Share

บทที่ 217

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซ่งซีซีเลิกคิ้ว มองดูใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวขององค์หญิงใหญ่ นางเหลือบมองเห็นสาวรับใช้กำลังวิ่งเข้ามาขวางหน้าองค์หญิงใหญ่ ก่อนตะโกนว่า "องครักษ์ องครักษ์มานี่!"

ซ่งซีซียกริมฝีปากขึ้นแล้วยิ้ม "องค์หญิงใหญ่ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้าแค่มาคืนของเท่านั้น"

สายตาขององค์หญิงใหญ่ตกลงไปที่อนุสรณ์พรหมจรรย์ในมือของนาง สีหน้าเปลี่ยนอย่างไม่น่ามองทันที ของนี้ยังเก็บไว้อยู่หรือ

ของแบบนี้ ไม่ควรพังให้ไม่เหลือชิ้นดีด้วยความโกรธหลังจากได้รับมันหรือ? วันนั้นแค่คิดซะว่า นางพูดเพ้อเจ้อ ไม่ไม่ถึงว่านางได้เก็บมันไว้จริงๆ

หัวหน้าองครักษ์นำคนกำลังจะวิ่งเข้าไป ทว่าองค์หญิงใหญ่ตะโกนอย่างดุดันว่า "ถอยออกไป เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู"

มีเพียงคนใกล้ชิดข้างกายนางเท่านั้นเท่านั้นที่รู้เรื่องอนุสรณ์พรหมจรรย์ จะพูดอย่างใดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่สามารถให้คนนอกเห็นเข้าจริงๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเหล่านี้ไม่ใช่องครักษ์ส่วนตัวที่คอยอยู่ข้างกายนางในฝ่ายใน พวกเขาเป็นองครักษ์ฝ่ายนอก เก็บความลับไว้ไม่ได้มากที่สุด บางทีดื่มสรุเยอะไปหน่อย ก็พูดอะไรไปหมด

สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ นางยังคงอยู่ต่อ ทันทีที่ประตูปิดลง องค์หญิงใหญ่ก็จับตามองซ่งซีซ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 218

    ในห้องหนังสือหลวง อู๋ต้าปั้นเข้าไปรายงาน "ฝ่าบาทพะยะค่ะ องค์หญิงใหญ่เข้าวังแล้ว ทรงบอกว่าจะพบฝ่าบาท"ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นจากกองรายงานต่างๆ โยนปากกาทิ้ง และยื่นมือออกไปนวดลางคิ้ว “ได้บอกว่ามีเรื่องอะไร?”อู๋ต้าปั้นพูดอย่างระมัดระวัง "ไม่ได้บอก แต่มองเห็นชัดว่ากำลังโกรธอยู่"ฮ่องเต้เยาะเย้ยว่า "เสด็จอาของข้าคนนี้เป็นคนแข็งแกร่งตลอด ทุกเทศการหรือปีใใหม่ที่นางเข้าวัง ก็มักจะวางมาดเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าข้า ไม่ค่อยมาหาข้าเป็นการส่วนตัวเอง เพราะยังไงก็คงไม่มีเรื่องอะไรที่องค์หญิงใหญ่อย่างนางจัดการไม่ได้ มีความเป็นไปได้สูง เพราะเรื่องในงานเลี้ยงวันเกิด"เขาเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิด แต่บอกไม่ได้ว่าได้รู้เรื่องทั้งหมด ทว่าเรื่องผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว ที่เข้าวังวันนี้ก็ยังเพราะเรื่องนั้นหรือ?"เชิญนางเข้ามา" ฮ่องเต้กล่าวอู๋ต้าปั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "องค์หญิงใหญ่อยู่ในตำหนักฉือหนิง กำลังรอให้ฝ่าบาทเข้าไปหา ได้ยินว่าได้เรียกสนมฮุ่ยไทเฟยไปด้วย""ให้ข้าไปหางั้นเหรอ?" ฮ่องเต้ยิ้มบางๆ รอยยิ้มไม่เข้าตา "ได้เลย ข้าที่เป็นรุ่นน้องควรไปเยี่ยมเสด็จอาสินะ"อู๋ต้าปั้นโค้งคำนับแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 219

    องค์หญิงใหญ่กัดฟันแน่นและพูดสามคำออกมาว่า "ซ่งซีซี"ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ สนมฮุ่ยไทเฟยก็ก้มหน้าลงอีก และสายตาของนางก็เริ่มเหม่อลอยนางได้ส่งคนไปติดตามซ่งซีซี เพื่อดูว่านางได้ไปที่จวนองค์หญิงใหญ่หรือไม่ แต่ยังไม่ทันคนของนางกลับมารายงานเลย องค์หญิงใหญ่เข้าวังก่อนแล้ว ยังเรียกนางมาด้วยเมื่อเห็นท่าทีขององค์หญิงใหญ่ สนมฮุ่ยไทเฟยไม่จำเป็นต้องฟังคำรายงาน ก็สามารถมั่นใจได้ว่าซ่งซีซีไปที่จวนองค์หญิงแล้ว และยังพูดคำรุนแรงกับองค์หญิงใหญ่ แต่น่าจะเป็นคำพูดที่ทำให้ตนเองสะใจแน่ๆไม่รู้ว่าได้พูดอะไรไปบ้าง? สามารถทำให้ยายแก่ปากร้ายนี้โกรธมากเช่นนี้ ไม่เคยเห็นนาง เข้าวังเพื่อตามหาฮ่องเต้ออกหน้าแทนนางมาก่อนเลยไทเฮาขมวดคิ้ว "ซ่งซีซี นางเป็นอะไร เหตุใดต้องให้ฮ่องเต้ออกคำสั่งไปลงโทษนาง?"องค์หญิงใหญ่พูดด้วยความโกรธว่า "นางบุกรุกเข้าจวนของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเลย ยังพูดจาหยาบคายกับข้า"ไทเฮาเป็นคนเข้าข้างซ่งซีซีมากที่สุดแล้ว และนางก็ไม่ถูกคอกับองค์หญิงใหญ่ นางกล่าวว่า "นางบุกรุกเข้าไปจวนของเจ้า เจ้าก็สั่งให้คนไล่นางออกก็ได้แล้วนี่ ส่วนนางพูดจาหยาบคาย นางหยาบคายยังไง เจ้าว่ามาให้ฟังหน่อยสิ"องค์หญิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 220

    หลังจากได้ยินเช่นนี้ ฮ่องเต้นวดมือเบาๆ ก่อนพูดว่า "เสด็จอาใจเย็นๆ ก่อนที่นางบุกเข้าไปในจวนองค์หญิงและด่าทอท่านมันไม่เหมาะจริงๆ และเสียบุคลิกที่เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของตระกูลชั้นสูง นางได้ด่าทอท่านยังไง มีใครเป็นพยานได้หรือไม่ ท่านบอกกับข้า ข้าจะคืนยุติธรรมกับท่านแน่นอน ส่วนเรื่องที่นางใส่ร้ายท่านมอบอนุสรณ์พรหมจรรย์ให้นั้น ข้าจะสั่งให้สำนักเขตจิงจ้าวไปตรวจสอบ หากสืบเจอว่ามันเป็นเรื่องโกหกเพื่อใส่ร้ายท่าน ข้าจะลงโทษนางในรวดเดียวเลย""พยานเหรอ? มีมากมาย ทุกคนในจวนขององค์หญิงก็สามารถเป็นพยานได้ ว่านางบุกเข้ามาและองครักษ์ก็ไม่สามารถหยุดนางได้ ส่วนที่เรื่องที่นางด่าทอข้า คนในจวนขององค์หญิงก็ได้ยินเช่นกัน"นางหยุดชะงัก "สำหรับให้สำนักเขตจิงจ้าวไปตรวจสอบเรื่องอนุสรณ์พรหมจรรย์นั้น ไม่จำเป็นจริงๆ จะเสียแรงไปตรวจอย่างนั้น เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่เข้าไปอีก ประชาชนต่างก็โง่ พอเห็นสำนักของรัฐไปตรวจสอบก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง ถึงสุดท้ายพิสูจน์ได้ว่าข้าไม่ได้ทำ แต่ก็ยากที่จะชี้แจงได้"ไทเฮาถามอย่างหงุดหงิดมากทีเดียว "ตกลงว่านางด่าทอเจ้าอะไรบ้าง เจ้าพูดมาสิ"องค์หญิงใหญ่ทำหน้าบูดบึ้ง "ไม่สำคัญว่านางได้ด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 221

    เมื่อเห็นสีหน้าขององค์หญิงใหญ่เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง และจากสีแดงเป็นซีดเผือด สนมฮุ่ยไทเฟยรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง ในที่สุดก็ถึงเวลาที่นางโดนเอาเปรียบแต่กลับหาคนช่วยไม่ได้แม้ว่าสนมฮุ่ยไทเฟยจะไม่เข้าใจว่าทำไมเอาผิดซ่งซีซีด้วยเหตุผลนี้ ข้อกล่าวหาเรื่องการไม่เคารพราชวงศ์ก็ไม่ใช่ผิดเบาๆแต่องค์หญิงใหญ่กลับเงียบลงไป เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถลงโทษนางด้วยข้อกล่าวหานี้ได้ต้นสายปลายเหตุในเรื่องนี้ ต้องหาเวลาไปถามพี่สาวอีกทีนางถึงเข้าใจ แต่ก็ไม่ส่งผลทำให้นางชื่นชมสีหน้าเขียวคล้ำถมึงทึงขององค์หญิงใหญ่ในตอนนี้ในที่สุดองค์หญิงใหญ่ก็จากไปด้วยความโกรธ แต่การเข้าพระราชวังครั้งนี้ทำให้นางเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเหตุผลที่ซ่งซีซีกล้าบังอาจเช่นนั้น เป็นเพราะมีไทเฮาและฮ่องเต้เป็นที่พึ่งให้ มิใช่แค่เซี่ยหลูโม่คนเดียวไม่น่าแปลกใจเลยที่นางกำเริบเสิบสานหลังจากที่องค์หญิงใหญ่เสด็จจากไป ฮ่องเต้ก็จับหน้าผากของเขาแล้วถอนหายใจเบาๆ "ดูเหมือนว่าเหตุการณ์อนุสรณ์พรหมจรรย์จะเป็นเรื่องจริง เสด็จอาทำมากเกินไปแล้วจริงๆ"ไทเฮาทำหน้าบูดบึ้ง "ขนาดข้าก็อยากตบนาง ทั้งหยิ่ง โง่เขลา เลวทรามและเห็นแก่ตัว นางทำให้ราชวงศ์เส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 222

    ทำไมไทเฮาถึงไม่รู้ว่าน้องสาวของตนเองคิดอะไรอยู่? ดังนั้นเวลานี้แค่เตือนสักหน่อย "อีกสักพักเจ้าจะไปที่จวนอ๋อง เพื่ออาศัยอยู่กับโม่เอ๋อแล้ว หากเจ้าไม่เข้าใจเรื่องต่างๆ ในจวน ก็อย่ายึดอำนาจมาดูแล หลังซีซีแต่งเข้าจวนอ๋องนางจะจัดการ…""พี่สาว ที่พี่พูดนั้นใช้ไม่ได้นะ" สนมฮุ่ยไทเฟยขัดจังหวะไทเฮา และพูดอย่างจริงจังที่ปกติไม่ค่อยทำเช่นนี้ "มีที่ไหนลูกสะใภ้เพิ่งแต่งเข้ามาก็ให้ดูแลบ้าน ข้าไม่ไว้ใจนาง พวกเราเป็นพี่น้องกัน ข้าไม่กลัวที่จะพูดตรงๆ ออกมา ข้าไม่ชอบนาง และข้าไม่อยากให้นางเป็นสะใภ้ของข้า ยิ่งไม่ต้องการให้นางมาดูแลเรื่องของจวนอ๋องเลย""โอ้? งั้นเจ้าจะดูแลเองหรือ?" ไทเฮาเลิกคิ้ว "ก็ได้นี่ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ ข้าจะให้หวงโฮ่วมอบสิทธิ์ให้เจ้ามาร่วมจัดการวังหลังและปล่อยให้นางได้พักผ่อนบ้าง เจ้าลองดูแลสักสองสามวันดูก่อน""หาใช่ว่าน้องไม่ใช่ไม่เคยดูแลเรื่องในวังเลย หวงโฮ่วเป็นผู้ดูแลฝ่ายใน ข้าก็เคยช่วยไปไม่น้อย นอกจากนี้ ตอนที่พี่ดูแลเรื่องวังหลัง น้อยไม่ได้ช่วยอะไรหรือ?""ก็ช่วยแล้วแหละ ช่วยสร้างปัญหาให้ไง" ไทเฮาพูดอย่างไม่ไว้หน้าให้นาง "ท่านพ่อท่านแม่เอาแต่ตามใจเจ้า หลังจากที่เจ้าเข้าวัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 223

    เรื่องนี้ทำโดยองค์หญิงใหญ่จริงๆ ในเมื่อไม่สามารถให้ฮ่องเต้ลงโทษซ่งซีซีด้วยข้อกล่าวหาว่าไม่เคารพราชวงศ์ได้ งั้นนางจึงควรสอนบทเรียนให้ซ่งซีซีในแบบของนางเองชาวเมืองในเมืองหลวงต่างก็ชื่นชมว่า นางเป็นคนมีกตัญญูไม่ใช่เหรอ? งั้นก็มาดูกันว่าลูกสาวออกเรือนในช่วงเวลาที่ไว้ทุกข์ให้ท่านพ่อของนาง จะโดนประชาชนด่าหรือไม่ป้าหลู่ ผู้ดูแลจวนองค์หญิงเดินเข้าไปอย่างมีความสุขและรายงานว่า "องค์หญิง ท่านหญิง ตอนนี้ข่าวแพร่สะพัดไปข้างนอกหมดแล้ว โรงน้ำชาและร้านอาหารต่างพูดคุยเรื่องนี้ และเกือบเป็นคำด่าทอล้วนๆ""เกือบเหรอ ไม่ใช่ทั้งหมดหรือ?" ท่านหญิงเจียอี้ขมวดคิ้ว "มีผู้คนออกหน้าช่วยพูดให้นางด้วยหรือ?"ป้าหลู่พูดว่า "ท่านหญิง มีบางคนที่ไม่ได้เรื่องได้ช่วยพูดให้นาง โดยบอกว่าตอนที่นางออกเรือน เวลาผ่านไปยี่สิบสี่เดือนแล้วนับตั้งแต่ท่านพ่อของนางเสียชีวิต"เมื่อบิดาเสียชีวิตหรือมารดาเสียชีวิต บุตรควรไว้ทุกข์เป็นเวลาสามปี ทว่าสามปีถือเป็นปีเท็จ แต่แท้จริงแล้วจะไว้ทุกข์ให้ยี่สิบสี่เดือนเต็มก็พอท่านหญิงเจียอี้ตรัสว่า "สามัญชนผู้ใดบ้างที่จะจำวันออกเรือนของนางได้เล่า อาจเป็นคนจากจวนเสนาบดีกั๋วกงของนางเพื่อมาทำใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 224

    องค์หญิงใหญ่ยิ้มช้าๆ ใช่สิ ถึงเวลาไปหาบ่อเงินบ่อทองนี่เพื่อขอเงินแล้วสนมฮุ่ยไทเฟยจามอย่างรุนแรงในตำหนักฉางชุน เมื่อถึงตอนเที่ยง นางกำลังเตรียมตัวจะงีบหลับสักหน่อย กลับได้ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้มาขอพบแม่นมเกาขมวดคิ้ว พวกสองแม่ลูกนั้นมาพร้อมกัน ก็คงเดาออกว่ามาเพื่ออะไรไม่กี่ปีที่ที่แล้ว ท่านหญิงเจียอี้และพระสนมเต๋อกุ้ยไทเฟยได้ร่วมมือเปิดร้านขายเครื่องสำอาง และทำเงินได้มาหน่อยนึงสนมฮุ่ยไทเฟย ผู้ไม่ยอมแพ้ทุกเรื่องนั้น เมื่อได้ยินว่าพวกนางทำเงินได้ และอยากเปิดร้านเช่นกัน แต่นางไม่ต้องการเปิดร้านร่วมกับท่านหญิงเจียอี้ ต้องการร่มมือกับหลานของครอบครัวท่านพ่อแม่ตนเองมากกว่าทว่าท่านหญิงเจียอี้มาหานางถึงบ้าน โดยบอกว่ามีสูตรลับเฉพาะ และเรื่องสำอางที่นางทำออกมานั้นไม่ต้อยกว่าในวังแม้แต่น้อย อยากให้สนมฮุ่ยไทเฟยออกทุมสามพันตำลึง และทั้งสองคนก็ทำงานร่วมกันเพื่อเปิดร้านขายเครื่องสำอางสนมฮุ่ยไทเฟยย่อมไม่ไว้วางใจท่านหญิงเจียอี้ได้ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงออกหน้า และนางพูดประชดประชนสนมฮุ่ยไทเฟยยกใหญ่ โดยบอกว่าก็แค่เป็นห่วงเจียอี้มาหลอกให้นางออกเงิน ไม่ไว้ใจสองแม่ลูกพวกนางพวกนั้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 225

    เงินที่เอามาจาสนมฮุ่ยไทเฟย องค์หญิงใหญ่ก็แบ่งออกไปก้อนนึง โดยสั่งให้นักเล่าเรื่องในโรงเตี๊ยมและร้านอาหารยังคงใส่สีตีไข่กับเรื่องที่ซ่งซีซีไร้ความกตัญญูเมื่อเห็นว่าจวนเสนาบดีกั๋วกงไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด ถึงขนาดปิดประตูไม่ออกไปไหน องค์หญิงใหญ่เลยคิดว่านางกลัวการด่าทอข้างนอก นางรู้สึกสะใจอย่างยิ่งการต่อต้านกับนาง ก็เหมือนกับการตีก้อนหินด้วยไข่นางฉวยโอกาสเข้าวังไปพบฮ่องเต้ โดยบอกกับฮ่องเต้ว่าให้เซี่ยหลูโม่แต่งงานกับซ่งซีซีเท่ากับสร้างความหวังให้เขาได้แย่งชิงบัลลังก์ของเขาจริงๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศ ควรห้ามซ่งซีซีแต่งเข้าจวนเป่ยหมิงอ๋องเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะคิดอย่างลึกซึ้งหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าเขาทำหน้าเย็นชา "เสด็จอาพูดอะไร ทั้งน้องชายและซีซีต่างเป็นแม่ทัพ ได้ฟื้นฟูเขตหนานเจียงกลับคืนมาและปกป้องประเทศ พวกเขาภักดีต่อข้าและราชสำนัก นอกจากนี้ น้องชายกับข้าเป็นพี่น้องกันและเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก น้องจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น เสด็จอาอย่าคิดแบบมั่วๆ"องค์หญิงใหญ่สะดุ้ง จากนั้นจึงวางท่าเป็นอาขึ้นมา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "โง่จัง ใจคนจะไว้ใจได้อย่างไร? เรื่องที่รา

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status