แม้ว่าจวนเสนาบดีกั๋วกงจะเป็นตระกูลทหาร แต่คุณหนูก็เป็นคนที่ได้รับการศึกษาที่ดีมา และย่อมหวังว่าคนที่รับใช้ข้างกายนางจะอ่านหนังสือเป็นด้วย“เอาล่ะ พวกเจ้าอยู่ต่อเลย ให้รับใช้คุณหนูเลย ส่วนชื่อของพวกเจ้า เดี๋ยวจะให้คุณหนูตั้งให้”ทั้งสี่คนดีใจกันมาก "ขอบคุณมากนะแม่นม!"แม่นมฮวงพูดอย่างจริงจังว่า "อย่าเพิ่งขอบคุณข้า อยู่ข้างกายคุณหนูก็ต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ด้วย หากเรียนรู้ไม่ดี จะเป็นได้แค่สาวใช้ชั้นสองหรือชั้นสามเท่านั้น"ทั้งสี่คนได้ยินดังนั้นก็คารวะว่า “ข้าน้อยจะต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ให้ดีแน่นอนเจ้าคะ”หลังจากเลือกคนทั้งสี่คนนี้แล้ว แม่นมทั้งสองก็เลือกสาวใช้และชายรับใช้สองสามคนด้วย จากนั้นให้นายหน้าช่วยหาคนขับรถม้า ช่าง ผู้ดูแลม้าและสวนด้วยสำหรับหัวหน้าดูแลฝ่ายนอกและนักบัญชี ย่อมไม่สามารถให้นายหน้าช่วยหาให้หลังจากที่นายหน้ารับเงินไปก็ยิ้มกว้าง "ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปให้แม่นมเลือกเอาเอง"หลังจากที่เขามอบโฉนดขายเป็นทาสแล้ว เขาก็มอบซองแดงแก่แม่นมทั้งสองก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม "ฝากแม่นมด้วยนะ หากท่านต้องการอะไรในอนาคต ติดต่อเราได้เลย เราทำงานเกือบทุกสายเลย"แม่นมรับซองแดง พลางพยั
แต่เรื่องนี้ไม่มีทางสอบสวนได้อีกแล้ว สายลับตายบ้าง คนที่ไม่ตายก็หนีกลับไปที่เมืองซีจิงแล้ว และหาไม่เจออีกเลยนางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่านพ่อและพี่ชายของนางอีกครั้ง รู้สึกทั้งเสียใจและเจ็บปวดใจด้วยท่านพ่อและพี่ชายเคยยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมา แต่ปกป้องไม่ดีเองก็ถูกแย่งชิงไปอีก ในที่สุดทั้งท่านพ่อและพี่ชายต่างก็เสียชีวิตอย่างอนาถในสนามรบหากเป่ยหมิงอ๋องได้ชนะสงคราม และยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมา ก็ถือว่าสนองความปรารถนาของท่านพ่อและพี่ชายของนางด้วยคืนแรกที่กลับบ้าน ซ่งซีซีนอนไม่หลับ ความฝันของนางเต็มไปด้วยฉากที่ท่านแม่ พี่สะใภ้ หลานชาย และคนอื่นๆ ที่ถูกฆ่าตาย นางตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วไม่สามารถเข้านอนได้อีก นางจ้องมองเพดานด้วยดวงตาเบิกกว้าง สมองของนางเอาแต่คิดอะไรไปเรื่อยมองจากอาการบาดเจ็บของพวกเขาก็สามารถพิจารณาได้ว่าพวกฆาตกรโหดเหี้ยมแค่ไหน และฆาตกรกำลังระบายความโกรธชัดๆเมื่อทั้งสองประเทศทำสงคราม แม้ว่าเมืองซีจิงจะพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนี้ออกนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาเคยพ่ายแพ้ให้กับท่านพ่อและพี่ชายจนไม่เป็นท่า ถูกสังหารทหารและม้าไป สามหมื่นนาย แต่สายลับจา
ฮูหยินผู้เฒ่ากระทืบเท้าแล้วพูดว่า "ให้เขาขนของไปหมด ไม่เหลืออะไรแล้ว ต่อไปจวนแม่ทัพแม้แต่ค่ายาของข้าก็จ่ายไม่ไหวแล้ว"จ้านเป่ยว่างรู้สึกอึดอัดใจมาก แต่เขาทำได้เพียงปลอบใจท่านแม่ "ไม่ต้องห่วง สงครามที่เขตหนานเจียงต้องให้ข้าและยี่ฝางไปเร็วๆ นี้ ข้าจะต้องสร้างผลงานกับมาอีกครั้ง"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านร้องไห้อย่างหนัก "นางจะใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง ก็แค่ภรรยาเท่าเทียมกันนี่เอง ทำไมนางถึงทนไม่ได้ล่ะ เป็นเด็กกำพร้าชัดๆ นางยังคิดว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนูสูงส่งจริงๆ เหรอ?"จ้านเป่ยว่างกระตุกริมฝีปากของเขา ยามนี้ นางเป็นบุตรีของฮูหยิงเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกงแล้ว แน่นอนว่านางเป็นลูกคุณหนูสูงส่ง"สมควรที่นางถูกสังหารทั้งโคตร สมน้ำหน้า สมน้ำหน้าจริงๆ!" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพูดด้วยความโกรธสำหรับเรื่องที่ว่าตระกูลซ่งถูกสายลับของเมืองซีจิงฆ่าสังหารนั้นจ้านเป่ยว่างก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน เหตุใดสายลับของเมืองซีจิงจึงฆ่าคนแก่และผู้อ่อนแอเหล่านั้น? มันไม่คุ้มค่าโดยสิ้นเชิงแต่เรื่องของตระกูลซ่งไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปแล้ว และเขาจะไม่เสียเวลาไปสนใจมันอีกซ่งซีซีจะต้องเสียใจภายหลัง อันที่จริง ตอนเขารู้เรื่องนี้เขา
ซ่งซื่ออันพาลูกน้องขนสินเดิมทั้งหมดกลับไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกงซ่งซีซีออกมากล่าวขอบคุณ และชวนทุกคนเข้าไปดื่มชาซ่งซื่ออันกลับส่ายหัว "จะไม่ดื่มชานี้ในตอนนี้แล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญอื่นที่ต้องทำ อีกอย่าง จ้านเป่ยว่างให้ข้าฝากบอกเจ้าว้า เขาบอกว่าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง"ซ่งซีซีหรี่ตาลง "หลานได้ยินแล้ว แต่ไม่มีอะไรจะตอบเขา ในเมื่อท่ารลุงยุ่งอยู่ หลานก็ไม่ฝืนใจให้เขาอยู่ต่อ"ซ่งซื่ออันพอใจกับคำตอบของนางมาก ตระกูลซ่งขาดอะไรก็ได้ แต่ขาดความภาคภูมิใจในตัวของพวกเขาไม่ได้ จากนั้นเขาก็พาคนออกไปไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปดื่มชา แค่ว่ายามนี้จวนเสนาบดีกั๋วกงยังวุ่นวายอยู่ และคนใช้มาใหม่คงยังเรียนรู้กฎไม่ได้เร็วขนาดนี้ หากเป็นเขาคนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่เขายังพาลูกน้องคนอื่นมาด้วยคนเยอะก็มักจะมีเรื่องเยอะ หากคนรับใช้ทำอะไรไม่ดีขึ้นมาโดนแพร่ออกไป ยามนี้จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกงไม่สามารถทนต่อข่าวลือแม้แต่น้อยเลยซ่งซีซีกลับไปที่เรือนหลิงหลง เขียนจดหมายและสั่งให้ผู้คนรีบส่งกลับไปให้อาจารย์ โดยขอให้อาจารย์ช่วยตรวจสอบสงครามระหว่างเมืองซีจิงและแคว้งซางที่ชายแดนเฉิงหลิงในใจของนางยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่นา
แต่ปัญหาคือไม่มีใครบอกนาง ว่าจะมีทหารมาอีกทั้งมาเป็นร้อยกว่าคน ครอบครองที่นั่งจำนวนมาก ทำให้แขกจำนวนมากที่ได้รับคำเชิญกลับไม่มีที่นั่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารที่มาที่นี่เพื่อแสดงเป็นมิตร เป็นคนใหญ่คนโตของราชสำนักนี่น่ะเมื่อตีสนิทได้ มันจะเป็นผลประโยชน์ต่อจ้านเป่ยว่างในเรื่องที่เขาจะเลื่อนตำแหน่งงาน เวลานี้จะให้จัดการอย่างไร?แต่พวกเขาทั้งหมดต่างยืนตัวสั่นท่ามกลางลมหนาว ช่างเป็นบาปจริงๆจู่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็หันไปหานางหมิน เพื่อให้นางคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว นางหมินก็ตกใจและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ไม่มีใครบอกนางว่ายังมีแขกอีกสินะ? นางจัดที่นั่งตามรายชื่อแขกเลยแขกยังประหลาดใจมากที่จู่ๆ เห็นคนไร้ระเบียบกว่าร้อยคนมาที่นั่น พอมาถึงก็ยึดที่นั่งและเริ่มกินดื่ม ต่างหัวเราะล้อเล่นกับเจ้าสาว เสียงหัวเราะดังมาก ทำไมรู้สึกสภาพเช่นนี้ดูแปลกไปหน่อยในนั้นมีขุนนางจากตระกูลชนชั้นสูงมากมาย ที่พวกเขามาเพราะเห็นแก่ฮ่องเต้ พวกเขาเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน? แม้ว่าจวนแม่ทัพจะไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่โตอะไร แต่ก็สืบทอดกันมาหลายปี แล้วเหตุใดจึงเกิดความวุ่นวายในงานแต่งงานที
ยี่ฝางรู้สึกว่าข้อกล่าวหาของเขาไม่สมเหตุสมผล นางหัวเราะเยาะ "วันนี้ข้าเพิ่งแต่งเข้ามา เจ้าก็ดุข้าเสียงดังเช่นนี้ ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะเป็นยังไงบ้าง อีกอย่าง ทหารเหล่านี้ยังบุกน้ำลุยไฟติดตามเจ้ามาตลอดด้วย และเป็นพยานว่าเรารักกันยังไง ก็จริงที่ข้าชวนพวกเขามาไม่ได้บอกพวกเจ้าล่วงหน้า แต่งานเลี้ยงใหญ่เช่นนี้จะไม่เตรียมเผื่อสักสิบโต๊ะไว้ที่ไหนกัน ส่วนพวกเขาได้ออกจากค่ายทหารโดยรับอนุญาตหรือไม่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แม่ทัพหลิวไม่ใช่คนไร้เหตุผล"ทันทีที่ยี่ฝางดูแข็งแกร่งขึ้นมา จ้านเป่ยว่างก็อ่อนข้อให้เลย เขาไม่ต้องการสร้างปัญหากับนางในวันแต่งงานของพวกเขาจริงๆ ดังนั้นเขาจึงถามแค่ว่า "หากพูดเช่นนี้ ที่พวกเขาออกจากค่ายคือได้รับอนุญาตจากแม่ทัพหลิวงั้นเหรอ"ยี่ฝางไม่ได้ถามแม่ทัพหลิว นางแค่ออกคำสั่งให้พวกเขามาด้วย เพราะนางคิดว่ามันไม่สำคัญ แม่ทัพหลิวเป็นคนคุยง่ายดังนั้นนางจึงเมินคำถามนี้ ก่อนดุว่า "เป็นเพราะพวกเจ้าเตรียมงานไม่พร้อม พวกเจ้าไปถามเจ้าอื่นดูสิ มีใครบ้างที่จัดงานแต่งงานจะไม่เตรียมโต๊ะเผื่อไว้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องแต่งงานนี้ จัดไม่ได้เรื่องจริงๆ ยังกล้ามาโทษข้าอีก"ในเรื่องน
แขกทุกคนจากไปหมดแล้ว เหลือเพียงทหารหยาบคายจำนวนหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนแทบจะหัวใจวายคนอื่นๆ ในจวนแม่ทัพก็มองหน้ากันด้วยความสับสน พวกเขาไม่เคยเห็นมีเจ้าไหนบ้างได้จัดงานแต่งงานจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมันคือพระราชทานอภิเษกสมรสจากฮ่องเต้เสียอีกหากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป เกรงว่าจวนแม่ทัพจะกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวงเข้าแล้วจ้านเป่ยว่างไปตามหานางหมิน และความโกรธในใจของเขาไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป เขาตบโต๊ะอย่างแรงแล้วพูดว่า "พี่สะใภ้ ถ้าเจ้าไม่อยากช่วยข้าเพื่อจัดงานแต่งงานให้มีเกียรติดูยิ่งใหญ่ก็บอกข้าได้เลย ตอนนี้งานแต่งดีๆ กลับกลายเป็นเรื่องตลกแทน แขกไปกันหมด แล้วต่อไปข้าจะเป็นข้าราชการในราชสำนักได้ยังไงล่ะ"นางหมินรู้สึกคับข้องใจมาก และน้ำตาไหล "ข้าก็จัดตามรายชื่อแขกเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ ก็มีคนมากันเยอะขนาดนี้ เรื่องนี้จะมาโทษข้าได้ยังไง อีกอย่าง คนที่ดูแลบ้านในอดีตก็ไม่ใช่ข้า ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงต่างๆ มักจะเป็นซีซีจัดการให้ ข้าเห็นนางจัดเรียงตามรายชื่อแขกด้วย และไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ใครจะรู้ว่าจะมีคนมามากมายโผล่มาเช่นนี้""อย่าพูดถึงนาง!" จ้านเป่ยว่างกำลังรู
เขาเงียบไปสักพัก แล้วหันกลับมาสั่งคนเข้าไปทำความสะอาดนี่คือผู้หญิงที่เขาสู่ขอมาด้วยผลงาน งานแต่งงานในคืนนี้ดูไม่เหมาะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความผิดของใครก็ตาม ก็นางข้องใจจริงๆเขาอดทนไว้เขาไม่อาจปล่อยให้ตัวเองรู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย เพราะเขายังต้องเห็นซ่งซีซีเสียใจอีกเฮอะ ถ้าซ่งซีซีรู้ว่างานแต่งงานของเขากับยี่ฝางล้มไม่เป็นท่าเช่นนี้ นางคงจะหัวเราะเยาะกระมังณ จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกง คืนนี้ซ่งซีซีเหงื่อออกมากหลังจากฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ นางเลยอาบน้ำร้อน และให้เป่าจูนำหม้อเหล้ามา นางจะดื่มคนเดียวเดือนที่ผ่านมา นางใช้ชีวิตเกือบแบบนี้ทุกวัน อ่านหนังสือตอนกลางวันและฝึกศิลปะการต่อสู้ตอนกลางคืน หลังจากแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพได้หนึ่งปี นางก็ไม่ได้ฝึกฝนแม้แต่ท่าเดียว แม้ว่าไม่ถึงขั้นลืมท่าไป แต่ท่าบางท่าก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนนางต้องการฝึกฝนให้ดีกว่าเดิมนางไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของจ้านเป่ยว่างและยี่ฝาง แม่นมฮวงและแม่นมเหลียงควบคุมคนรับใช้อย่างเข้มงวดมาก เรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพไม่อนุญาตให้พูดคุยเลยแม้แต่น้อยหลังจากเมานิดหนึ่ง เป่าจูก็เปิดม่านแล้วรีบเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยถือ