Share

บทที่ 826

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
คืนนี้ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ในที่สุดทุกคนก็ทานอาหารเย็นร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตาได้สักที

จากนั้น ซ่งซีซีก็ตระหนักได้ว่าศิษย์พี่เสิ่นยังไม่กลับภูเขาเหม่ยชานเลย นางรู้สึกประหลาดใจมาก "ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ยังไม่กลับเหรอ? ข้านึกว่าพี่กลับไปแล้ว และยังบ่นว่าทำไมไม่บอกสักหน่อยก็ไปแล้วนี่"

ซ่งซีซีถูกตีที่หัวอีกครั้ง และเสิ่นชิงเหอก็พูดด้วยความโกรธ "เจ้านี่ใจร้ายจริงๆ ข้าเรียกเจ้ามาหลายครั้ง แต่เจ้าก็ไม่สนใจข้า ข้ายังคิดอยู่ว่าตนเองทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า แต่แล้วเจ้าไม่เห็นข้าเนี่ยนะ"

เซี่ยหลูโม่รู้สึกเจ็บปวดใจมาก เขาลูบหลังศีรษะให้นาง แล้วอธิบายว่า "ช่วงนี้นางยุ่งมาก คงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่เลยไม่ได้ยินที่ศิษย์พี่เรียกนาง... แค่พูดก็พอ อย่าลงมือสิ"

น้ำเสียงของเซี่ยหลูโม่มีความเคารพ ถึงยังไงเขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่ แต่ก็บ่นเล็กน้อยเช่นกัน

เสิ่นชิงเหอหัวเราะ "ก็ไม่ได้ออกแรงใดๆ นอกจากนี้ นางก็ชินกับมันแล้วนี่ ถ้าบอกว่าคนที่สอนบทเรียนให้นางมากที่สุด ก็ต้องเป็นอาจารย์ของเจ้า ศิษย์อาของข้าเลย"

เซี่ยหลูโม่เงียบไปครู่หนึ่ง "บางครั้งอาจารย์ก็ลงมือไม่รู้จักหนักเบาด้วย เดี๋ยวมีโอกาสข้าจะว่าเขาด้วย"

เสิ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 827

    อาจารย์หยูกล่าวว่า "ส่งยาไปแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวว่าเขารอดชีวิตมาได้หรือไม่"เสิ่นชิงเหอซึ่งไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองกล่าวว่า "สถานการณ์เมืองซีจิงในตอนนี้ซับซ้อนมาก รัชทายาทได้ดูแลประเทศไปแล้ว แต่ฮ่องเต้ไม่สิ้นพระชนม์ ขณะนี้ขุนนางเก่าเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งในราชสำนักคัดค้านต่อนโยบายการปกครองที่เกินเลยของรัชทายาท ยิ่งกว่านั้นแม้ว่ารัชทายาทจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอดีตรัชทายาท แต่เขาไม่เห็นด้วยกับนโยบายของอดีตรัชทายาทเลย ซูลันจีเคยสนับสนุนอดีตรัชทายาทอย่างเต็มที่ ดังนั้นต่อให้เขาไม่ตาย เกรงว่าสถานการณ์ก็จะไม่ดีเช่นกัน""ฮ่องเต้ดวงแข็งจริงๆ" เสิ่นว่านจือกล่าว "ไหนบอกว่าเขากำลังจะตายไปนานแล้ว แต่เขายังไม่สิ้นลมหายใจ เขาใช้อะไรมายืดอายุขัยทำให้เขาไม่ยอมหลับตาสักที?"เสิ่นชิงเหอกล่าวว่า "แน่นอนว่ามีความโกลาหลครั้งใหญ่ในประเทศ อดีตรัชทายาทเอาชนะใจประชาชนมาโดยตลอด และการส่งมอบช่วงต่อระหว่างฮ่องเต้องค์เก่ากับอดีตรัชทายาทก็เกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่แล้งอดีตรัชทายาทจากไปก่อน แล้วเปลี่ยนรัชทายาทคนใหม่ โดยพื้นฐานแล้ว ข้าราชการทั้งหมดเป็นคนของอดีตรัชทายาท รัชทายาทคนใหม่แม้แต่ซูลันจีก็ไม่สนับสนุน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 828

    เขากล่าวเสริมว่า "อาจารย์ของข้าเคยกล่าวไว้ว่า ซีซีเป็นลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในด้านศิลปะการต่อสู้ที่เขาเคยเห็นมา ท่าต่างๆ นางแค่มองดูคั้งเดียวก็สามารถทำได้แล้ว"เสิ่นชิงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม "อาจารย์ของเจ้าได้พูดอย่างนั้นจริงๆ แต่มีอีกประโยคข้างหลังเขายังไม่ได้บอกกับเจ้า นั่นคือนางขี้เกียจเกินไป วันๆ คิดแต่วิ่งรอบภูเขา ปีนต้นไม้ขุดรังนก จับงูพิษในรู แล้วกระดิกหางของหนูไปขู่เด็กๆ ไปทั่ว"กุ้นเอ๋อร์พูดอย่างไม่ความรู้สึก "ข้าก็เป็นเหยื่อด้วย นางกระดิกหางหนูมาหา แต่นางโยนหนูใส่ข้า ข้าร้องไห้และกลับไปหาอาจารย์ อาจารย์ก็ลงโทษข้า โดยบอกว่าลูกผู้ชายร้องไห้ไม่ได้ แต่วันรุ่งขึ้น อาจารย์ก็ไปสถาบันว่านซงเหมินเพื่อเอาความแล้ว"เสิ่นว่านจือก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย และพูดต่อว่า "ในที่สุดก็บรรลุข้อตกลงและลดค่าเช่าเป็นเวลาหนึ่งปีให้"ความรู้สึกสะเทือนใจของซ่งซีซีก็หายวาบไว้ นางพูดด้วยความเขินอาย "เรากำลังพูดถึงเรื่องเมืองซีจิงอยู่เลย ทำไมพูดถึงวัยเยาว์ของข้าได้อย่างไร กินข้าว กินเลย"กุ้นเอ๋อร์วางตะเกียบลงแล้วมองไปที่เสิ่นว่านจือ "ลดค่าเช่าหนึ่งปีเหรอ? จริงเหรอ? เจ้ารู้ได้อย่างไร""สถาบันชื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 829

    ณ จวนแม่ทัพหลังจากที่หวังชิงหลูมีอารมณ์ฉุนเฉียวมาครั้งหนึ่ง บวกกับอายุครรภ์ก็มากขึ้นเรื่อยๆ นางก็หยุดสร้างปัญหาอีกเลยเพียงแต่อาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าแย่ลงพอเข้าสู่ฤดูหนาว กินยามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ป่วยอยู่ตลอดพวกเขายังคงไม่สามารถตามหาหมอมหัศจรรย์ดันมาได้ เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกไม่สบาย ก็จะบ่นว่าหวังชิงหลูไม่มีความสามารถอย่างกับซ่งซีซี ซ่งซีซีรู้จักคนได้มากมายจริงๆหวังชิงหลูก็ไม่เอาแต่ใจนาง อย่าว่าแต่ดูแลผู้ป่วย แม้แต่มาทักทายก็ไม่มา แต่ละวันมีแต่นางหมิน ลูกสะใภ้คนโตคอยดูแลนางตลอดฮูหยินผู้เฒ่าบ่นกับจ้านเป่ยว่างว่า "ตอนนี้เจ้าเป็นผู้นำองครักษ์รักษาพระองค์แล้ว ทำไมแม้แต่ภรรยาของตนเองยังสั่งสอนไม่ได้ นางอกตัญญู ต่อต้าน และมักจะขัดแย้งกับแม่อยู่เสมอ มีภรรยาที่ไม่ดีจะนำความหายนะมาสู่สามชั่วอายุคนนะ"ตอนนี้ จ้านเป่ยว่างกำลังพัฒนาอาชีพการงานของเขาอยู่ และไม่ต้องการทะเลาะกับหวังชิงหลู ทุกครั้งต้องทะเลาะอย่างเหนื่อยทั้งกายและใจ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงปลอบแม่ในขณะที่ขอร้องให้พี่สาวดูแลท่านแม่ให้มากหน่อยนางหมินยังตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "น้องรองดูแลท่านแม่เป็นหน้าที่ของข้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 830

    เมื่อกลับมาถึงเรือน หวังชิงหลูกำลังเย็บปักถักร้อย นางได้ทำตัวว่าง่ายขึ้นมากหลังจากทะเลาะในครั้งนั้นจ้านเป่ยว่างบอกนางด้วยความวิตกกังวลว่ามอบอำนาจในการดูแลบ้านให้กับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว หวังชิงหลูเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขา "มันควรจะมอบให้กับพี่สะใภ้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่ข้าท้องในตอนนี้ แม้ว่าข้าไม่ได้ท้องก็ไม่ควรให้ข้ามาดูแลจวน"จ้านเป่ยว่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก นั่งลงแล้วมองดูนาง แล้วพูดว่า "งานเย็บปักถักร้อยจะไม่ดีกับสายตาเจ้าอย่าทำเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่คนใช้ไป ข้าจำได้ว่างานเย็บปักถักร้อยของหงเอ๋อร์ก็ค่อนข้างดีเช่นกัน งั้นก็ให้นางทำเลย""ข้าในฐานะแม่ ข้าก็ต้องทำเสื้อผ้าให้ลูกตนเองสักสองสามชินสิ" หวังชิงหลูเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า "นอกจากนี้ แม้ว่าครอบครัวของเรามีสามคนมีเงินเดือน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่เช่นนี้ ท่านแม่ยังต้องกินยา ดังนั้นก็ช่วยประหยัดเงินด้วย"จ้านเป่ยว่างไม่รู้ว่าทำไมนางถึงพูดถึงการประหยัดเงิน ให้คนใช้ไปทำงานพวกนี้ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับประหยัดเงินนี่แต่ว่า ขอแค่นางไม่อารมณ์เสียก็พอ ตราบใดที่บ้านไม่เกิดปัญหา ชีวิตก็ยังไปต่อได้ตอนน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 831

    วันรุ่งขึ้น จ้านเป่ยว่าง เลิกงานดึก เลยซื้อเม็ดซืนเจียวไม่ได้ เลยฝากนางหมินไปซื้อเม็ดซืนเจียวที่ร้านขายยาเย่าหวังแปดเม็ดในวันพรุ่งนี้ จากนั้นช่วยคัดเลือกแม่นมและผดุงครรภ์ด้วยนางหมินรับปาก เพราะก็ต้องเตรียมยาดันเสวี่ยล่วงหน้าให้กับท่านแม่ด้วยแม้ว่านางก่อนหน้านี้นางอ้างว่าตนเองไม่สบายเลยไม่ได้ดูแลงานในบ้าน แต่ก็รู้ว่าจริงๆ แล้ว จวนแม่ทัพที่ดูยิ่งใหญ่นั้นมีเงินในบัญชีไม่เท่าไร ดังนั้นก่อนที่นางจะออกไปซื้อยาในวันรุ่งขึ้น จึงไปเบิกเงินที่ห้องบัญชี แต่กลับพบว่ามีเงินเพียงสิบตำลึงเท่านั้นนางรู้ว่าไม่มีเงิน แต่ไม่รู้ว่ามีเงินเหลือเพียงสิบตำลึงในจวนแม่ทัพเท่านั้น ซึ่งทำให้นางตกใจมากนางคิดว่าน่าจะมีอย่างน้อยสองสามร้อยตำลึงในบัญชี เพราะบ้านรองไม่ได้แยกออกไป และรายได้ส่วนใหญ่จากบ้านรองก็จะมอบให้บัญชีส่วนกลางเช่นกัน บวกกับเงินเดือนของสามีนาง ท่านพ่อด้วยและน้องรองจ้านเป่ยว่าง บวกกับทองคำหนึ่งร้อยตำลึงที่เป็นรางวัลนั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีเงินเหลืออยู่สองสามร้อยตำลึงกระมัง?แต่แล้วกลับมีเงินเพียงสิบตำลึงเท่านั้นนางตรวจสอบบัญชีทีละรายการและพบว่าได้ใช้เงินไปกับสินเดิมของน้องสามวไปบ้าง ยี่ฝางม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 832

    นางพาสาวใช้ไปที่ร้านขายยาเย่าหวัง และราคาของเม็ดซืนเจียวนั้นไม่ถูกเลย ราคาเม็ดละห้าตำลึง ยังคงต้องซื้อแปดเม็ด วันนี้หนาวจัดมาก นางปาดเหงื่อที่หน้าผากและกลั้นน้ำตาไว้ ทว่าตัดสินใจไม่ได้สักทีพนักงานที่ร้านขายยาเย่าหวังก็จำนางได้ และรู้สถานการณ์ของนาง จึงชักชวนว่า "ฮูหยิน เม็ดซืนเจียวนี้ถูกใช้โดยสตรีที่มีชี่และเลือดไม่เพียงพอเมื่อคลอดบุตร โดยทั่วไป หากต้องการปรับปรุงชี่และเลือด สามารถซื้อยากลับไปต้มเองมันจะถูกกว่าเยอะ อีกอย่างในเมื่อใช้กับคลอดบุตร ใช้เม็ดเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อจำนวนมากนัก มันก็ไม่ใช่ว่าคนแปดคนจะคลอดด้วยกัน"นางหมินเช็ดน้ำตาแล้วถามอย่างใจร้อนว่า "เม็ดเดียวก็พอเหรอ?""ยาเม็ดเดียวก็เพียงพอแล้ว หากเจ้าไม่สบายใจงั้นก็สาองเม็ด ยานี้ก็ไม่ได้รับประกันว่าผู้หญิงจะได้คลอดอย่างสบายๆ แล้ว ใช้เฉพาะสำหรับผู้ที่มีชี่และเลือดบกพร่องอย่างรุนแรงหรือเมื่อถึงกระบวนการคลอดมันกินเวลานานเกินไปค่อยกินยาหนึ่งเม็ดเพื่อให้นางมีแรงคลอดลูกต่อไป"นางหมินยื่นเงินให้เขา "ก็ได้ งั้นข้าเอาสองเม็ด และยาดันเสวี่ยสองเม็ด"หนักงานพยักหน้า ชั่งน้ำหนักก่อนที่จะคำนวนเงิน และทอนเหรียญทองแดงจำนวนหนึ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 833

    นางหมินมองหน้าแม่สามีที่โกรธเคืองและดุร้ายด้วยดวงตาเบิกกว้าง คำว่าจดหมายหย่าแล้วออกจากบ้านซึ่งทำให้สมองของนางว่างเปล่าไป นางลุกขึ้นอย่างมึนงง จากนั้นเดินออกไปอย่างช้าๆ"กลับมาเดี๋ยวนี้ ข้ายังด่าไม่พอ กล้าดียังไง เจ้ากล้าดียังไงมาให้แม่สามีขายเครื่องประดับ เจ้ารู้จักอายบ้างไหม นังตัวดี" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านเห็นนางลุกขึ้นเดินจากไปก็โกรธมากจึงตะโกนต่อไปว่า "กลับมาเดี๋ยวนี้ จับนางไว้"บางทีอาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ร่างกายของนางหมินกำลังสั่นเทา และฝีเท้าก็เหลื่อมล้ำ เหมือนแจกันที่แตกร้าว ไม่มีใครกล้าจับนางจริงๆ แต่แค่พูดโน้มน้าวว่า "ฮูหยินใหญ่อย่าเพิ่งไป"ดูเหมือนนางหมินจะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นางเดินกลับไปที่ลานบ้านของตนเองทีละก้าว แต่เมื่อถึงสุดทางเดินก็เห็นหวังชิงหลูมาพร้อมกับหงเอ๋อร์นางหมินก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงนางยื่นกรรไกรให้ นางหมินก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและหวาดกลัวมาก"พี่สะใภ้ใหญ่หมายความว่าไง? แค่ซื้อยาสองเม็ดเหรอ? ไม่ได้บอกให้ซื้อเจ็ดแปดเม็ดเหรอ?" หวังชิงหลูถามอย่างไม่พอใจ "อย่าบอกนะว่าไม่มีเงิน ข้าก็หารือกับเป่ยว่างเมื่อคืนนี้ นับจากนี้ไปให้เจ้าดูแลบ้าน เงินเดือนของเป่ย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 834

    ความหวังสุดท้ายในใจของนางถูกดับลง วันเวลาที่เหนื่อยล้า แม่สามีและน้องสะใภ้ที่เอาแต่หาเรื่องไม่หยุด ทำให้นางหายใจแทบไม่ออก และพวกผู้ชายที่นิ่งเฉย และยี่ฝาง นังชั่วที่ขังตนเองอยู่ในเรืองมงคล จะออกมาแย่งของเป็นครั้งคราว บ้านนี้ไม่ใช่บ้านแล้ว แต่เป็นนรกนางถูกลากเข้าไปในห้องฮูหยินผู้เฒ่า และบังคับให้คุกเข่าข้างเตียง นางเงยหน้าขึ้นมองที่พ่อสามีและจ้านเป่ยว่างด้วยสีหน้ามึนงง พวกเขามีสีหน้าตำหนิ พอมองดูสามีจ้านเป่ยชิง เขากำลังโกรธจัด จากนั้นก็ตบหน้านางอย่างแรง แล้วกล่าวขอโทษกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า "ท่านแม่อย่าโกรธไปเลยนะ ลูกได้สอนบทเรียนให้นางแล้ว นางจะไม่กล้าทำเช่นนั้นอีกเลย"เมื่อเห็นว่าบุตรชายของตนเองกตัญญู ฮูหยินผู้เฒ่าจึงยกโทษให้นาง "ช่างเถอะ จะว่าไปนางก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ชั้นสูง ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะตระหนี่ไปหน่อย"แก้มของนางหมินเจ็บมากแต่ก็สู้ความเจ็บปวดในใจไม่ได้ แต่หลังจากปวดใจแล้วก็รู้สึกตายใจแล้ววันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สว่าง คนรับใช้ที่จัดซื้อของก็ลุกขึ้นกำลังเตรียมจะออกไปซื้อเนื้อสัตว์และผัก แต่เห็นประตูหลังเปิดอยู่ และมีลมหนาวพัดเข้ามา"เมื่อคืนทำไมไม่ปิดประตูหลัง

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1520

    ครรภ์ของฝูเจาอี๋ เดิมทีก็มั่นคงดี หมอหลวงเองก็กล่าวว่าไม่มีปัญหาใหญ่อันใด แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอเข้าสู่เดือนเหมันต์ ครรภ์นี้กลับเริ่มไม่มั่นคง อีกทั้งยังมีเลือดออกถึงสองครั้งหมอหลวงจินทุ่มเทสรรพวิธีเพื่อรักษาครรภ์ของนางไว้ ทำให้พอประคองสถานการณ์ได้ แต่นางก็ต้องนอนพักอยู่บนเตียง ยังไม่อาจลุกเดินไปไหนได้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หมอหลวงย่อมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ตรวจสอบทั้งอาหารการกินและข้าวของที่ใช้ในวังอย่างละเอียด ทว่ากลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการที่ฝ่าบาทเสวยโอสถมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ครรภ์นี้ไม่มั่นคงจักรพรรดิ์ซูชิงทรงเป็นกังวลอย่างยิ่งกับครรภ์นี้ นับตั้งแต่นางต้องนอนพักรักษาครรภ์ ฝ่าบาทก็ทรงเสด็จมาเยี่ยมเกือบวันเว้นวัน บางคราก็ทรงประทับร่วมเสวยพระกระยาหารเมื่อเอาใจใส่สิ่งหนึ่ง ก็ย่อมละเลยอีกสิ่งหนึ่งไป ทำให้ช่วงนี้ฝ่าบาทแทบไม่ได้เสด็จไปยังตำหนักของซูเฟย อีกทั้งยังมิได้ทรงเรียกองค์ชายสามเข้าพบที่ห้องพระอักษรเลยส่วนเต๋อเฟยนั้น เนื่องจากต้องดูแลกิจการในวังหลัง เมื่อพอมีเวลาว่างก็มักจะพาองค์ชายรองมาเยี่ยมฝูเจาอี๋ด้วย ดังนั้นจึงได้มีโอกา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1519

    ในวังหลัง เดิมทีมีผู้คาดเดาเกี่ยวกับพระอาการของฝ่าบาทไม่น้อย แม้ยามนี้ฝูเจาอี๋จะตั้งครรภ์ ทว่าหมอมหัศจรรย์กลับพำนักอยู่ในวัง เป็นหลักฐานว่าพระวรกายของฝ่าบาทหาใช่เพียงต้องบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นดังนั้น การที่ฝ่าบาทโปรดปรานเช่นนี้ ทำให้บางคนเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้โดยเฉพาะฮองเฮา นางรับรู้เรื่องพระอาการของฝ่าบาทอยู่บ้าง ตอนนี้หมอมหัศจรรย์กลับเข้าวังเพื่อถวายการรักษา ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรนางไม่อาจคาดเดา เพียงแต่รู้สึกว่าฝ่าบาทอาจอยู่ในช่วงที่พละกำลังถดถอยเต็มที่แล้วครรภ์ของฝูเจาอี๋ นางไม่ได้ใส่ใจ ไม่ว่าบุตรในครรภ์จะเป็นชายหรือหญิงก็ยังไม่อาจทราบได้ ต่อให้เป็นองค์ชาย ก็ยังไม่ถึงคราวของเขาแต่การที่ฝ่าบาททรงเอ็นดูองค์ชายสามถึงเพียงนี้ กลับทำให้นางรู้สึกถึงภัยคุกคามเดิมทีฝ่าบาทให้ทางเลือกแก่นาง นางเลือกตำแหน่งฮองเฮา เลือกมีชีวิตรอด ทว่าหลังจากนิ่งเฉยมาพักหนึ่ง นางก็เข้าใจว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงละทิ้งองค์ชายใหญ่ได้รวดเร็วเพียงนั้น ยิ่งตอนนี้องค์ชายใหญ่ขยันขันแข็งศึกษาหาความรู้ แม้แต่ไท่ฝู่และเสด็จอายังเอ่ยปากชม นางยังสืบมาว่าฝ่าบาททรงพอพระทัยองค์ชายใหญ่อยู่ไม่น้อยองค์ชายรองและองค์ชายสามล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1518

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงประชุมหารือกับขุนนางในห้องทรงอักษรยาวนานจนถึงดึกดื่น สุดท้ายเป็นหมอมหัศจรรย์ดันที่ต้องเข้าไปขัดจังหวะ แจ้งว่าดึกมากแล้ว พระองค์ถึงกับเหยียดพระกรพลางแย้มพระสรวล “ถึงกับดึกเพียงนี้แล้วรึ? เช่นนั้นก็เลิกประชุมเถิด ประตูวังใกล้จะปิดแล้ว”แม้จะเป็นช่วงเวลาดึกมากแล้ว แต่พระองค์กลับยังดูสดชื่น โดยเฉพาะบนพระพักตร์ที่มีเลือดฝาดขึ้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้ที่ประชวรเลยซ่งซีซีรอให้เซี่ยหลูโม่ประชุมเสร็จ ก่อนจะออกจากวังกลับจวนพร้อมกันนางอ่อนล้ามาก พิงไหล่ของเซี่ยหลูโม่แล้วเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเมื่อรถม้ามาถึงหน้าจวน เซี่ยหลูโม่อุ้มนางขึ้นมา ซ่งซีซีรับรู้ได้รางๆ แต่ก็ขี้เกียจจะตื่น เลยปล่อยให้เขาอุ้มเข้าไป อ้อมแขนอบอุ่นแข็งแกร่งช่างสบายเหลือเกินตลอดสามเดือนที่ผ่านมา นอกจากตอนอยู่ที่ด่านเฉิงหลิง นางแทบไม่มีคืนไหนที่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิทใจ แต่เมื่อกลับถึงจวน ก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราลึกทว่า…นอนหลับไปก็ยังรู้สึกว่ามีมือร้อนจัดคู่หนึ่งลูบไล้ไปทั่วร่างนางยังคงหลับตา เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “ลืมที่ท่านลุงดันบอกไปแล้วหรือ?”เสียงร้อนผ่าวกระซิบข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1517

    วันที่ 15 เดือนสิบ คณะทูตจึงเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงในที่สุดกองทัพซวนเจียได้รับคำสั่งให้แยกย้ายไปพักก่อน ขณะที่หลี่เต๋อฮวยและขุนนางจากสำนักหงหลู่ต้องเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อถวายรายงาน ส่วนฉินอ๋องที่ตลอดทางอ่อนแอราวกับช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนนี้กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที กล่าวว่าจะเข้าเฝ้าพร้อมกับพวกเขาด้วยส่วนซ่งซีซีนั้น ถูกเซี่ยหลูโม่ที่เฝ้ารออยู่ที่ประตูเมืองรับตัวกลับจวนไปก่อนแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาสั่งให้คนคอยเฝ้ารอที่ประตูเมืองทุกวัน บางครั้งตอนพักกลางวันก็ยังมารอด้วยตนเอง และวันนี้ก็บังเอิญได้พบกันจริงๆขณะที่หลี่เต๋อฮวยและคนอื่นๆเข้าเฝ้าในวัง ซ่งซีซีก็ได้เข้าไปคารวะฮุ่ยไท่เฟยก่อนแล้วเมื่อฮุ่ยไท่เฟยรู้ว่านางเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ก็ให้รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ถวายคำนับก่อนออกไป และกลับไปยังเรือนเหมยฮวาหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากของนางกลับดูบวมขึ้นเล็กน้อย รุ่ยจูที่เห็นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเหลือบมองไปทางท่านอ๋อง พระชายาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ท่านอ๋องยืนกรานจะปรนนิบัติด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนจะปรนนิบัติได้ไม่ดีเท่าไรน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1516

    เมื่อได้พักฟื้นอยู่ห้าวันที่ด่านเฉิงหลิง ฉินอ๋องก็ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อฉินอ๋องหายดี ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางกลับเมืองหลวงแม้จะอาลัยเพียงใด ซ่งซีซีก็ทำได้เพียงกลั้นน้ำตากล่าวคำอำลา นางคุกเข่าคารวะต่อหน้าแม่ทัพใหญ่เซียวอยู่หลายครั้ง จนแทบจะทำให้ท่านน้ำตาคลอหลี่เต๋อฮวยเป็นผู้ที่เคารพนับถือแม่ทัพใหญ่เซียวที่สุด เมื่อซ่งซีซีเพียงแค่น้ำตาคลอ แต่เขากลับปิดหน้าและร้องไห้ออกมาเต็มที่ เพราะเขารู้ว่า บางทีตลอดชีวิตนี้ อาจไม่มีโอกาสได้พบกับท่านแม่ทัพผู้เฝ้ารักษาด่านเฉิงหลิงมาเป็นสิบๆ ปีอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวเข้าสู่วัยชราโดยสมบูรณ์ เมื่อมองดูอีกครั้งก็ดูแก่ชรากว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฮ่องเต้จะพระราชทานอนุญาตให้ท่านกลับเมืองหลวงได้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยากลำบาก ทายาทตระกูลเซียวก็คงไม่ยอมให้ท่านเดินทางกลับอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวสนทนากับหลี่เต๋อฮวยอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าแทนที่จะบรรเทาความรู้สึกของเขา กลับทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีกด้านนางหนานผู้เป็นป้าใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยถามถึงเรื่องของ พระชายาอ๋องฮวยเลย จนกระทั่งถึงเวลาต้องอำลากัน นางจึงดึงซ่งซีซีไปค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1515

    การเดินทางกลับเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเก้าอากาศไม่ร้อนจัดอีกต่อไป เริ่มมีความเย็นสบายแผ่วเบาซูลันจีนำทัพออกมาส่งด้วยตัวเอง พาพวกเขาไปจนถึงเมืองลู่เปินเอ่อร์ตลอดเส้นทางขากลับ ไม่มีการลอบสังหารเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อข้ามภูเขาสลับซับซ้อนมาได้ ก็เข้าสู่เขตแดนของแคว้นซางเดิมทีพวกเขาไม่ได้แจ้งแม่ทัพใหญ่เซียวล่วงหน้า คิดว่าคงไม่มีใครมารับ แต่ทันทีที่เข้าสู่ชายแดนแคว้นซาง ก็พบว่าจ้านเป่ยว่างนำทัพเซียวเจียจวินรออยู่ที่นั่นเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาโดยปลอดภัย จ้านเป่ยว่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด เขากระตุ้นม้าเข้ามาใกล้ ก่อนลงจากหลังม้าแล้วทำความเคารพฉินอ๋อง หลี่เต๋อฮวยและขุนนางท่านอื่นๆ “ท่านอ๋อง เสนาบดีหลี่ ท่านขุนนางทั้งหลาย แม่ทัพใหญ่เซียวสั่งให้ข้านำทัพมาคอยเฝ้ารอที่นี่ทุกวัน เพื่อคุ้มกันพวกท่านกลับไปยังเฉิงหลิงกวน”หลี่เต๋อฮวยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่ทัพใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะกลับมาวันนี้?”จ้านเป่ยว่างตอบว่า “แม่ทัพใหญ่ไม่ทราบ เพียงแต่สั่งให้ข้าและกองทัพมาเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกวัน”“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลี่เต๋อฮวยรู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่เซียวเป็นคนรอบคอบย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1514

    อันเฟิงชินอ๋องกล่าวว่า “การเดินทางครั้งนี้ มิใช่เพียงเพื่อซีจิงและแคว้นซาง แต่ก็เพื่อเป่ยถังของเราด้วย มิจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ ระหว่างแคว้นต่อแคว้น สิ่งที่มาก่อนคือผลประโยชน์ มีเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น ที่จะสามารถปฏิบัติต่อกันด้วยใจจริง”ซ่งซีซีรับคำสอน แต่ก็นึกสงสัย จึงเอ่ยถามว่า “ท่านเคยรู้จักอาจารย์เหรินหยางอวิ๋นของข้าหรือไม่?”อันเฟิงชินอ๋องหัวเราะเบาๆ “รู้จัก เขาเคยมาเยือนเป่ยถัง และเคยพำนักอยู่ที่ไจ้ซิงโหลวอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ทัพองครักษ์เงาของข้า ‘เฮยอิ่ง’ สนิทสนมกับอาจารย์ของเจ้ามาก พวกเขามักดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ”“เช่นนี้เองหรือ” ซ่งซีซีนึกถึงบรรดาผู้สวมชุดดำพวกนั้น ไม่รู้ว่าคนไหนคือเฮยอิ่ง หากไม่ได้พบหน้าสักครั้ง คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอันเฟิงชินอ๋องคล้ายจะมองออกถึงความคิดของนาง ยิ้มพลางกล่าวว่า “อีกสามปี หรืออาจห้าปี พวกเราจะไปเยือนแคว้นซาง ถึงตอนนั้น ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเฮยอิ่ง”ซ่งซีซีกำลังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าเสิ่นว่านจือก็ถามขึ้นก่อน “เหตุใดต้องเป็นสามปีหรือห้าปี? ไปเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ? พวกเราตั้งตารอให้ท่านกับพระชายามาเยือน”อันเฟิงชินอ๋องเพียงยิ้ม แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1513

    หลังจากเดินสำรวจอยู่สองวัน ซูลันจีก็กล่าวกับซ่งซีซีว่า “แคว้นของท่านมีหมอเทวดาผู้หนึ่ง นามว่าหมอมหัศจรรย์ดัน เขาได้คิดค้นยาชนิดหนึ่งชื่อว่ายาดันเสวี่ย ซึ่งมีสมุนไพรสำคัญชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบ นั่นคือเสวี่ยเหอฮวา ทว่าแคว้นของท่านผลิตได้น้อยมาก หนานเจียงเองก็มี แต่เติบโตอยู่บนยอดเขาหิมะ เก็บเกี่ยวได้ยากยิ่ง และมีปริมาณน้อย แต่ในซีจิงของเรา เสวี่ยเหอฮวามิใช่ของหายาก บนภูเขาสูงสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หมอมหัศจรรย์ดันที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้ ต้องลักลอบซื้อจากพ่อค้ายาในซีจิง ราคาจึงแพงมาก ด้วยต้นทุนขนาดนี้ ขายยาดันเสวี่ยไปหนึ่งเม็ด เขาก็ขาดทุนหนึ่งเม็ด”ซ่งซีซีทราบดีว่ายาดันเสวี่ยเป็นยาที่หายาก เนื่องจากมีสมุนไพรบางชนิดที่หาไม่ครบ แต่ท่านลุงดันก็ไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าสมุนไพรตัวใดที่ขาดอย่างไรก็ตาม หากเขาต้องซื้อยาจากพ่อค้าชาวซีจิง ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องปิดเป็นความลับ เพราะก่อนหน้านี้ ซีจิงและแคว้นซางมิได้มีการค้าขายกันโดยตรง โดยเฉพาะสมุนไพร ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษซูลันจีและจักรพรรดินีหยวนซินต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1512

    ตำแหน่งที่เขานั่ง แสดงถึงจุดยืนของเป่ยถังในการเจรจาครั้งนี้!เป็นกลาง!ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอีกครั้งว่า การที่แคว้นเข้มแข็งนั้นดีเพียงใดการเจรจาในช่วงแรกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คำพูดซ้ำไปซ้ำมา ถูกเน้นย้ำไม่รู้จบ ล่ามของทั้งสองฝ่ายทำหน้าที่แปล โดยส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงปัญหาทางประวัติศาสตร์นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเริ่มต้นด้วยการยอมถอยแต่แรก ก็จะต้องถอยไปเรื่อยๆดังนั้น การเจรจาครั้งแรกจึงไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เป็นเพียงการลองเชิงขีดจำกัดของกันและกันในวันรุ่งขึ้น การเจรจาครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องเดิมสองรอบ จนกระทั่งอันเฟิงชินอ๋องเอ่ยขึ้นว่า “ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีความหมาย สองแคว้นของพวกเจ้าโต้เถียงกันเรื่องพรมแดนมาหลายสิบปีแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ไขได้ในวันเดียว เราพักเรื่องพรมแดนไว้ก่อน ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ามีความตั้งใจจะทำสัญญาสันติระหว่างสองแคว้นหรือไม่ และจะไม่ละเมิดต่อกัน?”ทุกคนล้วนให้คำตอบที่แน่ชัด ต่างกล่าวว่าตนมาโดยมีความหวังที่ดี อยากให้สองแคว้นยุติความขัดแย้งอันเฟิงชินอ๋องหยิบแผ่นรายการออกมาแผ่นหนึ่ง บนกระดาษระบุรายการสินค้าของ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status