แชร์

บทที่ 303

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
องค์หญิงใหญ่โดนโต้แย้งจนพูดไม่ออก โกรธอยู่นานก่อนที่นางจะลุกขึ้นและเยาะเย้ยว่า "เจ้ารับชมภาพวาดไม่เป็น กลับใช้หัวข้อนี้พูดไปไกล ดูท่าว่าข้ากับฮูหยินโหวผิงหยางพูดไม่เข้าใจกัน ขอกลับก่อน"

หลังจากที่นางพูดจบ ก็จ้องเข็มงสนมฮุ่ยไทเฟย สนมฮุ่ยไทเฟยตกตะลึง ไอ้แก่คนนี้เป็นอะไรกันเนี่ย คนที่ทำให้นางขุ่นเคืองคือฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยาง ทำไมถึงจ้องนางล่ะ?

แต่สุดท้ายแล้วเป็นเพราะนางโดนอีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด และบวกกับมีความร่วมมือทางธุรกิจด้วย ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับนาง และถามว่า "องค์หญิงจะไม่รับชมต่ออีกสักหน่อยหรือ"

องค์หญิงใหญ่เดินเข้าไปหานาง แล้วกระซิบข้างขู่เบาๆ แต่มีแฝงไปด้วยน้ำเสียงขู่ว่า "แน่นอนว่าต้องรับชม หลังจากที่ทุกคนชมเสร็จ เจ้าเอาภาพวาดนี้ไปส่งที่จวนของข้า จัดส่งภายในวันนี้"

หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็พาท่านหญิงเจียอี้ออกไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ จ้านเส้าฮวนจึงรีบติดตามไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกฮูหยินที่สนิทกับองค์หญิงใหญ่ก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนยืนขึ้นและกล่าวลาจากไป

แต่ยังมีคนจำนวนมากที่อยู่ต่อ โดยเฉพาะคุณหนูหยานหรูอวี้ หลานสาวของครอบครัวหยานไท่ฟู่ นางมองภาพแต่ละภาพอย่างจริ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 304

    เมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ฮ่องเต้ เสนาบดีและขุนนางอื่นๆ ต่างก็อยู่ด้วย แม้แต่ลูกชายของตนเองก็ยังพูดคุยกับชายหนุ่มรูปงามที่สวมชุดสีน้ำเงินเมื่อเห็นนางมา ทุกคนรวมทั้งฮ่องเต้ก็ยืนขึ้นและทำความเคารพนางอารมณ์ของสนมฮุ่ยไทเฟยดีขึ้นทันที เป็นเรื่องปกติที่นางจะได้รับความเคารพและยกย่องจากเหล่าฮูหยิน แต่นางแทบไม่ได้ไปมาหาสู่กับฝ่ายราชสำนัก เมื่อบัดนี้พวกเขาต้องแสดงความเคารพต่อนางทีละคน ความทระนงในตัวของนางก็ถึงจุดสูงสุดทันใดนั้น นางก็ลืมสิ่งที่ตนเองคิดอยู่ในรถม้า และหลังจากเห็นทุกคนคารวะเสร็จ ก็ถูกเชิญให้นั่งตำแหน่งหลักว้าว แม้ว่านางจะมีความรุ่งโรจน์และมีเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตของนาง แต่นางก็ไม่เคยได้รับการไหว้จากพวกขุนนางราชสำนักและคุณชายเสิ่นชิงเหอบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหมือนทุกวันนี้ และนางยังนั่งที่หนักหลัก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่นางไม่เคยมีมาในชีวิตจริงๆแย่แล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อซ่งซีซีดูเหมือนจะเพิ่งขึ้นอีกหลังจากที่คนรับใช้เติมน้ำชาแล้ว เสิ่นชิงเหอก็เดินไปหาซ่งซีซี และกระซิบเบาๆ ว่า "การยกย่องคนใดคนนึงถือว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จัดการคนๆ นั้น"ซ่งซีซีหัวเราะออกมา ใครบอกว่าศิษย์พี่ไม่เ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 305

    ซ่งซีซีรับนำใจนี้เอาไว้ แล้วพูดติดตลกด้วยรอยยิ้ม "ในเมื่อพวกใต้เท้าทุกท่านชอบภาพวาดของศิษย์พี่ของข้ามากเช่นนี้ ถ้าข้าบอกว่าจะไม่ขาย ทุกท่านก็คงต้องด่าข้าลับหลังฉันอย่างแน่นอน""จะกล้าที่ไหนล่ะ ไม่กล้าหรอก" หลี่เต๋อฮวย เจ้ากรมกระทรวงกลาโหมยิ้มแล้วพูดเสียงดัง "หากไม่ขายก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ด่าแม่ทัพซ่งแน่นอน ผู้ใดกล้าด่าเจ้า ข้าไม่ปล่อยเขาไปแน่"จะล้อเล่นยังไงกัน แม่ทัพที่โดนเด่นเช่นนี้จะด่าได้อย่างไร? ขุนนางฝ่ายบู๊ผู้ใดที่กล้าด่านางก็เท่ากับมีเรื่องกับกระทรวงกลาโหมของเขาเลยเมื่อได้ยินเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมพูดเช่นนี้แล้ว สตรีข้างนอกต่างก็มองหน้ากันพวกนางทุกคนต่างรู้ว่าซ่งซีซีเคยสร้างผลงานทางทหารมา แต่ถึงยังไงนางก็เป็นแค่สตรีนางนึง บุรุษจะเห็นนางอยู่ในสายตาจากใจจริงหรือแต่คำพูดของเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมดูเหมือนจะล้อเล่น แต่สีหน้าของเขากลับจริงจังมากพวกฮูหยินที่เคยพูดจาแย่ๆ ใส่นางซึ่งเป็นพวกกับองค์หญิงใหญ่นั้น อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ หากคำพูดเหล่านั้นถูกแพร่กระจายและทำให้ซ่งซีซีไม่พอใจได้ คงจะส่งผลสร้างปัญหาให้กับสามีของตนเองฮ่องเต้มองดูซ่งซีซี ความหมายในดวงตาของเขาชัดเจนมาก และชี้ไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 306

    วันนี้ พวกฮูหยินได้เห็นซ่งซีซีได้หน้าตาเป็นอย่างมาก แม้ว่าพวกนางจะอิจฉามากแค่ไหน ก็รู้ว่าเสิ่นชิงเหอกำลังใช้ชื่อเสียงของตนเองเพื่อปกป้องนางด้วยความรักจากศิษย์พี่เสิ่นชิงเหอคนนี้ อย่างอื่นจะยังไงไม่รู้ แต่พวกขุนนางฝ่ายบุ๋นจะต้องให้ความเคารพต่อซ่งซีซีอย่างสูงแน่นอนตัวอย่างเช่น คนอย่างหยานไท่ฟู่ ผู้รักชอมภาพวาดมากพอๆ กับรับชีวิตของตน หากเขายังคงต้องการภาพวาดจากเสิ่นชิงเหอ เขาจะไปมาหาสู่กับซ่งซีซีมากขึ้นอย่างแน่นอนสำหรับทัศนคติของฮ่องเต้ เสนาบดี และหลี่เต๋อฮวยเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมในวันนี้ ทุกคนต่างเห็นอยู่กับตาว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับซ่งซีซีเป็นอย่างมาก นี่ไม่ได้เป็นเพราะคุณชายเสิ่นชิงเหอเท่านั้นทุกคนต้องยอมรับว่า ซ่งซีซี ผู้หญิงที่เคยถูกทอกทิ้งและเหยียบย่ำจนถึงที่สุดนั้น ปัจจุบันนี้กลายเป็นคนโปรดในเมืองหลวงแล้วหลังจากที่ทุกคนซื้อภาพวาดเสร็จแล้ว รุ่ยเอ๋อร์ก็ถูกพาออกไปทักทายกับฮ่องเต้และทุกคนด้วยซ่งซีซีต้องการให้รุ่ยเอ๋อร์ออกมาให้ทุกคนได้รู้จักเขาสักหน่อย ด้วยฐานะว่าที่ผู้นำของจวนเสนาบดีกั๋วกงร่างของเขาตัวเล็ก แต่ยื่นหลังตรงมาก ทำให้ผู้คนนึกถึงบุรุษชายของตระกูลซ่งในก่อนหน้านี้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 307

    หลังจากงานแสดงภาพวาดจบลง ฮ่องเต้ก็พาใต้เท้าทั้งหมดจากไปอย่างมีความสุขพวกฮูหยินก็ทยอยกล่าลาและจากไป หลังจากผ่านเรื่องวันนี้ สถานะของจวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกงในเมืองหลวงก็คงมั่นคงมากแล้ว แม้แต่ฮ่องเต้ก็มาด้วยตนเองซึ่งถือเป็นการให้เกียรติมากทีเดียวเมื่อพระชายาอ๋องฮวยจากไป นางรู้สึกไม่ยอม เพราะซ่งซีซีให้คนส่งภาพวาดแก่สนมฮุ่ยไทเฟย แต่นางในฐานะท่านน้ากลับไม่ได้สักรูปนึงเนื่องจากคนที่เมื่อกี้ซื้อภาพวาดเหล่านี้ล้วนเป็นพวกฮ่องเต้หรือไม่ก็ขุนนาง ท่านอ๋องไม่ได้มา นางเป็นสตรีเข้าไปแย่งซื้อกับพวกบุรุษก็ไม่เหมาะสมอย่างไรก็ตาม จะซื้อหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องนึง ซีซีควรมอบให้นางหนึ่งรูปเพื่อแสดงว่าพวกนางได้คืนดีกันแล้วแต่จนถึงนางจะจากไปแล้ว นางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเลย แค่ไหว้ให้ตามมารยาทว่า "ท่านน้าเดินทางระวังด้วย"นางได้แต่ฝื้นยิ้ม "อืม ไม่ต้องไปส่งข้า"คนที่เดินลงบันไดหินกับนางคือเฉินฮูหยิน เฉินฮูหยินเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาเสมอ เมื่อเห็นนางกลับด้วยมือเปล่า ก็ถามว่า "ท่านพระชายา ทำไมคุณหนูซ่งไม่มอบภาพวาดรูปนึงให้ท่านล่ะ ท่านเป็นถึงท่านน้าของนางเลยนี่"ทันใดนั้น ใบหน้าของพระชายาอ๋องฮวยก็ไม่น่ามองมาก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 308

    พระชายาอ๋องฮวยพูดไม่ออก เมื่อถูกสาวโต้กลับเช่นนี้ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็นึกขึ้นดึงพระชายาอ๋องเยี่ยนเข้ามาเกี่ยวด้วยเพื่อแก้ตัวให้ตนเอง "แล้วพระชายาอ๋องเยี่ยนก็เป็นท่านป้าห่างๆ ของนางด้วย เป็นแม่สื่อของนางเสียอีก ทำไมไม่เห็นนางกลับมาล่ะ หาใช่ว่าแค่แม่เลือดเย็น ทุกคนล้วนเป็นเช่นนี้"ท่านหญิงหลานถอนหายใจ "ท่านป้าสะใภ้มีสนานการณ์เช่นไร ท่านเองก็รู้ดี นางล้มป่วยหนัก ต่อให้อยากมาก็มาไม่ได้หรอก อีกอย่างที่จวนอ๋องเยี่ยนนางก็ตัดสินจะไรไม่ได้ เป็นชายารองที่ดูแลจวน เท่ากับว่ากักบริเวณนางไปแล้ว"พระชายาอ๋องฮวยถอนหายใจ "ช่างเถอะ ต่อไปนี้ฝั่งท่านพี่ของเจ้า ข้าจะไม่ไปมาหาสู่กันอีกเลย เจ้าสุงสิงกับนางก็พอ หากตัดขาดความสัมพันธ์จริงๆ ก็ไม่ได้ เพราะถึงยังไงนางจะเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋องในอนาคต อย่าคิดว่าเสด็จแม่ของเจ้าและนางล้วนเป็นพระชายา แต่มันแตกต่างออกไปเลย เสด็จพ่อของเจ้าทำอะไรไม่ได้เรื่อง ขี้กลัว แม้ว่าเป่ยหมิงอ๋องในยามนี้ไม่กุมอำนาจทางทหาร แต่กลับดูแลกองทัพซวนเจีย และหอต้าหลี่อยู่ เขามีงานข้าราชการจริงๆ"ท่านหญิงหลานไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เสด็จพ่อจะสร้างผลงานได้หรือ เมื่อจักรพรรดิแงค์ก่อนอยู่มีชีว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 309

    ซ่งซีซีส่งนางไปที่ประตู และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "อย่าทำให้ตัวเองต้องเสียเปรียบทุดเรื่อง เอาแต่เอาใจพวกเขา ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับเจ้ามากก็ได้นะ"หลานเอ่อร์เงียบเชียบสักพักนึง จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดอย่างหนักแน่น "คำพูดของท่านพี่ไม่จริงหรอก หัวใจของผู้คนทำจากเนื้อ สักวันนึงข้าจะทำให้พวกเขายอมรับข้าได้"หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็ถูกสาวใช้ช่วยพยุงก่อนขึ้นรถม้าซ่งซีซีเห็นสีหน้าของนางในเมื่อกี้ ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ นางก็รู้สึกหนาวขึ้นมา ราวกับเป็นลางร้ายเมื่อนางกลับมาถึงเรือน ยังคงรู้สึกหนาวเช่นกัน จึงให้เป่าจูเอาถังน้ำร้อนมาให้แม่นมเหลียงถามว่า "คุณหนูไม่สบายหรือเปล่า?""เปล่า แต่จู่ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมา" ซ่งซีซีกล่าวแม่นมเหลียงเห็นว่านางสวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอก และมีเครื่องทำความร้อนที่ห้อง แล้วจะหนาวได้ยังไง?นางแตะหน้าผากของคุณหนู และพบว่ามันหนาวเย็นมาก จึงเรียกหมอหงเชวี่ยที่อยู่ในห้องของรุ่ยเอ๋อร์ ให้มาตรวจชีพจรคุณหนูซ่งซีซีบอกว่าไม่ต้อง แต่ไม่สามารถต้านทานกับแม่นมเหลียงได้หมอหงเชวี่ยเดินมาพร้อมกับกล่องยาบนหลังของเขา จับชีพจรให้นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "แม่นมอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 310

    หมอหงเชวี่ยกลับไปที่ร้านขายยาเย่าหวัง และรายงานกับหมอมหัศจรรย์ดันเรื่องที่คุณหนูซ่งได้ถามถึงพระชายาอ๋องเยี่ยน"เจ้าไม่ได้พูดอะไรไม่ควรพูดใช่ไหม" หมอมหัศจรรย์ดันเหลือบมองเขา น้ำเสียงของเขาดูแข็งกร้าวเล็กน้อยหงเชวี่ยกล่าวว่า "ศิษย์ไม่กล้าพูดมากความ แค่บอกว่าพระชายาอ๋องเยี่ยนไปพักผื้นที่สำนักแม่ชีชิงมู่ขอรับ"หมอมหัศจรรย์ดันถอนหายใจ "เรื่องนี้ เราปกปิดเอาไว้ก่อน รองานแต่งงานของนางเสร็จสิ้นก่อนค่อยว่ากัน ถ้านางรู้ตอนนี้ นางจะไปหาแน่นอน"หงเชวี่ยกล่าวว่า "ศิษย์ก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน อีกไม่กี่วันก็จะจัดงานแต่งงานแล้ว งานแสดงภาพวาดที่คุณชายเสิ่นชิงเหอจัดขึ้นในเมื่อวานยังดึงดูดฮ่องเต้มาด้วย ต่อไปในเมืองหลวงนี้คงไม่มีใครกล้านินทานางอีก ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้หากไปมีเรื่องกับจวนอ๋องเยี่ยนเข้าอีก เรื่องไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ""ใช่ไง นี่นางแต่งงานครั้งที่สอง และแต่งเข้าตระกูลที่มีฐานะสูงกว่าด้วย เดิมทีก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์และมีคนมามายอิจฉาริษยาอยู่แล้ว เมื่อวานเมื่องานแสดงภาพวาดจัดขึ้นก็ทำให้พวกสตรีที่ขี้เม้าท์พวกนั้นได้หยุดม้าท์สักที เมื่อเวลาแต่งงานผ่านไปด้วยดี ได้ยินแต่คำดีๆ ทั้งนั้น งั้นช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 311

    หิมะตกมาสองวันแล้ว ไม่ได้ตกอย่างไม่หยุดไม่หย่อน แต่หยุดพักนึงก็ตกต่อ มีหิมะปกคลุมทั่วทั้งสวน และคนรับใช้ก็ทำความสะอาดถนน ไม่ได้ขัดขวางการเดินทางดอกบ๊วยบานสะพรั่งแต่กลับถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบ เมื่อใช้เท้าเตะออกไป หิมะก็ตกลงมา และดอกไม้ก็ร่วงหล่นลงมาด้วยเมื่อเห็นสีแดงที่หลงเหลืออยู่ในหิมะสีขาวบนพื้น ซ่งซีซีจึงพารุ่ยเอ๋อร์ออกไปและปั้นมนุษย์หิมะดอกบ๊วยรุ่ยเอ๋อร์ยังไปตามหาก้อนกรวดสองก้อนอย่างมีความสุขเพื่อใช้เป็นดวงตาสำหรับมนุษย์หิมะ ซึ่งดูไม่ค่อยสวยเท่าไรซ่งซีซีหยิบเสื้อคลุมมาสวมบนมนุษย์หิมะแล้วสวมหมวกให้ด้วย เมื่อมองจากระยะไกล มันดูเหมือนคนคนหนึ่งจริงๆไม่ไกลนัก กระดานวาดภาพของเสิ่นชิงเหอก็ถูกจัดวางขึ้นมาแล้ว และเขาวาดภาพได้สักพักแล้ว ศิษย์น้องที่ร่าเริงเช่นนี้ไม่ได้เจอมานานแล้ว ภาพวาดนี้ต้องส่งกลับสถาบันในวันที่ยี่สิบของเดือนจันทรคติที่สิบสอง งานแต่งงานก็ใกล้เข้ามา และซ่งซีซีก็ยุ่งมากทีเดียวชุดแต่งงานถูกส่งมอบมา ชุดแต่งงานที่ใช้เวลาหลายเดือน ย่อมงดงามมากทีเดียวอาภรณ์ชั้นนอกเป็นสีแดงสด ดูหนักมาก แต่จริงๆ แล้วพอสวมแล้วก็รู้ว่ามันทั้งเบาและเรียบเนียนมาก ชุดแต่งงานทำจากเมฆป

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1500

    ฉินอ๋องหลับยาวจนถึงบ่ายวันรุ่งขึ้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะความหิวเมื่อลืมตาขึ้นมา รู้สึกว่าร่างกายแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดไปทุกส่วนความอ่อนล้ากัดกินลึกถึงกระดูก แม้แต่จะยกมือขึ้นยังแทบไม่มีแรงในบรรดาคนรับใช้ที่ติดตามเขามา มีขันทีคนสนิทชื่อเสี่ยวจี๋จื่อ ยืนอยู่ข้างเตียง รายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายาเป่ยหมิงอ๋องมีเรื่องจะหารือกับท่าน นางรอท่านมาครึ่งวันแล้ว”เดิมทีฉินอ๋องตั้งใจจะกินข้าวบนเตียงแล้วนอนต่อ เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวแต่เมื่อได้ยินว่าซ่งซีซีรอเขามาครึ่งวันแล้ว เขาก็รีบเปิดผ้าห่มออกทันที สั่งเสียงเร่งรีบ “เปลี่ยนเสื้อผ้า เร็วเข้า”ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เขาได้เห็นความสามารถของซ่งซีซีกับตาตัวเอง นางเป็นสตรี แต่ไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว ภายใต้การบัญชาของนาง ขบวนเดินทางหลีกเลี่ยงอันตรายมาได้หลายครั้ง ผู้คนมากมายล้มป่วยระหว่างทาง แต่นางกลับแข็งแรงราวกับวัวกระทิงคนที่มีความสามารถเช่นนี้ จะไม่มีวันเสียเวลามาหยอกล้อกับใครแน่ หากมาหาเขา ย่อมมีเรื่องสำคัญแน่นอนแม้เขาจะหิวจนไส้แทบกิ่ว แต่ก็รีบล้างหน้าแต่งตัว จากนั้นก็ดื่มโจ๊กหนึ่งชามแล้วรีบไปพบนาง “น้องสะใภ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1499

    หลังจากจุดธูปเคารพเสร็จแล้ว เมื่อกลับมายังเรือนหลัง ทุกคนก็ซับน้ำตา เก็บซ่อนความโศกเศร้า แล้วพากันล้อมวงถามไถ่ซ่งซีซีเกี่ยวกับชีวิตคู่ของนางแต่คำถามที่ถูกถามมากที่สุดก็คือเป่ยหมิงอ๋องปฏิบัติต่อนางดีหรือไม่ครอบครัวก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะรู้ว่านางเป็นคนเก่งเพียงใด แต่ก็ยังคงหวังให้คู่ครองของนางรักและเอ็นดูนางจากใจจริงซ่งซีซีมีลูกพี่ลูกน้องหญิงมากมาย ล้วนเป็นบุตรสาวของบรรดาลุงและน้าของนาง แม้ไม่เคยพบหน้ากันมากนัก แต่เมื่อได้เจอซ่งซีซี ต่างก็พากันตื่นเต้นยินดีพี่สาวทั้งหมดล้วนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ครั้งนี้พากันกลับบ้านพร้อมสามีและลูกๆ พวกนางได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซ่งซีซีมากมาย ทั้งรู้สึกนับถือและเห็นใจนางในหมู่พี่สาวเหล่านั้น มีอยู่คนหนึ่งชื่อเซียวเซียงอวี่ เป็นบุตรสาวคนโตของลุงสอง นางแต่งงานกับแม่ทัพหวงเฉิน ซึ่งเป็นนายทหารใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เซียว แต่ยังไม่ถึงปี สามีก็สละชีพในสนามรบ ทิ้งลูกในครรภ์ไว้ให้บัดนี้ เด็กคนนั้นอายุสิบสองปีแล้วนางตั้ง สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้นที่ชายแดนเฉิงหลิง เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ตอนนี้มีเด็กอยู่ในความดูแลกว่าสามสิบคน แต่ชีวิตกลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1498

    พอเร่งเดินทางอย่างสุดกำลัง ในที่สุดวันที่สามเดือนแปด พวกเขาก็มาถึงชายแดนเฉิงหลิงตลอดยี่สิบวันที่เดินทางมา เนื่องจากอากาศร้อนจัด ผู้คนมากมายต่างล้มป่วยลงทีละคน แต่โชคดีที่ซ่งซีซีเตรียมตัวมาดี นางนำยามามากมาย และยังมีหมอหลวงจินติดตามมาด้วย จึงไม่เกิดปัญหาใหญ่อันใดฉินอ๋องนั้นถึงกับหมดเรี่ยวแรงโดยแท้เขาเคยลำบากเช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน ตั้งแต่วันที่สิบของการเดินทาง เขาก็แทบเอ่ยปากพูดไม่ได้ สีหน้าและริมฝีปากซีดขาวตลอดเวลา ความอิดโรยฉายชัดบนใบหน้า ไม่อาจปกปิดได้ครั้นเดินทางมาถึงเขตแดนเฉิงหลิง มองเห็นทหารสกุลเซียวที่นำทัพมาต้อนรับ เขาก็ถึงกับทรุดฮวบลงหมดสติไป ทำให้ทุกคนแตกตื่น รีบหามเขากลับไปทันทีซ่งซีซีเมื่อได้พบกับท่านตาและบรรดาท่านลุง นางจะไปสนใจฉินอ๋องได้อย่างไร นางพุ่งตัวเข้าหาอ้อมกอดของท่านตา น้ำตาไหลพรากมิอาจหยุดยั้งแม่ทัพใหญ่เซียวมองหลานสาวด้วยสายตาเอ็นดู ลูบศีรษะนาง น้ำเสียงสั่นเครือ เขาเคยคิดว่าเมื่อแยกจากกันที่เมืองหลวง บางทีคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก ที่ไหนได้กลับได้พบหน้านางอีกครั้งผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวเสียงอ่อนโยน “พอแล้ว อย่าให้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องขบขัน ไปพบลุงของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1497

    วันที่สิบสองเดือนเจ็ด คณะทูตแคว้นซางออกเดินทางจากเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ มุ่งหน้าไปยังซีจิงเซี่ยหลูโม่ควบม้าส่งขบวนไปถึงยี่สิบลี้ จนกระทั่งจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูกล่าวว่าเพียงพอแล้ว เขาจึงจำใจรั้งบังเหียนม้าเอาไว้ซ่งซีซีหันกลับมาส่งยิ้มให้เขา ใบหน้างามราวกับบุปผา ไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยเซี่ยหลูโม่จ้องมองนาง สายตาอบอุ่นอ่อนโยน แต่กลับบ่นพึมพำเสียงต่ำว่า “ช่างเป็นสตรีไร้หัวใจเสียจริง”ดวงตะวันขึ้นสูงแล้ว ถนนหลวงไร้ลมพัด อากาศร้อนอบอ้าวยิ่งนัก เขายืนรออยู่จนขบวนท้ายสุดลับสายตาไป จึงยอมหมุนม้ากลับอย่างเสียดายครั้งนี้ที่เดินทางไปซีจิง ซ่งซีซีนำกองทัพซวนเจียจำนวนสามร้อยนาย พร้อมทั้งกุ้นเอ๋อร์ เสิ่นว่านจือ และผู้ติดตามอื่นๆ ไปด้วยแม้สองแคว้นจะอยู่ในช่วงสงบชั่วคราวหลังสงคราม แต่เรื่องราวเกี่ยวกับองค์รัชทายาทซีจิงถูกซูลันซือเปิดเผยออกมา เวลานี้ชาวเมืองซีจิงมากมายยังคงมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อแคว้นซาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำทหารติดตามไปมากขึ้น เพื่อรับรองความปลอดภัยของฉินอ๋องและเหล่าทูตสำหรับฉินอ๋องนี้ ซ่งซีซีมีปฏิสัมพันธ์กับเขาน้อยมาก ที่ถูกต้องกว่านั้นคือ นางแทบไม่ติดต่อกับฉินอ๋

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1496

    ในค่ำคืนก่อนออกเดินทาง ซ่งซีซีพาเซี่ยหลูโม่ไปถวายบังคมลาฮุ่ยไทเฟย เนื่องจากวันรุ่งขึ้นต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ หากมาลาในตอนนั้นเกรงว่าฮุ่ยไทเฟยจะยังไม่ตื่น จึงเลือกมาขอลาในค่ำคืนนี้แทน ฮุ่ยไทเฟยทรงทราบมาก่อนแล้วว่าซ่งซีซีจะเดินทางไปซีจิง ตอนแรกยังไม่ทรงเข้าใจนัก มองว่าราชโองการของฮ่องเต้นั้นเกินไปหรือไม่ การเดินทางที่ยาวไกลเช่นนี้ จำเป็นต้องเป็นนางเพียงผู้เดียวจริงหรือ? แต่เมื่อเสิ่นว่านจืออธิบายว่านี่เป็นโอกาสให้นางได้กลับไปพบญาติฝ่ายมารดา พระนางก็ได้แต่ทอดถอนพระทัย แย้มสรวลบางเบาแล้วตรัสว่า "ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต คือการต้องพลัดพรากจากครอบครัว แต่ความสุขที่สุด ก็คือการได้พบกันอีกครั้งหลังจากจากกันไปเนิ่นนาน" พระนางตรัสกับเสิ่นว่านจือเช่นนี้ มิได้กล่าวต่อหน้าซ่งซีซี เพราะหากกล่าวกับผู้อื่นก็เป็นเพียงการรำพึงถึงชีวิต แต่หากกล่าวกับซ่งซีซี ก็คงไม่ต่างจากการราดเกลือลงบนบาดแผล บัดนี้ พระนางก็รักและเอ็นดูลูกสะใภ้ผู้นี้แล้ว ย่อมไม่อยากให้ต้องเจ็บปวดแม้แต่น้อย เมื่อมองดูซ่งซีซีที่มาขอลา พระนางก็อดคิดไม่ได้ เมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนแรกพระนางคัดค้านการแต่งงานนี้อย่างถึงที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1495

    เดือนเจ็ดอันร้อนระอุ ราชสาส์นจากซีจิงก็มาถึง จักรพรรดิ์ซีจิงทรงสละราชบัลลังก์ องค์หญิงผู้สูงศักดิ์เหลิ่งอวี้ขึ้นครองราชย์ ทรงใช้อำนาจบริหารแผ่นดินและเปลี่ยนชื่อแคว้นเป็นหยวนซิน พระนางมีพระราชโองการเชิญแคว้นซางส่งทูตเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเจรจาเรื่องเขตแดนร่วมกัน แท้จริงแล้ว หยวนซินฮ่องเต้ได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว พิธีราชาภิเษกเป็นเพียงข้ออ้าง สิ่งที่ต้องเจรจากันจริงๆ ก็คือปัญหาเขตแดน เมื่อครั้งที่คณะทูตซีจิงมาเยือนแคว้นซาง จุดประสงค์หลักก็คือปัญหาเขตแดน แต่เนื่องจากเกิดความวุ่นวายภายในแคว้น ทำให้เรื่องนี้ต้องถูกระงับไว้ชั่วคราว และนี่คงเป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในพระทัยของหยวนซินฮ่องเต้มากที่สุด ดังนั้น ทันทีที่พระนางขึ้นครองราชย์ ก็ทรงรีบเร่งดำเนินการเปิดการเจรจาขึ้นอีกครั้ง ในที่ประชุมราชสำนัก ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า บัดนี้ความบาดหมางระหว่างสองแคว้นได้คลี่คลายลงแล้ว การเจรจาในขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น สิ่งใดที่ต้องรักษาไว้ ก็ต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษามันไว้ ปัญหาเขตแดนอาจไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ตราบใดที่สามารถรักษ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1494

    ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ซ่งซีซีและเฉินเฉินก็กำลังสอนเสี่ยวหมิงซีและหวังจืออวี่ฝึกวรยุทธ์ โดยส่วนใหญ่เป็นเฉินเฉินที่สอนเสี่ยวหมิงซี ส่วนซ่งซีซีกับหวังจืออวี่ก็เพียงอยู่ร่วมฝึกด้วย จวนกองกำลังเมืองหลวงแม้จะยุ่งวุ่นวาย แต่ดูเหมือนว่าวันเวลาจะค่อยๆ ช้าลง ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงตามไปด้วย ไม่ว่าเวลาที่ปราศจากความระแวงเช่นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ตราบใดที่ยังมี ก็จงใช้มันให้คุ้มค่าทุกวัน สิ่งเดียวที่นางกังวลคือสุขภาพของศิษย์น้อง แม้ว่าร่างกายของเขาจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็เคยบาดเจ็บสาหัสมาก่อน การทำงานหนักเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทั้งกินอาหารไม่เป็นเวลา กินยาก็ไม่สม่ำเสมอ ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่ทำให้นางอดเป็นห่วงไม่ได้ หมั่นโถวเดินมาตามระเบียง มาหยุดข้างซ่งซีซีแล้วกล่าวว่า "จือจือบอกว่า คืนนี้ไม่กลับมา" "อืม" ซ่งซีซีพยักหน้า แม้จะไม่ได้กล่าวอะไรโดยตรง แต่ซ่งซีซีรู้ว่า นางกลับไปทำสิ่งที่เคยทำอีกครั้ง เรื่องนี้ พวกนางจะไม่พูดคุยกันโดยตรง มีเพียงประโยคเดียวที่เคยกล่าวกันไว้ ในเมื่อมือเคยเปื้อนเลือดแล้ว ก็ควรปล่อยให้เลือดของคนชั่วหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้แดงฉานยิ่งขึ้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1493

    บัดนี้ เรื่องขององค์ชายทั้งหลาย จักรพรรดิ์ซูชิงมักปรึกษากับเซี่ยหลูโม่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซี่ยหลูโม่มักจะมาสอนหนังสือในช่วงค่ำ หลังจากสอนเสร็จก็จะอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่พระองค์ฝังเข็ม เมื่อสนทนากันมากขึ้น ความเป็นพี่น้องก็แน่นแฟ้นขึ้น ความหวาดระแวงลดลง และความเข้าใจก็มีมากขึ้น แน่นอนว่าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เซี่ยหลูโม่เป็นคนเปิดเผย ซื่อสัตย์ในถ้อยคำ ตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับซ่งซีซี เขาก็มักจะพูดตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังอะไร เมื่อได้อยู่ใกล้กัน จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น หากมีปัญหาใดก็สามารถพูดคุยกันได้โดยตรง มิใช่ต่างฝ่ายต่างคาดเดาไปเองเช่นแต่ก่อน แต่ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงตระหนักว่า สิ่งที่ทำให้พระองค์สามารถเปลี่ยนแนวคิดเช่นนี้ได้ เป็นเพราะซ่งซีซีดุด่าให้พระองค์ตื่นจากความคิดของตัวเอง พระองค์จึงเรียนรู้ที่จะใช้สายตาของพี่ชายมองเซี่ยหลูโม่ มิใช่เพียงแค่จักรพรรดิ์มองขุนนาง เมื่อหมอมหัศจรรย์ทำการฝังเข็มเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน เซี่ยหลูโม่จึงพยุงจักรพรรดิ์ซูชิงให้ลุกขึ้นเดินช้าๆ โดยมีอู๋ต้าปั้นติดตามอยู่ห่างๆ ยามค่ำคืนในอุท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1492

    ฮองเฮาเสด็จกลับตำหนักฉางชุน แต่ยังมิทันได้กระวนกระวายนาน จักรพรรดิ์ซูชิงก็เสด็จมาถึง พระองค์ทรงนำเหล่าองครักษ์เหล็กดำมาด้วย และตรัสสั่งให้ปิดล้อมตำหนักฉางชุนโดยสิ้นเชิง มีเพียงหลานเจี่ยนกูกูที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในตำหนัก อู๋ต้าปั้นถือของสองอย่างเข้ามา หนึ่งในนั้นคือผงพิษขับแมลงที่ฮองเฮาให้แก่องค์ชายใหญ่ในวันนั้น เมื่อวางไว้บนโต๊ะต่อหน้าฮองเฮาแล้วเชิญให้ทอดพระเนตร นางพลันชะงักค้างอยู่กับที่ ทั้งพระทัยเย็นเยียบจนหนาวสะท้านทั่วร่าง ริมพระโอษฐ์สั่นระริกมิอาจเอื้อนเอ่ย หลานเจี่ยนกูกูเห็นเช่นนั้นก็ทรุดกายลงคุกเข่า เสียงร้องไห้สั่นเครือ "ฝ่าบาท โปรดอภัยให้บ่าวด้วยเพคะ ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของบ่าวแต่เพียงผู้เดียว พระนางหาได้ล่วงรู้ไม่" จักรพรรดิ์ซูชิงมิได้เหลือบแลหลานเจี่ยนกูกูแม้แต่น้อย พระองค์เพียงประทับบนพระเก้าอี้แล้วตรัสกับอู๋ต้าปั้นว่า "ให้ฮองเฮาทอดพระเนตรราชโองการ ไม่ต้องประกาศ" อู๋ต้าปั้นรับคำ จากนั้นจึงคลี่ราชโองการออกเป็นสิ่งที่สอง เมื่อโองการถูกนำไปเบื้องหน้าฮองเฮา พระเนตรของพระนางจับจ้องเพียงสองบรรทัดก็ราวกับได้เห็นปีศาจร้าย นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง "ไม่!" ร่า

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status