เมื่อหลานเอ่อร์ได้ยินเสียงอันอ่อนโยนนี้ นางก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีกแม้ว่าศิษย์พี่ซือโซจะเล่าเรื่องที่ไปที่มาให้ฟังแล้ว แต่สาวใช้ข้างกายของหลานเอ่อร์ก็ยังคงร้องไห้พลางเล่าซ้ำอีกครั้ง"ตั้งแต่ท่านซื่อจื่อถูกไล่ออกจากตำแหน่ง นางก็ถูกขังบริเวณเช่นกัน แต่ท่านหญิงของเราก็ไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุขเช่นกัน ท่านซื่อจื่อโยนความผิดทั้งหมดมาลงที่ท่านหญิงของเรา ตอนที่ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าได้เจอมาสองครั้ง เอาแต่ชี้หน้าท่านหญิงของเราพลางด่าว่านางออกไปพูดไปเรื่อย เลยทำให้นางโดนอวี้ฉื่อไปร้องเรียน""ถึงแม้ว่าฮูหยินจะปกป้องท่านหญิง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าปกป้องท่านซื่อจื่อ โดยบอกว่าถึงแม้คุณหนูของเราจะเป็นท่านหญิง แต่นางก็แต่งงานเข้าจวนเฉิงเอินป๋อแล้ว ดังนั้นทุกอย่างต้องให้สามีมาก่อน ไม่ควรพูดไม่ดีกับสามีของตนเองแม้แต่คำเดียวให้คนนอกรู้ ไม่งั้นก็ถือว่าละเลยต่อหน้าที่ที่เป็นภรรยาเอก""เช่นเดียวกับวันนี้ เห็นๆ อยู่ว่าอนุเยียนหลิวมายั่วก่อน ท่านหญิงของเราแค่ไปพบหน้านาง ยังไม่ทันจะพูดอะไร นางก็ล้มลงกับพื้น แล้วท่านซื่อจื่อก็มาเอาเรื่องด้วยความโกรธ ยังลงไม้ลงมือผลักท่านหญิงไปชนกับมุมโต๊ะ"หงเอ๋อร์ปาดน้ำตาพลางชี้ไป
ขณะอยู่บนรถม้า เสิ่นว่านจือได้บอกคำพูดของลูกสะใภ้ของนางโดยบอกให้นางให้ทำท่าสุภาพก่อนแล้วค่อยวางอำนาจหลังจากไปถึงจวนเฉิงเอินป๋อ หลังจากที่ได้เห็นสถานการณ์ที่น่าสังเวชของหลานเอ่อร์ นางจะต้องแสดงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดออกมา เพื่อทำให้ทุกคนในนั้นหวาดกลัว รวามฮูหยินผู้เฒ่าของจวนเฉิงเอินป๋อด้วยเสิ่นว่านจือนำเยียนหลิวเข้ามา จากนั้นเตะนางล้มลงไปที่พื้น "นังตัวดีคนนี้แหละ กล้ามาเล่นลูกไม้ต่อหน้าท่านหญิง ทางจวนป๋อจะไม่มีผู้ใดยอมออกหน้าช่วยท่านหญิง ล้วนเข้าข้างนังตัวดีคนนี้ แล้วแต่พระสนมไทเฟยมาจัดการเองเจ้าค่ะ"ฮูหยินเฉิงเอินป๋อก็เกลียดผู้หญิงคนนี้มากเช่นกัน แต่นางรู้ว่านางเป็นสุดที่รักของบุตรชาย และบุตรชายก็เป็นสุดที่รักของฮูหยินผู้เฒ่าด้วย นี่ถึงเป็นเหตุผลที่ยอมเก็บนางไว้ในจวนตอนนี้เมื่อเห็นนางถูกเสิ่นว่านจือเตะลงกับพื้น มีสภาพไม่น่ามอง ต้องยอมรับว่าในใจก็ค่อนข้างสะใสสนมฮุ่ยไทเฟยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น นางแค่ถามเบาๆ ว่า "ไม่รู้ว่าจวนเฉิงเอินป๋อมีกฎอะไรบ้าง แต่หากอยู่ในวัง ถ้านางสนมคนใดกล้ารุกรานหวงโฮ่ว หรือใส่ร้ายหวงโฮ่ว หากไม่ฆ่าตัวตายด้วยด้ายสาวก็ใช้สุราพิษ จวนป๋อไม่มีพวกนี้หรือ หากไม่ด้
เมื่อเห็นสีหน้าของท่านแม่เปลี่ยนไปอย่างมาก เฉิงเอินป๋อจึงเกลี้ยกล่อมทันทีว่า "ท่านแม่ พูดดีๆ...""หุบปาก! เจ้าที่ไม่เอาไหน คนอื่นมารังแกถึงที่แล้ว ยังทำท่าอย่างว่าง่ายอีกหรือ?" ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนด้วยความโกรธ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเดือดดาล "ออกไปจากที่นี่"นางเดินไปนั่งลง หายใจเข้าลึกๆ และมองเข้าไปในดวงตาของสนมฮุ่ยไทเฟย "ที่ต่ำที่สูง ที่ต่ำที่สูงอะไรกัน ท่านหญิงอย่างนางแต่งเข้าจวนเฉิงเอินป๋อของข้า งั้นก็คือสะใภ้ของจวนป๋อของเรา สตรีอยู่บ้านก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งพ่อ พอออกเรือนไปก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งสามี นางจงใจก่อกวนเรื่อง ยุยงให้พระชายาเป่ยหมิงอ๋องไปร้องเรียนสามีของตนเอง แค่เพื่อเรื่องเล็กน้อยฝ่ายในนี่ มีครอบครัวไหนบ้างที่ไม่แต่งอนุภรรยา เรียนอะไรไม่เรียน กลับเรียนการกระทำที่ไม่ดีมา เรียนเป็นคนขี้อิจฉาริษยาและใจแคบได้อย่างดีมากทีเดียว"สนมฮุ่ยไทเฟยจ้องมองด้วยดวงตากลมๆ หอชืม? ด่าซ่งซีซีงั้นเหรอ? หาว่าลูกสะใภ้ของนางงั้นเหรอ? หาว่าลูกสะใภ้ที่ยังไม่ได้แต่งงานเข้าจวนก็ปกป้องนางตลอดงั้นเหรอ?ด้วยเสียง "ปัง" ถ้วยของสนมฮุ่ยไทเฟยก็กระแทกพื้น ถ้วยสีขาวกระเด็นไปทุกที่ และนางก็ตะโกนด้วยความโกรธ
ฮูหยินผู้เฒ่าเหลียงตาพร่ามัว และนางเกือบจะสติแตกแล้ ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย และต้องใช้เวลาสักพักกว่านางจะสงบอารมณ์ลง นางชี้ไปที่สนมฮุ่ยไทเฟย และตัวสั่นอยู่พักหนึ่ง "ข้า...ข้าจะฟ้องให้ไทเฮาทราบแน่นอน สนมฮุ่ยไทเฟยรังแกคนมากเกินไป""ไปฟ้องเลย แม่มด!" สนมฮุ่ยไทเฟยเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง "ไทเฮาเป็นท่านพี่ของข้า แต่นางเป็นคนมีเหตุผล ถ้านางรู้ว่าครอบครัวของเจ้ารังแกหลานเอ่อร์ ด้วยความโกรธ เกรงว่ายศถาบรรดาศักดิ์ที่ของจวนป๋อก็จะถูกยกเลิกได้น่ะ นับประสาฮูหยินที่มียศ ไปเป็นคนสามัญชนได้เลย"“ยศถาบรรดาศักดิ์ของข้าเจ้ามีสิทธิ์มาตัดสินอะไรกัน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร”ฮูหยินผู้เฒ่าเหลียงรู้สึกหงุดหงิดถึงที่สุด จนนางโยนไม้ค้ำยันออกแล้วยื่นมือออกไปผลัก สนมฮุ่ยไทเฟยก็ทำท่าล้มลงกับพื้นแล้วตะโกนว่า "เจ้ากล้าดียังไงมาลงมือกับข้า คนของจวนป๋อกล้าไม่เคารพผู้มียศมากกว่า กล้าลงมือกับข้า"ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนในจวนป๋อต่างก็ตกตะลึง สนมฮุ่ยไทเฟยที่เมื่อกี้ยังดุผู้คนไปเรื่อย ตอนนี้กลายเหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อยที่ถูกรังแก และถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว ซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ได้ขึ้น
เมื่อทุกคนได้ยินคำแรกที่เขาถามทันทีที่นั่งลง ใจของพวกเขาก็สั่นเทาเฉิงเอินป๋อรีบพูดอขึ้น "ท่านอ๋องโปรดยกโทษให้ด้วย ไม่มีใครรังแกไทเฟย... "เซี่ยหลูโม่พูดอย่างเย็นชา "เฉิงเอินป๋อหมายความว่าเสด็จแม่ของข้าพูดโกหกและใส่ร้ายพวกเจ้าหรือ?""เปล่า ไม่ได้หมายความอย่างนั้นขอรับ" แม้ว่าเฉิงเอินป๋อจะเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเป่ยหมิงอ๋องที่แม่ทัพเลือดเย็นนั้น รัศมีของเขาก็อ่อนลงมาก ภายใต้การจ้องมองของดวงตาที่เยือกเย็นของเขา เขาก็รู้สึกขนลุก เสียวสันหลังวาบ "มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดขอรับ""เป่ยหมิงอ๋องต้องการรังแกคนอื่นด้วยอำนาจของตนเองหรือ" ฮูหยินผู้เฒ่าเหลียงกลับมามีสติและถามทันทีในที่สุดเหลียงเส้าก็จำได้ว่าตนเองเป็นนักวิชาการ เขาดูถูกเชื้อพระวงศ์ที่ถือตัวมากที่สุด จึงพูดอย่างไม่แยแสว่า "ไทเฟยใช้อำนาจของนางเพื่อรังแกผู้อื่นและเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องฝ่ายในของจวนป๋อของข้า ตอนนี้แม้แต่ท่านอ๋องยังต้องปกป้องอีกด้วย แล้วอยากจะร่วมมือมารังแกจวนป๋อเล็กน้อยของข้าเหรอ?"เซี่ยหลูโม่ไม่แม้แต่จะมองเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเฉยเมย "พูดมากไป จางต้าจ้วง ตบปาก!"จา
แน่นอนว่าหัวของนางไม่ได้ชนเสาเข้า เพราะมีคนจำนวนมากอยู่ในห้อง และการเคลื่อนไหวของนางก็ช้ามาก มีเวลามากพอให้ลูกหลานของนางดึงนางกลับนางแค่อยากใช้วิธีนี้เพื่อขู่เซี่ยหลูโม่ให้หวาดกลัว และให้ทหารประจำจวนหยุดทุบสิ่งของต่างๆอย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเซี่ยหลูโม่ยังคงเฉยเมย และทหารประจำจวนก็ไม่ได้หยุดการกระทำ พังทุกสิ่งที่พวกเขามองเห็นได้ สตรีที่ขี้ขลาดบางคนกรีดร้องด้วยความตกใจและวิ่งไปที่สวนหลังบ้านฮูหยินผู้เฒ่าเหลียงโกรธมากจนตามืดดับไป นางไม่คาดคิดว่าเซี่ยหลูโม่จะหยิ่งผยองขนาดนี้ และไม่กลัวว่านางจะขนเสาจนตายทหารประจำจวนไม่ได้บุกเข้าไปในลานด้านใน ลานด้านในเป็นบริเวณที่บุรุษห้ามเข้า กุ้นเอ๋อร์รู้กฎนี้ ดังนั้นเขาจึงทุบแค่ลานหน้าบ้านและห้องโถงดอกไม้เท่านั้นเฉิงเอินป๋อมองดูฉากนี้ ใบหน้าของเขาซีดเซียว เขารู้ว่าทำไมเป่ยหมิงอ๋องถึงมีอารมณ์รุนแรงมากในคืนนี้ เพราะท่านหญิงถูกเส้าเอ๋อร์ผลักและทำให้ทารกในครรภ์ตกอยู่ในอันตรายในวันนี้หาใช่ว่าเขาไม่ต้องการลงโทษเขา เพียงแต่ฟันของเขาจนทุบตีจนหลุดไปสองซี่ ซึ่งเป็นฟันซี่ใหญ่อีกด้วย หญิงชรารู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างมากเมื่อเห็ฯเขามีเลือดในปาก เลยไม่ได้ทำลงโ
บางคนจากจวนเฉิงเอินป๋อรีบออกไปดู แต่กลับเห็นสภาพยุ่งเหยิงเลอะเทอะไปหมดไม่ต่างจากห้องโถงใบหน้าของเฉิงเอินป๋อดูสิ้นหวัง เขาก้าวไปข้างหน้าและประสานมือ "ท่านอ๋องหายโกรธแล้วใช่ไหม?"เซี่ยหลูโม่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกแต่ยังคงเงียบ ซ่งซีซีเอ่ยปากพูดว่า "เฉิงเอินป๋อ เจ้ามีความแค้นในใจบ้างไหม"เฉิงเอินป๋อกัดฟันกรามแล้วพูดว่า "ไม่กล้า""ไม่กล้าเหรอ?" สีหน้าของซ่งซีซีดูเฉยเมย "หวังว่าจะไม่กล้าจริงๆ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าสัญญากับเจ้าว่า จวนเฉิงเอินป๋อจะต้องพังทลายลง"เฉิงเอินป๋อเคยเห็นฉากที่นางออกเรือน และรู้ว่าเบื้องหลังของนางไม่ใช่แค่จวนเป่ยหมิงอ๋องเท่านั้น แต่ยังมีคนจากแวดวงการต่อสู้อีกมากมายที่สนับสนุนนาง แม้แต่จวนเฉิงเอินป๋อก็มีสองคนอย่าว่าแต่พังจวนเฉิงเอินป๋อ แม้กระทั่งฆ่าทุกคนในจวนเฉิงเอินป๋อ นางก็สามารถทำได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นวันนี้เขาถือว่าเสียหน้าบรรพบุรุษไปอย่างสิ้นเชิง หากสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ถูกกระจายออกไป เขาจะไม่มีหน้าไปพบผู้คนได้อีกเขาไม่รู้ว่าจะตอบคำพูดของซ่งซีซีอย่างไร แต่เหลียงเส้ากลับพูดอย่างเคร่งขรึม "ผู้คนที่อาศัยอำนาจไปกดขี่ข่มเหงคนอื่นนั้น จะต้องรับผลที่ตามมาแน
เสิ่นว่านจือเหลือบมองที่ซ่งซีซี ซ่งซีซีพยักหน้าไปทางนางเล็กน้อยเสิ่นว่านจือยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า "เจ้าหญิงแสดงความสามารถเท่านั้นงั้นหรือ เจ้าสามารถหลอกลวงคนไร้สมองเช่นเหลียงเส้าได้ คิดว่าหลอกลวงพวกเราได้งั้นหรือ"ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป เหลียงเส้าก็เดือดดาลมาก "เจ้ากล้าใส่ร้ายนางหรือ?"เสิ่นว่านจือหัวเราะเยาะ "ใส่ร้ายนางงั้นหรือ ข้าไม่กล้าหรอก เยียนหลิว เจ้าจะบอกทุกคนไหมว่าอันที่จริงเจ้าไม่ได้ชื่อเยียนหลิว เจ้าชื่ออะไรนี่น่ะ ได้ยินมาว่าพ่อของเจ้า ผู้ที่เป็นฝู้หม่าได้ตั้งชื่อไพเราะให้เจ้า ชื่อกู้ชิงหวู่ใช่ไหม แต่ว่าองค์หญิงใหญ่กลับไม่เรียกเจ้าเช่นนั้น นางเรียกเจ้าว่านางหวู่ใช่ไหม"ทันทีที่อีกฝ่ายพูดเช่นนี้ ใบหน้าของเยียนหลิวก็ซีดลงแต่เพียงชั่วพริบตาเอง นางก็หลั่งน้ำตาออกมาทันที "เจ้า...เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร?"สีหน้าของเฉิงเอินป๋อและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปทันทีทันใด พวกเขามองดูใบหน้าที่สวยงามและสง่างามของเยียนหลิว นางกลับเป็นบุตรสาวขององค์หญิงใหญ่งั้นหรือแน่นอนว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ขององค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ได้ให้กำเนิดบุตรสาวชื่อเจียอี้คนเดียว แต่ได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ได้แต่