ในห้องหนังสือหลวง อู๋ต้าปั้นเข้าไปรายงาน "ฝ่าบาทพะยะค่ะ องค์หญิงใหญ่เข้าวังแล้ว ทรงบอกว่าจะพบฝ่าบาท"ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นจากกองรายงานต่างๆ โยนปากกาทิ้ง และยื่นมือออกไปนวดลางคิ้ว “ได้บอกว่ามีเรื่องอะไร?”อู๋ต้าปั้นพูดอย่างระมัดระวัง "ไม่ได้บอก แต่มองเห็นชัดว่ากำลังโกรธอยู่"ฮ่องเต้เยาะเย้ยว่า "เสด็จอาของข้าคนนี้เป็นคนแข็งแกร่งตลอด ทุกเทศการหรือปีใใหม่ที่นางเข้าวัง ก็มักจะวางมาดเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าข้า ไม่ค่อยมาหาข้าเป็นการส่วนตัวเอง เพราะยังไงก็คงไม่มีเรื่องอะไรที่องค์หญิงใหญ่อย่างนางจัดการไม่ได้ มีความเป็นไปได้สูง เพราะเรื่องในงานเลี้ยงวันเกิด"เขาเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิด แต่บอกไม่ได้ว่าได้รู้เรื่องทั้งหมด ทว่าเรื่องผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว ที่เข้าวังวันนี้ก็ยังเพราะเรื่องนั้นหรือ?"เชิญนางเข้ามา" ฮ่องเต้กล่าวอู๋ต้าปั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "องค์หญิงใหญ่อยู่ในตำหนักฉือหนิง กำลังรอให้ฝ่าบาทเข้าไปหา ได้ยินว่าได้เรียกสนมฮุ่ยไทเฟยไปด้วย""ให้ข้าไปหางั้นเหรอ?" ฮ่องเต้ยิ้มบางๆ รอยยิ้มไม่เข้าตา "ได้เลย ข้าที่เป็นรุ่นน้องควรไปเยี่ยมเสด็จอาสินะ"อู๋ต้าปั้นโค้งคำนับแล
องค์หญิงใหญ่กัดฟันแน่นและพูดสามคำออกมาว่า "ซ่งซีซี"ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ สนมฮุ่ยไทเฟยก็ก้มหน้าลงอีก และสายตาของนางก็เริ่มเหม่อลอยนางได้ส่งคนไปติดตามซ่งซีซี เพื่อดูว่านางได้ไปที่จวนองค์หญิงใหญ่หรือไม่ แต่ยังไม่ทันคนของนางกลับมารายงานเลย องค์หญิงใหญ่เข้าวังก่อนแล้ว ยังเรียกนางมาด้วยเมื่อเห็นท่าทีขององค์หญิงใหญ่ สนมฮุ่ยไทเฟยไม่จำเป็นต้องฟังคำรายงาน ก็สามารถมั่นใจได้ว่าซ่งซีซีไปที่จวนองค์หญิงแล้ว และยังพูดคำรุนแรงกับองค์หญิงใหญ่ แต่น่าจะเป็นคำพูดที่ทำให้ตนเองสะใจแน่ๆไม่รู้ว่าได้พูดอะไรไปบ้าง? สามารถทำให้ยายแก่ปากร้ายนี้โกรธมากเช่นนี้ ไม่เคยเห็นนาง เข้าวังเพื่อตามหาฮ่องเต้ออกหน้าแทนนางมาก่อนเลยไทเฮาขมวดคิ้ว "ซ่งซีซี นางเป็นอะไร เหตุใดต้องให้ฮ่องเต้ออกคำสั่งไปลงโทษนาง?"องค์หญิงใหญ่พูดด้วยความโกรธว่า "นางบุกรุกเข้าจวนของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเลย ยังพูดจาหยาบคายกับข้า"ไทเฮาเป็นคนเข้าข้างซ่งซีซีมากที่สุดแล้ว และนางก็ไม่ถูกคอกับองค์หญิงใหญ่ นางกล่าวว่า "นางบุกรุกเข้าไปจวนของเจ้า เจ้าก็สั่งให้คนไล่นางออกก็ได้แล้วนี่ ส่วนนางพูดจาหยาบคาย นางหยาบคายยังไง เจ้าว่ามาให้ฟังหน่อยสิ"องค์หญิ
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ฮ่องเต้นวดมือเบาๆ ก่อนพูดว่า "เสด็จอาใจเย็นๆ ก่อนที่นางบุกเข้าไปในจวนองค์หญิงและด่าทอท่านมันไม่เหมาะจริงๆ และเสียบุคลิกที่เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของตระกูลชั้นสูง นางได้ด่าทอท่านยังไง มีใครเป็นพยานได้หรือไม่ ท่านบอกกับข้า ข้าจะคืนยุติธรรมกับท่านแน่นอน ส่วนเรื่องที่นางใส่ร้ายท่านมอบอนุสรณ์พรหมจรรย์ให้นั้น ข้าจะสั่งให้สำนักเขตจิงจ้าวไปตรวจสอบ หากสืบเจอว่ามันเป็นเรื่องโกหกเพื่อใส่ร้ายท่าน ข้าจะลงโทษนางในรวดเดียวเลย""พยานเหรอ? มีมากมาย ทุกคนในจวนขององค์หญิงก็สามารถเป็นพยานได้ ว่านางบุกเข้ามาและองครักษ์ก็ไม่สามารถหยุดนางได้ ส่วนที่เรื่องที่นางด่าทอข้า คนในจวนขององค์หญิงก็ได้ยินเช่นกัน"นางหยุดชะงัก "สำหรับให้สำนักเขตจิงจ้าวไปตรวจสอบเรื่องอนุสรณ์พรหมจรรย์นั้น ไม่จำเป็นจริงๆ จะเสียแรงไปตรวจอย่างนั้น เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่เข้าไปอีก ประชาชนต่างก็โง่ พอเห็นสำนักของรัฐไปตรวจสอบก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง ถึงสุดท้ายพิสูจน์ได้ว่าข้าไม่ได้ทำ แต่ก็ยากที่จะชี้แจงได้"ไทเฮาถามอย่างหงุดหงิดมากทีเดียว "ตกลงว่านางด่าทอเจ้าอะไรบ้าง เจ้าพูดมาสิ"องค์หญิงใหญ่ทำหน้าบูดบึ้ง "ไม่สำคัญว่านางได้ด
เมื่อเห็นสีหน้าขององค์หญิงใหญ่เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง และจากสีแดงเป็นซีดเผือด สนมฮุ่ยไทเฟยรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง ในที่สุดก็ถึงเวลาที่นางโดนเอาเปรียบแต่กลับหาคนช่วยไม่ได้แม้ว่าสนมฮุ่ยไทเฟยจะไม่เข้าใจว่าทำไมเอาผิดซ่งซีซีด้วยเหตุผลนี้ ข้อกล่าวหาเรื่องการไม่เคารพราชวงศ์ก็ไม่ใช่ผิดเบาๆแต่องค์หญิงใหญ่กลับเงียบลงไป เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถลงโทษนางด้วยข้อกล่าวหานี้ได้ต้นสายปลายเหตุในเรื่องนี้ ต้องหาเวลาไปถามพี่สาวอีกทีนางถึงเข้าใจ แต่ก็ไม่ส่งผลทำให้นางชื่นชมสีหน้าเขียวคล้ำถมึงทึงขององค์หญิงใหญ่ในตอนนี้ในที่สุดองค์หญิงใหญ่ก็จากไปด้วยความโกรธ แต่การเข้าพระราชวังครั้งนี้ทำให้นางเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเหตุผลที่ซ่งซีซีกล้าบังอาจเช่นนั้น เป็นเพราะมีไทเฮาและฮ่องเต้เป็นที่พึ่งให้ มิใช่แค่เซี่ยหลูโม่คนเดียวไม่น่าแปลกใจเลยที่นางกำเริบเสิบสานหลังจากที่องค์หญิงใหญ่เสด็จจากไป ฮ่องเต้ก็จับหน้าผากของเขาแล้วถอนหายใจเบาๆ "ดูเหมือนว่าเหตุการณ์อนุสรณ์พรหมจรรย์จะเป็นเรื่องจริง เสด็จอาทำมากเกินไปแล้วจริงๆ"ไทเฮาทำหน้าบูดบึ้ง "ขนาดข้าก็อยากตบนาง ทั้งหยิ่ง โง่เขลา เลวทรามและเห็นแก่ตัว นางทำให้ราชวงศ์เส
ทำไมไทเฮาถึงไม่รู้ว่าน้องสาวของตนเองคิดอะไรอยู่? ดังนั้นเวลานี้แค่เตือนสักหน่อย "อีกสักพักเจ้าจะไปที่จวนอ๋อง เพื่ออาศัยอยู่กับโม่เอ๋อแล้ว หากเจ้าไม่เข้าใจเรื่องต่างๆ ในจวน ก็อย่ายึดอำนาจมาดูแล หลังซีซีแต่งเข้าจวนอ๋องนางจะจัดการ…""พี่สาว ที่พี่พูดนั้นใช้ไม่ได้นะ" สนมฮุ่ยไทเฟยขัดจังหวะไทเฮา และพูดอย่างจริงจังที่ปกติไม่ค่อยทำเช่นนี้ "มีที่ไหนลูกสะใภ้เพิ่งแต่งเข้ามาก็ให้ดูแลบ้าน ข้าไม่ไว้ใจนาง พวกเราเป็นพี่น้องกัน ข้าไม่กลัวที่จะพูดตรงๆ ออกมา ข้าไม่ชอบนาง และข้าไม่อยากให้นางเป็นสะใภ้ของข้า ยิ่งไม่ต้องการให้นางมาดูแลเรื่องของจวนอ๋องเลย""โอ้? งั้นเจ้าจะดูแลเองหรือ?" ไทเฮาเลิกคิ้ว "ก็ได้นี่ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ ข้าจะให้หวงโฮ่วมอบสิทธิ์ให้เจ้ามาร่วมจัดการวังหลังและปล่อยให้นางได้พักผ่อนบ้าง เจ้าลองดูแลสักสองสามวันดูก่อน""หาใช่ว่าน้องไม่ใช่ไม่เคยดูแลเรื่องในวังเลย หวงโฮ่วเป็นผู้ดูแลฝ่ายใน ข้าก็เคยช่วยไปไม่น้อย นอกจากนี้ ตอนที่พี่ดูแลเรื่องวังหลัง น้อยไม่ได้ช่วยอะไรหรือ?""ก็ช่วยแล้วแหละ ช่วยสร้างปัญหาให้ไง" ไทเฮาพูดอย่างไม่ไว้หน้าให้นาง "ท่านพ่อท่านแม่เอาแต่ตามใจเจ้า หลังจากที่เจ้าเข้าวัง
เรื่องนี้ทำโดยองค์หญิงใหญ่จริงๆ ในเมื่อไม่สามารถให้ฮ่องเต้ลงโทษซ่งซีซีด้วยข้อกล่าวหาว่าไม่เคารพราชวงศ์ได้ งั้นนางจึงควรสอนบทเรียนให้ซ่งซีซีในแบบของนางเองชาวเมืองในเมืองหลวงต่างก็ชื่นชมว่า นางเป็นคนมีกตัญญูไม่ใช่เหรอ? งั้นก็มาดูกันว่าลูกสาวออกเรือนในช่วงเวลาที่ไว้ทุกข์ให้ท่านพ่อของนาง จะโดนประชาชนด่าหรือไม่ป้าหลู่ ผู้ดูแลจวนองค์หญิงเดินเข้าไปอย่างมีความสุขและรายงานว่า "องค์หญิง ท่านหญิง ตอนนี้ข่าวแพร่สะพัดไปข้างนอกหมดแล้ว โรงน้ำชาและร้านอาหารต่างพูดคุยเรื่องนี้ และเกือบเป็นคำด่าทอล้วนๆ""เกือบเหรอ ไม่ใช่ทั้งหมดหรือ?" ท่านหญิงเจียอี้ขมวดคิ้ว "มีผู้คนออกหน้าช่วยพูดให้นางด้วยหรือ?"ป้าหลู่พูดว่า "ท่านหญิง มีบางคนที่ไม่ได้เรื่องได้ช่วยพูดให้นาง โดยบอกว่าตอนที่นางออกเรือน เวลาผ่านไปยี่สิบสี่เดือนแล้วนับตั้งแต่ท่านพ่อของนางเสียชีวิต"เมื่อบิดาเสียชีวิตหรือมารดาเสียชีวิต บุตรควรไว้ทุกข์เป็นเวลาสามปี ทว่าสามปีถือเป็นปีเท็จ แต่แท้จริงแล้วจะไว้ทุกข์ให้ยี่สิบสี่เดือนเต็มก็พอท่านหญิงเจียอี้ตรัสว่า "สามัญชนผู้ใดบ้างที่จะจำวันออกเรือนของนางได้เล่า อาจเป็นคนจากจวนเสนาบดีกั๋วกงของนางเพื่อมาทำใ
องค์หญิงใหญ่ยิ้มช้าๆ ใช่สิ ถึงเวลาไปหาบ่อเงินบ่อทองนี่เพื่อขอเงินแล้วสนมฮุ่ยไทเฟยจามอย่างรุนแรงในตำหนักฉางชุน เมื่อถึงตอนเที่ยง นางกำลังเตรียมตัวจะงีบหลับสักหน่อย กลับได้ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้มาขอพบแม่นมเกาขมวดคิ้ว พวกสองแม่ลูกนั้นมาพร้อมกัน ก็คงเดาออกว่ามาเพื่ออะไรไม่กี่ปีที่ที่แล้ว ท่านหญิงเจียอี้และพระสนมเต๋อกุ้ยไทเฟยได้ร่วมมือเปิดร้านขายเครื่องสำอาง และทำเงินได้มาหน่อยนึงสนมฮุ่ยไทเฟย ผู้ไม่ยอมแพ้ทุกเรื่องนั้น เมื่อได้ยินว่าพวกนางทำเงินได้ และอยากเปิดร้านเช่นกัน แต่นางไม่ต้องการเปิดร้านร่วมกับท่านหญิงเจียอี้ ต้องการร่มมือกับหลานของครอบครัวท่านพ่อแม่ตนเองมากกว่าทว่าท่านหญิงเจียอี้มาหานางถึงบ้าน โดยบอกว่ามีสูตรลับเฉพาะ และเรื่องสำอางที่นางทำออกมานั้นไม่ต้อยกว่าในวังแม้แต่น้อย อยากให้สนมฮุ่ยไทเฟยออกทุมสามพันตำลึง และทั้งสองคนก็ทำงานร่วมกันเพื่อเปิดร้านขายเครื่องสำอางสนมฮุ่ยไทเฟยย่อมไม่ไว้วางใจท่านหญิงเจียอี้ได้ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงออกหน้า และนางพูดประชดประชนสนมฮุ่ยไทเฟยยกใหญ่ โดยบอกว่าก็แค่เป็นห่วงเจียอี้มาหลอกให้นางออกเงิน ไม่ไว้ใจสองแม่ลูกพวกนางพวกนั้น
เงินที่เอามาจาสนมฮุ่ยไทเฟย องค์หญิงใหญ่ก็แบ่งออกไปก้อนนึง โดยสั่งให้นักเล่าเรื่องในโรงเตี๊ยมและร้านอาหารยังคงใส่สีตีไข่กับเรื่องที่ซ่งซีซีไร้ความกตัญญูเมื่อเห็นว่าจวนเสนาบดีกั๋วกงไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด ถึงขนาดปิดประตูไม่ออกไปไหน องค์หญิงใหญ่เลยคิดว่านางกลัวการด่าทอข้างนอก นางรู้สึกสะใจอย่างยิ่งการต่อต้านกับนาง ก็เหมือนกับการตีก้อนหินด้วยไข่นางฉวยโอกาสเข้าวังไปพบฮ่องเต้ โดยบอกกับฮ่องเต้ว่าให้เซี่ยหลูโม่แต่งงานกับซ่งซีซีเท่ากับสร้างความหวังให้เขาได้แย่งชิงบัลลังก์ของเขาจริงๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศ ควรห้ามซ่งซีซีแต่งเข้าจวนเป่ยหมิงอ๋องเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะคิดอย่างลึกซึ้งหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าเขาทำหน้าเย็นชา "เสด็จอาพูดอะไร ทั้งน้องชายและซีซีต่างเป็นแม่ทัพ ได้ฟื้นฟูเขตหนานเจียงกลับคืนมาและปกป้องประเทศ พวกเขาภักดีต่อข้าและราชสำนัก นอกจากนี้ น้องชายกับข้าเป็นพี่น้องกันและเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก น้องจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น เสด็จอาอย่าคิดแบบมั่วๆ"องค์หญิงใหญ่สะดุ้ง จากนั้นจึงวางท่าเป็นอาขึ้นมา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "โง่จัง ใจคนจะไว้ใจได้อย่างไร? เรื่องที่รา