แชร์

บทที่ 45

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ณ ห้องหนังสือ

จักรพรรดิ์ซูชิงมองไปยังซ่งซีซีที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นหินอ่อนสีขาว

ทรงสวมชุดสีขาวเรียบๆ และเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ไม่ได้มัดทรงผมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหญิงแต่งงานแล้วไว้เหมือนครั้งล่าสุดที่นางเข้าวัง แต่มัดเป็นหางม้าสูง และใช้ผ้าขาวมัดไว้แน่น

ใบหน้าของนางดูซีดเผือด ดวงตาของนางเป็นสีแดงอ่อน และมีรอยคล้ำด้วย ราวกับว่านางไม่ได้นอนมาทั้งคืน และขนตาที่โค้งงอเล็กน้อยของนางดูเหมือนจะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

นางมีหน้าตาที่งดงาม อยู่ในสภาพน่าสงสาร แต่กลับไม่มีความรู้สึกอ่อนแอ เผยให้เห็นความเเข้มแข็งและความอุตสาหะในดวงตาของนาง

"หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ!" เสียงของนางฟังดูแหบแห้ง เมื่อคืนหลังจากเป่าจูออกไป นางก็ร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มเป็นเวลานาน

"เคยร้องไห้มาหรือ?" จักรพรรดิ์ซูชิงขมวดคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูไม่พอใจเล็กน้อย "เป็นเพราะงานแต่งงานระหว่างจ้านเป่ยว่างกับยี่ฝางหรือเปล่า?"

ซ่งซีซีส่ายหัว และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จักรพรรดิ์ซูชิงก็พูดต่อว่า "เจ้าเป็นคนเข้าวังเพื่อขอพระราชโองการให้หย่าโดยสันติ ในเมื่อหย่ากันแล้ว ต่อไปต่างคนก็ต่างไปเลย เหตุใดเจ้าต้องไปเสียใจเรื่องอดีต หากเจ้าปล่อยวางไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (4)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ฮ่องแต้ที่ยิ่งใหญ่ และแม่ทัพที่เก่งกล้า
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ต้องรักษาแผ่นดินไว้ให้ได้
goodnovel comment avatar
ขนิษฐา พามา
สนุกมากน่าอ่าน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 46

    จักรพรรดิ์ซูชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเป็นจดหมายจากเสิ่นชิงเหอ ศิษย์พี่ของนาง เลยรีบสั่งให้อู๋ต้าปั้นส่งจดหมายให้เขาเขาอ่านข้อความในจดหมาย และมันเป็นลายมือของคุณชายชิงเหอจริงๆ เมื่อเขาเป็นรัชทายาท เขาโชคดีที่ได้รับหนังสือเขียนโดยคุณชายชิงเหอเอง ดังนั้นเขาจึงจำลายมือของคุณชายชิงเหอได้ข้อความที่เขาเขียนในจดหมายส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เขาเห็นระหว่างการเดินทาง แต่ย่อหน้าสุดท้ายกล่าวว่า "เมื่อปีนขึ้นไปบนภูเขาลั่วเซีย ก็เห็นทหารของเมืองซีจิงตั้งหลายแสนคนสวมชุดทหารของแคว้งซา และมีข้าวสารพกตัวด้วย องค์ชายสามแห่งแคว้งซาเป็นคนไปต้อนรับพวกเข้าเข้าชายแดนเอง พี่งงมาก ไม่รู้ว่าเมืองซีจิงกับแคว้งซาได้เป็นพันธมิตรกันหรือเปล่า แต่หากเป็นพันธมิตรกัน ทำไมพวกเขาถึงต้องรับทหารตั้งสามแสนเข้าเมือง พี่เลยติดตามพวกเขาอย่างเงียบๆ และพบว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่สนามรบเขตหนานเจียง เกรงว่าพวกเขาอาจจะลงมือกับเขตหนานเจียง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เจ้าคอยพิจารณาดูว่าต้องรายงานกับฝ่าบาทหรือไม่..."ซ่งซีซียังคงก้มหัวตลอด นางรู้สึกใจคอไม่ดีมาก เพราะกลัวว่าฮ่องเต้จะมองออกอะไรหลังจากที่จักรพรร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 47

    มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะลงไม้ลงมือกับกองทัพจักรวรรดิ ไม่เช่นนั้น ฮ่องเต้จะคิดว่า นางกำลังจงใจสร้างเรื่องเพราะเรื่องการแต่งงานของจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางนางมองดูแผ่นหลังของฮ่องเต้ขณะที่เขาเดินจากไป และรีบตะโกนว่า "ฝ่าบาท ท่านพ่อของหม่อมฉันเป็นแม่ทัพระดับแนวหน้าในแคว้งซาง พี่ชายก็เป็นแม่ทัพน้อยที่ทำให้ศัตรูในสนามรบหวาดกลัว แม้ว่าหม่อมฉันไม่ดีเท่าพวกเขา แต่หม่อมฉันจะไม่หัวดื้อกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไม่ยอมเลิก ในเมื่อตัดขาดกับจ้านเป่ยว่างแล้ว หม่อมฉันจะไม่เอาเรื่องความรักมาข้องเกี่ยวกับนเมืองแน่นอน โปรดฝ่าบาทเชื่อใจหม่อมฉันสักครั้งเพคะ"จักรพรรดิ์ซูชิงยืนนิ่งโดยไม่หันกลับมามอง และพูดอย่างเย็นชาว่า "ในเมื่อเจ้ารู้ว่าท่านซ่งและพวกแม่ทัพน้อยเป็นวีรบุรุษที่ไม่ย่อท้อ เจ้าก็อย่าทำอะไรที่น่าละอายที่ทำลายชื่อเสียงของพวกเขา ข้าให้เกียรติได้ แต่ก็สามารถยึดกลับมาได้ กลับไปซะ ข้าจะทำเป็นว่าเจ้าไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้ เจ้าต้องสำนึกตัวเองบ้าง"หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปซ่งซีซีวางมือลงอย่างจนใจ เรื่องน่าละอายเหรอ?ในสายตาของผู้อื่น แม้แต่ในสายตาของฮ่องเต้ นางเป็นคนที่ไม่แยกแยะระหว่างสิ่งถูกและผิด และเป็น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 48

    เฉินฟูขี่ม้าออกไปพร้อมกับกล่องสองสามใบ ตามที่คาดไว้ องครักษ์ไม่ได้ถามเขาว่าเขากำลังจะไปไหน ถึงยังไงตราบใดที่คุณหนูซ่งไม่ออกไปก็คงไม่เป็นไร ฮ่องเต้แค่สั่งให้กักขังนางไว้ และไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่นในจวน จวนเสนาบดีกั๋วกงใหญ่ขนาดนั้น แต่ละวันต้องมีคนเข้าออกเพื่อซื้อของอยู่แล้วเฉินฟูมาถึงจวนอ๋องฮว ยและบอกว่าคุณหนูจากจวนเสนาบดีกั๋วกงมาขอมอบของขวัญแต่งงานให้ท่านหญิงด้วยคนเฝ้าประตูเข้าไปรายงาน หลังจากนั้นไม่นาน พ่อบ้านเจิงของพระชายาอ๋องฮวยก็เดินออกมา คารวะกันแล้ว เขาพูดว่า "คารวะพ่อบ้านเฉินขอรับ พระชายาบอกว่าคุณหนูจากจวนเสนาบดีกั๋วกงกลับจวนหลังหย่า กำลังต้องการเงินอยู่ ไม่จำเป็นต้องมาเสียเงินกับท่านหญิงเลย ของขวัญไม่จำเป็นหรอก แต่ขอรับน้ำใจไว้ พ่อบ้านเฉินกลับไปเถอะ หากไม่มีอะไรก็ไม่ต้องมาหาหรอก"เฉินฟูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อมองดูสีหน้าที่ไม่แยแสของพ่อบ้านเจิง เขาก็เข้าใจทันทีพระชายาอ๋องฮวยรังเกียจคุณหนูที่เป็นแม่ม่าย การรับของขวัญแต่งงานจากนางคิดว่าเป็นโชคร้าย ดังนั้นจวนอ๋องฮวยจึงไม่ต้องการเฉินฟูมีความโกรธในใจ แต่การอบรมสั่งสมที่ดีจากตระกูลชั้นสูงสอนให้เขาต้องรักษาสุภาพเอาไว้ "ในเมื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 49

    ประตูของจวนเสนาบดีกั๋วกงปิดลง ปิดกั้นนางหมินอยู่ข้างนอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับจวนแม่ทัพ แม่นมเหลียงไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใดเลยแต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเฉินฟู นางก็ถามว่า "พ่อบ้านเฉิน เกิดอะไรขึ้นหรือ?"เฉินฟูยื่นแส้ม้าให้คนดูแลม้า แล้วขยับขาซ้ายของเขา วันนี้เขาขี่ม้าไปหลายแห่ง ดังนั้นขาที่เคยบาดเจ็บนั้นจึงรู้สึกบวมและเจ็บปวดเล็กน้อย"พระชายาอ๋องฮวยไม่ได้รับของขวัญท่คุณหนูมอบให้ท่านหญิง" เฉินฟูพูดอย่างเบาเสียงมาก กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้าแม่นมเหลียงสะดุ้ง "พระชายากับฮูหยิงของเราเป็นพี่น้องกัน และปกติพวกนางก็ดูใกล้ชิด...จ้า เข้าใจแล้ว"แม้ว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งตำแหน่งเสนาบดีกั๋วกงให้เขา แต่คุณหนูกลับจวนเพราะหย่ากัน คนอื่นคนนอกลือกันอย่างไม่น่าฟังเช่นนั้น บวกกับฮูหยิงก็ไม่อยู่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างน้ากับหลานเลยหมดไปในสายตาของตระกูลชนชั้นสูง พวกเขามักจะคิดว่าคุณหนูได้รับการหนุนหลังจากท่านพ่อและพี่ชาย ถึงได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ ดังนั้นไม่มีใครไม่ดูถูกคุณหนูเลยเฉินฟูกล่าวว่า "ของขวัญนั้นข้าเก็บไว้ในห้องข้างๆ ของเรือนนั้น คืนนี้คุณหนูไปรับม้า คงไม่พบมัน อย่าให้นางรู้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 50

    การฝึกฝนนี้ใช้เวลาครึ่งชั่วยาม นางเหยียดขาของนางขึ้นไปในกลางอากาศ และร่างกายที่แข็งแกร่งและตัวเบาของนางก็หมุนตัวอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง จากนั้นหันกลับมาและใช้กำลังภายในเพื่อกระตุ้นหอกให้โจมตี ทันใดนั้นได้แต่เห็นก้อนหินก้อนหนึ่งแตกออกกลายเป็นฝุ่นไปเลยเฉินฟูประหลาดใจพลางเดินไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบดู เห็นแต่ว่าใบไม้ที่เต็มพื้นนั้นถูกเจาะเป็นรู โดยไม่มีข้อยกเว้นเฉินฟู่รู้สึกปลื้มใจอย่างยิ่ง "ทักษะการใช้หอกของคุณหนูมันดีกว่าแม่ทัพน้อยเสียอีก ขนาดเทียบกับท่านเสนาบดีกั๋วกงได้เลย"ซ่งซีซีถือหอกในมือ ดูคู่กับนางมาก บนหน้าผากของนางมีเม็ดเหงื่อออก และใบหน้าดูแดงราวกับดอกพลัมสีแดงบาน ในที่สุด หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน นางก็กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับตอนที่นางลงจากเขา "งั้นคราวนี้ข้าจะออกไปพร้อมกับหอกดอกท้อนี้"จะมีการเสริมกำลังแน่นอน แต่อาจจะไปสายหน่อย นางจึงต้องรวมตัวคนจากสถาบันว่านซงเหมินและสหายเก่าบางคนไปที่สนามรบก่อน เพื่อร่วมมือกับเป่ยหมิงอ๋องช่วยเฝ้าดินแดนจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึงตอนนี้ เป่ยหมิงอ๋องกำลังทำสงครามกับแคว้งซาที่เขตหนานเจียง เขาจะรู้ถึงสถานการณ์ของแคว้งซา แน่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 51

    หิมะรอบแรกนี้ ตกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็หยุดแล้วซ่งซีซียังคงสวมเสื้อผ้าสีขาวล้วน มีดอกไม้สีขาวบนผมของนาง เวลาอยู่ในจวนเสื้อผ้าที่นางสวนใส่นั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นสีขาวหมด ไว้ทุกข์ให้ท่านพ่อและท่านแม่เป็นเวลาสามปี ดังนั้นนาง จึงไม่สวมเสื้อผ้าสีสันสดใสนางยังคงทำตัวเหมือนตอนที่นางอยู่ในจวนแม่ทัพ ไม่รีบไม่ร้อน ตอนเข้าห้องก็คารวะให้ "ข้าคารวะฮูหยินผู้เฒ่ารองเจ้าคะ"จากนั้นนางก็คำนับนางหมิน และพยักหน้าเล็กน้อยฮูหยินผู้เฒ่ารองยืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือนาง หลังจากมองพิจราณาดูแล้ว นางยังคงผิวขาว มีสีหน้าสดใส ดูดีกว่าตอนที่อยู่จวนแม่ทัพตั้งเยอะเลยเห็นเช่นนี้นางถึงรู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่นางอยู่ใน จวนแม่ทัพ ดวงตาของนางก็อดไม่ได้ที่จะแดงขึ้น "ซีซี สบายดีหรือไม่?""ฮูหยินผู้เฒ่ารองไม่ต้องกังวล ซีซีสบายดีเจ้าคะ" ซ่งซีซีช่วยพยุงนางนั่งลง ยิ้มเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมอง "ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารองก็สบายดีเช่นกันหรือไม่?""ดี สบายดีแหละ" ฮูหยินผู้เฒ่ารองนั่งลง และโล่งใจเมื่อเห็นว่า นางไม่ได้เสียใจเรื่องที่จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับยี่ฝาง"ซีซี" นางหมินคารวะกลับ "คืออย่างนี้...""ฮูหย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 52

    เมื่อเห็นท่าทางทั้งกังวลใจและไม่สบายใจของนางหมิน ซ่งซีซี ก็อดยิ้มไม่ได้ "ไม่เป็นไร เจ้าพูดมาเถอะ"คืนนี้ นางจะออกจากเมืองหลวงแล้ว ถ้าเรื่องนี้วันนี้ไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย นางจะมาใหม่พรุ่งนี้และวันมะรืนนี้ด้วย เพื่อไม่ให้นางมาขอพบแต่งเข้าจวนไม่ได้ จนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นางรู้ว่านางหมินไม่ได้รับความโปรดจากฮูหยินผู้เฒ่าจ้าน นอกจากไม่มีลูกชายแล้ว ทั้งยังครอบครัวของฝ่ายพ่อแม่ของนางไม่มีอำนาจ สินเดิมก็ไม่มีเท่าไร ยิ่งไม่มีความกล้าหาญและความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของสตรีผู้สูงศักดิ์ที่จากตระกูลชั้นสูงนางหมินไม่เคยรังแกนางมาก่อน ยิ่งไม่ได้วางมาดที่ในฐานะพี่สะใภ้ให้กับนาง ดังนั้นนางจึงยอมฟังคำบ่นของนางน้ำตาของนางหมินเหมือนลูกปัดที่แตกหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง นางเล่าถึงความวุ่นวายในงานเลี้ยงแต่งงาน แขกออกไปหมดและทหารที่ได้รับเชิญก็จากไปอย่างไม่สบอารมณ์ในที่สุด ทุกคนต่างตำหนินาง รวมทั้งจ้านเป่ยชิง สามีของนางด้วยในคืนวันแต่งงาน ยี่ฝางคว่ำโต๊ะ เดิมทีจ้านเป่ยว่างจากไปแล้ว แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้เรื่องแล้วก็ไล่ให้เขากลับเข้าไป"นี่ยังไม่ว่าอะไรนะ" นางหมินพูดด้วยความโกรธและเสีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 53

    ซ่งซีซีมองสายตาที่สิ้นหวังของนาง โดยคิดว่านางหมินคงหวาดกลัวกับแผนการที่จวนแม่ทัพจะหย่ากับนางนางหมินร้องไห้เสียงดัง และรีบปิดปากด้วยผ้าเช็ดหน้า หลังจากสงบอารมณ์พักใหญ่ถึงพูดต่อ "ซีซี เป็นเรื่องจริงนะ ข้าไม่โกหกเจ้า ท่านแม่บอกว่า จวนแม่ทัพในตอนนี้แตกต่างจากอดีต มันสามารถเข้าสู่ตระกูลชั้นสูงแล้ว ตอนที่ข้าดูแลบ้าน นางมักจะทำตัวไม่พอใจกับข้า โดยบอกว่าในตัวข้าไม่มีออร่าที่เป็นลูกสะใภ้คนโต ยังพูดตรงๆ ว่านางเสียใจที่ปล่อยให้ท่านสามีแต่งงานกับข้าตั้งแต่แรก""ข้าแตกต่างจากเจ้า หากข้าหย่าแล้ว ข้าจะกลับไปบ้านพ่อแม่ไม่ได้ ข้าจะถูกครอบครัวพ่อแม่ด่าไม่เป็นท่า ข้าทำให้พวกเขาต้องเสียชื่อ มันจะส่งผลต่อการแต่งงานของน้องสาวและหลานสาวของข้า ข้าทำได้เพียงตายในจวนแม่ทัพก่อนที่จะหย่าร้างเท่านั้น ไม่แม้แต่เป็นแม่ชีด้วยซ้ำ"ครอบครัวพ่อแม่ของนางหมิน ซ่งซีซีรู้เรื่องบ้างท่านพ่อของนางเป็นบรรณาธิการชั้นเจ็ดในสภาองคมนตรี แม้ว่าตำแหน่งงานไม่สูงนักและก็ไม่มีอำนาจอะไร แต่เป็นเกียรติสูงสุดสำหรับนักวิชาการ หากลูกสาวของตัวเองถูกหย่า บรรณาธิการหมินย่อมไม่ยอมแน่ๆฮูหยินผู้เฒ่าจ้านรู้สึกว่าจวนแม่ทัพในปัจจุบันนี้แตกต่า

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1409

    เส้าปู้เข้ามาในเมืองพร้อมกับคนเพียงสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนกำยำล่ำสัน มีมีดโค้งคาดอยู่ที่เอว ดูท่าทางน่าเกรงขามราวกับเทพเจ้าสงคราม แต่เมื่อได้นั่งดื่มสุรากินเนื้อ ใบหน้าสีเข้มของพวกเขากลับเปื้อนรอยยิ้มสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ หลางจู่เส้าปู่อายุห้าสิบกว่าปี ผิวสีเข้มเป็นประกายเหมือนพวกเขา ดวงตาเต็มไปด้วยพลังและความคมกล้า เขาเป็นคนฉลาดเป็นพิเศษและมีจิตใจรอบคอบ หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาระแวงอยู่เสมอและไม่กล้ามอบความไว้วางใจให้เป่ยหมิงอ๋องอย่างเต็มที่ เขามีเพียงข้อเรียกร้องเดียว คือการร่วมมือกันครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หลังจากขับไล่คนของแคว้นซาได้สำเร็จ พวกเขาต้องถอนกำลังออกจากทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว และห้ามเข้าสู่เขตหลักของทุ่งหญ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เซี่ยหลูโม่ตอบรับข้อเรียกร้องและลงนามในข้อตกลงทันที หลังจากลงนามในข้อตกลง พวกเขาก็ไม่รั้งรอและจากไปทันที ชนเผ่าทุ่งหญ้าไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อแคว้นซางนัก เพราะสงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีล้วนส่งผลกระทบถึงพวกเขาไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าทุ่งหญ้ามีหลายเผ่าและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงไม่สามารถต่อต้านทั้งแคว้นซางหรือแคว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1408

    หลังจากกลับมาที่จวนอ๋องจากงานเลี้ยงที่ครึกครื้น ซ่งซีซีรู้สึกว่าลานเหมยฮวานั้นเงียบเหงาเป็นพิเศษ นางคิดถึงศิษย์น้อง แต่เขาอยู่ไกลถึงหนานเจียง แม้จะไม่ได้คำนวณวันเวลาที่แยกจากกัน แต่นางรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อนางคิดจะออกไปยังตึกว่างจิงเพื่อหาอาจารย์เหมือนเดิม นางก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ได้กลับไปที่ภูเขาเหม่ยชานแล้ว หัวใจของนางรู้สึกเหงาหงอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางคิดถึงหยานหรูอวี้ในค่ำคืนนี้ ถึงได้เข้าใจว่าหญิงสาวในยามแต่งงานนั้นเต็มไปด้วยความสุข ความคาดหวัง และความเขินอายจนความสุขล้นเอ่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับตัวนาง การแต่งงานทั้งสองครั้งกลับเงียบสงบเกินไป หลังจากที่เป่าจูช่วยนางล้างเครื่องสำอางและเตรียมน้ำสำหรับอาบ ซ่งซีซีก็ส่ายหน้าและดึงนางให้นั่งลงข้างกัน "เป่าจู ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับเจ้าว่า เรื่องแต่งงานของเจ้าควรจะเริ่มพูดคุยกันแล้ว เจ้าพอจะมีคนที่ชอบหรือยัง?" เป่าจูมองนางแวบหนึ่งและกล่าว "คุณหนูไปกินเลี้ยงแต่งงานแล้วติดใจหรือเจ้าคะ ถึงได้รีบเร่งให้มีอีกงาน?" ซ่งซีซีหัวเราะ "ข้าเป็นคนตะกละขนาดนั้นหรือ? ข้าทำเพื่อเจ้านะ ถ้ายังอยู่แบบนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1407

    งานแต่งงานของเจ้าสิบเอ็ดฝางกับหยานหรูอวี้ที่ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้เลือกวันมงคลจัดขึ้น งานแต่งไม่ได้จัดอย่างเอิกเกริก แต่เมื่อเป็นหลานสาวของไท่ฟู่ สิ่งที่สมควรมีเพื่อความสง่างามก็จัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วน ไทเฮาทรงเป็นผู้นำในการมอบของขวัญ ตามด้วยบรรดามเหสีที่ต่างมอบรางวัลและเพิ่มสินเดิมให้หยานหรูอวี้ นักเรียนจากโรงเรียนสตรีหย่าจวินต่างพากันทำของขวัญแสดงความยินดีด้วยมือของพวกนางเองให้กับหยานหรูอวี้ นักเรียนหญิงในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของครอบครัวชาวบ้านธรรมดา แม้ของขวัญจะไม่ล้ำค่า แต่สิ่งที่พวกนางปักเย็บหรือทำด้วยมือเอง ล้วนแสดงถึงน้ำใจอันบริสุทธิ์ที่สุด ชุดเจ้าสาวของหยานหรูอวี้ถูกสั่งทำล่วงหน้าโดยโม่เหนียงจื่อจากโรงงานฝีมือ ชุดนี้เคยถูกนำไปจัดแสดงในร้านผ้าปักของโรงงานมาก่อน ทำให้หญิงสาวที่กำลังรอแต่งงานหลายคนหลงใหลและใฝ่ฝันอยากสวมชุดสวยเช่นนี้ในวันแต่งงานของพวกนาง โม่เหนียงจื่อที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อหลานสาวของไท่ฟู่ยังสวมชุดเจ้าสาวที่นางทำ จะมีใครอีกที่คิดว่าอดีตของนางเป็นเรื่องโชคร้าย? ในเวลาไม่นาน ร้านผ้าปักของโรงงานก็คึกคักจนประตูแทบทรุดจากการเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1406

    จักรพรรดิ์ซูชิงได้เรียกตัวหัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าเฝ้าในวังหลวง หัวหน้าตระกูลเสิ่นเตรียมตัวมาอย่างดี แม้ในครั้งนี้เขาจะนำคนในคุ้มภัยและทหารองครักษ์เข้าปราบปรามกบฏ แต่เพราะตระกูลเสิ่นสาขาย่อยมีความเกี่ยวข้องกับหนิงจวิ้นอ๋อง แม้ว่าฮ่องเต้จะกล่าวว่าให้ชดเชยความผิดด้วยความชอบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลบล้างไปได้ง่ายๆ จักรพรรดิ์ซูชิงปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยน และยังชมเขาด้วยว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์และรักชาติ เป็นดั่งลักษณะของบิดาในอดีต หัวหน้าตระกูลคนก่อนมีความเอื้อเฟื้อต่อราชสำนักมาก และในช่วงสงครามก็ได้บริจาคเงินจำนวนไม่น้อย หัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าใจสถานการณ์ จึงกล่าวทันทีว่า หนานเจียงและชายแดนเฉิงหลิงยังคงมีสงครามอยู่ ตระกูลเสิ่นยินดีที่จะบริจาคเงินจำนวนสองแสนตำลึงเพื่อช่วยจัดหาเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวและปรับปรุงอาหารสำหรับทหาร จักรพรรดิ์ซูชิงแสดงความพอใจอย่างมาก พลางยิ้มและกล่าวว่า "ดี ด้วยเงินบริจาคสามแสนตำลึงจากหัวหน้าตระกูลเสิ่น ข้าเชื่อว่าทหารชายแดนของเราจะสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ และเร่งรัดให้สงครามยุติลงโดยเร็ว" หัวหน้าตระกูลเสิ่นรีบตอบรับอย่างราบรื่น "ฮ่องเต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1405

    เหรินหยางอวิ๋นอยู่ที่เมืองหลวงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ก่อนเขาหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าอาวุธเทพเจ้า ไม่มีเวลาว่าง บัดนี้เมื่อมีเวลาว่าง เขาจึงอ้างว่าธุรกิจในเมืองหลวงยังไม่เรียบร้อย อยากอยู่ต่ออีกสักระยะ ที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือซ่งซีซี เมื่อครั้งที่เขาวิจัยอาวุธเทพเจ้า เขายังส่งคนไปยังเป่ยถังเพื่อขอคำชี้แนะและเก็บสูตรลับ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะหนานเจียง เพราะซ่งหวยอัน และสุดท้ายก็เพราะเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซี ในฐานะอาจารย์ เขารู้ว่าลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีเส้นทางของตัวเองที่ต้องเดิน เขาไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้ ทำได้เพียงช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถและเป็นเบื้องหลังที่คอยสนับสนุน เหรินหยางอวิ๋นมักพูดเสมอว่าเขาไม่เก่งในการเป็นอาจารย์ แต่ศิษย์ทุกคนของเขาล้วนยอดเยี่ยม ทั้งความสามารถและคุณธรรม ไม่มีใครที่เขาต้องเป็นห่วง ยกเว้นลูกศิษย์คนเล็กอย่างซ่งซีซี นางชอบเล่นซนและสนุกสนาน แต่กลับสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์จนถึงขั้นล้ำเลิศ เป็นเครื่องยืนยันถึงพรสวรรค์อันสูงส่งของนาง ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสและไร้กังวลบนใบหน้าของนาง เหรินหยางอวิ๋นก็รู้สึกมีความสุขในใจ แต่หลังจากนั้น นางถูก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1404

    ระหว่างถูกพาเดินประจานรอบเมือง หนิงจวิ้นอ๋องถึงกับเสียสติอย่างสิ้นเชิง เขาสบถด่าชาวบ้านว่าโง่เขลา ถูกทางราชสำนักหลอกลวง เข้าใจผิดว่าฮ่องเต้ผู้โง่เขลาเป็นฮ่องเต้ผู้ทรงคุณธรรม และย้ำว่าตัวเขา เซี่ยทิงเหยียน จะเป็นจักรพรรดิ์ที่แท้จริง เสียงแหบแห้งของเขาถูกกลบด้วยเสียงสาปแช่งของชาวบ้าน ทุกคนตะโกนให้เขาตาย และกล่าวว่าการประหารครึ่งตัวนั้นยังน้อยไป เขาควรถูกประหารด้วยวิธีเชือดเนื้อเป็นพันครั้งและทรมานจนตาย ถึงจะสมกับความเลวของเขา อ๋องเยี่ยนเงียบตลอดทาง แต่ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความเกลียดชังต่อเซี่ยทิงเหยียน เขาเชื่อว่าหากเซี่ยทิงเหยียนไม่หักหลังและยุยงคนของเขา เขาก็คงประสบความสำเร็จไปแล้ว เซี่ยทิงเหยียนเปรียบเสมือนงูพิษ แฝงตัวอยู่ในความมืด และเมื่อเขาไม่ทันระวัง เซี่ยทิงเหยียนก็โผล่ออกมากัดเขา และกัดนั้นถึงตาย เพราะเซี่ยทิงเหยียน เขาไม่เพียงแต่เป็นกบฏ ยังเป็นกบฏที่โง่เขลา สิ่งที่เขาบากบั่นสร้างมาด้วยความยากลำบากกลับถูกส่งมอบให้คนอื่น และคนของเขาที่ถูกยุยงยังจับเขามัดส่งให้กองทัพหลวง ในอนาคต เมื่อถูกบันทึกในพงศาวดาร ชื่อเสียงของเขาจะไม่เพียงแต่ถูกสาปแช่ง แต่ยังกลายเป็นที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1403

    ผู้คนมาพร้อมกันแล้ว การสะสางครั้งใหญ่จึงเริ่มต้นขึ้นในที่สุด หลังจากการสืบสวนร่วมกันระหว่างหอต้าหลี่และกรมอาญาแห่งเมืองหลวง การกบฏนำโดยอ๋องเยี่ยนและหนิงจวิ้นอ๋องถูกยืนยันว่าเป็นความจริง ความผิดได้รับการยืนยันแน่นอนแล้ว การรอคอยที่ผ่านมาเพื่อจัดเรียงข้อกล่าวหาทั้งหมดของพวกเขา เพื่อประกาศให้โลกรู้ ทั้งครอบครัวของอ๋องเยี่ยน ถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง ยกเว้นเซี่ยหรูหลิงที่ให้เบาะแสสำคัญ ชื่อของเซี่ยหรูหลิงถูกลบออกจากทะเบียนราชวงศ์ แม้ว่าเขาจะยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าคุกในหอต้าหลี่ แต่ในสิบปีนี้คงไม่มีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง เฉินยีให้เขาหยุดพักงานชั่วคราว และให้กลับมาหลังจากเรื่องนี้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เฉินยีมีความหวังดี จึงกำชับเขาว่าหากยังต้องการทำงานนี้ต่อ ก็อย่าเข้าใกล้คุกหลวง และให้อยู่บ้านพักฟื้นและทบทวนตัวเอง เฉินยีคิดว่าเขาค่อนข้างซื่อ แต่ข้อดีคือเชื่อฟังและเริ่มมีความคิดเป็นของตนเองมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ดังนั้นเฉินยีจึงยังยินดีดูแลเขา เฉินยีเคยพูดถึงเซี่ยหรูหลิงกับซ่งซีซี ซึ่งซ่งซีซีกล่าวว่าเขาเติบโตมาด้วยนิสัยขี้ขลาด ไม่กล้าต่อต้านเมื่อเผชิญป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1402

    แววตาของชิวเหมิงเป็นประกาย "ดี งั้นข้าจะลองฟังคำพูดที่ดูดีแต่ไร้ความจริงใจดูบ้าง" จักรพรรดิ์ซูชิงมีนิสัยหวาดระแวงเป็นทุนเดิม และหวั่นเกรงต่อสำนักเป่ยหมิงอ๋องมาโดยตลอด วันนี้เมื่อถามนางว่าจะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสตรีหรือไม่ แม้ว่านางจะตอบว่าไม่ จักรพรรดิ์ซูชิงก็ยังต้องเก็บคำถามนี้ไว้ในใจ ซ่งซีซีจะไม่รู้หรือว่าเขามีเจตนาอะไร? ตั้งแต่เขาถามคำถามนั้นออกมา นางก็รู้แล้วว่ามันคือกับดัก เพียงแต่ซ่งซีซียังไม่ทันได้พูดอะไร ชิวเหมิงก็หัวเราะเยาะพลางเสริมว่า "เจ้าก็ลองยกยอจักรพรรดิ์ซูชิงสักหน่อยสิ ว่าภายใต้นโยบายของพระองค์นั้น สตรีได้รับความโปรดปรานเพียงใด หากจิตสำนึกของเจ้ายอมรับได้ ก็เชิญยกยอไปเถอะ" ซ่งซีซีถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ นางจ้องมองดวงตาเสียดสีและท้าทายของเขา "เจ้าอย่าตั้งสมมติฐานเลย มันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เจ้ามองว่าผู้คนโง่เขลาและปิดกั้นความคิด จนไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าชอบ จึงใช้วิธีการสุดโต่งนี้เพื่อให้พวกเขายอมรับเจ้า แต่นั่นคือปัญหาส่วนตัวของเจ้า เจ้าถึงขั้นไม่อาจเป็นตัวแทนของคนที่เหมือนเจ้าได้ เจ้าไม่ได้ทำเพื่อพวกเขาเลย เจ้ากลับดึงความเกลียดชังและความรังเกียจมาให้พวกเขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1401

    อาจารย์ฉีและชิวเหมิงพบกันที่ห้องสอบสวนในหอต้าหลี่ ทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน โดยมีโต๊ะเก่าๆ ตัวหนึ่งคั่นกลางระหว่างพวกเขา ซ่งซีซีเองนั่งอยู่หลังโต๊ะของเจ้าหน้าที่บันทึก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก แม้ทั้งสองจะพูดคุยกันเสียงเบาเพียงใด นางก็ยังสามารถได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน เสียงลมหายใจ เสียงหัวใจเต้น และบางครั้งก็มีเสียงถอนหายใจแผ่วเบา แต่ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้น แม้แต่การสบตากันของทั้งสองก็มีเพียงไม่กี่ครั้ง ราวกับคนแปลกหน้าที่ถูกบังคับให้นั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งห่างเหินและเย็นชา ซ่งซีซีคิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะนางอยู่ที่นี่ แต่เพราะนางออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงอยู่ร่วมกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ผ่านไปนาน อาจารย์ฉีจึงเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งว่า "ทำไม?" เขารู้สึกสงสัยอย่างแท้จริง ราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนในความทรงจำของเขา ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่สามารถเชื่อมโยงทั้งสองเข้าด้วยกันได้ ชิวเหมิงประสานมือทั้งสองแล้วส่ายหน้า "จะค้นหาทำไม? ผู้ชนะคือผู้เป็นใหญ่ ผู้แพ้คือผู้ต่ำต้อย" "ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีที่มาใช่หรือไม่?" อาจารย์ฉีถามด้วยเสียงแหบพร่า ชิวเหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง "อย่างไรเสีย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status