ฝังในสุสานอ๋องหรือไม่ แม้ว่าท่านอ๋องฮุยจะบริสุทธิ์ แต่ความผิดของเซี่ยทิงเหยียนเป็นโทษที่เกี่ยวพันถึงทั้งตระกูล ซ่งซีซีไม่ได้รับการเรียกตัวให้เข้าร่วมพิธี นางจึงพาผู้คนจากจวนเป่ยหมิงอ๋องมาร่วมงานศพของอ๋องฮุย พิธีศพจัดอย่างเรียบง่าย ไม่มีขุนนางมาร่วมงาน นอกจากจักรพรรดิ์จะทรงอนุญาตให้อ๋องฮุยฝังในสุสานอ๋อง มิฉะนั้นจะไม่มีใครกล้าเข้าร่วม กู้ชิงหยิงสวมชุดไว้ทุกข์คุกเข่าเผากระดาษหน้าโลงศพ ศพของอ๋องฮุยถูกบรรจุในโลงแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดฝา เมื่อซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมาถึง ยังสามารถไปดูหน้าศพครั้งสุดท้ายได้ มีโลงศพสา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1381

    เมื่อได้ยินว่าอ๋องฮุยปลิดชีพตนเอง เซี่ยทิงเหยียนถึงกับอึ้งไป ก่อนจะร้องไห้เสียงดังว่า “เสด็จพ่อ ทำไมต้องกลัวโทษจนถึงกับฆ่าตัวตาย? ลูกสัญญาไว้ว่าจะรับโทษแทนท่านแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กู้ชิงหยิงที่ไม่ได้หวังจะมีชีวิตรอดอยู่แล้วก็พุ่งเข้าไปชกหัวเขาอย่างแรง หมัดของกู้ชิงหยิงใหญ่โตนัก ฟาดเข้าที่กระหม่อมของเซี่ยทิงเหยียนจนเขารู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า หูอื้ออยู่นานก่อนจะเงยหน้ามองนางด้วยสายตาเย็นเยียบดุจอสรพิษ กู้ชิงหยิงถ่มน้ำลายใส่เขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน เจ้าใช้อำนาจข่มขู่ชีวิตชาวเมืองหนิงโจวและคนเก่าของวังให้ท่านอ๋องต้องรับผิดแทนเจ้า ท่านอ๋องไม่เคยมีจิตคิดกบฏ แม้แต่ตอนที่ถูกเจ้าจับตาอย่างใกล้ชิด ท่านยังพยายามส่งข่าวให้ใต้เท้าซ่ง เจ้าจงหยุดทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องหลังจากตายเถิด” นางพูดจบก็รีบคุกเข่าลง น้ำตาไหลอาบหน้า “ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงโปรดพิจารณา ท่านอ๋องไม่ได้ก่อกบฏ แต่เป็นเซี่ยทิงเหยียนที่พูดเองว่า หากเขาสำเร็จ ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่หากล้มเหลว ลูกน้องของเขาจะสังหารชาวเมืองหนิงโจว เขาข่มขู่ท่านอ๋องเช่นนี้มาตลอด คนเก่าของวังที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องถูกเขาฆ่าจนแทบไม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1380

    จักรพรรดิ์ซูชิงมองลงมาจากที่สูง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง “อย่างนั้นหรือ? แม้เจ้าจะยอมรับโทษแทนบิดา แต่ข้าไม่อาจกล่าวโทษผู้บริสุทธิ์โดยไร้เหตุผลได้ ใครกันที่เป็นกบฏวางแผนชิงบัลลังก์ ข้าจะสืบสวนให้กระจ่างเอง” “ฝ่าบาท” เซี่ยทิงเหยียนน้ำตาคลอ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง “ไม่ต้องสืบสวนแล้ว ขอพระองค์ทรงตัดสินโทษกระหม่อมเถิด เสด็จพ่อเพียงหลงผิดชั่วขณะ” จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะเยาะ “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เหตุใดถึงไร้เกียรติเช่นนี้? ไหนล่ะความตระหนักของผู้แพ้ในสงคราม เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นยอดคนผู้ห้าวหาญ ผู้เช่นเจ้ากล้าหมายปองบัลลังก์ คิดจะเป็นประมุขของแผ่นดินหรือ? เซี่ยทิงเหยียน อย่าให้ผู้ติดตามเจ้าเขาต้องผิดหวังนัก” “กระหม่อมยินดีรับโทษแทนเสด็จพ่อ! ขอพระองค์โปรดเมตตาไว้ชีวิตเสด็จพ่อด้วย” เซี่ยทิงเหยียนไม่สนว่าจักรพรรดิ์ซูชิงจะตรัสสิ่งใด เขาก็ยังคงกล่าวแต่คำนี้ด้วยความปวดร้าวและความกตัญญู ขุนนางที่อยู่ในที่นั้นย่อมไม่เชื่อ ต่างตำหนิเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงความทะเยอทะยานราวหมาป่า แต่หากคนใดหน้าหนาเพียงพอ ย่อมไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าว่า เขายังคงแสดงสีหน้าเจ็บปวดและกล่าวว่า

DMCA.com Protection Status