ณ จวนแม่ทัพหลังจากที่หวังชิงหลูมีอารมณ์ฉุนเฉียวมาครั้งหนึ่ง บวกกับอายุครรภ์ก็มากขึ้นเรื่อยๆ นางก็หยุดสร้างปัญหาอีกเลยเพียงแต่อาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าแย่ลงพอเข้าสู่ฤดูหนาว กินยามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ป่วยอยู่ตลอดพวกเขายังคงไม่สามารถตามหาหมอมหัศจรรย์ดันมาได้ เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกไม่สบาย ก็จะบ่นว่าหวังชิงหลูไม่มีความสามารถอย่างกับซ่งซีซี ซ่งซีซีรู้จักคนได้มากมายจริงๆหวังชิงหลูก็ไม่เอาแต่ใจนาง อย่าว่าแต่ดูแลผู้ป่วย แม้แต่มาทักทายก็ไม่มา แต่ละวันมีแต่นางหมิน ลูกสะใภ้คนโตคอยดูแลนางตลอดฮูหยินผู้เฒ่าบ่นกับจ้านเป่ยว่างว่า "ตอนนี้เจ้าเป็นผู้นำองครักษ์รักษาพระองค์แล้ว ทำไมแม้แต่ภรรยาของตนเองยังสั่งสอนไม่ได้ นางอกตัญญู ต่อต้าน และมักจะขัดแย้งกับแม่อยู่เสมอ มีภรรยาที่ไม่ดีจะนำความหายนะมาสู่สามชั่วอายุคนนะ"ตอนนี้ จ้านเป่ยว่างกำลังพัฒนาอาชีพการงานของเขาอยู่ และไม่ต้องการทะเลาะกับหวังชิงหลู ทุกครั้งต้องทะเลาะอย่างเหนื่อยทั้งกายและใจ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงปลอบแม่ในขณะที่ขอร้องให้พี่สาวดูแลท่านแม่ให้มากหน่อยนางหมินยังตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "น้องรองดูแลท่านแม่เป็นหน้าที่ของข้
เมื่อกลับมาถึงเรือน หวังชิงหลูกำลังเย็บปักถักร้อย นางได้ทำตัวว่าง่ายขึ้นมากหลังจากทะเลาะในครั้งนั้นจ้านเป่ยว่างบอกนางด้วยความวิตกกังวลว่ามอบอำนาจในการดูแลบ้านให้กับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว หวังชิงหลูเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขา "มันควรจะมอบให้กับพี่สะใภ้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่ข้าท้องในตอนนี้ แม้ว่าข้าไม่ได้ท้องก็ไม่ควรให้ข้ามาดูแลจวน"จ้านเป่ยว่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก นั่งลงแล้วมองดูนาง แล้วพูดว่า "งานเย็บปักถักร้อยจะไม่ดีกับสายตาเจ้าอย่าทำเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่คนใช้ไป ข้าจำได้ว่างานเย็บปักถักร้อยของหงเอ๋อร์ก็ค่อนข้างดีเช่นกัน งั้นก็ให้นางทำเลย""ข้าในฐานะแม่ ข้าก็ต้องทำเสื้อผ้าให้ลูกตนเองสักสองสามชินสิ" หวังชิงหลูเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า "นอกจากนี้ แม้ว่าครอบครัวของเรามีสามคนมีเงินเดือน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่เช่นนี้ ท่านแม่ยังต้องกินยา ดังนั้นก็ช่วยประหยัดเงินด้วย"จ้านเป่ยว่างไม่รู้ว่าทำไมนางถึงพูดถึงการประหยัดเงิน ให้คนใช้ไปทำงานพวกนี้ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับประหยัดเงินนี่แต่ว่า ขอแค่นางไม่อารมณ์เสียก็พอ ตราบใดที่บ้านไม่เกิดปัญหา ชีวิตก็ยังไปต่อได้ตอนน
วันรุ่งขึ้น จ้านเป่ยว่าง เลิกงานดึก เลยซื้อเม็ดซืนเจียวไม่ได้ เลยฝากนางหมินไปซื้อเม็ดซืนเจียวที่ร้านขายยาเย่าหวังแปดเม็ดในวันพรุ่งนี้ จากนั้นช่วยคัดเลือกแม่นมและผดุงครรภ์ด้วยนางหมินรับปาก เพราะก็ต้องเตรียมยาดันเสวี่ยล่วงหน้าให้กับท่านแม่ด้วยแม้ว่านางก่อนหน้านี้นางอ้างว่าตนเองไม่สบายเลยไม่ได้ดูแลงานในบ้าน แต่ก็รู้ว่าจริงๆ แล้ว จวนแม่ทัพที่ดูยิ่งใหญ่นั้นมีเงินในบัญชีไม่เท่าไร ดังนั้นก่อนที่นางจะออกไปซื้อยาในวันรุ่งขึ้น จึงไปเบิกเงินที่ห้องบัญชี แต่กลับพบว่ามีเงินเพียงสิบตำลึงเท่านั้นนางรู้ว่าไม่มีเงิน แต่ไม่รู้ว่ามีเงินเหลือเพียงสิบตำลึงในจวนแม่ทัพเท่านั้น ซึ่งทำให้นางตกใจมากนางคิดว่าน่าจะมีอย่างน้อยสองสามร้อยตำลึงในบัญชี เพราะบ้านรองไม่ได้แยกออกไป และรายได้ส่วนใหญ่จากบ้านรองก็จะมอบให้บัญชีส่วนกลางเช่นกัน บวกกับเงินเดือนของสามีนาง ท่านพ่อด้วยและน้องรองจ้านเป่ยว่าง บวกกับทองคำหนึ่งร้อยตำลึงที่เป็นรางวัลนั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีเงินเหลืออยู่สองสามร้อยตำลึงกระมัง?แต่แล้วกลับมีเงินเพียงสิบตำลึงเท่านั้นนางตรวจสอบบัญชีทีละรายการและพบว่าได้ใช้เงินไปกับสินเดิมของน้องสามวไปบ้าง ยี่ฝางม
นางพาสาวใช้ไปที่ร้านขายยาเย่าหวัง และราคาของเม็ดซืนเจียวนั้นไม่ถูกเลย ราคาเม็ดละห้าตำลึง ยังคงต้องซื้อแปดเม็ด วันนี้หนาวจัดมาก นางปาดเหงื่อที่หน้าผากและกลั้นน้ำตาไว้ ทว่าตัดสินใจไม่ได้สักทีพนักงานที่ร้านขายยาเย่าหวังก็จำนางได้ และรู้สถานการณ์ของนาง จึงชักชวนว่า "ฮูหยิน เม็ดซืนเจียวนี้ถูกใช้โดยสตรีที่มีชี่และเลือดไม่เพียงพอเมื่อคลอดบุตร โดยทั่วไป หากต้องการปรับปรุงชี่และเลือด สามารถซื้อยากลับไปต้มเองมันจะถูกกว่าเยอะ อีกอย่างในเมื่อใช้กับคลอดบุตร ใช้เม็ดเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อจำนวนมากนัก มันก็ไม่ใช่ว่าคนแปดคนจะคลอดด้วยกัน"นางหมินเช็ดน้ำตาแล้วถามอย่างใจร้อนว่า "เม็ดเดียวก็พอเหรอ?""ยาเม็ดเดียวก็เพียงพอแล้ว หากเจ้าไม่สบายใจงั้นก็สาองเม็ด ยานี้ก็ไม่ได้รับประกันว่าผู้หญิงจะได้คลอดอย่างสบายๆ แล้ว ใช้เฉพาะสำหรับผู้ที่มีชี่และเลือดบกพร่องอย่างรุนแรงหรือเมื่อถึงกระบวนการคลอดมันกินเวลานานเกินไปค่อยกินยาหนึ่งเม็ดเพื่อให้นางมีแรงคลอดลูกต่อไป"นางหมินยื่นเงินให้เขา "ก็ได้ งั้นข้าเอาสองเม็ด และยาดันเสวี่ยสองเม็ด"หนักงานพยักหน้า ชั่งน้ำหนักก่อนที่จะคำนวนเงิน และทอนเหรียญทองแดงจำนวนหนึ่
นางหมินมองหน้าแม่สามีที่โกรธเคืองและดุร้ายด้วยดวงตาเบิกกว้าง คำว่าจดหมายหย่าแล้วออกจากบ้านซึ่งทำให้สมองของนางว่างเปล่าไป นางลุกขึ้นอย่างมึนงง จากนั้นเดินออกไปอย่างช้าๆ"กลับมาเดี๋ยวนี้ ข้ายังด่าไม่พอ กล้าดียังไง เจ้ากล้าดียังไงมาให้แม่สามีขายเครื่องประดับ เจ้ารู้จักอายบ้างไหม นังตัวดี" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านเห็นนางลุกขึ้นเดินจากไปก็โกรธมากจึงตะโกนต่อไปว่า "กลับมาเดี๋ยวนี้ จับนางไว้"บางทีอาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ร่างกายของนางหมินกำลังสั่นเทา และฝีเท้าก็เหลื่อมล้ำ เหมือนแจกันที่แตกร้าว ไม่มีใครกล้าจับนางจริงๆ แต่แค่พูดโน้มน้าวว่า "ฮูหยินใหญ่อย่าเพิ่งไป"ดูเหมือนนางหมินจะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นางเดินกลับไปที่ลานบ้านของตนเองทีละก้าว แต่เมื่อถึงสุดทางเดินก็เห็นหวังชิงหลูมาพร้อมกับหงเอ๋อร์นางหมินก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงนางยื่นกรรไกรให้ นางหมินก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและหวาดกลัวมาก"พี่สะใภ้ใหญ่หมายความว่าไง? แค่ซื้อยาสองเม็ดเหรอ? ไม่ได้บอกให้ซื้อเจ็ดแปดเม็ดเหรอ?" หวังชิงหลูถามอย่างไม่พอใจ "อย่าบอกนะว่าไม่มีเงิน ข้าก็หารือกับเป่ยว่างเมื่อคืนนี้ นับจากนี้ไปให้เจ้าดูแลบ้าน เงินเดือนของเป่ย
ความหวังสุดท้ายในใจของนางถูกดับลง วันเวลาที่เหนื่อยล้า แม่สามีและน้องสะใภ้ที่เอาแต่หาเรื่องไม่หยุด ทำให้นางหายใจแทบไม่ออก และพวกผู้ชายที่นิ่งเฉย และยี่ฝาง นังชั่วที่ขังตนเองอยู่ในเรืองมงคล จะออกมาแย่งของเป็นครั้งคราว บ้านนี้ไม่ใช่บ้านแล้ว แต่เป็นนรกนางถูกลากเข้าไปในห้องฮูหยินผู้เฒ่า และบังคับให้คุกเข่าข้างเตียง นางเงยหน้าขึ้นมองที่พ่อสามีและจ้านเป่ยว่างด้วยสีหน้ามึนงง พวกเขามีสีหน้าตำหนิ พอมองดูสามีจ้านเป่ยชิง เขากำลังโกรธจัด จากนั้นก็ตบหน้านางอย่างแรง แล้วกล่าวขอโทษกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า "ท่านแม่อย่าโกรธไปเลยนะ ลูกได้สอนบทเรียนให้นางแล้ว นางจะไม่กล้าทำเช่นนั้นอีกเลย"เมื่อเห็นว่าบุตรชายของตนเองกตัญญู ฮูหยินผู้เฒ่าจึงยกโทษให้นาง "ช่างเถอะ จะว่าไปนางก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ชั้นสูง ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะตระหนี่ไปหน่อย"แก้มของนางหมินเจ็บมากแต่ก็สู้ความเจ็บปวดในใจไม่ได้ แต่หลังจากปวดใจแล้วก็รู้สึกตายใจแล้ววันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สว่าง คนรับใช้ที่จัดซื้อของก็ลุกขึ้นกำลังเตรียมจะออกไปซื้อเนื้อสัตว์และผัก แต่เห็นประตูหลังเปิดอยู่ และมีลมหนาวพัดเข้ามา"เมื่อคืนทำไมไม่ปิดประตูหลัง
เมื่อป้าซุนได้ยินนางพูดเช่นนั้น งั้นฮูหยินใหญ่คงไม่ได้อยู่ในนั้น ได้แต่กลับไปรายงานเมื่อได้ยินดังนั้น จากนั้นก็คิดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน ฮูหยินผู้เฒ่าอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ "อาจเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ นางรู้สึกไม่พอใจสินะ นางนี่กล้ามากจริงๆ ไม่ต้องสนใจนาง นางจะไปไหนได้อีกล่ะ ตอนนี้ครอบครัวพ่อแม่ของนาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง พ่อของนางทำงานเป็นข้าราชการในตำแหน่งเล็กๆ มานานแต่ไม่สามารถย้ายกลับเมืองหลวงได้สีกที ต่อให้กลับมาเมื่องหลวง มีแม่เลี้ยงของนางอยู่ นางกล้าจะสร้างปัญหาอะไรได้?"ป้าซุนเป็นห่วงเล็กน้อย "แล้ว... ไม่งั้นส่งคนไปตามหาล่ะ? ฮูหยินใหญ่จะออกไปโดยไม่บอกใคนแบบนี้มันไม่ค่อยมีเลย"ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วด้วยความโกรธ "ไม่ต้อง หากไปตามหาแล้วนางคงจะคิดว่าตนเองสำคัญมาก มันเป็นความผิดของนางอยู่แล้วที่ดูแลบ้านไม่ดีเอง ยังกล้าให้ข้าไปขายเครื่องประดับเพื่ออุดหนุนให้ครอบครัว เงินทั้งหมดหายไปไหนหมด?"ป้าซุนรู้ว่านางโกรธแต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดอะไรแทนนางหมิน "ช่วงนี้ฮูหยินใหญ่ทำงานหนักจริงๆ ทุ่มเทความพยายาม ดูแลท่านข้างกายทุกวัน ยังต้องดูแลคุณหนูคุณชายด้วย""ที่นางมาดูแลข้ามิใช่หน้
ก่อนหน้านี้ เนื่องจากฝ่าบาทให้ความสำคัญกับคดีดบฏของเซี่ยอวี้นเป็นอย่างมาก ซ่งซีซีจึงไม่ได้เข้าการประชุมที่ราชสำนักวันนี้เป็นครั้งแรกที่ซ่งซีซีเข้าร่มการประชุมที่ราชสำนักหลังจากเสร็จสิ้นคดี ดังนั้นเมื่อเฉินฟูมาถึงจวนอ๋อง ซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ก็เข้าวังแล้วเฉินฟูไม่เจอคุณหนู เขาจึงเล่าให้เรื่องให้อาจารย์หยูฟังอาจารย์หยูไม่ได้เพิกเฉยเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับจวนแม่ทัพ เขาเชิญเฉินฟูเข้าไปดื่มชาและคุยเล่นกับแม่นมเหลียงไปก่อน จากนั้นให้ใคนไปตามหาเสิ่นว่านจือมาถามเขารู้ว่าพระชายาให้คนของคุณหนูเสิ่นช่วยจับตาดูว่าจ้านเป่ยว่างได้ไปมาหาสู่กับอ๋องเยี่ยนต่อหรือไม่ ดังนั้นเรื่องของจวนแม่ทัพ นางอาจจะรู้บ้างแต่หลังจากที่เสิ่นว่านจือมาถึง นางหาวพลางพูดว่า "ไม่รู้สิ ไม่ได้จับตาดูจวนแม่ทัพ แค่แอบส่งคนจับตาดูการเคลื่อนไหวของอ๋องเยี่ยนเท่านั้น เขาติดต่อกับใครบ้างข้ารู้ แต่เกิดอะไรขึ้นในจวนแม่ทัพ ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ""นี่มันแปลกจริงๆ" อาจารย์หยูกล่าว"เจ้าไปสนใจเรื่องของจวนแม่ทัพทำไม" เสิ่นว่านจือไม่สนใจ แม้ว่านางจะไม่มีความเกลียดชังต่อนางหมิน แต่ก็ไม่มีความประทับใจที่ดีเช่นกัน"เราไม่สนใจเรื่