การนินทาอาจารย์ของตนเองกับอาจารย์ของคนอื่น เป็นเรื่องสบายมากซ่งซีซีสะบัดมือขึ้น แล้วให้สาวใช้พวกนางออกไปเฝ้าประตูเสิ่นว่านจือกล้าพูดทุกเรื่อง นางพูดว่า "เราอยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง อาจารย์ของเจ้าเป็นคนสั่ง ให้เราอยู่ในโรงเตี้ยมในอำเภอเล็กๆ ที่นอกเมือง ขโมยที่นั่นก็มีไม่น้อย ดีที่เรามีคนต่อศู้เก่งๆ มากมาย ถึงไม่ได้ทำให้สินเดิมหาย"เมื่อสองวันก่อน นั่นก็คือวันเวลาที่ที่ศิษย์พี่ใหญ่จากไป อาจจะออกจากเมืองเพื่อไปพบกับอาจารย์"แต่ อาจารย์ของเจ้าจะพาศิษย์พี่สาวรองของเจ้าเข้าเมืองหลวงทุกวัน มาตั้งแต่เช้ากลับเย็น ไม่รู้ว่าเขาสอบถามข่าวอะไร วันนี้พวกเรารออยู่นอกเมืองตอนเที่ยง เมื่อถึงเวลาสินเดิมของเจ้ากำลังจะออกเดินทางแล้ว เราก็วิ่งเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว"เสิ่นว่านจือบ่นว่า "ข้าไม่เคยตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้ แต่ก็มีความสุขมาก รู้สึกเหมือนคนทั้งเมืองกำลังให้ความสนใจเรา"เฉินเฉินก็รู้สึกตื่นเต้นมาก "ข้าไม่เคยเห็นฉากนี้มาก่อน ว้าว มันครึกครื้นมากจริงๆ นิกายจิ้งฮัวของเราเป็นศิษย์พี่รายงาน เสียงของศิษย์ได้ดังก้องมาก ข้าว่าทุกคนในเมืองหลวงจะได้ยินมันหมดเลย"ซ่
วันนี้ จวนอ๋องคึกคักมากเป็นพิเศษขุนนางต่างๆ ตราบใดที่มีระดับชั้นสี่ขึ้นไป ส่วนมากก็มาแล้ว ส่วนที่ไม่มานั้น หากไม่ได้ไปงานเลี้ยงออกเรือนของจวนป๋อผิงซี ไม่ก็ไปงานเลี้ยงแต่งงานของฝ่ายจ้านเป่ยว่างอย่างไรก็ตาม หัวข้อที่ทุกคนกล่าวถึงมากสุด กลับไม่ใช่ซ่งซีซีผู้เป็นพระชายาท่านอ๋อง กลับเป็นเหรินหยางอวิ๋นนำกลุ่มผู้ต่อสู้จากแวดวงการต่อสู้เพียงหัวข้อเรื่องเหรินหยางอวิ๋นอย่างเดียวก็มากเพียงพอที่ทุกคนแอบกระซิบลับหลังแล้วเหรินหยางอวิ๋นคือใครกัน? ตระกูลเหรินเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในเมืองหลวงในสมัยก่อน เพียงแต่สุดท้ายพวกเขาก็ถอนตัวออกจากกลุ่มชนชั้นสูง และก่อตั้งสถาบันขึ้น ผู้ที่รู้ความบางคนกล่าวว่าแม้ว่าจะไม่มีผู้นำในแวดวงการต่อสู้ แต่ด้วยสถานะของเหรินหยางอวิ๋นนั้น โดยหลักแล้วก็เท่ากับผู้นำแวดวงการต่อสู้ไม่มีอะไรมากไปกว่าต่อสู้เก่งมีเงินเยอะต่อสู้เก่ง มีทักษการต่อสู้เก่งจนน่าทึ่ง ไม่รู้ว่าบุคคลนี้ได้เจออะไรมา กลับสามารถฝึกฝนทักษการต่อสู้อย่างเหลือเชื่อจริงๆมีเงินเยอะ นี่คงไม่ต้องอธิบาย ทรัพย์สินสมบัติที่ตระกูลเหรินสะสมมาหลายชั่วอายุคน และคาดว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถนับจำนวนเนินเขาแ
หลังจากดื่มไปสักพักแล้ว เหรินหยางอวิ๋นก็นำลูกศิษย์ของสถาบันว่านซงเหมินออกไปดื่มอวยพรอย่าว่าแต่เหรินหยางอวิ๋น แม้ว่ามีเสิ่นชิงเหอจะอยู่ด้วย เมื่อพวกเขาก็มาดื่มอวยพร แล้วเสนาบดีก็ต้องยืนขึ้นและตอบสนองเดิมทีการแต่งงานครั้งนี้รับประกันโดยหยานไท่ฟู่ ดังนั้นเหรินหยางอวิ๋นจึงเสนอดื่มให้หยานไท่ฟู่สามแก้ว และเขาจะดื่มหมดแก้ว ส่วนหยานไท่ฟู่เพียงจิบสักหน่อยก็พอ ถือว่าให้เกียรติไท่ฟู่มากแล้ว และคำนึกถึงสุขภาพของเขาไม่เหมาะที่ดื่มมากด้วยทันใดนั้นดวงตาของซ่งซีซีก็แดงขึ้นขณะที่นางมองดูผู้คนจากสถาบันว่านซงเหมินยืนขึ้นเพื่อดื่มอวยพรให้แขกต่างๆไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขากำลังสร้างหน้าตาให้นาง แม้ว่าสถานที่จัดงานในวันนี้จะอยู่ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ทว่าพวกเขาก็ต้องบอกทุกคนว่าสถานที่นี้จะเป็นของนาง ซ่งซีซีจากนี้ไปเช่นกันแม้ว่าการแต่งงานในตระกูลชั้นสูงจะไม่มีกฎเกณฑ์ดังกล่าวเช่นนี้ แต่พวกเขาก็มาจากแวดวงการต่อสู้ ใครจะไปถือสาพวกเขาล่ะ? นอกจากนี้ เหรินหยางอวิ๋นก็เกิดมาในครอบครัวชั้นสูงด้วย และยังมีเสิ่นชิงเหออยู่ด้วย ผู้ใดที่ไม่เห็นแก่หน้าเขาบ้าง?ใครกล้าว่าพวกเขาทำผิด?ส่วนองค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้
ท่านหญิงเจียอี้หัวเราะอยู่ข้างๆ ว่า "ท่านแม่ ไม่ได้เลยนะ ถ้าซ่งซีซีถามขึ้นมาในภายหลัง และโทษไทเฟย จะไม่... โอ้ อย่าพูดเลย ไทเฟยไม่กล้าหรอก"บอกตรงๆ ว่า แม่ลูกสองคนพวกนางรู้วิธีจัดการสนมฮุ่ยไทเฟย นางอย่างง่ายดาย นาง "ไร้เดียงสา" มากจนน่ากลัว และยิ่งรับมือกับลูกไม้ที่คนอื่นมายั่วยุนางไม่ได้มากที่สุดนางพูดทันที "ก็แค่ไข่มุกตงจูไม่กี่เม็ดนี่เอง หากข้าหยิบแล้ว นางกล้าโกรธจริงๆ หรือ"เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อกี้นางยังกังวลว่า ซ่งซีซีมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง นางที่เป็นแม่สามีจะสร้างอำนาจไม่ได้ แต่พอคำพูดไม่กี่คำในตอนนี้ นางก็ทำได้แล้ว มีความมั่นใจมากด้วยนางออกจากโต๊ะทันที ยกคางขึ้นแล้วพาแม่นมเกาไปที่ห้องโถงด้านข้างในขณะนี้ มีกินเลี้ยงบ้าง ดื่มอวยพรบ้าง คนที่เฝ้าสินเดิมนั้นมีแค่สองสามตน เพราะแขกรับเชิญในจวนต่างเป็นผู้มีอำนาจ ไม่มีใครจะทำต่ำช้าแบบนี้คนที่ดูแลสินเดิมนั้นคือองครักษ์ที่อาจารย์หยูจินจัดให้ เมื่อพวกเขาเห็นสนมฮุ่ยไทเฟยมา ก็ไม่ได้สงสัยอะไร ดังนั้นจึงโค้งคำนับและปล่อยให้นางเข้าไปสนมฮุ่ยไทเฟยประสานมือไว้ด้านหลัง แล้วเดินไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยสินเดิม เป็นเรื่องยากมากที่จะเดินทาง พื้
เขาไม่ได้พูดอะไรเลย วันนี้เป็นวันสำคัญของท่านอ๋อง ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องเลื่อนออกไปแต่อาจารย์หยูก็ถอนหายใจว่า ไทเฟยคิดอะไรอยู่เนี่ย? ทำไมถึงเอาสินเดิมของลูกสะใภ้ให้คนอื่นล่ะ?คนปกติสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้หรือ?ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม ไทเฟยที่ "ไร้เดียงสา" ขนาดนี้ ถึงให้กำเนิดลูกชายที่ฉลาดอย่างกับท่านอ๋องได้ซ่งซีซีเพียงดื่มอวยพรสักรอบเท่านั้น เซี่ยหลูโม่ก็กลับเรือนหอพร้อมนาง เขาเป็นเจ้าบ่าว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ถูกจะปล่อยเขากลับเร็วขนาดนี้ ดังนั้น เขาจึงต้องออกไปข้างนอกอีกครั้งซ่งซีซีถูกเขาจับมือไปจนสุดทาง และมองดูเขาจากไป ฝ่ามือของตนเองดูเหมือนจะยังคงมีความอบอุ่นของเขาหลงเหลืออยู่ข้างในห้องยังคงมีเตาทำความอุ่นเผาไหม้อยู่ ช่างอบอุ่นเลยอบอุ่นจนถึงหัวใจเลยปรากฎว่าการหวั่นไหวนั้นคือสิ่งที่ตนเองควบคุมไม่ได้ นางอยากควบคุมใจของตนเอง จะได้แต่ดูดายหัวใจของตนเองจมอยู่กับดวงตาที่อ่อนโยนของเซี่ยหลูโม่แม่นมเหลียงเข้ามา ให้พวกเป่าจู ออกไปร่วมกินเลี้ยง คนรับใช้ก็ทานมือ้หนึ่งได้ และอาหารก็มีมากมายหลายอย่าง แต่อยู่ที่ลานหลัง แทนที่อยู่ลานหลักเมื่อกี้พวกเป่าจูติดตามคุณหนูไปดื่มอวยพรมา เด
แม่นมทายาบนมืออีกข้างของนาง ลดคิ้วลง และปกปิดความโศกเศร้าในดวงตาที่ต้องเล่าถึงฮูหยิน "ตอนที่เจ้ากลับมาเพื่อหาคู่ครอง คนที่มาสู่ขอมีเยอะมากมาย พวกผู้ลากมากดี ลูกหลานตนะกูลชั้นสูงไม่รู้ตั้งเท่าไร"ซ่งซีซีพยักหน้า "เรื่องนี้ข้ารู้""อืม แต่มีเรื่องที่ท่านไม่รู้ด้วย นั่นคือตอนนั้นท่านยังไม่ได้กลับมาจากภูเขาเหม่ยชาน" แม่นมเหลียงนวดยาเบาๆ แล้วถอนหายใจ "ตอนนั้น ข่าวที่ท่านโหว... ท่านเสนาบดีกั๋วกงคุณกัวและพวกคุณชายน้อยเสียชีวิตถูกส่งกลับมา แล้วแน้วหน้าจะไม่มีแม่ทัพได้ยังไง ดังนั้นให้เป่ยหมิงอ๋องดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาเพื่อฟื้นฟูเขตหนานเจียง"ซ่งซีซีดึงมือของนางกลับ นวดมือเองพลางลดตาลง และขนตาของนางก็เปื้อนไปด้วยความชื้น "เรื่องพวกนี้ ข้ารู้ทั้งนั้น แม่นมไม่ต้องพูดอีก"วันนี้มาพูดถึงท่านพ่อและพวกพี่ชาย นางจะรู้สึกเศร้ามาก"ฟังแม่นมพูดจบนะ" แม่นมกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ว่ายังไงวันนี้ต้องไม่ให้หลั่งน้ำตาออกมา "คืนก่อนที่ท่านเป่ยหมิงอ๋องจะนับจำนวนกองทหารและออกเดินทางไปจากเมือง ข้าจำได้ว่ามันเป็นเวลายามไฮ่ ฮูหยินก็พักผ่อนแล้ว เมื่อได้ยินมาว่า เป่ยหมิงอ๋องมาเยี่ยม ฮูหยินก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกไปพ
หลังจากที่แม่นมเหลียงพูดจบ สาวใช้ก็เดินเข้ามาพร้อมบะหมี่หนึ่งชามเมื่อกี้ซ่งซีซียังรู้สึกหิวเลย แต่เมื่อเวลานี้มองดูบะหมี่กำลังร้อนนั้นกลับไม่อยากอาหารแล้วแม่นมเหลียงพูดเบาๆ "กินเถอะ ฮูหยินที่อยู่สวรรค์คงจะมีความสุขมากเมื่อเห็นท่านแต่งงานกับท่านอ๋อง แม่นมรับประกันกับท่าน"ซ่งซีซีถือชามบะหมี่ น้ำตาไหลลงมาบนแกงบะหมี่ทีละหยด นาง สำลักว่า "มงกุฎเฟิ่งฮวงนี้หนักมากจริงๆ มันหนักมากจนคอของข้าเจ็บ มันเจ็บมากจนข้าอยากจะร้องไห้"แม่นมปาดน้ำตาให้นาง ตนเองพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่เจ้าสาวสามารถร้องไห้สักหน่อยได้ "เด็กโง่เอ๊ย กินบะหมี่ให้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวจะถอดมงกุฎให้ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนนี้ข้างนอกคึกคักมาก ไม่ถึงยามจือท่านอ๋องคงกลับเรือนดอกบ๊วยไม่ได้นะ"ซ่งซีซีกินบะหมี่ไปสองสามคำ สะอื้นเล็กน้อย และเสียงของนางก็นุ่มนวลขึ้นมาก "กริชที่เขาให้ไปอยู่ที่ไหน? ตอนนั้นท่านแม่ไม่ได้ส่งของแทนใจให้เขาเป็นการตอบกลับเหรอ?"“กริชถูกวางไว้ในคลังอาวุธของท่านเสนาบดีกั๋วกง ข้าน้อยได้เก็บไว้ พรุ่งนี้ไปหยิบมาให้ท่านดู แน่นอนว่าฮูหยินมีของแทนใจตอบกลับ” แม่นมเหลียงกล่าวพลางหัวเราะอีกครั้ง "มอบผ้าเช็ดหน้าให้ บอก
เพื่อที่จะแต่งงาน นางทำเสื้อผ้าใหม่มากมายบวกกับของขวัญหมั้นจากจวนเป่ยหมิงอ๋องแล้ว ยังมีผ้าชั้นดีอีกมากมายในกล่องเสื้อผ้าของนางเต็มไปด้วยเสื้อตามฤดูกาล มีเป็นกองเลย หลากสีสันและงานปักอันประณีตขนสุนัขจิ้งจอกและเสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกใส่ไว้ในกล่องต่างหากเมื่อมองดูของขวัญหมั้นและสินเดิมเหล่านั้นแล้ว นางแค่รู้สึกว่ามันเพียงพอให้นางสวมใส่ไปตลอดชีวิตส่วนชุดที่นางใส่ตอนนี้และชุดที่นางเพิ่งเก็บใส่ตู้ก็เป็นชุดที่นางจะใส่ในช่วงนี้ ล้วนเป็นสีสดใส ไม่ดูล้าสมัยนอกจากนี้ นางยังเหมาะกับการสวมชุดสีแดงอีกด้วยโดยเฉพาะตอนนี้ที่นางสวมชุดสีม่วงแดง ไม่ใช่สีม่วงเข้ม แต่เป็นสีม่วงที่มีสีแดงตอนที่ดอกทอบานเต็มที่ สะท้อนผิวของนางให้ดูขาวยิ่งขึ้น เติมเต็มความสวยให้ไฝ่หางตาเสื้อผ้าชั้นนอกมีน้ำหนักเบาและนุ่มเป็นพิเศษ และพื้นผิวผ้าแวววาวเรียบๆเพียงว่านางแต่งตัวน้อยชิ้น แต่ดีที่มีเครื่องทำความร้อน เลยไม่เป็นไรซ่งซีซีรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว เมื่อกี้เพิ่งร้องไห้ไปจนทำให้จมูกถูกปิดกั้น หลังจากอาบน้ำเสร็จ จมูกของนางก็หายใจได้เลยมีข่าวจากลานหลักว่า ท่านอ๋องเมาแล้ว อาจจะอีกเดี๋ยวก็คงกลับเรือนหอแล้วตอนนี้