ซ่งซื่ออันพาลูกน้องขนสินเดิมทั้งหมดกลับไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกงซ่งซีซีออกมากล่าวขอบคุณ และชวนทุกคนเข้าไปดื่มชาซ่งซื่ออันกลับส่ายหัว "จะไม่ดื่มชานี้ในตอนนี้แล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญอื่นที่ต้องทำ อีกอย่าง จ้านเป่ยว่างให้ข้าฝากบอกเจ้าว้า เขาบอกว่าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง"ซ่งซีซีหรี่ตาลง "หลานได้ยินแล้ว แต่ไม่มีอะไรจะตอบเขา ในเมื่อท่ารลุงยุ่งอยู่ หลานก็ไม่ฝืนใจให้เขาอยู่ต่อ"ซ่งซื่ออันพอใจกับคำตอบของนางมาก ตระกูลซ่งขาดอะไรก็ได้ แต่ขาดความภาคภูมิใจในตัวของพวกเขาไม่ได้ จากนั้นเขาก็พาคนออกไปไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปดื่มชา แค่ว่ายามนี้จวนเสนาบดีกั๋วกงยังวุ่นวายอยู่ และคนใช้มาใหม่คงยังเรียนรู้กฎไม่ได้เร็วขนาดนี้ หากเป็นเขาคนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่เขายังพาลูกน้องคนอื่นมาด้วยคนเยอะก็มักจะมีเรื่องเยอะ หากคนรับใช้ทำอะไรไม่ดีขึ้นมาโดนแพร่ออกไป ยามนี้จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกงไม่สามารถทนต่อข่าวลือแม้แต่น้อยเลยซ่งซีซีกลับไปที่เรือนหลิงหลง เขียนจดหมายและสั่งให้ผู้คนรีบส่งกลับไปให้อาจารย์ โดยขอให้อาจารย์ช่วยตรวจสอบสงครามระหว่างเมืองซีจิงและแคว้งซางที่ชายแดนเฉิงหลิงในใจของนางยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่นา
แต่ปัญหาคือไม่มีใครบอกนาง ว่าจะมีทหารมาอีกทั้งมาเป็นร้อยกว่าคน ครอบครองที่นั่งจำนวนมาก ทำให้แขกจำนวนมากที่ได้รับคำเชิญกลับไม่มีที่นั่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารที่มาที่นี่เพื่อแสดงเป็นมิตร เป็นคนใหญ่คนโตของราชสำนักนี่น่ะเมื่อตีสนิทได้ มันจะเป็นผลประโยชน์ต่อจ้านเป่ยว่างในเรื่องที่เขาจะเลื่อนตำแหน่งงาน เวลานี้จะให้จัดการอย่างไร?แต่พวกเขาทั้งหมดต่างยืนตัวสั่นท่ามกลางลมหนาว ช่างเป็นบาปจริงๆจู่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็หันไปหานางหมิน เพื่อให้นางคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว นางหมินก็ตกใจและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ไม่มีใครบอกนางว่ายังมีแขกอีกสินะ? นางจัดที่นั่งตามรายชื่อแขกเลยแขกยังประหลาดใจมากที่จู่ๆ เห็นคนไร้ระเบียบกว่าร้อยคนมาที่นั่น พอมาถึงก็ยึดที่นั่งและเริ่มกินดื่ม ต่างหัวเราะล้อเล่นกับเจ้าสาว เสียงหัวเราะดังมาก ทำไมรู้สึกสภาพเช่นนี้ดูแปลกไปหน่อยในนั้นมีขุนนางจากตระกูลชนชั้นสูงมากมาย ที่พวกเขามาเพราะเห็นแก่ฮ่องเต้ พวกเขาเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน? แม้ว่าจวนแม่ทัพจะไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่โตอะไร แต่ก็สืบทอดกันมาหลายปี แล้วเหตุใดจึงเกิดความวุ่นวายในงานแต่งงานที
ยี่ฝางรู้สึกว่าข้อกล่าวหาของเขาไม่สมเหตุสมผล นางหัวเราะเยาะ "วันนี้ข้าเพิ่งแต่งเข้ามา เจ้าก็ดุข้าเสียงดังเช่นนี้ ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะเป็นยังไงบ้าง อีกอย่าง ทหารเหล่านี้ยังบุกน้ำลุยไฟติดตามเจ้ามาตลอดด้วย และเป็นพยานว่าเรารักกันยังไง ก็จริงที่ข้าชวนพวกเขามาไม่ได้บอกพวกเจ้าล่วงหน้า แต่งานเลี้ยงใหญ่เช่นนี้จะไม่เตรียมเผื่อสักสิบโต๊ะไว้ที่ไหนกัน ส่วนพวกเขาได้ออกจากค่ายทหารโดยรับอนุญาตหรือไม่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แม่ทัพหลิวไม่ใช่คนไร้เหตุผล"ทันทีที่ยี่ฝางดูแข็งแกร่งขึ้นมา จ้านเป่ยว่างก็อ่อนข้อให้เลย เขาไม่ต้องการสร้างปัญหากับนางในวันแต่งงานของพวกเขาจริงๆ ดังนั้นเขาจึงถามแค่ว่า "หากพูดเช่นนี้ ที่พวกเขาออกจากค่ายคือได้รับอนุญาตจากแม่ทัพหลิวงั้นเหรอ"ยี่ฝางไม่ได้ถามแม่ทัพหลิว นางแค่ออกคำสั่งให้พวกเขามาด้วย เพราะนางคิดว่ามันไม่สำคัญ แม่ทัพหลิวเป็นคนคุยง่ายดังนั้นนางจึงเมินคำถามนี้ ก่อนดุว่า "เป็นเพราะพวกเจ้าเตรียมงานไม่พร้อม พวกเจ้าไปถามเจ้าอื่นดูสิ มีใครบ้างที่จัดงานแต่งงานจะไม่เตรียมโต๊ะเผื่อไว้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องแต่งงานนี้ จัดไม่ได้เรื่องจริงๆ ยังกล้ามาโทษข้าอีก"ในเรื่องน
แขกทุกคนจากไปหมดแล้ว เหลือเพียงทหารหยาบคายจำนวนหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนแทบจะหัวใจวายคนอื่นๆ ในจวนแม่ทัพก็มองหน้ากันด้วยความสับสน พวกเขาไม่เคยเห็นมีเจ้าไหนบ้างได้จัดงานแต่งงานจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมันคือพระราชทานอภิเษกสมรสจากฮ่องเต้เสียอีกหากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป เกรงว่าจวนแม่ทัพจะกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวงเข้าแล้วจ้านเป่ยว่างไปตามหานางหมิน และความโกรธในใจของเขาไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป เขาตบโต๊ะอย่างแรงแล้วพูดว่า "พี่สะใภ้ ถ้าเจ้าไม่อยากช่วยข้าเพื่อจัดงานแต่งงานให้มีเกียรติดูยิ่งใหญ่ก็บอกข้าได้เลย ตอนนี้งานแต่งดีๆ กลับกลายเป็นเรื่องตลกแทน แขกไปกันหมด แล้วต่อไปข้าจะเป็นข้าราชการในราชสำนักได้ยังไงล่ะ"นางหมินรู้สึกคับข้องใจมาก และน้ำตาไหล "ข้าก็จัดตามรายชื่อแขกเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ ก็มีคนมากันเยอะขนาดนี้ เรื่องนี้จะมาโทษข้าได้ยังไง อีกอย่าง คนที่ดูแลบ้านในอดีตก็ไม่ใช่ข้า ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงต่างๆ มักจะเป็นซีซีจัดการให้ ข้าเห็นนางจัดเรียงตามรายชื่อแขกด้วย และไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ใครจะรู้ว่าจะมีคนมามากมายโผล่มาเช่นนี้""อย่าพูดถึงนาง!" จ้านเป่ยว่างกำลังรู
เขาเงียบไปสักพัก แล้วหันกลับมาสั่งคนเข้าไปทำความสะอาดนี่คือผู้หญิงที่เขาสู่ขอมาด้วยผลงาน งานแต่งงานในคืนนี้ดูไม่เหมาะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความผิดของใครก็ตาม ก็นางข้องใจจริงๆเขาอดทนไว้เขาไม่อาจปล่อยให้ตัวเองรู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย เพราะเขายังต้องเห็นซ่งซีซีเสียใจอีกเฮอะ ถ้าซ่งซีซีรู้ว่างานแต่งงานของเขากับยี่ฝางล้มไม่เป็นท่าเช่นนี้ นางคงจะหัวเราะเยาะกระมังณ จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกง คืนนี้ซ่งซีซีเหงื่อออกมากหลังจากฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ นางเลยอาบน้ำร้อน และให้เป่าจูนำหม้อเหล้ามา นางจะดื่มคนเดียวเดือนที่ผ่านมา นางใช้ชีวิตเกือบแบบนี้ทุกวัน อ่านหนังสือตอนกลางวันและฝึกศิลปะการต่อสู้ตอนกลางคืน หลังจากแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพได้หนึ่งปี นางก็ไม่ได้ฝึกฝนแม้แต่ท่าเดียว แม้ว่าไม่ถึงขั้นลืมท่าไป แต่ท่าบางท่าก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนนางต้องการฝึกฝนให้ดีกว่าเดิมนางไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของจ้านเป่ยว่างและยี่ฝาง แม่นมฮวงและแม่นมเหลียงควบคุมคนรับใช้อย่างเข้มงวดมาก เรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพไม่อนุญาตให้พูดคุยเลยแม้แต่น้อยหลังจากเมานิดหนึ่ง เป่าจูก็เปิดม่านแล้วรีบเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยถือ
จดหมายทหารที่ท่านตาส่งกลับมานางไม่มีโอกาสได้อ่าน จดหมายทหารนั้นต้องส่งไปที่กระทรวงกลาโหมก่อน และกระทรวงกลาโหมจะทำสำเนาไว้แล้วค่อยส่งต่อให้ฮ่องเต้ดังนั้น กระทรวงกลาโหมน่าจะมีจดหมายทหารและหนังสือแจ้งชัยชนะที่ท่านตาส่งให้ นางต้องแอบเข้าไปในกระทรวงกลาโหมสักครั้งที่กระทรวงกลาโหมในตอนกลางคืนจะไม่มีใครอยู่ เพราะสำนักหกกระทรวงอยู่ทั้งสองฝั่งของถนนเชียนปู้ ติดกับพระราชวัง กองทัพจักรวรรดิจะไม่ลาดตระเวนถนนถนนเชียนปู้ แต่ผู้คนจากค่ายลาดตระเวนจะลาดตระเวนที่นั่นแน่แต่นางต้องการอ่านจดหมายรายงานสงครามครั้งนี้ และอนุสรณ์หลังสงครามที่ท่านตาของนางมอบให้ สิ่งหนึ่งที่นางยืนยันได้คือ ท่านตายอมรับผลงานของยี่ฝาง มิฉะนั้น กระทรวงกลาโหมจะไม่ตัดสินผลงานเช่นนี้ชาวเมืองซีจิงเป็นคนประเภทมีแค้นก็ต้องชำระ หาก ยี่ฝางสังหารหมู่บ้านและผู้ถูกจับ ไม่ว่าพวกเขายอมจำนนด้วยเหตุผลใด พวกเขาจะไม่มีทางยอมให้อย่างง่ายๆ มีความเป็นไปได้สูงมากคือพวกเขาสร้างพันธมิตรกับแคว้งซา และปรากฏตัวบน สนามรบเขตหนานเจียงนางหาแผนที่มาตรวจดู หากผู้คนจากเมืองซีจิงปรากฏตัวในสนามรบเขตหนานเจียง โดยไม่ผ่านแคว้งซาง พวกเขาจะต้องไปที่แคว้งซาก่อน จ
ในคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซ่งซีซีแอบเข้าไปในห้องสมุดของกระทรวงกลาโหมได้สำเร็จไม่จำเป็นต้องค้นหาอย่างหนัก จดหมายทหารทั้งหมดเกี่ยวกับสงครามชายแดนเฉิงหลิงถูกวางไว้ที่ด้านซ้ายบนของชั้นวาง นางหยิบไข่มุกราตรีที่นางพกตัวออกมาแล้วคลุมด้วยผ้าเพื่อบังแสงบางส่วน ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องแล้วหยิบจดหมายทหารออกมาอ่านดูหลังจากอ่านเสร็จแล้ว ร่างกายของนางก็หนาวเย็นไปหมด และน้ำตาของนางก็ไหลไม่หยุดจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางไปเป็นกำลังเสริม หลังจากที่พวกเขามาถึงชายแดนเฉิงหลิง ก็เข้าร่วมการออกศึก แต่พวกเขาไม่มีประสบการณ์มากนักในสนามรบ ดังนั้นในการต่อสู้ครั้งแรก ท่านลุงสามเพื่อช่วยเขาได้หักแขนไปข้างหนึ่งท่านลุงเจ็ด ซึ่งในความทรงจำของนาง เขายังคงเป็นชายหนุ่มที่มีออร่าแข็งแกร่งกลับได้เสียชีวิตในสนามรบก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึงท่านตาของนางก็ได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง ดังนั้น จ้านเป่ยว่างจึงเป็นผู้นำในการต่อสู้ต่อไปในที่สุด จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางเป็นผู้พลิกสถานการณ์จริงๆ พวกเขานำกองทหารบุกเข้าไปในเขตลู่เอ๋อร์ของเมืองซีจิง จ้านเป่ยว่างรับผิดชอบในการเผาคลังเสบียงทหารของเมืองซีจิง รวมถึงธัญพืชแล
ณ ห้องหนังสือจักรพรรดิ์ซูชิงมองไปยังซ่งซีซีที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นหินอ่อนสีขาวทรงสวมชุดสีขาวเรียบๆ และเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ไม่ได้มัดทรงผมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหญิงแต่งงานแล้วไว้เหมือนครั้งล่าสุดที่นางเข้าวัง แต่มัดเป็นหางม้าสูง และใช้ผ้าขาวมัดไว้แน่นใบหน้าของนางดูซีดเผือด ดวงตาของนางเป็นสีแดงอ่อน และมีรอยคล้ำด้วย ราวกับว่านางไม่ได้นอนมาทั้งคืน และขนตาที่โค้งงอเล็กน้อยของนางดูเหมือนจะเปื้อนไปด้วยน้ำตานางมีหน้าตาที่งดงาม อยู่ในสภาพน่าสงสาร แต่กลับไม่มีความรู้สึกอ่อนแอ เผยให้เห็นความเเข้มแข็งและความอุตสาหะในดวงตาของนาง"หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ!" เสียงของนางฟังดูแหบแห้ง เมื่อคืนหลังจากเป่าจูออกไป นางก็ร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มเป็นเวลานาน"เคยร้องไห้มาหรือ?" จักรพรรดิ์ซูชิงขมวดคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูไม่พอใจเล็กน้อย "เป็นเพราะงานแต่งงานระหว่างจ้านเป่ยว่างกับยี่ฝางหรือเปล่า?"ซ่งซีซีส่ายหัว และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จักรพรรดิ์ซูชิงก็พูดต่อว่า "เจ้าเป็นคนเข้าวังเพื่อขอพระราชโองการให้หย่าโดยสันติ ในเมื่อหย่ากันแล้ว ต่อไปต่างคนก็ต่างไปเลย เหตุใดเจ้าต้องไปเสียใจเรื่องอดีต หากเจ้าปล่อยวางไ