แชร์

บทที่ 129

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-30 18:54:53
เขามองดูยี่ฝางราวกับมองกูคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้น

คนที่อยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างไปจากยี่ฝางที่เขารักอย่างสิ้นเชิง นางช่างโหดร้ายและเลือดเย็นราวกับปีศาจชั่วร้าย

เขามอบผลงานทางทหารทั้งหมดเพื่อนาง ขนาดทำผิดต่อซ่งซีซี

เขาเป็นคนโง่ที่สุดในโลกนี้

แต่ความภักดีที่นางพูดเต็มปาก และผู้หญิงไม่ควรถูกขังอยู่ในหลังบ้าน แต่ควรแบกรับความรับผิดชอบในการปกป้องครอบครัวและประเทศชาตินั้น มันช่างน่าเกรงขามมาก ในเวลานั้นดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความสดใส

จ้านเป่ยว่างล้มลงกับพื้น สีหน้าของเขาไม่น่าาดูมาก จากนั้นเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนี้ทำให้ยี่ฝางตกใจ นางอดทนต่อความเจ็บปวดและลุกขึ้นยืน ก่อนมองเขาด้วยความประหลาดใจ "พี่จ้าน... เจ้าเป็นอะไรไป อย่าทำให้ข้ากลัวเลย"

จ้านเป่ยว่างหัวเราะจนน้ำตาไหล เขาเอามือปิดหน้า ไหล่กระตุก และน้ำตาก็ไหลออกมาจากระหว่างนิ้วของเขา

ทันใดนั้น เขาก็ปล่อยมือที่ปิดหน้าไว้ และจ้องมองไปที่ยี่ฝางอย่างดุเดือด "เจ้าเป็นคนฆ่าทั้งครอบครัวของซีซี ครอบครัวของซีซีถูกสังหารหมู่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าทำร้ายผู้ถูกจับและสังหารหมู่ชาวบ้าน"

ยี่ฝ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
นิรมล นาใจคง
พระเอกคือผู้บัญชาการลีโม่ใช่ไหม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 130

    เมื่อเห็นจ้านเป่ยว่างเงียบ ยี่ฝางก็เริ่มวิตกกังวล นางไม่สนใจความเจ็บปวดทางกายแล้วพูดด้วยความโกรธ "พวกเขาได้ทำให้ข้าบาดเจ็บก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้ข่มขืนข้า สิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริงทั้งนั้น หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าสามารถไปถามพวกเขาได้"จ้านเป่ยว่างทีสีหน้าบึ้งตึง "จะถามเพื่ออะไร ยังอับอายไม่พอหรือไง?"เมื่อยี่ฝางได้ยินเช่นนี้ นางรู้สึกเจ็บปวดใจมาก นางตัวแข็งทื่อ "เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?"จ้านเป่ยว่างยิ้มเศร้าๆ "เชื่อเจ้างั้นเหรอ เจ้าเคยบอกความจริงกับข้าครั้งนึงหรือไม่ เมื่อข้าถามเจ้าเรื่องชายแดนเฉิงหลิง เจ้าจะใช้ข้ออ้างว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังจะเข้าสู่สนสมรบมาแก้ต่างทุกครั้ง เพราะงั้นที่ซูลันจียอมล่าถอยทหารและทำสัญญากับเจ้า ขนาดเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้เจ้ายังปกปิดข้า จะให้ข้าเชื่อเจ้าได้ยังไงอีก""ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ชอบ ระหว่างทางนี้" ยี่ฝางดูหงุดหงิดมากและนางก็คลั่งไคล้ขึ้นมา "ระหว่างทางนี้เจ้าเอาแต่บอกข้าว่าอย่าทำร้ายประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่ข้าเห็นชัดเจนว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านชาวบ้าน ในเมื่อเรายึดเมืองลู่เปินเอ่อร์แล้ว เราจะต้องได้รับอะไร ข้าแค่ฆ่าชาวบ้านไปไม่กี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 131

    ขณะที่นางพูดอยู่ นางก็หยิบชามขึ้นมาและดื่มน้ำก๋วยเตี๋ยวในอึกเดียวท่าทางที่ตรงๆปตรงมาเช่นนี้ ทำเอาเซี่ยหลูโม่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า"จะว่าไป เหตุใดรัชทายาทของเมืองซีจิงจึงปรากฏตัวในเมืองลู่เปินเอ่อร์ล่ะ?" จิ่นซูยังคงไม่ค่อยเข้าใจ เขาเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่า รัชทายาทองค์นี้ได้รับความนิยมจากประชาชนของเมืองซีจิง และมีความสามารถและชาญฉลาด เขาปรากฏตัวในเมืองลู่เปินเอ่อร์ทำไม?เดิมทีเขาก็ไม่ใช่แม่ทัพด้วยซ้ำ"เพราะการต่อสู้ภายในของราชวงศ์แห่งเมืองซีจิง เขาถูกองค์ชายรองวางแผน และถูกบังคับให้เข้าสู่สนามรบ ซูลันจีรู้ว่าเขาทำการต่อสู้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองลู่เปินเอ่อร์ เพราะสนามรบไม่ได้อยู่ในเมืองลู่เปินเอ่อร์ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะพบกับยี่ฝางเข้า""องค์ชายรอง?" ซ่งซีซีขมวดคิ้วเล็กน้อย "แล้วเมื่อรัชทายาทแห่งเมืองซีจิงสิ้นพระชนม์ องค์ชายหลายองค์เลยต้องแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาท หากองค์ชายรององนั้นเป็นรัชทายาท มันจะไม่เป็นมิตรกับแคว้นซางของเรานี่น่ะ"ความรู้สึกที่องค์ชายรองมีต่อแคว้นซางก็มีแต่เกลียดชัง เห็นเราเป็นศัตรู ราวกับน้ำกับไฟที่อยู่ร่วมกันไม่ได้"อืม แต่ซูลันจี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 132

    ข่าวดีที่เขตหนานเจียงได้รับหารฟื้นฟูถูกรายงานกลับไปยังเมืองหลวงแล้ว ฮ่องเต้ถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่ออ่านรายงานนี้ ในยามเช้าตอนประชุน ขุนนางทั้งพลเรือนและทหารในราชสำนักคุกเข่าลงและส่งเสียงไชโยพร้อมกันว่าทรงพระเจริญข่าวใหญ่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ในตอนแรก เป็นครอบครัวขุนนางต่างๆ ที่รู้เรื่อง ต่อมาคนของทั้งเมืองเหลวงก็รู้เรื่องนี้ และจากนั้นก็ไปถึงจังหวัดต่างๆ ด้วยคนทั้งประเทศก็ฉลองกันอย่างมีความสุขนักเล่าเรื่องมีเส้นสายทุกที่ คนรับใช้ในตระกูลขุนนางมักจะหาข้อมูลต่างๆ เอาไปขายให้กับผู้เล่าเรื่องได้ตลอดเวลาดังนั้น ทุกคนจึงรู้ว่าผู้ที่สร้างผลงานมากสุดก็คือเป่ยหมิงอ๋อง แต่คนที่บุกรุกเมืองอีลี่และเมืองซีม่อนติดกันเป็นแม่ทัพหญิงนายหนึ่ง เป็นนางนำกองทัพซวนเจียให้ต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ชาวแคว้นซาแพ้จนลุกไม่ขึ้นต้องหนีอย่างเดียวนักเล่าเรื่องถนัดในการสร้างวีรบุรุษวีรสตรีที่สุด ภายใต้การประชาสัมพันธ์ที่น่าตื่นเต้นของเขา แม่ทัพหญิงคนนั้นก็ถูกสร้างภาพลักษณ์เป็นเทพีแห่งสงครามบนท้องฟ้าสงครามยังถูกบรรยายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากๆ จนเกินเลย ภายใต้ความยากลำบากนี้ แม่ทัพหญิงที่อยู่ใต้บังคับบั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 133

    ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านส่งคำเชิญถึงฮูหยินของผู้ช่วยซ้ายและผู้ช่วยขวาของกระทรวงกลาโหมทั้งสอง ขนาดยังส่งคำเชิญถึงฮูหยินของเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมด้วย ทว่านางคิดว่า ฮูหยินเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมคงจะไม่มาแต่ฮูหยินของผู้ช่วยจะต้องมาแน่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านวางแผนว่าพอรอพวกนางมา แล้วจะถามถึงสถานการณ์ของสงครามครั้งนี้อย่างคร่าวๆ และกระทรวงกลาโหมหารือเกี่ยวกับตอบแทนรางวัลอย่างไรแต่ใครจะไปรู้ว่า เมื่อถึงเวลาแล้ว ฮูหยินทั้งสองของผู้ช่วยฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาของกระทรวงกลาโหมต่างก็ไม่มา และแม้แต่พวกฮูหยินของขุนนางที่มีตำแหน่งสูงหน่อยก็ไม่มาด้วย มีเพียงฮูหยินของขุนนางที่มีระดับห้าหกหรือระดับเจ็ดแปดเท่านั้นที่มาพร้อมกับครอบครัวบางคนไม่อยู่ในรายชื่อคำเชิญ ซึ่งทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านทั้งโกรธและเป็นทุกข์ใจที่จัดงานเลี้ยงน้ำชานี้ ได้ทุ่มเงินตั้งมากมายก็เพื่ออยากสร้างชื่อเสียงออกไปก่อน เพื่อปูทางให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ของตน เมื่อพวกเขากลับบ้านด้วยชัยชนะ ยามที่ฮ่องเต้และกระทรวงกลาโหมจะให้รางวัลตอบแทนตามผลงาน พวกเขาจะยอมรับฟังเสียงของประชาชนด้วยทุกวันนี้ ข่าวที่เกี่ยวกับแม่ทัพหญิงได้แพร่จนทุกคนรับรู้หมด มีแต่คำชื่นช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 134

    เดิมทีทุกคนเดาว่าแม่ทัพหญิงคนนี้คือยี่ฝาง แต่หลังจากงานเลี้ยงน้ำชาของฮูหยินผู้เฒ่าจ้านแล้ว บางคนก็รู้สึกแปลกๆผู้เล่าเรื่องย่อมกระตุ้นความรู้อยากเห็นของเขาก่อน จากนั้นจึงพูดกับลุกค้าดื่มชาอย่างลึกลับว่า "ในงานเลี้ยงน้ำชาของที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านของจวนแม่ทัพจัดให้นั้น ฮูหยินของผู้ช่วยของกระทรวงกลาโหมทั้งสองท่านไม่ได้ออกงาน อย่าว่าแต่ฮูหยินของผู้ช่วยเลย แม้แต่ฮูหยินของขุนนางทุกคนในกระทรวงกลาโหมก็ไม่เข้าร่วม นี่หมายความว่าอย่างไร ซึ่งหมายความว่าแม่ทัพหญิงคนนั้นอาจไม่ใช่แม่ทัพยี่ฝาง"ลูกค้าที่ดื่มน้ำชาต่างตกตะลึง เกิดเสียงพูดคุยอย่างดังขึ้นถ้าไม่ใช่แม่ทัพยี่ฝาง แล้วจะเป็นใครล่ะ? ไม่มีแม่ทัพหญิงคนที่สองในแคว้นเรานี่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ในที่สุดด้วยส่งผู้คนมากมายไปสืบเรื่องก็ได้ข่าวกลับมา โดยบอกว่าภรรยาที่หย่าโดยสันติกับจ้านเป่ยว่างคนนั้นได้ออกเดินทางไปสนามรบคนในเมืองหลวงยังจำเหตุการณ์ที่พวกเขาหย่าโดยสันติได้ฮูหยินที่หย่าโดยสันติคนนั้น ก็คือซ่งซีซี ลูกสาวของซ่งฮวยอัน เสนาบดีเจิ้นกั๋วกงที่เสียชีวิตในเขตหนานเจียงไม่ใช่หรือ?เมื่อพูดถึงซ่งซีซี มีคนจำนวนมากอาจยังมีความคิดที่จะดูเรื่องสน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 135

    นักเล่าเรื่องในโรงน้ำชาทั่วเมืองหลวงต่างพยายามอย่างเต็มที่ในการเล่าเรื่องราวที่ซ่งซีซีนำกองทหารเพื่อโจมตีเมืองอย่างน่าสนใจพวกชาวบ้านชาวเมืองล้วนชื่นชมซ่งซีซีมาก จนลืมคำพูดแย่ๆ ทั้งหมดที่พวกเขาเคยหาว่าหลังจากที่นางหย่าโดยสันติไปโดยสิ้นเชิงในที่สุดพระชายาอ๋องฮวยก็เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงถูกขังบริเวณได้สักทีเมื่อลูกสาวของนางแต่งงาน ซ่งซีซีเคยส่งคนมามอบของขวัญแต่งงานให้ ทว่านางปฏิเสธแล้วตอนนั้น นางยังบ่นกับคนรอบข้างว่า ซ่งซีซีช่างไม่รู้ความเอาซะเลย นางเป็นผู้หญิงที่หย่าแล้ว จะมามอบของขวัญแต่งงานให้ได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่นำโชคร้ายมาให้เหรอ?เมื่ออ๋องฮวยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็โกรธมากจนตบหน้านางฉาดนึง "นั่นคือหลานสาวของเจ้า ถ้าวิญญาณท่านพี่สาวของเจ้าที่อยู่ บนสวรรค์รับรู้เรื่องนี้ จะตำหนิเจ้าที่ใจร้ายหรือไม่ คนอื่นคนนอกดูถูกนางก็ไม่ว่าอะไร เจ้าเป็นถึงท่านน้าแท้ๆ เจ้านี่…"อ๋องฮวยเป็นท่านอ๋องที่ไม่เอาไหนอยู่แล้ว ทั้งขี้ขลาดและไม่มีอำนาจใดๆ ดังนั้นเขาจึงสามารถอาศัยอยู่ในเมืองหลวงได้ถาวรสำหรับเรื่องที่ซ่งซีซีกับจ้านเป่ยว่างหย่าโดยสันติ เขาไม่ได้ถามอะไร และเขาไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ว่าจะเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 136

    ซ่งซีซีอยู่ในเขตหนานเจียง ซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวง ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง นางต่างไม่รู้สงครามยุติลงมานานแล้ว แต่กองทัพยังไม่สามารถถอนตัวออกไปได้หมดในด้านหนึ่ง มันหนาวเกินกว่าจะเดินทัพได้ประการที่สอง หลังจากเกิดสงครามมาหลายปี พื้นที่หลายแห่งที่เขตหนานเจียงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซม และพวกทหารก็สามารถช่วยงานได้นับตั้งแต่สงครามเสร็จสิ้น เรื่องราวที่ยี่ฝางถูกจับและถูกข่มขืนได้แพร่กระจายไปทั่วกองทัพไม่ว่านางจะไม่ยอมรับยังไง แต่ทหารที่วิ่งเข้าไปและเห็นสภาพของนางในตอนนั้นมีไม่น้อยนี่ไม่ใช่ความลับ และไม่สามารถปกปิดได้ยี่ฝางให้ยี่เทียนหมิงและคนอื่นๆ ช่วยเป็นพยาน แต่พวกยี่เทียนหมิงสามารถเป็นพยานอะไรได้บ้าง? พวกเขาถูกทุบตีและต้องทนทุกข์ทรมาน ยังถูกตอน เจ็บปวดมากจนแทบจะตายอยู่แล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่ายี่ฝางถูกข่มขืนหรือไม่?ยิ่งกว่านั้น ยี่เทียนหมิงรู้สึกรำคาญกับยี่ฝางมากจนเขาไม่อยากคุยกับนางแล้วด้วยซ้ำพวกทหารอีกสิบกว่าคนก็เช่นกัน ตอนที่ได้รับรางวัล พวกเขารู้สึกขอบคุณยี่ฝาง แต่หลังจากถูกจับและต้องทนทุกข์ทรมานทุกอย่าง พวกเขาก็เกลียดยี่ฝางเข้าแล้วยี่ฝางใช้ชีวิตอย่างเป็นค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 137

    เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง น้ำแข็งและหิมะละลายไป พวกทหารที่เหลือไว้เฝ้าดูเมืองซีม่อนนั้นก็สามารถกลับเมืองหลวงได้พวกเสิ่นว่านจือยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าตกลงจะกลับเมืองหลวงพร้อมกับพวกเขาหรือกลับภูเขาเหม่ยชานไปเลยกุ้นเอ๋อร์กล่าวว่า "ภูเขาเหม่ยชานกลับได้ทุกเมื่อ แต่กลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะมีเพียงครั้งเดียวในชีวิตนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับไปเพลิดเพลินกับเสียงยกย่องของประชาชนสักหน่อย"พวกเขาไม่ได้มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่มากนัก ความปรารถนาที่สูงสุดในชีวิตก็คือฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้ดี ไม่ได้หวังว่าเป็นอันดับหนึ่งในโลก แต่ขอแค่ทุกครั้งที่เจอคู่ต่อสู้ ก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายจู่ๆ ก็กลายเป็นวีรบุรุษวีรสตรีที่ฟื้นฟูเขตหนานเจียงกลับมา ความสำเร็จได้ยิ่งใหญ่มาก พวกเขายังไม่ชินกับมันเลยอาการบาดเจ็บของยี่ฝางเกือบจะหายดีแล้ว และถึงเวลาที่ต้องรับการลงโทษด้วยโดนไม้ตีในช่วงเวลาที่อยู่เขตหนานเจียง ความสัมพันธ์สามีภรรยาระหว่างนางกับจ้านเป่ยว่างอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดจ้านเป่ยว่างดูเหมือนจะหลบหนีนางอยู่เสมอ แต่หากนางได้เจอปัญหาอะไรจริงๆ เขาก็ยอมออกมือช่วยตัวอย่างเช่น เมื่อนางกำลังจะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1340

    ซ่งซีซีนั่งกลับลงบนเก้าอี้ กล่าวว่า “เรื่องที่พวกเจ้าทุจริตนั้น ฝ่าบาททรงทราบดีแล้ว ตอนนี้ที่ทรงให้ข้าสอบสวนเป็นการส่วนตัว ก็เพื่อมอบโอกาสให้พวกเจ้า หากพูดความจริง หัวของเจ้าจะยังปลอดภัย หากให้ข้อมูลที่มีค่าเพิ่มเติม อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปทำงานนอกเมือง ยังสามารถโลดแล่นในวงราชการได้”เกาหมิงอวี้ที่มีประสบการณ์ในราชสำนักมานานย่อมรู้ดีว่าให้ข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น หมายถึงการขายเจ้านายและผู้ใต้บังคับบัญชาเขาไม่มีข้อสงสัยในคำพูดของซ่งซีซีด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ช่วงนี้อู๋เยว่และคนของเขาตรวจสอบทางน้ำอยู่เสมอ สองคือ ซ่งซีซีออกหน้ามาสอบสวนด้วยตัวเอง หากไม่มีพระราชโองการจากฝ่าบาท นางไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จะส่งใครมาทรมานเขาก็ได้แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีวิเคราะห์เขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และคาดการณ์ความคิดของเขาไปก่อนแล้ว“พวกเจ้าทุจริตทั้งระบบ ท่าทีของจินชางหมิงเป็นอย่างไร?”เกาหมิงอวี้ครุ่นคิดก่อนตอบว่า “จะว่าไปจริงๆ แล้ว เขาเป็นคนเริ่มเปิดทางให้เราทุจริต โดยอ้างว่าเป็นค่าเหนื่อยของเรา เมื่อเริ่มต้นแล้ว เราลองเบิกเงินเกินมาเล็กน้อย เขาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นเรากล้าขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเขาเตือนเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1339

    หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่สองวัน ซ่งซีซีตัดสินใจลงมือกับเกาหมิงอวี้ รองหัวหน้ากรมจัดการแม่น้ำเกาหมิงอวี้อายุสามสิบห้าปี รับราชการในกรมโยธามาแล้วห้าปี เขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวไร่ชาวนา เมื่อยังเยาว์วัยพ่อแม่เสียชีวิต เพื่อให้เขาได้เรียนในสำนักที่ดีที่สุด เขาดูดทรัพย์สมบัติของพี่น้องจนหมดสิ้นหลังสอบจอหงวนได้ เขาเข้ารับราชการ และกลายเป็นคนโลภเงินอย่างที่สุด ขี้เหนียวอย่างยิ่งยวด ทอดทิ้งพี่น้องที่เคยเลี้ยงดูเขาไปเหมือนของไร้ค่า และไม่ติดต่อพวกเขาอีกเลยยังไม่หมดแค่นั้น เขาอ้างความหึงหวงเป็นเหตุผลในการหย่ากับภรรยาคนแรก แล้วแต่งงานกับบุตรสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาคืออธิการสำนักไป๋หยุน ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ลูกสาวคนเดียวของอาจารย์แต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเขาคือคนไร้ค่าและทรยศทว่าคนไร้ค่าเช่นนี้กลับใช้งานได้ดี เพราะความโลภ โกรธ หลง และความเห็นแก่ตัวของเขา มีจุดอ่อนที่สามารถกดดันจนยอมพูดทุกอย่างคืนนั้น ซ่งซีซีสั่งให้กุ้นเอ๋อร์จับตัวเขามายังเรือนทางตะวันตกของเมือง ขังเขาไว้หนึ่งคืน ให้เขาหวาดกลัวและหิวโหย จากนั้นค่อยสอบสวนในวันถัดไปเกาห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1338

    จักรพรรดิซูชิงมีราชโองการให้อู๋เยว่พาคนไปควบคุมงานโดยตรง ทว่า จินชางหมิงรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว พาอู๋เยว่ไปตรวจสอบผลสำเร็จด้วยตนเองหลังจากเริ่มงานมาเป็นเวลานาน อ่างเก็บน้ำก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์คุณภาพของอ่างเก็บน้ำนั้นยอดเยี่ยม เขื่อนที่สร้างขึ้นมั่นคงดั่งกำแพงทองหลังจากตรวจสอบอ่างเก็บน้ำแล้ว ก็ไปตรวจสอบทางน้ำ ทุกพื้นที่ได้ขุดลอกเสร็จเรียบร้อย ส่วนเขื่อนที่เสียหายก่อนหน้านี้ก็ได้รับการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงแล้วอู๋เยว่ยังส่งคนไปพูดคุยกับคนงานก่อสร้างทางน้ำ ชายฉกรรจ์แต่ละคนที่ผิวคล้ำแดด ดูซื่อๆ ขัดเขินเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าขุนนางส่วนใหญ่ถามอะไรก็ตอบสิ่งนั้น หากให้พวกเขาบอกความไม่พอใจอะไร พวกเขามักลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่าอาหารสามารถปรับปรุงได้ไหม โดยเฉพาะเพิ่มหมูติดมันให้หน่อยอู๋เยว่คิดว่าคนเหล่านี้เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีความเคียดแค้นในแววตาเขายังพาคนไปดูที่พักชั่วคราวของคนงานก่อสร้างเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระท่อมไม้และกระท่อมหญ้าแฝก ภายในมีเพียงที่นอนใหญ่ที่รองรับคนได้เจ็ดแปดคน ดูรกเล็กน้อยในกระท่อมไม่มีอาวุธ เครื่องมือที่ต้องใช้ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1337

    ซ่งซีซีแทบจะหัวเสียจนอกแตกตาย นางรู้สึกว่าเส้นผมสีขาวกำลังจะงอกออกมาบนหน้าผาก ไม่แปลกใจเลยที่ขุนนางในราชสำนักแต่ละคนดูแก่ก่อนวัย หรือแม้แต่เสนาบดีมู่ที่อายุเพียงหกสิบกว่า ผมก็หงอกไปกว่าครึ่งนางไปหาเสนาบดีมู่ด้วยความขุ่นเคือง หวังว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้างและกล่าวบางคำสนับสนุนนางต่อหน้าฮ่องเต้เสนาบดีมู่ยิ้มพลางมองนาง "แค่นี้ก็ถึงกับโกรธเลยหรือ?"ซ่งซีซีตอบ "มิกล้าโกรธเจ้าค่ะ แต่เรื่องนี้ชะลอความคืบหน้า และข้ากลัวว่าจะทำให้ผู้ต้องสงสัยตื่นตัว จนถูกชิงโอกาสไป ฝ่าบาทไม่ไว้ใจข้าเลย"เสนาบดีมู่ย้อนถาม "เขาไม่เชื่อเจ้าอย่างสมบูรณ์ก็เป็นเรื่องปกติ ต่อให้เป็นเจ้า หากคนใต้บัญชาไม่ได้ยกหลักฐานมาสนับสนุนคำพูด เจ้าจะเชื่อพวกเขาโดยไม่ตรวจสอบหรือ?"ซ่งซีซีกล่าว "แต่เขาไม่มีหลักฐานว่าท่านอ๋องมีความทะเยอทะยานใดๆ แต่เขาก็ยังระแวงทุกทางมิใช่หรือ?""ก็เพราะไม่มีหลักฐาน เขาจึงระแวง หากมีหลักฐาน เขาคงลงมือไปนานแล้ว" เสนาบดีมู่ถอนหายใจเบาๆ "ความจริงแล้ว หลายเรื่องไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด โดยเฉพาะการตัดสินใจสำคัญในราชสำนัก ต้องผ่านการหารือและอภิปรายหลายครั้ง บางเรื่องใช้เวลาเป็นปีจึงจะเดินหน้าได้ อีก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1336

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างแม่น้ำได้เกณฑ์แรงงานจากในและรอบๆ เมืองหลวง โดยเป็นกลุ่มคนงานและแรงงานหนักกลุ่มเดียวกันหน่วยงานด้านแม่น้ำทั้งหมดอยู่ภายใต้การนำของจินชางหมิง เขาใช้ข้ออ้างเรื่องการซ่อมแซมแม่น้ำและโครงการระบายน้ำเข้ายึดครองภูเขาและที่ดินจำนวนไม่น้อยบ้านเรือนถูกสร้างขึ้นอย่างกระจัดกระจายในพื้นที่เหล่านี้ โดยไม่ได้จัดเป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ คนงานแม่น้ำและแรงงานบางส่วนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เส้นทางแม่น้ำที่พวกเขาครอบครองกระจัดกระจายไปในทุกทิศ เมื่ออาจารย์หยูทำเครื่องหมายและเชื่อมจุดบนแผนที่ พบว่าพื้นที่เหล่านี้โอบล้อมพระราชวังหลวงไว้เหมือนตาข่ายที่กางปิดหากพวกเขาเป็นทหารลับของนกต่อ การเฝ้าประตูเมืองจะไร้ประโยชน์ เพราะพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด และเมื่อไม่มีงานทำ พวกเขาก็สำรวจภูมิประเทศจนคุ้นเคย แม้แต่ค่ายลาดตระเวนหรือทหารรักษาการณ์อาจยังไม่รู้จักเส้นทางในเมืองหลวงดีเท่าพวกเขาซ่งซีซีมองดูแผนที่ด้วยความตระหนก แต่ก็ยังตั้งคำถามว่า "พวกเขาได้รับที่ดินเหล่านี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากกรมโยธาธิการและฝ่าบาทใช่หรือไม่?""ถูกต้อง แต่ถ้าใช้เพื่อการซ่อมแซมแม่น้ำและระบายน้ำ ก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1335

    กล่องผ้าไหมสีแดงเข้มชิ้นนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ว่านกงกงเป่าฝุ่นออกก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ด แล้วเปิดกลไกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาเขาส่งสัญญาณให้มอบหยกชิ้นนั้นแก่เสนาบดีมู่เสนาบดีมู่รับมาด้วยความสงสัย เมื่อมองดู เห็นว่าหยกทรงวงแหวนชิ้นนี้แกะสลักลวดลายมังกร ชัดเจนว่าเป็นของจักรพรรดิ์องค์ก่อน"ท่านเสนาบดีลองดูด้านหลัง" ว่านกงกงกล่าวเมื่อเสนาบดีมู่พลิกดูด้านหลัง เขาถึงกับตะลึงจนเหมือนร่างแข็งทื่อด้านหลังยังคงมีลวดลายมังกร แต่ลวดลายนี้ห่อหุ้มใบเมเปิลหนึ่งใบ และข้างใบเมเปิลนั้นยังมีอักษร "สือ" เล็กๆ แกะสลักไว้ใบเมเปิลและตัวอักษรแบ่งพื้นที่คนละด้าน ใบหนึ่งใหญ่ ใบหนึ่งเล็กซ่งซีซีก็เห็นเช่นกัน แต่ไม่เข้าใจความหมายเสนาบดีมู่ถอนหายใจและอธิบายเบาๆ "สือจิ้ง เป็นนามอักษรของจักรพรรดิ์องค์ก่อน ส่วนชิวเหมิงเคยเดินทางในยุทธภพช่วงหนึ่ง และได้รับสมญานามว่า 'คุณชายเหล็กแห่งใบเมเปิล'""หยกชิ้นนี้จักรพรรดิ์องค์ก่อนประทานให้แม่ทัพชิว ด้านหลังเดิมมีเพียงลวดลายมังกร แต่ใบเมเปิลและอักษร 'สือ' นั้น แม่ทัพชิวแกะสลักเพิ่มเอง หยกนี้เขาพกติดตัวตลอด ใส่ไว้ในถุงผ้าไหม แต่ไม่รู้อย่างไรถูกจักรพรรดิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1334

    อย่างไรเสีย หัวข้อสนทนานี้เป็นเรื่องที่พูดยาก เสนาบดีมู่จึงดื่มชาสองสามอึกก่อนจะกล่าวว่า "ความจริงเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ในตอนนั้นมีการประกาศว่าชิวเหมิงกระทำการหมิ่นพระเกียรติ จักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงกริ้วและปลดเขาออกจากตำแหน่ง ก่อนจะพระราชทานยศเจวี๋ยให้แทน มีข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ หลุดออกมาจากในวังว่าเขาและอาจารย์ฉีมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือบางอย่าง เมื่อจักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงทราบ ก็ไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ ด้วยความโกรธจึงตรัสคำดูหมิ่นเขาอย่างรุนแรง รวมถึงการลดตำแหน่ง ทำให้ชิวเหมิงรู้สึกหมดกำลังใจจนตัดสินใจออกจากเมืองหลวงไป"สำหรับเหตุผลนี้ ซ่งซีซีเคยคาดเดาไว้บ้าง แต่คิดว่าในฐานะคนที่ทำงานใกล้ชิดราชวงศ์ ไม่น่าจะกล้าแสดงความคิดหรือความรู้สึกเช่นนั้นออกมา อีกทั้งนางก็รู้จักอุปนิสัยของจักรพรรดิ์องค์ก่อนดี จึงยิ่งไม่น่าจะไม่ระมัดระวังตัวและหากการลดตำแหน่งเกิดจากเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่แต่จากที่ได้ฟัง บางทีชิวเหมิงอาจมองจักรพรรดิ์องค์ก่อนเป็นเพื่อนจริงๆ จึงไม่ได้ปิดบังตัวเองมากนัก หรืออาจเพราะเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้จักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1333

    อาจารย์ฉีมอบหมายให้ซ่งซีซีตามหาบุคคลหนึ่งชื่อชิวเหมิงบรรพบุรุษของตระกูลชิวเคยร่วมรบสร้างแคว้นกับจักรพรรดิ์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางตลอดกาลในฐานติ้งปังโหว แต่ต่อมาชิวเหมิงกลับล่วงเกินจักรพรรดิ์องค์ก่อน และถูกลดตำแหน่งลงเป็นผิงอันป๋อเขาจึงย้ายออกจากเมืองหลวงไปปลีกวิเวกที่แถบเจียงหนาน และดูเหมือนว่าคนในเมืองหลวงที่จำเขาได้คงเหลือน้อยเต็มที"เขาไม่เคยแต่งงานเลยตลอดชีวิต และห้างชิวเจียก็เป็นของเขา"ซ่งซีซีประหลาดใจ "เขาคือเจ้าของเบื้องหลังของห้างชิวเจียอย่างนั้นหรือ?"ห้างชิวเจียในแถบเจียงหนานถือเป็นกิจการใหญ่โต แม้ทรัพย์สินจะไม่เทียบเท่าตระกูลเสิ่น แต่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมและมีเครือข่ายความสัมพันธ์กว้างขวางในแคว้นซางมีคนแซ่ชิวอยู่ไม่น้อย ประกอบกับชิวเหมิงที่ซ่อนตัวและไม่พบปะใครเลย ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเป็นเจ้าของห้างชิวเจียแต่ห้างชิวเจียมีอายุเกินร้อยปี เป็นป้ายเก่าแก่ ก่อนที่ชิวเหมิงจะออกจากเมืองหลวง ก็ไม่เคยมีข่าวว่าครอบครัวเขาทำธุรกิจหงเซียวรีบอธิบาย "เดิมทีห้างชิวเจียไม่ได้เป็นของชิวเหมิง แต่ภายหลังเมื่อเขาไปถึงเจียงหนาน ห้างชิวเจียประส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1332

    ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับจินชางหมิงถูกส่งมาถึงมืออาจารย์หยูจินชางหมิง เป็นชาวเยี่ยนโจว อายุ 47 ปี สอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉตอนอายุ 13 ปี และจวี่เหรินตอนอายุ 18 ปี ในตอนนั้นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะในเยี่ยนโจวแต่หลังสอบจวี่เหรินได้ เขาถูกชะลอไม่ให้เดินทางไปสอบในเมืองหลวงเพราะมารดาป่วย เขาจึงหางานทำในสำนักอำเภอที่เยี่ยนโจว และได้ตำแหน่งเลขานุการเส้นทางการเลื่อนตำแหน่งของเขาไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งเยี่ยนโจวและกรมโยธาธิการต่างให้คะแนนว่าเขาเป็นคนมีวิสัยทัศน์และลงมือทำจริงในการประเมินผลสามปีครั้งของกรมการปกครอง เขาได้คะแนนดีเยี่ยมว่ากันว่าการเป็นหัวหน้ากรมแม่น้ำเพียงอย่างเดียวเป็นการฝังพรสวรรค์ของเขา บ้างก็ว่าเขาไม่มีสายสัมพันธ์ที่ดี มิฉะนั้นเขาคงได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นรองเสนาบดีกรมโยธาธิการแล้วแคว้นต้าซางมีข้าราชการแบบเขาอยู่มากมาย ตำแหน่งไม่สูงนัก แต่ทำงานทุกอย่างราบรื่น ไม่มีความทะเยอทะยานมาก และทำงานเงียบๆ อย่างมีประสิทธิภาพเขาไม่ได้โดดเด่น ไม่มีเรื่องให้พูดถึง มีภรรยาหลวงหนึ่งคน ภรรยาน้อยหนึ่งคน ลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน และคนรับใช้สามคน บ้านที่เขาอยู่เดิมเป็นบ้านเช่า เพิ

DMCA.com Protection Status