แชร์

บทที่ 133

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านส่งคำเชิญถึงฮูหยินของผู้ช่วยซ้ายและผู้ช่วยขวาของกระทรวงกลาโหมทั้งสอง ขนาดยังส่งคำเชิญถึงฮูหยินของเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมด้วย ทว่านางคิดว่า ฮูหยินเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมคงจะไม่มา

แต่ฮูหยินของผู้ช่วยจะต้องมาแน่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านวางแผนว่าพอรอพวกนางมา แล้วจะถามถึงสถานการณ์ของสงครามครั้งนี้อย่างคร่าวๆ และกระทรวงกลาโหมหารือเกี่ยวกับตอบแทนรางวัลอย่างไร

แต่ใครจะไปรู้ว่า เมื่อถึงเวลาแล้ว ฮูหยินทั้งสองของผู้ช่วยฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาของกระทรวงกลาโหมต่างก็ไม่มา และแม้แต่พวกฮูหยินของขุนนางที่มีตำแหน่งสูงหน่อยก็ไม่มาด้วย มีเพียงฮูหยินของขุนนางที่มีระดับห้าหกหรือระดับเจ็ดแปดเท่านั้นที่มาพร้อมกับครอบครัว

บางคนไม่อยู่ในรายชื่อคำเชิญ ซึ่งทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านทั้งโกรธและเป็นทุกข์ใจ

ที่จัดงานเลี้ยงน้ำชานี้ ได้ทุ่มเงินตั้งมากมายก็เพื่ออยากสร้างชื่อเสียงออกไปก่อน เพื่อปูทางให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ของตน เมื่อพวกเขากลับบ้านด้วยชัยชนะ ยามที่ฮ่องเต้และกระทรวงกลาโหมจะให้รางวัลตอบแทนตามผลงาน พวกเขาจะยอมรับฟังเสียงของประชาชนด้วย

ทุกวันนี้ ข่าวที่เกี่ยวกับแม่ทัพหญิงได้แพร่จนทุกคนรับรู้หมด มีแต่คำชื่นช
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ไม่มีเหตุผลเลย เป็นแม่ของแม่ทัพได้อย่างไร
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
จัดงานเลี้ยงล่วงหน้าทั้งๆที่เชื่อขาาวลือ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 134

    เดิมทีทุกคนเดาว่าแม่ทัพหญิงคนนี้คือยี่ฝาง แต่หลังจากงานเลี้ยงน้ำชาของฮูหยินผู้เฒ่าจ้านแล้ว บางคนก็รู้สึกแปลกๆผู้เล่าเรื่องย่อมกระตุ้นความรู้อยากเห็นของเขาก่อน จากนั้นจึงพูดกับลุกค้าดื่มชาอย่างลึกลับว่า "ในงานเลี้ยงน้ำชาของที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านของจวนแม่ทัพจัดให้นั้น ฮูหยินของผู้ช่วยของกระทรวงกลาโหมทั้งสองท่านไม่ได้ออกงาน อย่าว่าแต่ฮูหยินของผู้ช่วยเลย แม้แต่ฮูหยินของขุนนางทุกคนในกระทรวงกลาโหมก็ไม่เข้าร่วม นี่หมายความว่าอย่างไร ซึ่งหมายความว่าแม่ทัพหญิงคนนั้นอาจไม่ใช่แม่ทัพยี่ฝาง"ลูกค้าที่ดื่มน้ำชาต่างตกตะลึง เกิดเสียงพูดคุยอย่างดังขึ้นถ้าไม่ใช่แม่ทัพยี่ฝาง แล้วจะเป็นใครล่ะ? ไม่มีแม่ทัพหญิงคนที่สองในแคว้นเรานี่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ในที่สุดด้วยส่งผู้คนมากมายไปสืบเรื่องก็ได้ข่าวกลับมา โดยบอกว่าภรรยาที่หย่าโดยสันติกับจ้านเป่ยว่างคนนั้นได้ออกเดินทางไปสนามรบคนในเมืองหลวงยังจำเหตุการณ์ที่พวกเขาหย่าโดยสันติได้ฮูหยินที่หย่าโดยสันติคนนั้น ก็คือซ่งซีซี ลูกสาวของซ่งฮวยอัน เสนาบดีเจิ้นกั๋วกงที่เสียชีวิตในเขตหนานเจียงไม่ใช่หรือ?เมื่อพูดถึงซ่งซีซี มีคนจำนวนมากอาจยังมีความคิดที่จะดูเรื่องสน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 135

    นักเล่าเรื่องในโรงน้ำชาทั่วเมืองหลวงต่างพยายามอย่างเต็มที่ในการเล่าเรื่องราวที่ซ่งซีซีนำกองทหารเพื่อโจมตีเมืองอย่างน่าสนใจพวกชาวบ้านชาวเมืองล้วนชื่นชมซ่งซีซีมาก จนลืมคำพูดแย่ๆ ทั้งหมดที่พวกเขาเคยหาว่าหลังจากที่นางหย่าโดยสันติไปโดยสิ้นเชิงในที่สุดพระชายาอ๋องฮวยก็เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงถูกขังบริเวณได้สักทีเมื่อลูกสาวของนางแต่งงาน ซ่งซีซีเคยส่งคนมามอบของขวัญแต่งงานให้ ทว่านางปฏิเสธแล้วตอนนั้น นางยังบ่นกับคนรอบข้างว่า ซ่งซีซีช่างไม่รู้ความเอาซะเลย นางเป็นผู้หญิงที่หย่าแล้ว จะมามอบของขวัญแต่งงานให้ได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่นำโชคร้ายมาให้เหรอ?เมื่ออ๋องฮวยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็โกรธมากจนตบหน้านางฉาดนึง "นั่นคือหลานสาวของเจ้า ถ้าวิญญาณท่านพี่สาวของเจ้าที่อยู่ บนสวรรค์รับรู้เรื่องนี้ จะตำหนิเจ้าที่ใจร้ายหรือไม่ คนอื่นคนนอกดูถูกนางก็ไม่ว่าอะไร เจ้าเป็นถึงท่านน้าแท้ๆ เจ้านี่…"อ๋องฮวยเป็นท่านอ๋องที่ไม่เอาไหนอยู่แล้ว ทั้งขี้ขลาดและไม่มีอำนาจใดๆ ดังนั้นเขาจึงสามารถอาศัยอยู่ในเมืองหลวงได้ถาวรสำหรับเรื่องที่ซ่งซีซีกับจ้านเป่ยว่างหย่าโดยสันติ เขาไม่ได้ถามอะไร และเขาไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ว่าจะเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 136

    ซ่งซีซีอยู่ในเขตหนานเจียง ซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวง ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง นางต่างไม่รู้สงครามยุติลงมานานแล้ว แต่กองทัพยังไม่สามารถถอนตัวออกไปได้หมดในด้านหนึ่ง มันหนาวเกินกว่าจะเดินทัพได้ประการที่สอง หลังจากเกิดสงครามมาหลายปี พื้นที่หลายแห่งที่เขตหนานเจียงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซม และพวกทหารก็สามารถช่วยงานได้นับตั้งแต่สงครามเสร็จสิ้น เรื่องราวที่ยี่ฝางถูกจับและถูกข่มขืนได้แพร่กระจายไปทั่วกองทัพไม่ว่านางจะไม่ยอมรับยังไง แต่ทหารที่วิ่งเข้าไปและเห็นสภาพของนางในตอนนั้นมีไม่น้อยนี่ไม่ใช่ความลับ และไม่สามารถปกปิดได้ยี่ฝางให้ยี่เทียนหมิงและคนอื่นๆ ช่วยเป็นพยาน แต่พวกยี่เทียนหมิงสามารถเป็นพยานอะไรได้บ้าง? พวกเขาถูกทุบตีและต้องทนทุกข์ทรมาน ยังถูกตอน เจ็บปวดมากจนแทบจะตายอยู่แล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่ายี่ฝางถูกข่มขืนหรือไม่?ยิ่งกว่านั้น ยี่เทียนหมิงรู้สึกรำคาญกับยี่ฝางมากจนเขาไม่อยากคุยกับนางแล้วด้วยซ้ำพวกทหารอีกสิบกว่าคนก็เช่นกัน ตอนที่ได้รับรางวัล พวกเขารู้สึกขอบคุณยี่ฝาง แต่หลังจากถูกจับและต้องทนทุกข์ทรมานทุกอย่าง พวกเขาก็เกลียดยี่ฝางเข้าแล้วยี่ฝางใช้ชีวิตอย่างเป็นค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 137

    เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง น้ำแข็งและหิมะละลายไป พวกทหารที่เหลือไว้เฝ้าดูเมืองซีม่อนนั้นก็สามารถกลับเมืองหลวงได้พวกเสิ่นว่านจือยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าตกลงจะกลับเมืองหลวงพร้อมกับพวกเขาหรือกลับภูเขาเหม่ยชานไปเลยกุ้นเอ๋อร์กล่าวว่า "ภูเขาเหม่ยชานกลับได้ทุกเมื่อ แต่กลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะมีเพียงครั้งเดียวในชีวิตนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับไปเพลิดเพลินกับเสียงยกย่องของประชาชนสักหน่อย"พวกเขาไม่ได้มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่มากนัก ความปรารถนาที่สูงสุดในชีวิตก็คือฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้ดี ไม่ได้หวังว่าเป็นอันดับหนึ่งในโลก แต่ขอแค่ทุกครั้งที่เจอคู่ต่อสู้ ก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายจู่ๆ ก็กลายเป็นวีรบุรุษวีรสตรีที่ฟื้นฟูเขตหนานเจียงกลับมา ความสำเร็จได้ยิ่งใหญ่มาก พวกเขายังไม่ชินกับมันเลยอาการบาดเจ็บของยี่ฝางเกือบจะหายดีแล้ว และถึงเวลาที่ต้องรับการลงโทษด้วยโดนไม้ตีในช่วงเวลาที่อยู่เขตหนานเจียง ความสัมพันธ์สามีภรรยาระหว่างนางกับจ้านเป่ยว่างอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดจ้านเป่ยว่างดูเหมือนจะหลบหนีนางอยู่เสมอ แต่หากนางได้เจอปัญหาอะไรจริงๆ เขาก็ยอมออกมือช่วยตัวอย่างเช่น เมื่อนางกำลังจะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 138

    ซ่งซีซีเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา หลังจากคารวะแล้ว นางก็รู้สึกแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ถูก รองผู้บัญชาการจางเป็นอะไรไป สายตาที่เขาจ้องมาองนางดูแปลกๆเซี่ยหลูโม่มองใบหน้าของจางต้าจ้วงอย่างเย็นชา และจางต้าจ้วงก็หัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่ง "งั้นขอขอตัวออกไปก่อนขอรับ"หลังจากที่เขาออกไป เขาไม่ได้ไปไกล ซ่อนตัวอยู่ข้างนอกเพื่อแอบฟัง"นั่งลง!" เซี่ยหลูโม่พูดกับซ่งซีซี โดยมองไปที่ประตูอย่างเรียบๆแวบนึง เสียงหายใจอันดังก้องนั้นมีใครบ้างที่ไม่ได้ยิน จะแอบฟังกลับไม่รู้หาที่ซ่อนดีๆ หน่อยซ่งซีซีก็รู้ด้วยว่าจางต้าจ้วงอยู่ข้างนอก หลังจากนั่งลงแล้วนางถามด้วยสายตาและชี้ไปที่ประตูว่าเขากำลังทำอะไรอยู่?เซี่ยหลูโม่ยิ้มพลางส่ายหัว "อย่าไปสนใจเขา เจ้าหาข้ามีเรื่องอะไร?"ซ่งซีซีรีบนั่งตัวตรงแล้วถามว่า "ท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราใกล้จะกลับเมืองหลวงแล้ว ข้าขอไปสถานที่ที่ท่านพ่อและพี่ชายของข้าเสียชีวิตได้หรือไม่ ข้าอยากจะไปเรีกพวกเขา ให้พวกเขากลับเมืองหลวงพร้อมกับเนาด้วย"ศพของท่านพ่อและพี่ชายของนางถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวงหลังจากการเสียชีวิตทว่า หากพวกเขายังมีวิญญาณอยู่บนสวรรค์ วิญญาณของพวกเขาก็จะปกป้องอยู่บนดินแดนนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 139

    วันรุ่งขึ้น มีข่าวกระจายไปทั่วกองทัพว่า จ้านเป่ยว่างจะรับการลงโทษแทนยี่ฝางนับตั้งแต่ยี่ฝางถูกจับ ข่าวเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสองคนก็แพร่กระจายไปทั่วกองทัพ และเกือบทุกคนในเขตหนานเจียงต่างก็รู้เรื่องนี้ในตอนแรก ยี่ฝางแสร้งทำเป็นไม่สนใจ และทำทุกอย่างที่นางต้องทำหลังจากบาดแผลหายดี ราวกับว่านางต้องการใช้ทัศนคตินี้เพื่อระงับคำวิจารณ์ทั้งหมดแต่เมื่อคำวิจารณ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่ทุกคนมองนางก็ยิ่งแปลกมากขึ้น นางทนไม่ไหวอีกต่อไป ดังนั้นจึงซ่อนตัวไว้โดยใช้ข้ออ้างว่าอาการบาดเจ็บของนางยังไม่หายดีจ้านเป่ยว่างได้อดทนกับทุกเรื่องอย่างเงียบๆ ไม่ใช่ว่าคำวิจารณ์เหล่านั้นไม่ถึงหูของเขา เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถตอบหรืออธิบายใดๆ ได้เพราะเขารู้ว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับสงครามชายแดนเฉิงหลิง เกี่ยวข้องกับชาวบ้านชาวเมืองของเมืองซีจิงที่ถูกยี่ฝางสังหารหมู่ และ...สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายได้ และการอธิบายมีแต่จะทำให้เรื่องยิ่งร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้นแต่พวกทหารไม่รู้เรื่อง พวกเขาแค่คิดว่า ที่แม่ทัพยี่ถูกศัตรูจับตัวไปเพราะนางไม่ทำตามคำสั่ง และออกจากกองกำลังหลักโดยไม่ได้รับอนุญาตยิ่งไปกว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 140

    เพลง "แม่ทัพ" ทำให้ทุกคนน่าตื่นเต้น เลือดเดือด และดวงตาก็เหมือนกับมีไฟจะลุกออกมาอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพรบนับเป็นร้อยครั้ง บางคนก็เสียชีวิตในนั้นเลย ได้กลับมาก็ครั้งหนึ่งก็ผ่านเวลาไปสิบปีแล้วในที่สุดกลองก็ถูกตีอย่างแรงเสียงนึง จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบเซี่ยหลูโม่ถื ป้ายวิญญาณของซ่งฮวยอันไว้ในอ้อมแขนของเขา เมื่อเขากำลังจะเข้าไปในเมือง เขาก็ยกป้ายวิญญาณขึ้น ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยให้ซ่งฮวยอันเข้าไปในเมืองก่อนเมื่อยกป้ายวิญญาณขึ้น จากนั้นเขาค่อยก้าวเข้าไปในเมืองต่อ และคนอื่นๆ ก็เดินตามไป ทุกคนที่ถือป้ายวิญญาณอยู่ในมือก็เงียบและดูเคร่งขรึมหลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ เซี่ยหลูโม่พูดเสียงดังว่า "กระหม่อมเซี่ยหลูโม่ และซ่งฮวยอันได้นำกองทัพกลับบ้านอย่างมีชัยชนะ เพราะทรงได้รับการคุ้มรองจากบรรพบุรุษของแคว้นซางและทรงได้รับพรของฝ่าบาท กระหม่อมเซี่ยหลูโม่และซ่งฮวยอันกับพวกทหารทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ได้ฟื้นฟูเขตหนานเจียงกลับคืนมาพะยะค่ะ"เสียงของเขาดังก้องไปทั่วประตูเมือง และลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงมีเสียงไชโยดังขึ้นราวกับระเบิด เสียงไชโยพร้อมกั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 141

    เป่าจูอย่างมีความสุขที่สุด แต่ก็ร้องไห้หนักที่สุดด้วย นางไล่ตามออกไปด้วยความเร็วมาก แล้วตะโกนว่า "คุณหนู คุณหนู..."ซ่งซีซีเหลือบมองนางอย่างจนใจ เด็กหญิงคนนี้ทั้งหัวเราะและร้องไห้ ไม่รู้จักควบคุมตนเองจริงๆเซี่ยหลูโม่นั่งกับซ่งซีซี เขาเหลือบมองที่เป่าจูแวบนึง และคิดอยู่ครู่หนึ่งว่า "นางชื่อเป่าจูใช่ไหม?""ท่านอ๋องยังจำนางได้หรือ" ซ่งซีซีรู้สึกประหลาดใจมาก"จำได้" เซี่ยหลูโม่ยกยิ้ม "ข้าจำได้ว่ามีอยู่ปีนึงที่ไปสถาบันว่านซงเหมิน เด็กหญิงคนนี้กำลังตีอินทผลัมบนต้นไม้ เมื่อนางเห็นข้าและศิษย์พี่ของเจ้า นางตกใจจนล้มลงจากต้นไม้"ซ่งซีซีดูประหลาดใจมากยิ่งขึ้น "ท่านอ๋องเคยไปสถาบันว่านซงเหมินมาก่อนหรือ?""อืม ก่อนที่ข้าจะไปเขตหนานเจียง ข้าจะไปที่นั่นปีละครั้ง" เขาพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ แสงแดดในเดือนมิถุนายนส่องประกายเจิดจ้าในดวงตาของเขา และในไม่ช้าก็มืดลง "ต่อมาก็ไม่ได้ไปเลย""ข้ากลับไม่รู้ และไม่เคยพบกับท่านอ๋องมาก่อนเลย" ซ่งซีซีมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ทำไมท่านอ๋องถึงไปสถาบันว่านซงเหมินทุกปีล่ะ?""เที่ยวเล่น แวะให้อาจารย์และศิษย์อาของเจ้าช่วยสอนศิลปะการต่อสู้ด้วย ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าไม่ได้พ

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1482

    เซี่ยหลูโม่ในฐานะที่ปรึกษา ได้เข้าวังสอนวิชาอาวุธให้แก่สามองค์ชายก่อนถึงงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิ ที่จริงแล้ว องค์ชายใหญ่ควรฝึกมาตั้งนานแล้ว ทว่าเดิมทีเขาได้รับการเลี้ยงดูจากฮองเฮา ถูกตามใจดั่งดวงตาดวงใจ งานหนักใดๆ ล้วนไม่เคยต้องแตะต้อง เมื่อถูกส่งไปอยู่กับไทเฮา แม้พระนางจะทรงจัดการศึกษาให้ครบถ้วนทั้งบุ๋นและบู๊ แต่เขากลับโง่เง่าและเกียจคร้านเป็นทุนเดิม งานเล่าเรียนในแต่ละวันก็หนักหนาพออยู่แล้ว วิชาหนึ่งยังฝึกไม่ทันเสริม อีกวิชาหนึ่งก็ต้องตามไม่ทันเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีพรสวรรค์แต่อย่างใด ซ้ำยังมิได้ขยันหมั่นเพียร จึงมักหาทางหลบเลี่ยงอยู่เสมอ ความก้าวหน้าที่น่าพอใจที่สุดในตอนนี้ คงเป็นเพียงการที่เขายอมไปเรียนหนังสือโดยไม่ร้องไห้อีก ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการฝึกครั้งนี้กลับเป็นรุ่ยเอ๋อร์ รุ่ยเอ๋อร์ได้ฝึกพื้นฐานไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ออกแรงมากเกินไป หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวว่าเขาต้องค่อยๆ ฝึก ไม่อาจรีบร้อน หากได้รับบาดเจ็บที่ขาอีกครั้ง จะไม่คุ้มค่าความเสียหาย ดังนั้น เมื่อเซี่ยหลูโม่สอนวิชาธนูให้พวกเขา รุ่ยเอ๋อร์จึงมีพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว ฝึกไปไม่กี่วันก็เริ่มเห็นผล ส่วนองค์ชายใหญ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1481

    จักรพรรดิ์ซูชิงเสด็จขึ้นว่าราชการอีกครั้ง พระพักตร์ดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก ขุนนางอาวุโสบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาต่อหน้าพระที่นั่ง โดยเฉพาะหุ่ยอวี่สือ ซึ่งเกือบก่อเรื่องใหญ่โตไปแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ทรงมีอาการดีขึ้น อีกทั้งหมอมหัศจรรย์ดันก็ถูกเชิญเข้าวังเพื่อถวายการรักษา จึงพอมีความหวัง อย่างไรก็ตาม เป็นไปตามที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงคาดไว้ เสียงเรียกร้องให้แต่งตั้งองค์รัชทายาทในราชสำนักดังขึ้นเป็นอย่างมาก กระนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงก็มิได้ทรงรับคำในทันที เพียงตรัสว่าองค์ชายทั้งสามยังเยาว์วัยนัก ให้รออีกสักระยะเถิด ในกลุ่มขุนนางที่กราบทูลขอให้แต่งตั้งองค์รัชทายาทนั้น ย่อมมีศิษย์ของตระกูลฉีรวมอยู่ด้วย แต่ก็เพียงกล่าวคล้อยตามผู้อื่น มิได้มีใครลุกขึ้นมาเสนอเป็นฝ่ายแรก จักรพรรดิ์ซูชิงมิได้ทรงเชื่อโดยแท้จริงว่าเจ้ากรมฉีต้องการเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์โดยไร้ส่วนได้เสีย ช่วงนี้ตระกูลฉีทำตัวสงบเสงี่ยมลงก็จริง แต่ทั้งหมดเป็นผลจากการถูกกดดันและเตือนสติ แม้พระองค์จะยังมิได้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่กลับทรงประกาศเรื่องหนึ่งแทน นั่นคือ ทรงแต่งตั้งเป่ยหมิงอ๋อง เซี่ยหลูโม่เป็นที่ปรึกษาองค์รัชท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1480

    ฉีฮูหยินใหญ่เข้าเฝ้าในวัง ครานี้นางมาโดยได้รับคำสั่งจากเจ้ากรมฉี เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัดเจน เมื่อฮองเฮาทรงได้ยินว่าบิดาทรงตัดสินใจจะวางตัวเป็นกลาง ก็มิอาจระงับโทสะได้ ตรัสเย็นชา “แต่ก่อนให้ข้าช่วยสนับสนุนตระกูลฉี ข้าก็มิเคยปฏิเสธ บัดนี้เมื่อข้าต้องการให้พวกท่านช่วยบ้าง กลับถอยหนีไปหมดสิ้น ข้าช่างไม่เข้าใจเลยจริงๆ หากองค์ชายใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลฉีจะไม่ได้รับผลดีเลยหรือ? หรือบิดามั่นใจว่าต่อจากนี้ตระกูลฉีจะราบรื่นไร้ปัญหา?” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างใจเย็น “ความหมายของบิดา คือเพียงอยากเป็นขุนนางผู้ภักดี มิอาจข้องเกี่ยวเรื่องนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฮ่องเต้” “ช่างน่าขันนัก!” ฮองเฮาทรงหัวร่อเยาะ “เปรอะเปื้อนมลทินไปทั้งตัว บัดนี้ยังมีหน้ามาอ้างตนว่าเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์? เหตุใดจึงไม่พูดเช่นนี้ให้เร็วกว่านี้เล่า? เช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องแต่งเข้าวังมา ปล่อยให้ข้าดิ้นรนต่อสู้เพียงลำพัง” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าว “แม้บิดาจะมีความผิดพลาดในเรื่องส่วนตัว แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในกรมขุนนาง ก็รับใช้แผ่นดินและฮ่องเต้โดยซื่อสัตย์ ไม่เคยขายตำแหน่งขุนนางหรือรับสินบน” ฮองเฮาทรงแค่นเสียง “ทำหรือไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1479

    ฮองเฮาเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้เสียเมื่อไร? แม้แต่ฮ่องเต้ทรงกริ้วพระนางอย่างที่สุด ก็เพียงแค่ทรงตำหนิเล็กน้อย หรือไม่ก็ทรงมีรับสั่งกักบริเวณพระนางเท่านั้น “เซี่ยหลูโม่เป็นตัวอะไร? เขาถึงได้กล้าถึงเพียงนี้! บังอาจมาทำอวดดีต่อหน้าข้า! ข้าเห็นว่าเขาสร้างผลงานไว้ จึงเป็นห่วงเรื่องเชื้อสายของเขา เขาคิดว่าข้าไม่มีเรื่องใดให้ทำ นอกจากยุ่งเรื่องของเขารึ? เขาไม่ชอบก็แล้วไป ยังมีคนที่ชอบอีกมาก!” ฮองเฮาทรงกริ้วจนปวดพระเศียร ไม่เคยพบผู้ใดที่ไม่รู้คุณคนเช่นนี้มาก่อน ความน้อยพระทัยของพระนางทำให้หลานเจี่ยนกูกูงุนงงนัก เดิมทีเรื่องนี้ก็แค่หาข้ออ้างเพื่อบีบให้พระชายาอ๋องต้องยอมเข้าวังมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเชื้อสายของจวนอ๋องจริงๆ แล้วล่ะ? หลานเจี่ยนกูกูคิดว่าฮองเฮาทรงหาข้อแก้ตัวให้พระองค์เองเพราะทรงโกรธ แต่ข้อแก้ตัวเช่นนี้ดูจะไร้ความจำเป็นไปมาก เพียงทำให้พระองค์เองขุ่นเคืองยิ่งขึ้นเท่านั้น นางจึงเอ่ยปลอบ “พระนางอย่าได้กริ้วไปเพคะ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นการหาพระชายารองให้เขาจริงๆ นี่เพคะ” ฮองเฮาทรงตวัดพระเนตรมองนางด้วยความไม่พอพระทัย ก่อนตรัสด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1478

    เซี่ยหลูโม่เห็นเขามีท่าทางอิดโรย ประกอบกับอู๋ต้าปั้นก็ได้นำฎีกากลับไปแล้ว จึงกล่าวว่า “น้องมีเรื่องหนึ่งขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถาม “เรื่องอันใด?” เซี่ยหลูโม่ดวงตาสงบนิ่งเย็นชา “น้องอยากไปตำหนักฉางชุนสักคราพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเข้าใจทันทีว่าเป็นเรื่องอันใด เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง ถึงขั้นเกือบทำให้ผู้ตรวจการสวี่ต้องสิ้นชีพ จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ต้องการเผชิญหน้า จึงรับสั่งให้เขาไปตามต้องการ เซี่ยหลูโม่ถวายบังคมลา มุ่งหน้าสู่ตำหนักฉางชุนทันที ฮองเฮาทรงทราบถึงเจตนาของเขา จึงให้คนไปเชิญเข้ามา นางเห็นว่าซ่งซีซีปฏิเสธการแต่งตั้งพระชายารองให้เซี่ยหลูโม่ เป็นเพราะซ่งซีซีขี้หึงและเห็นแก่ตัว ทว่าชายใดเล่าจะคิดเช่นนั้น แม้จะกล่าวคำโตเพียงใด ก็ไม่อาจกลบซ่อนสันดานดิบของบุรุษได้ แม้ฮ่องเต้จะทรงอุทิศพระองค์เพื่อราชกิจ ไม่เสด็จเยือนฝ่ายในบ่อยนัก แต่ก็ยังมีสนมมากมายถึงสามวังหกตำหนัก เมื่อเจอคนถูกพระทัย ก็ยังทรงพลิกป้ายให้เข้าพบเดือนละสามสี่ครั้ง ฉีฮองเฮาทรงเห็นว่าไม่มีแมวตัวใดไม่ชอบกินปลา รวมถึงเซี่ยหลูโม่เองก็เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1477

    เซี่ยหลูโม่เอ่ยขึ้น "แล้วเสด็จพี่มีแผนการอย่างไร?" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสตอบ "เดิมที หากข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามเดือน ข้าจะตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พร้อมตั้งขุนนางที่ไว้ใจได้อีกสองสามคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการ ส่วนองค์ชายรอง จะถูกส่งไปประจำอยู่ที่หนานเจียง และปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เช่นนี้จะช่วยลดอำนาจของตระกูลฉีลงได้" เซี่ยหลูโม่เอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าน้องจะไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญนี้" เขาเข้าใจดีว่า หากเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ย่อมต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับจักรพรรดิ์ซูชิง และสิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ คำสั่งห้ามให้เขามีทายาท เช่นนั้น แม้เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ สุดท้ายก็ต้องคืนตำแหน่งจักรพรรดิ์ให้กับราชวงศ์ จักรพรรดิ์ซูชิงมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาแล้วถอนพระปัสสาสะเบาๆ "เรื่องมากมายก็มิอาจปิดบังไปจากเจ้าได้ ข้าเคยคิดจะให้เจ้าสาบานว่า เจ้าจะไม่มีบุตร ไม่มีทายาท ข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าทำได้เพียงเท่านี้" เซี่ยหลูโม่เข้าใจความหมายของจักรพรรดิ์ซูชิง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ การมีหรือไม่มีบุตร ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเพียงลำพัง ซีซีมีสิทธิ์ที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1476

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนสีพระพักตร์จะค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น "หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสามปี แต่ก่อนหน้านี้ หมอหลวงเคยบอกว่า ข้าน่าจะอยู่ได้หนึ่งปี ทว่าผ่านไปไม่นาน กลับเหลือเพียงแค่หกเดือน ข้าคิดว่า คำของหมอทั้งหลาย เมื่อมาถึงตัวข้า ก็ควรจะต้องลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ เช่นนั้น หนึ่งปีครึ่งที่เหลือ อาจจะไม่ได้มีจริงด้วยซ้ำ" "เสด็จพี่ อย่าทรงคิดในแง่ร้าย..." จักรพรรดิ์ซูชิงยกพระหัตถ์ขึ้นปราม "เจ้าฟังข้าก่อน บัดนี้ ข้ามีสติแจ่มชัด มิได้เลอะเลือน เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ต้องรีบจัดการ แต่ปัญหาคือ ข้าไม่กล้าตั้งใคร ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่จะเติบโตขึ้นปกครองแผ่นดิน มหาเสนาบดีแก่ชราลงแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะฝากบ้านเมืองไว้ในมือใครได้ นอกจากเจ้า" เซี่ยหลูโม่มิได้เอ่ยสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่า ความไว้วางใจและความระแวงของเสด็จพี่ล้วนเกิดขึ้นโดยไร้หลักการ มันมักมาเป็นระยะๆ "ข้า มีพระโอรสสามองค์ เดิมทีมีองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทโดยธรรมชาติ ตำแหน่งรัชทายาทจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่องค์ชายใหญ่ เขาธรรมดาเกินไป ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนัก แต่เขา ขี้เกียจ หยิ่งยะโส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1475

    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกลับต้องพบว่า ดูหรือไม่ดู ก็ไม่ต่างกันเลย เพียงเห็นว่าหมอมหัศจรรย์ดันคีบเข็มไว้ในซอกนิ้วทั้งห้า แล้วในพริบตาเดียว เข็มสี่เล่ม ก็ปักลงจุดได้อย่างแม่นยำ พวกเขาแทบมองเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาของมือหนึ่งข้างเท่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับแม่นยำและมั่นคง ราวกับว่าทุกอย่างจบลงในพริบตาเดียว ทั้งสี่จุด แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่การจะหา จุดฝังเข็ม ให้ถูกต้อง และปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำโดยไม่ลังเลนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่หมอมหัศจรรย์ดันกลับทำได้ในพริบตาเดียว หลังจากฝังเข็มแล้ว เขาจึงให้จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยซูซื่อตันเพื่อบรรเทาอาการปวด ผลของยาระงับปวดชัดเจนมาก สีพระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นทันตา ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ หมอมหัศจรรย์ดันถอนเข็มออก ก่อนจะเขียนตำรับยา จากนั้นจึงหยิบยาดันเสวี่ยออกมาจากหีบยา แล้วกล่าวว่า "ทุกคนต่างคิดว่ายาดันเสวี่ย ใช้เพียงเพื่อบำรุงชีพจร แต่แท้จริงแล้ว มันช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงอวัยวะทั้งห้า ได้ด้วย ต่อไป ฮ่องเต้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ยานี้จึงจำเป็นต้องช่วยคุ้มครอง ตับและไต โดยปกติ ควรเสวยทุกเจ็ดวันหนึ่งเม็ด แต่บัดน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1474

    จักรพรรดิ์ซูชิง ทรงเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนมีพระบัญชาให้จัดเตรียมห้องพักในตำหนักข้างเคียงของตำหนักเฉียนหยาง พร้อมทั้งส่งแพทย์จากสำนักหมอหลวงมาคอยดูแลหมอมหัศจรรย์ดัน พร้อมกันนั้น ทรงมีพระบัญชาให้จางฉีเหวินและฉีกุ้ยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของหมอมหัศจรรย์ดัน คอยติดตามดูแลเขาตลอดเวลา พระองค์ทรงทราบดีว่าจางฉีเหวินเป็นศิษย์ของเสิ่นว่านจือ การให้เขาคุ้มครองหมอมหัศจรรย์ดัน ก็เพื่อให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกวางใจ แต่เพื่อให้พระองค์เองก็วางใจได้เช่นกัน จึงทรงส่งฉีกุ้ยไปด้วยอีกคน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังมีพระบัญชาให้สำนักหมอหลวงปฏิบัติตามคำสั่งของหมอมหัศจรรย์ดันเป็นอันดับแรก อำนาจนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว พระองค์หวังให้สำนักหมอหลวงเป็นฝ่ายจัดหายา หมอมหัศจรรย์ดันมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ขอเพียงมีคนทำตามคำสั่งก็เพียงพอแล้ว แต่จากการที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงส่งจางฉีเหวินและฉีกุ้ยไป อาจมองออกได้ว่า พระองค์มิได้ไว้วางพระทัยผู้คนจากฝ่ายใน บัดนี้ พระองค์และหมอมหัศจรรย์ดัน มีชะตาเดียวกัน หากหมอมหัศจรรย์ดันตาย พระองค์ก็ตาย หากหมอมหัศจรรย์ดันมีชีวิตอยู่ พระองค์ก็อาจอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามปี สามปีไม่ยาว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status