บางคนจากจวนเฉิงเอินป๋อรีบออกไปดู แต่กลับเห็นสภาพยุ่งเหยิงเลอะเทอะไปหมดไม่ต่างจากห้องโถงใบหน้าของเฉิงเอินป๋อดูสิ้นหวัง เขาก้าวไปข้างหน้าและประสานมือ "ท่านอ๋องหายโกรธแล้วใช่ไหม?"เซี่ยหลูโม่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกแต่ยังคงเงียบ ซ่งซีซีเอ่ยปากพูดว่า "เฉิงเอินป๋อ เจ้ามีความแค้นในใจบ้างไหม"เฉิงเอินป๋อกัดฟันกรามแล้วพูดว่า "ไม่กล้า""ไม่กล้าเหรอ?" สีหน้าของซ่งซีซีดูเฉยเมย "หวังว่าจะไม่กล้าจริงๆ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าสัญญากับเจ้าว่า จวนเฉิงเอินป๋อจะต้องพังทลายลง"เฉิงเอินป๋อเคยเห็นฉากที่นางออกเรือน และรู้ว่าเบื้องหลังของนางไม่ใช่แค่จวนเป่ยหมิงอ๋องเท่านั้น แต่ยังมีคนจากแวดวงการต่อสู้อีกมากมายที่สนับสนุนนาง แม้แต่จวนเฉิงเอินป๋อก็มีสองคนอย่าว่าแต่พังจวนเฉิงเอินป๋อ แม้กระทั่งฆ่าทุกคนในจวนเฉิงเอินป๋อ นางก็สามารถทำได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นวันนี้เขาถือว่าเสียหน้าบรรพบุรุษไปอย่างสิ้นเชิง หากสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ถูกกระจายออกไป เขาจะไม่มีหน้าไปพบผู้คนได้อีกเขาไม่รู้ว่าจะตอบคำพูดของซ่งซีซีอย่างไร แต่เหลียงเส้ากลับพูดอย่างเคร่งขรึม "ผู้คนที่อาศัยอำนาจไปกดขี่ข่มเหงคนอื่นนั้น จะต้องรับผลที่ตามมาแน
เสิ่นว่านจือเหลือบมองที่ซ่งซีซี ซ่งซีซีพยักหน้าไปทางนางเล็กน้อยเสิ่นว่านจือยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า "เจ้าหญิงแสดงความสามารถเท่านั้นงั้นหรือ เจ้าสามารถหลอกลวงคนไร้สมองเช่นเหลียงเส้าได้ คิดว่าหลอกลวงพวกเราได้งั้นหรือ"ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป เหลียงเส้าก็เดือดดาลมาก "เจ้ากล้าใส่ร้ายนางหรือ?"เสิ่นว่านจือหัวเราะเยาะ "ใส่ร้ายนางงั้นหรือ ข้าไม่กล้าหรอก เยียนหลิว เจ้าจะบอกทุกคนไหมว่าอันที่จริงเจ้าไม่ได้ชื่อเยียนหลิว เจ้าชื่ออะไรนี่น่ะ ได้ยินมาว่าพ่อของเจ้า ผู้ที่เป็นฝู้หม่าได้ตั้งชื่อไพเราะให้เจ้า ชื่อกู้ชิงหวู่ใช่ไหม แต่ว่าองค์หญิงใหญ่กลับไม่เรียกเจ้าเช่นนั้น นางเรียกเจ้าว่านางหวู่ใช่ไหม"ทันทีที่อีกฝ่ายพูดเช่นนี้ ใบหน้าของเยียนหลิวก็ซีดลงแต่เพียงชั่วพริบตาเอง นางก็หลั่งน้ำตาออกมาทันที "เจ้า...เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร?"สีหน้าของเฉิงเอินป๋อและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปทันทีทันใด พวกเขามองดูใบหน้าที่สวยงามและสง่างามของเยียนหลิว นางกลับเป็นบุตรสาวขององค์หญิงใหญ่งั้นหรือแน่นอนว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ขององค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ได้ให้กำเนิดบุตรสาวชื่อเจียอี้คนเดียว แต่ได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ได้แต่
เยียนหลิวยังคงร้องห่มร้องไห้อยู่ ร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้ แต่นิ้วของนางกำเสื้อผ้าของเหลียงเส้าไว้แน่น และไม่มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาอีกถึงกระนั้น เสียงร้องก็เต็มไปด้วยความคับข้องใจและความสงสาร"ทุลักทุเล" เซี่ยหลูโม่ยืนขึ้นจับมือของซ่งซีซี และพูดกับสนมฮุ่ยไทเฟยที่ตกตะลึง "เสด็จแม่ กลับกันเถอะ"สนมฮุ่ยไทเฟยระงับความประหลาดใจของนางและยืนขึ้น แต่มองไปที่พระชายาอ๋องฮวยแวบหนึ่ง "เมื่อกี้ข้าเข้าไปหาหลานเอ่อร์แล้ว นางคิดว่าเป็นเจ้ามาเลยดีใจมาก แต่พอเห็นว่ามิใช่เจ้าก็รู้สึกผิดหวังด้วย เป็นแม่คนอ่อนแอเช่นนี้ ไม่แปลกใจที่บุตรสาวของเจ้าก็อ่อนแอตามเจ้า ที่ข้ามาอาละวาดที่นี่ เจ้าคงรู้แก่ใจว่าข้าทำเพื่อใคร หากยังเป็นแม่คนบ้าง เรื่องในวันนี้ก็อย่าคิดจบง่ายๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะดูถูกเจ้า"ซ่งซีซีพูดอย่างเรียบๆ "เสด็จแม่ ไปกันเถอะ แม่ทุกคนล้วนมีใจเป็นแม่คน คิดว่าเสด็จอาสะใภ้คงรู้ว่าต้องจัดการอย่างไร""ซีซี!" พระชายาอ๋องฮวยหยุดนางพลางน้ำตาคลอเบ้า "ข้ารู้ว่าที่เจ้ามาวันนี้เพื่อหลานเอ่อร์ แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหม หลังจากพวกเจ้ามาก่อปัญหาเช่นนี้ งั้นชีวิตของนางจะอยู่ในจวนเฉิงเอินป๋อยิ่งลำบากกว่าเดิม""ตอนนี้
พระชายาอ๋องฮวยปิดปากนางแล้วเตือนว่า "อย่าเอ่ยคำว่าหย่าอีก เจ้าเป็นท่านหญิงเจ้ามีเงินเดือนและที่ดินของตนเอง เลี้ยงตัวเองได้ เจ้าไม่ต้องสนใจใครในจวนเฉิงเอินป๋อ ส่วนลูกเขยนั้น แม่เชื่อว่าเขาจะกลับตัวกลับใจ ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นบุตรอนุขององค์หญิงใหญ่ ที่นางเข้ามาจวนนี้มีแผนการของตนเอง"หลานเอ่อร์รู้สึกผิดหวังมาก นางไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช้วิธีสกปรกแค่ไหน ตราบใดที่เหลียงเส้าเชื่อนาง ก็ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวันนี้นางสิ้นหวังกับเหลียงเส้าแล้วเมื่อเห็นว่านางนิ่งเงียบ พระชายาอ๋องฮวยก็คิดว่านางเชื่อฟังแล้ว จึงพูดต่อว่า "จงฟังเสด็จแม่นะ เมื่อรอลูกเกิดมา ลูกเขยเห็นแก่เด็กก็จะเปลี่ยนไป แล้วหลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่านั้นเห็นเด็กแล้ว นางจะไม่รักเหลนของตนเองได้ไหม พวกเขาจะดีกับเจ้า แค่อดทนไว้ก่อน ทนผ่านเวลานี้ไปทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง""จะว่าไปจริงๆ แล้วเป็นความผิดของหญิงชราคนนั้น พ่อสามีและแม่สามีของเจ้าต่อต้านผู้หญิงต่ำช้าคนนั้นเข้ามา เมื่อวันนี้ที่เสด็จแม่เห็นหน้านาง ไม่แปลกใจที่ลูกเขยจะหลงใหลนางจนหัวปักหัวปำ แม้ว่านางตกอยู่สภาพน่าอนาถ แต่ยังดูมีเสน่
หลังจากที่สองสามีภรรยาอ๋องฮวยจากไป คนรับใช้ของจวนเฉิงเอินป๋อก็จัดเก็บข้าวของนอกจากนี้ เหลียงเส้าและเยียนหลิวถูกให้อยู่ห้องโถงดอกไม้ต่อ และผู้คนในบ้านอื่นก็แยกย้ายกันไปฮูหยินเฉิงเอินป๋อก็ไม่อยู่ต่อเช่นกัน และถูกเฉิงเอินป๋อสั่งให้ส่งฮูหยินผู้เฒ่ากลับห้องก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะกลับไป นางสั่งเฉิงเอินป๋อห้ามสร้างปัญหากับเหลียงเส้า "ลูกหลานที่เรียนหนังสือมาในจวนของเรามีผู้ใดบ้างที่โดดเด่นอย่างเขา เขาเป็นถ้านฮัวที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ และการถูกไล่ออกจากตำแหน่งก็เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น มีครอบครัวไหนที่ไม่ได้แต่งภรรยาหลายๆ คน ก็แต่พวกคนเจตนาไม่ดีกำลังก่กวนเรื่องเท่านั้น""แม่กลับไปพักผ่อนเถอะ" เฉิงเอินป๋อไม่ตอบตกลง แต่ให้ฮูหยินช่วยพาฮูหยินผู้เฒ่ากลับเฉิงเอินป๋อมองดูเยียนหลิวที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเหลียงเส้าและยังคงร้องไห้ไม่หยุด เขารู้สึกหงุดหงิดถึงที่สุด "ร้องไห้อะไรนักหนา หากวันนี้เจ้าไม่ยั่วยุท่านหญิง คืนนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรือ?"เหลียงเส้ายังคงปกป้องเยียนหลิว และพูดว่า "ท่านพ่อ ท่านจะโทษเยียนเอ๋อร์ได้อย่างไร ท่านคงไม่รู้ว่าคนที่เรือนของท่านหญิงมันโหดร้ายมากแค่ไหน
หลังจากที่เหลียงเส้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มเขียนบทความเพื่อประณามจวนเป่ยหมิงอ๋องทันทีหลังจากที่เขาเขียนเสร็จแล้ว เขาก็เชิญอดีตนักเรียนบางคนออกมา เขาชวนคนมากกว่าสิบคน แต่มีเพียงสามสี่คนเท่านั้นที่มาหลังจากอ่านบทความที่เขาเขียน นักเรียนเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึง และรีบจากไปพร้อมให้ข้ออ้างที่ว่าพวกเขามีเรื่องอื่นต้องทำเหลียงเส้างุนงง และรีบตามหนึ่งในนั้นไปพลางถามว่า "เมื่อเห็นทางจวนเป่ยหมิงอ๋องกลั่นแกล้งคนอื่นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ไม่ยอมช่วยข้าหรือ"นักเรียนแซ่หวู่และชื่อหวู่ซานหลาง เขาเข้าเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเมื่อปีที่แล้ว และเขาชื่นชมเหลียงเส้ามากก็จริง แต่นั่นเป็นเพียงก่อนที่เหลียงเส้าแต่งงานกับหญิงงามเมืองจากสถานบันเทิ ที่เขายอมมาในวันนี้ถือว่าให้แก่หน้าเขาเมื่อเห็นว่าบทความนี้เต็มไปด้วยคำพูดประณามเชื้อพระวงศ์ที่เพิ่งยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมา แต่เขาเอาแต่หาว่าเป่ยหมิงอ๋องดูหมิ่นสตรี และคนที่ถูกดูหมิ่นนั้นก็คือเยียนหลิวหวู่ซานหลางพูดไม่ออกเมื่อบทความนี้ถูกปรพกาศออกมา ผู้คนทั่วโลกมีแต่จะชี้นิ้วไปดุเขา เขาจะไม่เข้าไปยุ่งหรอกดังนั้น เมื่อเผชิญกับคำถามของเหลียง
ซ่งซีซีให้ว่านจือส่งคนไปจับตาดูเหลียงเส้ามาแล้วหลายวัน ถ้านฮัวคนนี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากฮูหยินผู้เฒ่า เลยยังกำเริบเสิบสานในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาไปที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนพร้อมกับบทความในมือ พยายามหาคนที่จะส่งบทความดังกล่าวให้ฮ่องเต้ แต่ไม่มีใครในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนสนใจเขาเขารู้สึกว่าผู้คนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็อิจฉาคนที่มีความสามารถพิเศษ และเขารู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปสถาบันฮันลินเพื่อขอคนมาช่วย แต่ทุกคนที่เห็นเขาก็จงใจหลีกเลี่ยงเขาถ้านฮัว ซึ่งถูกฮ่องเต้สั่งให้ไล่ออกจากตำแหน่งด้วยตนเอง เอาใจอนุภรรยาและทอดทิ้งภรรยาเอก อีกทั้งออกจากจวนป๋อและสร้างครอบครัวใหม่ ได้ยินมาว่าเขาไม่ต้องการเป็นซื่อจื่ออีกต่อไปนอกจากนี้มีข่าวที่เขาแต่งงานกับลูกสาวพ่อค้าและให้ลูกสาวพ่อค้าออกเงินเพื่อไถ่ถอนหญิงงามเมืองในสถานบันเทิงถูกแพร่สะพัดว่า แม้ว่าพวกขุนนางฝ่ายบุ๋นคิดว่านี่ไม่ได้ผิดร้สยแรง แต่ผิดศีลธรรม และรู้สึกไม่มีค่าพอที่เป็นนักวิชาการนอกจากนี้ เมื่อตัวตนของเยียนหลิวถูกแพร่กระจาย แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ก็ถูกหลีกเลี่ยงอยู่เสมอเหลียงเส้ายุ่งไปหลาย
ในห้องโถงดอกไม้ กลิ่นหอมของชามะลิอบอวลไปทั่วห้องเป่าจูนำขนมหวานมา ข้างนอกฝนตก และรองเท้าปักของนางก็เปียกโชก เมื่อเหยียบบนพื้นหินอ่อน ทำให้มีรอยเท้าที่ชัดเจนหลายรอยอยู่บนพื้นซ่งซีซีไม่ได้พูดก่อน แต่นั่งบนเก้าอี้และดื่มน้ำชาช้าๆ ระหว่างน้ากับหลานสองคนนี้ห่างกันเพียงโต๊ะน้ำชาทรงสี่เหลี่ยมสูงขนมหวานวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา เป่าจูถือถาดแล้วถอยกลับโดยยืนเฝ้าอยู่นอกประตูซ่งซีซีหยิบขนมหวานก้อนเมฆด้วยมือแล้วกินมันช้าๆ เสียงเคี้ยวเบามากจนแทบไม่ได้ยินพระชายาอ๋องฮวยใช้ตะเกียบขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของนาง นางกินมันอย่างงดงาม โดยกัดคำเล็กๆ และถือมันไว้บนจานกระเบื้องเล็กๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษขนมใดๆ ตกใส่กระโปรงลายดอกไม้สีม่วงของนางผิวของนางค่อนข้างเหลือง และสีม่วงทำให้ผิวของนางยิ่งดูเข้มขึ้น ดวงตาของนางเหม่อลอย ใต้ตาลึกคล้ำ เห็นๆ อยู่ว่านอนหลับไม่ดีมาหลายคืนแล้วบางทีอาจเป็นเพราะนางเห็นซ่งซีซีเงียบตลอด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่จะวางจานและตะเกียบลง แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าปาดมุมปากก่อนพูดว่า "ซีซี เจ้าต้องเหินห่างกับน้าเช่นนี้เลยหรือ?"เสียงซ่งซีซีเบาๆ "ข้านึกว่าเป็นท่านน้าที่จงใจทำตัวเหิน