ขบวนรับเจ้าสาวสองขบวนได้เจอกันจ้านเป่ยว่างมองไปที่เซี่ยหลูโม่ และเซี่ยหลูโม่ก็มองไปที่จ้านเป่ยว่างด้วยพวกเขาสบตากัน ในใจของเซี่ยหลูโม่มีแต่ความรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่เขาละทิ้งซ่งซีซี แน่นอนว่าการรู้สึกขอบคุณเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เเรื่องที่ชายคนนี้ทำผิดกับซีซีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งดวงตาของจ้านเป่ยว่างซับซ้อน ครั้งหนึ่ง เขาเคยสู่ขอซ่งซีซีกลับจวนของเขาด้วยท่าทีอันสูงส่งเช่นนี้ในเวลานั้นเขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้แต่พระเจ้าชอบเล่นตลกกับมนุษย์ บัดนี้ซ่งซีซีกลายเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ส่วนเขาแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังรู้สึกขาดอะไรไปดังนั้น เมื่อเขามองไปที่เซี่ยหลูโม่ ดวงตาที่ซับซ้อนของเขาไม่เพียงแต่ความอิจฉา ความริษยา ความขุ่นเคือง ความไม่ยอม ความหงุดหงิด ความโศกเศร้า...ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าเขาและซ่งซีซีไม่สามารถกลับไปได้แล้ว และพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกันอีกเลยด้วยจิตสำนึกที่ชัดเจนนี้ ตอนที่พวกเขาสวนหน้ากัน ทำให้เขาพูดขึ้นมาว่า "ขอแสดงความยินดีกับท่านท่านอ๋อง ที่แต่งงานกับผู้หญิงที่ถูกจวนแม่ทัพของข้าทอดทิ้ง"เขารู้ว่าเขาไม่ม
หลังจากเข้าไปในจวนอ๋องแล้ว ซ่งซีซีก็ได้ยินเสียงดังวุ่นวายมากมายผสมกับคำอวยพรด้วย บางเสียงก็คุ้นหูและบางเสียงก็ไม่คุ้นเคยนอกจากนี้ยังมีเสียงที่น่ารำคาญขององค์หญิงใหญ่ โอ้ ท่านหญิงเจียอี้ที่น่ารำคาญคนนั้นก็อยู่ด้วย มีแต่ทำเอางานแต่งงานของนางสกปรกได้ศิษย์พี่เป็นคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่แขก และบดบังนางที่เป็นเจ้าสาวอีกด้วย แต่ก็ไม่สำคัญเพราะเสิ่นว่านจือแอบเข้ามาอย่างเงียบๆ และจับมือนาง "เดาสิว่าข้าเป็นใคร?""ทำตัวเป็นเด็กเลย!" ซ่งซีซีพูดด้วยรอยยิ้ม "เจ้าคือกุ้นเอ๋อร์""กุ้นเอ๋อร์อะไร" เสิ่นว่านจือหัวเราะเบาๆ "กุ้นเอ๋อร์ในยามนี้น่าจะถูกแสดงอยู่ในห้องโถงด้านข้างนี่น่ะ เขาเป็นสินเดิม"ซ่งซีซีก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา รู้สึกหายเครียดไม่น้อยเลยไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำขั้นตอนอะไรอยู่ แต่ซ่งซีซีก็ยืนอยู่ที่นี่และดูเหมือนว่ากำลังจัดชุดสำหรับการไหว้ นางกำลังคิดแบบสุ่มอยู่ในใจ จัดชุดสำหรับการไหว้งั้นเหรอ? นางกับเซี่ยหลูโม่ไหว้เป็นสหายแล้วหรือ?ฮ่าๆ น่าตลกจังเลยก็ได้ อันที่จริงมันไม่ตลกเลย แต่จิตใจของนางอดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่าน เพราะนางมองไม่เห็นอะไรเลยทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงคนใค
หลังจากยกผ้าคลุมหัวสีแดงขึ้นแล้ว แม่สื่อก็เดินเข้าไปถอดผ้าออกโดยตรงดวงตาของพวกเขาสบกัน และดวงตาของกันและกันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในขณะนั้น ทั้งคู่กลั้นหายใจหัวใจของเซี่ยหลูโม่เต้นเร็วขึ้น และเขาไม่อาจจะละสายตาจากใบหน้าของนางได้แม้แต่น้อย วันนี้ นางสวยมาก เขาไม่เคยเห็นความงามเช่นนี้มาก่อน เหมือนนางฟ้าดอกทอที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นทอซ่งซีซีมองเขาที่กำลังเหม่อลอย เขาหล่อเหล่าและดูสดใสมากกว่าที่นางเห็นในก่อนหน้านี้ ลายมังกรบนชุดแต่งงานของเขาแสดงให้เห็นสถานะของเขา ไม่มีความเย็นชาในรัศมีของชนชั้นสูง มีเพียงแววความอ่อนโยนฉายผ้่นดวงตาของเขา และพระวรกายอันสูงและสง่าราวกับเทพเจ้าเสด็จมาทั้งสองมองหน้ากันด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แต่ก็ยังไม่อยากละสายตาออกไปบางสิ่งบางอย่างมันบอกไม่ถูก เมื่อสบตากันนั้น ต่างก็รู้สึกถึงจนกระทั่งแม่สื่อพูดจากด้านข้างว่า "ท่านอ๋อง ท่านพระชายา พวกฮูหยินและคุณหนูที่อยู่ข้างนอกอยากเข้ามาขอเงินนำโชคเพื่อร่วมสุขด้วยเจ้าคะ"ซ่งซีซีถึงกับสะดุ้ง ไม่ใช่ว่าต้องดื่มสุหราร่วมกันก่อนหรือก่อนที่นางจะถามออกมา ก็เห็นคนจำนวนมากวิ่งเข้ามาในเรือนหอสิ่งที่ทำให้ซ่งซีซีประทับใจมากก็
การนินทาอาจารย์ของตนเองกับอาจารย์ของคนอื่น เป็นเรื่องสบายมากซ่งซีซีสะบัดมือขึ้น แล้วให้สาวใช้พวกนางออกไปเฝ้าประตูเสิ่นว่านจือกล้าพูดทุกเรื่อง นางพูดว่า "เราอยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง อาจารย์ของเจ้าเป็นคนสั่ง ให้เราอยู่ในโรงเตี้ยมในอำเภอเล็กๆ ที่นอกเมือง ขโมยที่นั่นก็มีไม่น้อย ดีที่เรามีคนต่อศู้เก่งๆ มากมาย ถึงไม่ได้ทำให้สินเดิมหาย"เมื่อสองวันก่อน นั่นก็คือวันเวลาที่ที่ศิษย์พี่ใหญ่จากไป อาจจะออกจากเมืองเพื่อไปพบกับอาจารย์"แต่ อาจารย์ของเจ้าจะพาศิษย์พี่สาวรองของเจ้าเข้าเมืองหลวงทุกวัน มาตั้งแต่เช้ากลับเย็น ไม่รู้ว่าเขาสอบถามข่าวอะไร วันนี้พวกเรารออยู่นอกเมืองตอนเที่ยง เมื่อถึงเวลาสินเดิมของเจ้ากำลังจะออกเดินทางแล้ว เราก็วิ่งเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว"เสิ่นว่านจือบ่นว่า "ข้าไม่เคยตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้ แต่ก็มีความสุขมาก รู้สึกเหมือนคนทั้งเมืองกำลังให้ความสนใจเรา"เฉินเฉินก็รู้สึกตื่นเต้นมาก "ข้าไม่เคยเห็นฉากนี้มาก่อน ว้าว มันครึกครื้นมากจริงๆ นิกายจิ้งฮัวของเราเป็นศิษย์พี่รายงาน เสียงของศิษย์ได้ดังก้องมาก ข้าว่าทุกคนในเมืองหลวงจะได้ยินมันหมดเลย"ซ่
วันนี้ จวนอ๋องคึกคักมากเป็นพิเศษขุนนางต่างๆ ตราบใดที่มีระดับชั้นสี่ขึ้นไป ส่วนมากก็มาแล้ว ส่วนที่ไม่มานั้น หากไม่ได้ไปงานเลี้ยงออกเรือนของจวนป๋อผิงซี ไม่ก็ไปงานเลี้ยงแต่งงานของฝ่ายจ้านเป่ยว่างอย่างไรก็ตาม หัวข้อที่ทุกคนกล่าวถึงมากสุด กลับไม่ใช่ซ่งซีซีผู้เป็นพระชายาท่านอ๋อง กลับเป็นเหรินหยางอวิ๋นนำกลุ่มผู้ต่อสู้จากแวดวงการต่อสู้เพียงหัวข้อเรื่องเหรินหยางอวิ๋นอย่างเดียวก็มากเพียงพอที่ทุกคนแอบกระซิบลับหลังแล้วเหรินหยางอวิ๋นคือใครกัน? ตระกูลเหรินเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในเมืองหลวงในสมัยก่อน เพียงแต่สุดท้ายพวกเขาก็ถอนตัวออกจากกลุ่มชนชั้นสูง และก่อตั้งสถาบันขึ้น ผู้ที่รู้ความบางคนกล่าวว่าแม้ว่าจะไม่มีผู้นำในแวดวงการต่อสู้ แต่ด้วยสถานะของเหรินหยางอวิ๋นนั้น โดยหลักแล้วก็เท่ากับผู้นำแวดวงการต่อสู้ไม่มีอะไรมากไปกว่าต่อสู้เก่งมีเงินเยอะต่อสู้เก่ง มีทักษการต่อสู้เก่งจนน่าทึ่ง ไม่รู้ว่าบุคคลนี้ได้เจออะไรมา กลับสามารถฝึกฝนทักษการต่อสู้อย่างเหลือเชื่อจริงๆมีเงินเยอะ นี่คงไม่ต้องอธิบาย ทรัพย์สินสมบัติที่ตระกูลเหรินสะสมมาหลายชั่วอายุคน และคาดว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถนับจำนวนเนินเขาแ
หลังจากดื่มไปสักพักแล้ว เหรินหยางอวิ๋นก็นำลูกศิษย์ของสถาบันว่านซงเหมินออกไปดื่มอวยพรอย่าว่าแต่เหรินหยางอวิ๋น แม้ว่ามีเสิ่นชิงเหอจะอยู่ด้วย เมื่อพวกเขาก็มาดื่มอวยพร แล้วเสนาบดีก็ต้องยืนขึ้นและตอบสนองเดิมทีการแต่งงานครั้งนี้รับประกันโดยหยานไท่ฟู่ ดังนั้นเหรินหยางอวิ๋นจึงเสนอดื่มให้หยานไท่ฟู่สามแก้ว และเขาจะดื่มหมดแก้ว ส่วนหยานไท่ฟู่เพียงจิบสักหน่อยก็พอ ถือว่าให้เกียรติไท่ฟู่มากแล้ว และคำนึกถึงสุขภาพของเขาไม่เหมาะที่ดื่มมากด้วยทันใดนั้นดวงตาของซ่งซีซีก็แดงขึ้นขณะที่นางมองดูผู้คนจากสถาบันว่านซงเหมินยืนขึ้นเพื่อดื่มอวยพรให้แขกต่างๆไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขากำลังสร้างหน้าตาให้นาง แม้ว่าสถานที่จัดงานในวันนี้จะอยู่ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ทว่าพวกเขาก็ต้องบอกทุกคนว่าสถานที่นี้จะเป็นของนาง ซ่งซีซีจากนี้ไปเช่นกันแม้ว่าการแต่งงานในตระกูลชั้นสูงจะไม่มีกฎเกณฑ์ดังกล่าวเช่นนี้ แต่พวกเขาก็มาจากแวดวงการต่อสู้ ใครจะไปถือสาพวกเขาล่ะ? นอกจากนี้ เหรินหยางอวิ๋นก็เกิดมาในครอบครัวชั้นสูงด้วย และยังมีเสิ่นชิงเหออยู่ด้วย ผู้ใดที่ไม่เห็นแก่หน้าเขาบ้าง?ใครกล้าว่าพวกเขาทำผิด?ส่วนองค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้
ท่านหญิงเจียอี้หัวเราะอยู่ข้างๆ ว่า "ท่านแม่ ไม่ได้เลยนะ ถ้าซ่งซีซีถามขึ้นมาในภายหลัง และโทษไทเฟย จะไม่... โอ้ อย่าพูดเลย ไทเฟยไม่กล้าหรอก"บอกตรงๆ ว่า แม่ลูกสองคนพวกนางรู้วิธีจัดการสนมฮุ่ยไทเฟย นางอย่างง่ายดาย นาง "ไร้เดียงสา" มากจนน่ากลัว และยิ่งรับมือกับลูกไม้ที่คนอื่นมายั่วยุนางไม่ได้มากที่สุดนางพูดทันที "ก็แค่ไข่มุกตงจูไม่กี่เม็ดนี่เอง หากข้าหยิบแล้ว นางกล้าโกรธจริงๆ หรือ"เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อกี้นางยังกังวลว่า ซ่งซีซีมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง นางที่เป็นแม่สามีจะสร้างอำนาจไม่ได้ แต่พอคำพูดไม่กี่คำในตอนนี้ นางก็ทำได้แล้ว มีความมั่นใจมากด้วยนางออกจากโต๊ะทันที ยกคางขึ้นแล้วพาแม่นมเกาไปที่ห้องโถงด้านข้างในขณะนี้ มีกินเลี้ยงบ้าง ดื่มอวยพรบ้าง คนที่เฝ้าสินเดิมนั้นมีแค่สองสามตน เพราะแขกรับเชิญในจวนต่างเป็นผู้มีอำนาจ ไม่มีใครจะทำต่ำช้าแบบนี้คนที่ดูแลสินเดิมนั้นคือองครักษ์ที่อาจารย์หยูจินจัดให้ เมื่อพวกเขาเห็นสนมฮุ่ยไทเฟยมา ก็ไม่ได้สงสัยอะไร ดังนั้นจึงโค้งคำนับและปล่อยให้นางเข้าไปสนมฮุ่ยไทเฟยประสานมือไว้ด้านหลัง แล้วเดินไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยสินเดิม เป็นเรื่องยากมากที่จะเดินทาง พื้
เขาไม่ได้พูดอะไรเลย วันนี้เป็นวันสำคัญของท่านอ๋อง ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องเลื่อนออกไปแต่อาจารย์หยูก็ถอนหายใจว่า ไทเฟยคิดอะไรอยู่เนี่ย? ทำไมถึงเอาสินเดิมของลูกสะใภ้ให้คนอื่นล่ะ?คนปกติสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้หรือ?ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม ไทเฟยที่ "ไร้เดียงสา" ขนาดนี้ ถึงให้กำเนิดลูกชายที่ฉลาดอย่างกับท่านอ๋องได้ซ่งซีซีเพียงดื่มอวยพรสักรอบเท่านั้น เซี่ยหลูโม่ก็กลับเรือนหอพร้อมนาง เขาเป็นเจ้าบ่าว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ถูกจะปล่อยเขากลับเร็วขนาดนี้ ดังนั้น เขาจึงต้องออกไปข้างนอกอีกครั้งซ่งซีซีถูกเขาจับมือไปจนสุดทาง และมองดูเขาจากไป ฝ่ามือของตนเองดูเหมือนจะยังคงมีความอบอุ่นของเขาหลงเหลืออยู่ข้างในห้องยังคงมีเตาทำความอุ่นเผาไหม้อยู่ ช่างอบอุ่นเลยอบอุ่นจนถึงหัวใจเลยปรากฎว่าการหวั่นไหวนั้นคือสิ่งที่ตนเองควบคุมไม่ได้ นางอยากควบคุมใจของตนเอง จะได้แต่ดูดายหัวใจของตนเองจมอยู่กับดวงตาที่อ่อนโยนของเซี่ยหลูโม่แม่นมเหลียงเข้ามา ให้พวกเป่าจู ออกไปร่วมกินเลี้ยง คนรับใช้ก็ทานมือ้หนึ่งได้ และอาหารก็มีมากมายหลายอย่าง แต่อยู่ที่ลานหลัง แทนที่อยู่ลานหลักเมื่อกี้พวกเป่าจูติดตามคุณหนูไปดื่มอวยพรมา เด