พระชายาฉินอ๋องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที "คุณหนูหยานเจ้าฟังไม่เข้าใจหรือไง แบบอักษรของตราประทับนี้ผิดอยู่แล้ว จะต้องการให้ข้านำภาพดอกบ๊วยเย็นของคุณชายเสิ่นชิงเหอให้เจ้าตรวจดูสักหน่อยหรือไม่"หยานหรูอวี้ทำหน้าจริงจัง "ภาพดอกบ๊วยเย็นที่คุณชายเสิ่นชิงเหอวาดนั้น ที่บ้านหม่อมฉันก็มีสองภาพ อีกทั้งคุณชายเสิ่นชิงเหอวาด ตามดอกบ๊วยหลังบ้านหม่อมฉันด้วยตนเอง ท่านปู่ของหม่อมฉันก็อยู่ด้วย มีสองภาพได้วาดสองต้นดอกบ๊วยอย่างละภาพ ภาพหนึ่งใช้ตราประทับที่เป็นแบบอักษรเสี่ยวจ้วน อีกภาพหนึ่งเป็นแบบอักษรต้าจ้วนทับ ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายเสิ่นมีแบบอักษรตราประทับมากกว่าสองแบบนี้ด้วยซ้ำ"นางเปิดเผยส่วนลายตราประทับออกมาก่อนพูดว่า "ลายตราประทับนี้เหมือนกับภาพวาดที่เก็บไว้ในบ้านของหม่อมฉันทุกประการ วันนี้ท่านปู่ของหม่อมฉันก็มาด้วย เขาอยู่นอกลานบ้านหลัก หากทุกท่านไม่เชื่อ สามารถให้ท่านปู่ของหม่อมฉันมาตรวจดูได้"พระชายาฉินอ๋องสะดุ้ง แต่ส่ายหัว "มันเป็นไปไม่ได้ ภาพวาดทั้งหมดที่ขายโดยคุณชายเสิ่นจะถูกประทับตราด้วยแบบอักษรต้าจ้วน นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้จักกันดี"หยานหรูอวี้กล่าวว่า "ใช่เพคะ ดังนั้นภาพวาดสองภาพในบ้าน
เสียงของไทฟู่สั่นเทา และเขารู้สึกใจหวิวๆ ด้วยความปวดร้าว แม้ว่าเขาจะมีภาพวาดดอกบ๊วยเย็นสองภาพอยู่ในจวนของเขา แต่งานฝีมือของคุณชายเสิ่นชิงเหอแท้ๆ จะถูกทำลายเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นการไม่ให้เกียรติกับคุณชายเสิ่นชิงเหอมากเกินไป และน่าเสียดายกับภาพวาดนี้เช่นกันเขาใช้มือที่กำลังสั่นสะเทาอยู่ ให้คนหนึ่งช่วยถืออีกด้านนึงไว้ จากนั้นต่อกับภาพส่วนนึงที่อยู่ในมือของเขา ภาพวาดนี้ดีกว่าภาพในจวนที่เขาเก็บรวบรวมไว้ เพราะดอกบ๊วยในภาพนี้กำลังบานสะพรั่งดีมากทีเดียวดอกบ๊วยในภูเขาเหม่ยชาน โดยธรรมชาติแล้วเทียบไม่ได้กับดอกบ๊วยที่ปลูกในสวนหลังบ้านของจวนพอเซี่ยหลูโม่ได้ยินว่าเป็นลายมือที่แท้จริงของเสิ่นชิงเหอ เขาคงเดาได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไรพลางมองกวาดดูใบหน้าทุกคนหยานไท่ฟู่เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ริมฝีปากของเขาสั่นเทาไม่หยุด "ทำไมต้องฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ ใครเป็นคนทำ หือ?"สมาชิกหญิงในครอบครัวมองดูใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ และเงียบกันหมด เดิมทีสนมฮุ่ยไทเฟยอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่เหลือบมองนางอย่างเย็นชา คำพูดที่ใกล้หลุดออกจากปากนั้นก็กลับเข้าปากของนางช่างเถอะ อดทนไว้เดี๋ยวก
แต่แล้ว หากองค์หญิงใหญ่อยากสร้างปัญหาให้ผู้ใด ก็ย่อมไม่ออมมือให้ จากนั้นนางก็ส่งคนไปเชิญชวนหมอมหัศจรรย์ดันกลับมาหมอมหัศจรรย์ดันเคยอธิบายกับปัญหาเรื่องนี้ไปแล้ว และฮูหยินของขุนนางนั้นก็อยู่ด้วย แต่เขายินดีที่จะชี้แจงอีกครั้งยืนอยู่ด้านหลังฉากบังตา เสียงของเขาทั้งแก่ชราและจริงจัง "ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านป่วยเป็นโรคหัวใจและไอเป็นเลือด โรคนี้เรื้อรังมาหลายปีแล้ว และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จนถึงบัดนี้ยังรักษาได้ยาก ใช้ได้แต่ยาดันเสวี่ยเพื่อควบคุมโรคด้วย ในตอนแรกที่ข้ารักษาให้นางเพราะเห็นแก่คุณหนูซ่ง นับตั้งแต่ที่คุณหนูซ่งแต่งเข้าจวนแม่ทัพ ดูแลนางทั้งวันทั้งคืนอย่างเอาใจใส่เป็นเวลาหนึ่งปี ค่ายาดันเสวี่ยทุกเดือนที่นางกินมีราคาไม่ใช่น้อย เงินนี้มาจากไหนคงไม่ต้องพูดเจาะลึกก็รู้แล้วแหละ ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าจ้านไม่ให้ความร่วมมือมาก นางเอาแต่พูดต่อหน้าข้าว่าค่ายาแพงมาก แต่กลับไม่ถามว่ายานี้ได้ทำมาจากสมุนไพรอันล้ำค่าอะไรบ้าง ถ้าไม่ใช่คุณหนูซ่งมาขอร้องข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ข้าคงไม่ไปจวนแม่ทัพตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว""ดังสุภาษิตที่ว่า คนเราดำรงชีวิตอยู่ด้วยหน้าตาที่รู้ละอายใจ เช่นเดียวกับต้นไม้ที่ดำรงชีวิตอยู่ด
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงแม้แต่เหตุการณ์ที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านถูกหมอมหัศจรรย์ดันด่าว่าอย่างรุนแรงนั้นก็ลืมหายไปอย่างรวดเร็วพวกเขาทั้งหมดมองไปที่สนมฮุ่ยไทเฟย นั่นหมายความว่าอะไร? เป่ยหมิงอ๋องต้องการแต่งงานกับซ่งซีซีงั้นเหรอ? ท่านอ๋องจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หย่าแล้วเหรอ?ไม่เพียงแต่ฮูหยินทั้งหลายเท่านั้น แม้แต่องค์หญิงใหญ่ยังประหลาดใจอีกด้วย นางมองไปที่สนมฮุ่ยไทเฟย จากนั้นมองดูซ่งซีซี ก่อนจะขมวดคิ้วซ่งซีซีก็มองดูสนมฮุ่ยไทเฟยอย่าเรียบๆ แวบนึง เรื่องนี้ยังไม่ได้ตกลงอะไร อย่างน้อยยังไม่ได้ทำการสู่ขอเลย ทำไม่ถึงประกาศเช่นนี้ออกมาแล้วล่ะอีกอย่าง นางไม่ชอบตัวเองไม่ใช่เหรอ? ไม่ได้ถามอะไรสักคำ ไม่มีข่าวอัไรแพร่ออกไป นางกลับประกาศในที่นี่ทั้งอย่างนี้ยอมรับนาง? แต่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วเกินไปจนทำให้นางตั้งตัวไม้ทันยิ่งกว่านั้นแม้ว่าจะพูดเรื่องนี้ก็ไม่ควรมาพูดในช่วงเวลาเช่นนี้ นางถูกวิพากษ์วิจารณ์มาเป็นเวลานาน ดว่าจะหมอมหัศจรรย์ดันมาเล่าให้ฮูหยินทุกคนฟังว่าทำไมเขาไม่ยอมรักษาให้ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าน ทว่านางก็รีบช่วยหาทางให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีทางออกเลยว่าที่แม่สามีคนนี้ ไม่ได้เรื่อ
ซ่งซีซียิ้มเบาๆ และพูดต่ออย่างใจเย็นว่า "ข้าไม่รู้สึกน่าอับอาย เพียงแต่ว่าท่านหญิงเจียอี้ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรือ? บุตรีคนโตขององค์หญิง ที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากราชวงศ์ ทว่ากลับพูดจาหยาบคาย แม้แต่ภาพวาดของศิษย์พี่ข้ายังมองไม่ออกก็เลยฉีกขาด ด่วนสรุปและใช้กำลังเช่นนี้ หากคนนอกรู้เรื่องเข้าก็จะเห็นท่านเป็นตัวตลกเลย แล้วที่ท่านให้ข้าไปไกลๆ นั้น เป็นคำสั่งให้ไล่ข้าออกหรือ เฮอะ น่าตลกสิ้นดี จวนองค์หญิงส่งคำเชิญให้ข้า ข้านำของขวัญวันเกิดมาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย บัดนี้กลับต้องการไล่ข้า นี่มันคือวิธีปฏิบัติต่อแขกของจวนองค์หญิงงั้นเหรอ หรือว่าจุดประสงค์ที่มอบคำเชิญนี้ให้ข้าจริงๆ แล้วมีเจตนาอื่นแอบแฝง คืออยากให้ข้าอับอายต่อหน้าฮูหยินทุกท่าน หรือว่าจะคิดว่าหลังจากที่ข้ากย่ากับจ้านเป่ยว่างจะต้องอายคนอื่นจนไม่กล้าพบหน้าใคร แล้วจะให้พวกท่านด่าทอใส่ร้ายตามอำเภอใจได้งั้นเหรอ""อยากจะชวนข้ามาเพื่อหัวเราะเยาะเรื่องของข้า งั้นคงต้องทำให้พวเจ้าผิดหวังแล้ว ข้าไม่ได้ทำผิดอะไร คนที่ต้องอายคนอื่นไม่ใช่ข้า คนของตระกูลซ่งซื่อตรงและใจกว้าง ไม่ว่าจะไปที่ไหน ข้าก็สามารถยืดหลังตรงและพูดอะไรออกมาอย่างไม่เกรงกล
ทันทีที่ซ่งซีซีจากไป เซี่ยหลูโม่ก็จากไปเช่นกันคำพูดที่พูดคุยกันในลานด้านในก็ไปถึงลานหลักด้วย พวกสมาชิกราชวงศ์ ขุนนางและทหารทุกคนก็รู้ว่า เป่ยหมิงอ๋องกำลังจะแต่งงานกับแม่ทัพซ่งซีซีความคิดของผู้ชายแตกต่างจากผู้หญิงไปผู้ชายให้ความสำคัญกับภูมิหลังครอบครัว ความบริสุทธิ์ แต่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มากกว่าซ่งซีซีคือใคร? นอกจากจะเป็นลูกสาวของเสนาบดีเจิ้นกั๋วกง มีจวนเสนาบดีกั๋วกงเป็นที่พึ่งพาแล้ว นางยังเป็นลูกศิษย์ของสถาบันว่านซงเหมิน และคุณชายเสิ่นชิงเหอก็เป็นศิษย์พี่คนโตของนางนอกจากเสิ่นชิงเหอแล้ว สถาบันว่านซงเหมินยังมีคนที่มีความสามารถอีกมากมาย สถาบันว่านซงเหมินไม่ได้เป็นเพียงนิกายศิลปะการต่อสู้เท่านั้น ผู้นำคนปัจจุบันของสถาบันว่านซงเหมิน คือเหลนชายของเหรินปิ่งยี่ แม่ทัพใหญ่ชั้นเอกในขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าอันหนาน ชื่ว่า เหรินหยางอวิ๋นเหรินหยางอวิ๋นก่อตั้งสถาบันว่านซงเหมินด้วยตัวเอง และนิกายของทั้งภูเขาเหม่ยชาน ต้องเห็นแก่หน้าเขา เพราะภูเขาเหม่ยชานทั้งหมดเป็นของเขา และในสมัยก่อนนั่นมันเป็นที่ดินที่เหรินปิ่งยี่ครอบครองแม้ว่ายศถาบรรดาศักดิ์ของเจ้าอันหนานไม่ได้รับสืบทอด แต่ที่ดินที่
หลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้ว นางก็แสดงมันให้เซี่ยหลูโม่ดู เซี่ยหลูโม่ก็หยิบมันขึ้นมาดู ก่อนพูดอย่างมีความสุขว่า "ถูกปากข้าหมดเลย เอาตามนี้ จางต้าจ้วง เอาไปให้ผู้บริการทำตามนี้"จางต้าจ้วงตอบกลับว่าโอ้ ก่อนเอาแพไม้ไผ่ออกมา หลังสั่งเสร็จก็กลับมา"เกิดอะไรขึ้นที่ลานด้านใน? พวกเขาไม่เชื่อของขวัญวันเกิดที่เจ้ามอบให้โดยคิดว่ามันเป็นของปลอม? ได้รังแกเจ้าอยู่หรือไม่?" เซี่ยหลูโม่พอเดาคร่าวๆ ได้เขาก็ยังอยากให้นางเล่าให้ฟังซ่งซีซีจิบชาคำนึง ชุบคอที่แห้งของนางแล้วพูดว่า "รังแกข้าไม่ได้หรอก แต่มีคนจงใจหาเรื่องกับข้าจริงๆ ข้าไม่ได้เก็บไว้ในสายตา"เป่าจูพูดเสริมขึ้นมา "คำพูดสุดท้ายที่คุณหนูพูดนั้นทำให้ข้าน้อยตกใจแทบแย่เลย จะกล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง ถ้าองค์หญิงใหญ่ต้องการแก้แค้นขึ้นมาหล่ะก็ จะทำอย่างไรดีล่ะ"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่ว่าจะพูดหรือไม่ นางก็จะหาเรื่องกับข้า ทำไมข้าไม่ระบายความโกรธสักหน่อย" ซ่งซีซีเหลือบมองนางแวบนึง "เจ้าอยู่กับข้ามานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่อยู่ในจวนจนถึงภูเขาเหม่ยชาน แล้วจากภูเขาเหม่ยชานกลับเมืองหลวง เจ้าเห็นข้าเคยกลัวผู้ใดบ้างล่ะ""ก่อนหน้านี้ท่านไม่เกรงกลัวใคร แต่ตอนนี้ไม่ใช่
ถึงเวลาอาหารมาส่งพอดี ซ่งซีซีก็เงียบและมองดูอาหารต่างๆ วางเรียงกัน ในบรรดาหัวปลาสองสีที่นางชอบโรยพริกไทยสับ พริกสีแดงสดผสมกับพริกสีเขียว โดยมีวุ้นเส้นอยู่ข้างใต้ ซึ่งทำให้เจริญอาหารมากทีเดียวลำไส้ไขมันหม้อแห้ง เป็ดเลือดหยงโจว หม้อดินวุ้นเส้นไข่ปู ซี่โครงหมูนึ่งข้าวเหนียว เนื้อทอดเผ็ด เต้าหู้แห้งผัดเผ็ด มีอาหารเผ็ด แต่ก็มีไม่เผ็ดบ้าง กลิ่นหอมของอาหารพัดมาเตะจมูกทุกคนในห้องทันทีซ่งซีซีหิวมากจริงๆ นางจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อนตอบคำถามของเขาก่อนว่า "ยามเวลาที่ข้าออกจากจวน ลุงฟูบอกว่าฝู้หม่าได้แต่งอนุภรรยาตั้งหลายคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอนุภรรยาส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตหลังจากคลอดบุตร ข้าก็คิดอยู่ว่าถ้าอนุภรรยาคนนึงตายมันเป็นอุบัติเหตุหรือคลอดยาก แต่ด้วยที่มีอนุภรรยาตายอย่างหลายๆ คนก็ยากที่จะไม่ทำให้คนอื่นสงสัยเข้า"หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็หยิบชามขึ้นมา คีบวุ้นเส้นใต้หัวปลาแล้วใส่ลงในชาม วุ้นเส้นแช่ในเครื่องปรุงรสพริก รสชาติเข้าเนื้อเลย นางยังตักอาหารให้เซี่ยหลูโม่ด้วย "ลองชิมวุ้นเส้นหน่อยสิ วุ้นเส้นนี้ถึงเป็นประเด็นหลักในอาหารนี้"จากนั้นก็ตักพริกไทยผสมกับพริกเขียวช้อนนึงลงในชาม แล้วก็