แชร์

บทที่ 47

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะลงไม้ลงมือกับกองทัพจักรวรรดิ ไม่เช่นนั้น ฮ่องเต้จะคิดว่า นางกำลังจงใจสร้างเรื่องเพราะเรื่องการแต่งงานของจ้านเป่ยว่างและยี่ฝาง

นางมองดูแผ่นหลังของฮ่องเต้ขณะที่เขาเดินจากไป และรีบตะโกนว่า "ฝ่าบาท ท่านพ่อของหม่อมฉันเป็นแม่ทัพระดับแนวหน้าในแคว้งซาง พี่ชายก็เป็นแม่ทัพน้อยที่ทำให้ศัตรูในสนามรบหวาดกลัว แม้ว่าหม่อมฉันไม่ดีเท่าพวกเขา แต่หม่อมฉันจะไม่หัวดื้อกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไม่ยอมเลิก ในเมื่อตัดขาดกับจ้านเป่ยว่างแล้ว หม่อมฉันจะไม่เอาเรื่องความรักมาข้องเกี่ยวกับนเมืองแน่นอน โปรดฝ่าบาทเชื่อใจหม่อมฉันสักครั้งเพคะ"

จักรพรรดิ์ซูชิงยืนนิ่งโดยไม่หันกลับมามอง และพูดอย่างเย็นชาว่า "ในเมื่อเจ้ารู้ว่าท่านซ่งและพวกแม่ทัพน้อยเป็นวีรบุรุษที่ไม่ย่อท้อ เจ้าก็อย่าทำอะไรที่น่าละอายที่ทำลายชื่อเสียงของพวกเขา ข้าให้เกียรติได้ แต่ก็สามารถยึดกลับมาได้ กลับไปซะ ข้าจะทำเป็นว่าเจ้าไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้ เจ้าต้องสำนึกตัวเองบ้าง"

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไป

ซ่งซีซีวางมือลงอย่างจนใจ เรื่องน่าละอายเหรอ?

ในสายตาของผู้อื่น แม้แต่ในสายตาของฮ่องเต้ นางเป็นคนที่ไม่แยกแยะระหว่างสิ่งถูกและผิด และเป็น
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมีความฉลาดหลักแหลม
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ฮ่องแต้มีความฉาด ช่างสังเกต และมีความรอบรู้ยิ่งนัก
goodnovel comment avatar
สิริญญา
ไม่ใช่ว่าแอบชอบ??? หรือนี่คืออาวุธที่ส่งให้?555
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 48

    เฉินฟูขี่ม้าออกไปพร้อมกับกล่องสองสามใบ ตามที่คาดไว้ องครักษ์ไม่ได้ถามเขาว่าเขากำลังจะไปไหน ถึงยังไงตราบใดที่คุณหนูซ่งไม่ออกไปก็คงไม่เป็นไร ฮ่องเต้แค่สั่งให้กักขังนางไว้ และไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่นในจวน จวนเสนาบดีกั๋วกงใหญ่ขนาดนั้น แต่ละวันต้องมีคนเข้าออกเพื่อซื้อของอยู่แล้วเฉินฟูมาถึงจวนอ๋องฮว ยและบอกว่าคุณหนูจากจวนเสนาบดีกั๋วกงมาขอมอบของขวัญแต่งงานให้ท่านหญิงด้วยคนเฝ้าประตูเข้าไปรายงาน หลังจากนั้นไม่นาน พ่อบ้านเจิงของพระชายาอ๋องฮวยก็เดินออกมา คารวะกันแล้ว เขาพูดว่า "คารวะพ่อบ้านเฉินขอรับ พระชายาบอกว่าคุณหนูจากจวนเสนาบดีกั๋วกงกลับจวนหลังหย่า กำลังต้องการเงินอยู่ ไม่จำเป็นต้องมาเสียเงินกับท่านหญิงเลย ของขวัญไม่จำเป็นหรอก แต่ขอรับน้ำใจไว้ พ่อบ้านเฉินกลับไปเถอะ หากไม่มีอะไรก็ไม่ต้องมาหาหรอก"เฉินฟูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อมองดูสีหน้าที่ไม่แยแสของพ่อบ้านเจิง เขาก็เข้าใจทันทีพระชายาอ๋องฮวยรังเกียจคุณหนูที่เป็นแม่ม่าย การรับของขวัญแต่งงานจากนางคิดว่าเป็นโชคร้าย ดังนั้นจวนอ๋องฮวยจึงไม่ต้องการเฉินฟูมีความโกรธในใจ แต่การอบรมสั่งสมที่ดีจากตระกูลชั้นสูงสอนให้เขาต้องรักษาสุภาพเอาไว้ "ในเมื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 49

    ประตูของจวนเสนาบดีกั๋วกงปิดลง ปิดกั้นนางหมินอยู่ข้างนอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับจวนแม่ทัพ แม่นมเหลียงไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใดเลยแต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเฉินฟู นางก็ถามว่า "พ่อบ้านเฉิน เกิดอะไรขึ้นหรือ?"เฉินฟูยื่นแส้ม้าให้คนดูแลม้า แล้วขยับขาซ้ายของเขา วันนี้เขาขี่ม้าไปหลายแห่ง ดังนั้นขาที่เคยบาดเจ็บนั้นจึงรู้สึกบวมและเจ็บปวดเล็กน้อย"พระชายาอ๋องฮวยไม่ได้รับของขวัญท่คุณหนูมอบให้ท่านหญิง" เฉินฟูพูดอย่างเบาเสียงมาก กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้าแม่นมเหลียงสะดุ้ง "พระชายากับฮูหยิงของเราเป็นพี่น้องกัน และปกติพวกนางก็ดูใกล้ชิด...จ้า เข้าใจแล้ว"แม้ว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งตำแหน่งเสนาบดีกั๋วกงให้เขา แต่คุณหนูกลับจวนเพราะหย่ากัน คนอื่นคนนอกลือกันอย่างไม่น่าฟังเช่นนั้น บวกกับฮูหยิงก็ไม่อยู่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างน้ากับหลานเลยหมดไปในสายตาของตระกูลชนชั้นสูง พวกเขามักจะคิดว่าคุณหนูได้รับการหนุนหลังจากท่านพ่อและพี่ชาย ถึงได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ ดังนั้นไม่มีใครไม่ดูถูกคุณหนูเลยเฉินฟูกล่าวว่า "ของขวัญนั้นข้าเก็บไว้ในห้องข้างๆ ของเรือนนั้น คืนนี้คุณหนูไปรับม้า คงไม่พบมัน อย่าให้นางรู้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 50

    การฝึกฝนนี้ใช้เวลาครึ่งชั่วยาม นางเหยียดขาของนางขึ้นไปในกลางอากาศ และร่างกายที่แข็งแกร่งและตัวเบาของนางก็หมุนตัวอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง จากนั้นหันกลับมาและใช้กำลังภายในเพื่อกระตุ้นหอกให้โจมตี ทันใดนั้นได้แต่เห็นก้อนหินก้อนหนึ่งแตกออกกลายเป็นฝุ่นไปเลยเฉินฟูประหลาดใจพลางเดินไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบดู เห็นแต่ว่าใบไม้ที่เต็มพื้นนั้นถูกเจาะเป็นรู โดยไม่มีข้อยกเว้นเฉินฟู่รู้สึกปลื้มใจอย่างยิ่ง "ทักษะการใช้หอกของคุณหนูมันดีกว่าแม่ทัพน้อยเสียอีก ขนาดเทียบกับท่านเสนาบดีกั๋วกงได้เลย"ซ่งซีซีถือหอกในมือ ดูคู่กับนางมาก บนหน้าผากของนางมีเม็ดเหงื่อออก และใบหน้าดูแดงราวกับดอกพลัมสีแดงบาน ในที่สุด หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน นางก็กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับตอนที่นางลงจากเขา "งั้นคราวนี้ข้าจะออกไปพร้อมกับหอกดอกท้อนี้"จะมีการเสริมกำลังแน่นอน แต่อาจจะไปสายหน่อย นางจึงต้องรวมตัวคนจากสถาบันว่านซงเหมินและสหายเก่าบางคนไปที่สนามรบก่อน เพื่อร่วมมือกับเป่ยหมิงอ๋องช่วยเฝ้าดินแดนจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึงตอนนี้ เป่ยหมิงอ๋องกำลังทำสงครามกับแคว้งซาที่เขตหนานเจียง เขาจะรู้ถึงสถานการณ์ของแคว้งซา แน่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 51

    หิมะรอบแรกนี้ ตกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็หยุดแล้วซ่งซีซียังคงสวมเสื้อผ้าสีขาวล้วน มีดอกไม้สีขาวบนผมของนาง เวลาอยู่ในจวนเสื้อผ้าที่นางสวนใส่นั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นสีขาวหมด ไว้ทุกข์ให้ท่านพ่อและท่านแม่เป็นเวลาสามปี ดังนั้นนาง จึงไม่สวมเสื้อผ้าสีสันสดใสนางยังคงทำตัวเหมือนตอนที่นางอยู่ในจวนแม่ทัพ ไม่รีบไม่ร้อน ตอนเข้าห้องก็คารวะให้ "ข้าคารวะฮูหยินผู้เฒ่ารองเจ้าคะ"จากนั้นนางก็คำนับนางหมิน และพยักหน้าเล็กน้อยฮูหยินผู้เฒ่ารองยืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือนาง หลังจากมองพิจราณาดูแล้ว นางยังคงผิวขาว มีสีหน้าสดใส ดูดีกว่าตอนที่อยู่จวนแม่ทัพตั้งเยอะเลยเห็นเช่นนี้นางถึงรู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่นางอยู่ใน จวนแม่ทัพ ดวงตาของนางก็อดไม่ได้ที่จะแดงขึ้น "ซีซี สบายดีหรือไม่?""ฮูหยินผู้เฒ่ารองไม่ต้องกังวล ซีซีสบายดีเจ้าคะ" ซ่งซีซีช่วยพยุงนางนั่งลง ยิ้มเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมอง "ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารองก็สบายดีเช่นกันหรือไม่?""ดี สบายดีแหละ" ฮูหยินผู้เฒ่ารองนั่งลง และโล่งใจเมื่อเห็นว่า นางไม่ได้เสียใจเรื่องที่จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับยี่ฝาง"ซีซี" นางหมินคารวะกลับ "คืออย่างนี้...""ฮูหย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 52

    เมื่อเห็นท่าทางทั้งกังวลใจและไม่สบายใจของนางหมิน ซ่งซีซี ก็อดยิ้มไม่ได้ "ไม่เป็นไร เจ้าพูดมาเถอะ"คืนนี้ นางจะออกจากเมืองหลวงแล้ว ถ้าเรื่องนี้วันนี้ไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย นางจะมาใหม่พรุ่งนี้และวันมะรืนนี้ด้วย เพื่อไม่ให้นางมาขอพบแต่งเข้าจวนไม่ได้ จนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นางรู้ว่านางหมินไม่ได้รับความโปรดจากฮูหยินผู้เฒ่าจ้าน นอกจากไม่มีลูกชายแล้ว ทั้งยังครอบครัวของฝ่ายพ่อแม่ของนางไม่มีอำนาจ สินเดิมก็ไม่มีเท่าไร ยิ่งไม่มีความกล้าหาญและความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของสตรีผู้สูงศักดิ์ที่จากตระกูลชั้นสูงนางหมินไม่เคยรังแกนางมาก่อน ยิ่งไม่ได้วางมาดที่ในฐานะพี่สะใภ้ให้กับนาง ดังนั้นนางจึงยอมฟังคำบ่นของนางน้ำตาของนางหมินเหมือนลูกปัดที่แตกหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง นางเล่าถึงความวุ่นวายในงานเลี้ยงแต่งงาน แขกออกไปหมดและทหารที่ได้รับเชิญก็จากไปอย่างไม่สบอารมณ์ในที่สุด ทุกคนต่างตำหนินาง รวมทั้งจ้านเป่ยชิง สามีของนางด้วยในคืนวันแต่งงาน ยี่ฝางคว่ำโต๊ะ เดิมทีจ้านเป่ยว่างจากไปแล้ว แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้เรื่องแล้วก็ไล่ให้เขากลับเข้าไป"นี่ยังไม่ว่าอะไรนะ" นางหมินพูดด้วยความโกรธและเสีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 53

    ซ่งซีซีมองสายตาที่สิ้นหวังของนาง โดยคิดว่านางหมินคงหวาดกลัวกับแผนการที่จวนแม่ทัพจะหย่ากับนางนางหมินร้องไห้เสียงดัง และรีบปิดปากด้วยผ้าเช็ดหน้า หลังจากสงบอารมณ์พักใหญ่ถึงพูดต่อ "ซีซี เป็นเรื่องจริงนะ ข้าไม่โกหกเจ้า ท่านแม่บอกว่า จวนแม่ทัพในตอนนี้แตกต่างจากอดีต มันสามารถเข้าสู่ตระกูลชั้นสูงแล้ว ตอนที่ข้าดูแลบ้าน นางมักจะทำตัวไม่พอใจกับข้า โดยบอกว่าในตัวข้าไม่มีออร่าที่เป็นลูกสะใภ้คนโต ยังพูดตรงๆ ว่านางเสียใจที่ปล่อยให้ท่านสามีแต่งงานกับข้าตั้งแต่แรก""ข้าแตกต่างจากเจ้า หากข้าหย่าแล้ว ข้าจะกลับไปบ้านพ่อแม่ไม่ได้ ข้าจะถูกครอบครัวพ่อแม่ด่าไม่เป็นท่า ข้าทำให้พวกเขาต้องเสียชื่อ มันจะส่งผลต่อการแต่งงานของน้องสาวและหลานสาวของข้า ข้าทำได้เพียงตายในจวนแม่ทัพก่อนที่จะหย่าร้างเท่านั้น ไม่แม้แต่เป็นแม่ชีด้วยซ้ำ"ครอบครัวพ่อแม่ของนางหมิน ซ่งซีซีรู้เรื่องบ้างท่านพ่อของนางเป็นบรรณาธิการชั้นเจ็ดในสภาองคมนตรี แม้ว่าตำแหน่งงานไม่สูงนักและก็ไม่มีอำนาจอะไร แต่เป็นเกียรติสูงสุดสำหรับนักวิชาการ หากลูกสาวของตัวเองถูกหย่า บรรณาธิการหมินย่อมไม่ยอมแน่ๆฮูหยินผู้เฒ่าจ้านรู้สึกว่าจวนแม่ทัพในปัจจุบันนี้แตกต่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 54

    หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ารองและนางหมินจากไปแล้ว ซ่งซีซีก็ไม่กลับไปนอนต่อ ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แรอฟ้ามืดจะออกเดินทาง ตอนนี้ไม่เห็นจะต้องนอนเลยนางนึกถึงสิ่งที่นางหมินพูดเกี่ยวกับงานแต่งงานของจ้านเป่ยว่าง และทันใดนั้นก็อยากจะหัวเราะปรากฎว่าจ้านเป่ยว่างชอบคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาเช่นนี้แต่นิสัยตรงไปตรงมานี้ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขในท้ายที่สุด แต่ทำให้จวนแม่ทัพเสียหน้าด้วย แขกทุกคนในงานเลี้ยงแต่งงานจากไปหมด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนะยี่ฝาง...ซ่งซีซียังคิดทบทวนกับสองคำนี้ในใจ ความเกลียดชังและความโกรธที่นางพยายามระงับไว้ก็พุ่งออกมาราวกับแม่น้ำและมหาสมุทรอย่างไรอย่างนั้นถ้าไม่ใช่นางโลภกับผลงาน สังหารทั้งหมู่บ้านและผู้ถูกจับ ทั้งครอบครัวของจวนโหวก็คงไม่ถูกสังหารก่อนหน้านี้ นางไม่เคยเกลียดยี่ฝางมาก่อน ไม่ว่านางจะขโมยสามีของนางหรือดูถูกดูแคลน นางยังคงเคารพนางทำงานเพื่อบ้านเมือง และบรรลุสันติภาพระหว่างเมืองซีจิงและแคว้งซางแต่ยามนี้ นางเกลียดยี่ฝางเข้ากระดูกดำเรื่องที่ยี่ฝางนางสังหารหมู่และผู้ถูกจับ นางไม่รู้ว่าท่านตารู้เรื่องนี้หรือไม่แต่ฝ่าบาทคงไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะจดหมายทหารท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 55

    ตอนเย็นพักผ่อนที่โรงเตี้ยม ทั้งสายฟ้าและนางจะได้นอนหลับได้ดี นางตื่นตัวเป็นพิเศษเมื่ออยู่ข้างออกเช่นนี้ นางตื่นก่อนรุ่งสางเพื่ออาบน้ำอาบท่า แล้วเอาผ้าสีดำคลุมหน้าค่อยออกเดินทางต่อการเดินทางนั้นมันยากลำบากโดยธรรมชาติแล้ว และยังหนาวมากด้วย แม้ว่าใบหน้าจะคลุมด้วยผ้าสีดำแต่ลมก็ยังคงรุนแรงมากจนผิวของนางหยาบกร้านเมื่อตกเย็นตอนที่นางพักในโรงเตี้ยม นางได้ส่องกระจก และเห็นว่าผิวของนางที่เคยชุ่มชื้นสดใสนั้น ยามนี้กลับจะแตกออกแล้ว จึงหยิบขวดน้ำมันบำรุงผิวมาทาไม่ใช่เพราะอยากสวย แต่มันแห้งจนแตกออกก็จะเจ็บด้วยในเช้าตรู่ของวันที่ห้าของการเดินทาง นางมาถึงเขตหนานเจียงแต่ตลอดทางนี้ นางรู้สึกใจคอไม่ดี ที่ทางหลวงไม่มีกลุ่มขนส่งอาหารและหญ้า หรือบอกอีกนัยหนึ่งคือ เป่ยหมิงอ๋องคิดว่าตัวเองชัยชนะแน่นอนเลยไม่จำเป็นต้องขนส่งอาหารและหญ้าอย่างต่อเนื่องแต่ยังมีสงครามที่ยากที่จะรับมือต้องสู้เมื่อมาถึงเขตหนานเจียง หลังจากได้สอบถามมา และพบว่ายามนี้เหลือเพียงเขตอีลี่และเขตซีม่อนเท่านั้นที่ไม่ได้เอากลับมาเป่ยหมิงอ๋องใช้กองทัพเก่งมาก และฟื้นคืนพื้นที่ของเขตหนานเจียงที่สูญหายไปได้ถึเก้าส่วน ตอนนี้เหลือเพีย

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1500

    ฉินอ๋องหลับยาวจนถึงบ่ายวันรุ่งขึ้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะความหิวเมื่อลืมตาขึ้นมา รู้สึกว่าร่างกายแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดไปทุกส่วนความอ่อนล้ากัดกินลึกถึงกระดูก แม้แต่จะยกมือขึ้นยังแทบไม่มีแรงในบรรดาคนรับใช้ที่ติดตามเขามา มีขันทีคนสนิทชื่อเสี่ยวจี๋จื่อ ยืนอยู่ข้างเตียง รายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายาเป่ยหมิงอ๋องมีเรื่องจะหารือกับท่าน นางรอท่านมาครึ่งวันแล้ว”เดิมทีฉินอ๋องตั้งใจจะกินข้าวบนเตียงแล้วนอนต่อ เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวแต่เมื่อได้ยินว่าซ่งซีซีรอเขามาครึ่งวันแล้ว เขาก็รีบเปิดผ้าห่มออกทันที สั่งเสียงเร่งรีบ “เปลี่ยนเสื้อผ้า เร็วเข้า”ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เขาได้เห็นความสามารถของซ่งซีซีกับตาตัวเอง นางเป็นสตรี แต่ไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว ภายใต้การบัญชาของนาง ขบวนเดินทางหลีกเลี่ยงอันตรายมาได้หลายครั้ง ผู้คนมากมายล้มป่วยระหว่างทาง แต่นางกลับแข็งแรงราวกับวัวกระทิงคนที่มีความสามารถเช่นนี้ จะไม่มีวันเสียเวลามาหยอกล้อกับใครแน่ หากมาหาเขา ย่อมมีเรื่องสำคัญแน่นอนแม้เขาจะหิวจนไส้แทบกิ่ว แต่ก็รีบล้างหน้าแต่งตัว จากนั้นก็ดื่มโจ๊กหนึ่งชามแล้วรีบไปพบนาง “น้องสะใภ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1499

    หลังจากจุดธูปเคารพเสร็จแล้ว เมื่อกลับมายังเรือนหลัง ทุกคนก็ซับน้ำตา เก็บซ่อนความโศกเศร้า แล้วพากันล้อมวงถามไถ่ซ่งซีซีเกี่ยวกับชีวิตคู่ของนางแต่คำถามที่ถูกถามมากที่สุดก็คือเป่ยหมิงอ๋องปฏิบัติต่อนางดีหรือไม่ครอบครัวก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะรู้ว่านางเป็นคนเก่งเพียงใด แต่ก็ยังคงหวังให้คู่ครองของนางรักและเอ็นดูนางจากใจจริงซ่งซีซีมีลูกพี่ลูกน้องหญิงมากมาย ล้วนเป็นบุตรสาวของบรรดาลุงและน้าของนาง แม้ไม่เคยพบหน้ากันมากนัก แต่เมื่อได้เจอซ่งซีซี ต่างก็พากันตื่นเต้นยินดีพี่สาวทั้งหมดล้วนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ครั้งนี้พากันกลับบ้านพร้อมสามีและลูกๆ พวกนางได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซ่งซีซีมากมาย ทั้งรู้สึกนับถือและเห็นใจนางในหมู่พี่สาวเหล่านั้น มีอยู่คนหนึ่งชื่อเซียวเซียงอวี่ เป็นบุตรสาวคนโตของลุงสอง นางแต่งงานกับแม่ทัพหวงเฉิน ซึ่งเป็นนายทหารใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เซียว แต่ยังไม่ถึงปี สามีก็สละชีพในสนามรบ ทิ้งลูกในครรภ์ไว้ให้บัดนี้ เด็กคนนั้นอายุสิบสองปีแล้วนางตั้ง สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้นที่ชายแดนเฉิงหลิง เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ตอนนี้มีเด็กอยู่ในความดูแลกว่าสามสิบคน แต่ชีวิตกลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1498

    พอเร่งเดินทางอย่างสุดกำลัง ในที่สุดวันที่สามเดือนแปด พวกเขาก็มาถึงชายแดนเฉิงหลิงตลอดยี่สิบวันที่เดินทางมา เนื่องจากอากาศร้อนจัด ผู้คนมากมายต่างล้มป่วยลงทีละคน แต่โชคดีที่ซ่งซีซีเตรียมตัวมาดี นางนำยามามากมาย และยังมีหมอหลวงจินติดตามมาด้วย จึงไม่เกิดปัญหาใหญ่อันใดฉินอ๋องนั้นถึงกับหมดเรี่ยวแรงโดยแท้เขาเคยลำบากเช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน ตั้งแต่วันที่สิบของการเดินทาง เขาก็แทบเอ่ยปากพูดไม่ได้ สีหน้าและริมฝีปากซีดขาวตลอดเวลา ความอิดโรยฉายชัดบนใบหน้า ไม่อาจปกปิดได้ครั้นเดินทางมาถึงเขตแดนเฉิงหลิง มองเห็นทหารสกุลเซียวที่นำทัพมาต้อนรับ เขาก็ถึงกับทรุดฮวบลงหมดสติไป ทำให้ทุกคนแตกตื่น รีบหามเขากลับไปทันทีซ่งซีซีเมื่อได้พบกับท่านตาและบรรดาท่านลุง นางจะไปสนใจฉินอ๋องได้อย่างไร นางพุ่งตัวเข้าหาอ้อมกอดของท่านตา น้ำตาไหลพรากมิอาจหยุดยั้งแม่ทัพใหญ่เซียวมองหลานสาวด้วยสายตาเอ็นดู ลูบศีรษะนาง น้ำเสียงสั่นเครือ เขาเคยคิดว่าเมื่อแยกจากกันที่เมืองหลวง บางทีคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก ที่ไหนได้กลับได้พบหน้านางอีกครั้งผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวเสียงอ่อนโยน “พอแล้ว อย่าให้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องขบขัน ไปพบลุงของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1497

    วันที่สิบสองเดือนเจ็ด คณะทูตแคว้นซางออกเดินทางจากเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ มุ่งหน้าไปยังซีจิงเซี่ยหลูโม่ควบม้าส่งขบวนไปถึงยี่สิบลี้ จนกระทั่งจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูกล่าวว่าเพียงพอแล้ว เขาจึงจำใจรั้งบังเหียนม้าเอาไว้ซ่งซีซีหันกลับมาส่งยิ้มให้เขา ใบหน้างามราวกับบุปผา ไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยเซี่ยหลูโม่จ้องมองนาง สายตาอบอุ่นอ่อนโยน แต่กลับบ่นพึมพำเสียงต่ำว่า “ช่างเป็นสตรีไร้หัวใจเสียจริง”ดวงตะวันขึ้นสูงแล้ว ถนนหลวงไร้ลมพัด อากาศร้อนอบอ้าวยิ่งนัก เขายืนรออยู่จนขบวนท้ายสุดลับสายตาไป จึงยอมหมุนม้ากลับอย่างเสียดายครั้งนี้ที่เดินทางไปซีจิง ซ่งซีซีนำกองทัพซวนเจียจำนวนสามร้อยนาย พร้อมทั้งกุ้นเอ๋อร์ เสิ่นว่านจือ และผู้ติดตามอื่นๆ ไปด้วยแม้สองแคว้นจะอยู่ในช่วงสงบชั่วคราวหลังสงคราม แต่เรื่องราวเกี่ยวกับองค์รัชทายาทซีจิงถูกซูลันซือเปิดเผยออกมา เวลานี้ชาวเมืองซีจิงมากมายยังคงมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อแคว้นซาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำทหารติดตามไปมากขึ้น เพื่อรับรองความปลอดภัยของฉินอ๋องและเหล่าทูตสำหรับฉินอ๋องนี้ ซ่งซีซีมีปฏิสัมพันธ์กับเขาน้อยมาก ที่ถูกต้องกว่านั้นคือ นางแทบไม่ติดต่อกับฉินอ๋

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1496

    ในค่ำคืนก่อนออกเดินทาง ซ่งซีซีพาเซี่ยหลูโม่ไปถวายบังคมลาฮุ่ยไทเฟย เนื่องจากวันรุ่งขึ้นต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ หากมาลาในตอนนั้นเกรงว่าฮุ่ยไทเฟยจะยังไม่ตื่น จึงเลือกมาขอลาในค่ำคืนนี้แทน ฮุ่ยไทเฟยทรงทราบมาก่อนแล้วว่าซ่งซีซีจะเดินทางไปซีจิง ตอนแรกยังไม่ทรงเข้าใจนัก มองว่าราชโองการของฮ่องเต้นั้นเกินไปหรือไม่ การเดินทางที่ยาวไกลเช่นนี้ จำเป็นต้องเป็นนางเพียงผู้เดียวจริงหรือ? แต่เมื่อเสิ่นว่านจืออธิบายว่านี่เป็นโอกาสให้นางได้กลับไปพบญาติฝ่ายมารดา พระนางก็ได้แต่ทอดถอนพระทัย แย้มสรวลบางเบาแล้วตรัสว่า "ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต คือการต้องพลัดพรากจากครอบครัว แต่ความสุขที่สุด ก็คือการได้พบกันอีกครั้งหลังจากจากกันไปเนิ่นนาน" พระนางตรัสกับเสิ่นว่านจือเช่นนี้ มิได้กล่าวต่อหน้าซ่งซีซี เพราะหากกล่าวกับผู้อื่นก็เป็นเพียงการรำพึงถึงชีวิต แต่หากกล่าวกับซ่งซีซี ก็คงไม่ต่างจากการราดเกลือลงบนบาดแผล บัดนี้ พระนางก็รักและเอ็นดูลูกสะใภ้ผู้นี้แล้ว ย่อมไม่อยากให้ต้องเจ็บปวดแม้แต่น้อย เมื่อมองดูซ่งซีซีที่มาขอลา พระนางก็อดคิดไม่ได้ เมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนแรกพระนางคัดค้านการแต่งงานนี้อย่างถึงที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1495

    เดือนเจ็ดอันร้อนระอุ ราชสาส์นจากซีจิงก็มาถึง จักรพรรดิ์ซีจิงทรงสละราชบัลลังก์ องค์หญิงผู้สูงศักดิ์เหลิ่งอวี้ขึ้นครองราชย์ ทรงใช้อำนาจบริหารแผ่นดินและเปลี่ยนชื่อแคว้นเป็นหยวนซิน พระนางมีพระราชโองการเชิญแคว้นซางส่งทูตเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเจรจาเรื่องเขตแดนร่วมกัน แท้จริงแล้ว หยวนซินฮ่องเต้ได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว พิธีราชาภิเษกเป็นเพียงข้ออ้าง สิ่งที่ต้องเจรจากันจริงๆ ก็คือปัญหาเขตแดน เมื่อครั้งที่คณะทูตซีจิงมาเยือนแคว้นซาง จุดประสงค์หลักก็คือปัญหาเขตแดน แต่เนื่องจากเกิดความวุ่นวายภายในแคว้น ทำให้เรื่องนี้ต้องถูกระงับไว้ชั่วคราว และนี่คงเป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในพระทัยของหยวนซินฮ่องเต้มากที่สุด ดังนั้น ทันทีที่พระนางขึ้นครองราชย์ ก็ทรงรีบเร่งดำเนินการเปิดการเจรจาขึ้นอีกครั้ง ในที่ประชุมราชสำนัก ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า บัดนี้ความบาดหมางระหว่างสองแคว้นได้คลี่คลายลงแล้ว การเจรจาในขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น สิ่งใดที่ต้องรักษาไว้ ก็ต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษามันไว้ ปัญหาเขตแดนอาจไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ตราบใดที่สามารถรักษ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1494

    ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ซ่งซีซีและเฉินเฉินก็กำลังสอนเสี่ยวหมิงซีและหวังจืออวี่ฝึกวรยุทธ์ โดยส่วนใหญ่เป็นเฉินเฉินที่สอนเสี่ยวหมิงซี ส่วนซ่งซีซีกับหวังจืออวี่ก็เพียงอยู่ร่วมฝึกด้วย จวนกองกำลังเมืองหลวงแม้จะยุ่งวุ่นวาย แต่ดูเหมือนว่าวันเวลาจะค่อยๆ ช้าลง ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงตามไปด้วย ไม่ว่าเวลาที่ปราศจากความระแวงเช่นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ตราบใดที่ยังมี ก็จงใช้มันให้คุ้มค่าทุกวัน สิ่งเดียวที่นางกังวลคือสุขภาพของศิษย์น้อง แม้ว่าร่างกายของเขาจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็เคยบาดเจ็บสาหัสมาก่อน การทำงานหนักเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทั้งกินอาหารไม่เป็นเวลา กินยาก็ไม่สม่ำเสมอ ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่ทำให้นางอดเป็นห่วงไม่ได้ หมั่นโถวเดินมาตามระเบียง มาหยุดข้างซ่งซีซีแล้วกล่าวว่า "จือจือบอกว่า คืนนี้ไม่กลับมา" "อืม" ซ่งซีซีพยักหน้า แม้จะไม่ได้กล่าวอะไรโดยตรง แต่ซ่งซีซีรู้ว่า นางกลับไปทำสิ่งที่เคยทำอีกครั้ง เรื่องนี้ พวกนางจะไม่พูดคุยกันโดยตรง มีเพียงประโยคเดียวที่เคยกล่าวกันไว้ ในเมื่อมือเคยเปื้อนเลือดแล้ว ก็ควรปล่อยให้เลือดของคนชั่วหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้แดงฉานยิ่งขึ้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1493

    บัดนี้ เรื่องขององค์ชายทั้งหลาย จักรพรรดิ์ซูชิงมักปรึกษากับเซี่ยหลูโม่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซี่ยหลูโม่มักจะมาสอนหนังสือในช่วงค่ำ หลังจากสอนเสร็จก็จะอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่พระองค์ฝังเข็ม เมื่อสนทนากันมากขึ้น ความเป็นพี่น้องก็แน่นแฟ้นขึ้น ความหวาดระแวงลดลง และความเข้าใจก็มีมากขึ้น แน่นอนว่าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เซี่ยหลูโม่เป็นคนเปิดเผย ซื่อสัตย์ในถ้อยคำ ตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับซ่งซีซี เขาก็มักจะพูดตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังอะไร เมื่อได้อยู่ใกล้กัน จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น หากมีปัญหาใดก็สามารถพูดคุยกันได้โดยตรง มิใช่ต่างฝ่ายต่างคาดเดาไปเองเช่นแต่ก่อน แต่ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงตระหนักว่า สิ่งที่ทำให้พระองค์สามารถเปลี่ยนแนวคิดเช่นนี้ได้ เป็นเพราะซ่งซีซีดุด่าให้พระองค์ตื่นจากความคิดของตัวเอง พระองค์จึงเรียนรู้ที่จะใช้สายตาของพี่ชายมองเซี่ยหลูโม่ มิใช่เพียงแค่จักรพรรดิ์มองขุนนาง เมื่อหมอมหัศจรรย์ทำการฝังเข็มเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน เซี่ยหลูโม่จึงพยุงจักรพรรดิ์ซูชิงให้ลุกขึ้นเดินช้าๆ โดยมีอู๋ต้าปั้นติดตามอยู่ห่างๆ ยามค่ำคืนในอุท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1492

    ฮองเฮาเสด็จกลับตำหนักฉางชุน แต่ยังมิทันได้กระวนกระวายนาน จักรพรรดิ์ซูชิงก็เสด็จมาถึง พระองค์ทรงนำเหล่าองครักษ์เหล็กดำมาด้วย และตรัสสั่งให้ปิดล้อมตำหนักฉางชุนโดยสิ้นเชิง มีเพียงหลานเจี่ยนกูกูที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในตำหนัก อู๋ต้าปั้นถือของสองอย่างเข้ามา หนึ่งในนั้นคือผงพิษขับแมลงที่ฮองเฮาให้แก่องค์ชายใหญ่ในวันนั้น เมื่อวางไว้บนโต๊ะต่อหน้าฮองเฮาแล้วเชิญให้ทอดพระเนตร นางพลันชะงักค้างอยู่กับที่ ทั้งพระทัยเย็นเยียบจนหนาวสะท้านทั่วร่าง ริมพระโอษฐ์สั่นระริกมิอาจเอื้อนเอ่ย หลานเจี่ยนกูกูเห็นเช่นนั้นก็ทรุดกายลงคุกเข่า เสียงร้องไห้สั่นเครือ "ฝ่าบาท โปรดอภัยให้บ่าวด้วยเพคะ ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของบ่าวแต่เพียงผู้เดียว พระนางหาได้ล่วงรู้ไม่" จักรพรรดิ์ซูชิงมิได้เหลือบแลหลานเจี่ยนกูกูแม้แต่น้อย พระองค์เพียงประทับบนพระเก้าอี้แล้วตรัสกับอู๋ต้าปั้นว่า "ให้ฮองเฮาทอดพระเนตรราชโองการ ไม่ต้องประกาศ" อู๋ต้าปั้นรับคำ จากนั้นจึงคลี่ราชโองการออกเป็นสิ่งที่สอง เมื่อโองการถูกนำไปเบื้องหน้าฮองเฮา พระเนตรของพระนางจับจ้องเพียงสองบรรทัดก็ราวกับได้เห็นปีศาจร้าย นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง "ไม่!" ร่า

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status