แชร์

บทที่ 133

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านส่งคำเชิญถึงฮูหยินของผู้ช่วยซ้ายและผู้ช่วยขวาของกระทรวงกลาโหมทั้งสอง ขนาดยังส่งคำเชิญถึงฮูหยินของเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมด้วย ทว่านางคิดว่า ฮูหยินเจ้ากรมกระทรวงกลาโหมคงจะไม่มา

แต่ฮูหยินของผู้ช่วยจะต้องมาแน่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านวางแผนว่าพอรอพวกนางมา แล้วจะถามถึงสถานการณ์ของสงครามครั้งนี้อย่างคร่าวๆ และกระทรวงกลาโหมหารือเกี่ยวกับตอบแทนรางวัลอย่างไร

แต่ใครจะไปรู้ว่า เมื่อถึงเวลาแล้ว ฮูหยินทั้งสองของผู้ช่วยฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาของกระทรวงกลาโหมต่างก็ไม่มา และแม้แต่พวกฮูหยินของขุนนางที่มีตำแหน่งสูงหน่อยก็ไม่มาด้วย มีเพียงฮูหยินของขุนนางที่มีระดับห้าหกหรือระดับเจ็ดแปดเท่านั้นที่มาพร้อมกับครอบครัว

บางคนไม่อยู่ในรายชื่อคำเชิญ ซึ่งทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านทั้งโกรธและเป็นทุกข์ใจ

ที่จัดงานเลี้ยงน้ำชานี้ ได้ทุ่มเงินตั้งมากมายก็เพื่ออยากสร้างชื่อเสียงออกไปก่อน เพื่อปูทางให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ของตน เมื่อพวกเขากลับบ้านด้วยชัยชนะ ยามที่ฮ่องเต้และกระทรวงกลาโหมจะให้รางวัลตอบแทนตามผลงาน พวกเขาจะยอมรับฟังเสียงของประชาชนด้วย

ทุกวันนี้ ข่าวที่เกี่ยวกับแม่ทัพหญิงได้แพร่จนทุกคนรับรู้หมด มีแต่คำชื่นช
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 134

    เดิมทีทุกคนเดาว่าแม่ทัพหญิงคนนี้คือยี่ฝาง แต่หลังจากงานเลี้ยงน้ำชาของฮูหยินผู้เฒ่าจ้านแล้ว บางคนก็รู้สึกแปลกๆผู้เล่าเรื่องย่อมกระตุ้นความรู้อยากเห็นของเขาก่อน จากนั้นจึงพูดกับลุกค้าดื่มชาอย่างลึกลับว่า "ในงานเลี้ยงน้ำชาของที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านของจวนแม่ทัพจัดให้นั้น ฮูหยินของผู้ช่วยของกระทรวงกลาโหมทั้งสองท่านไม่ได้ออกงาน อย่าว่าแต่ฮูหยินของผู้ช่วยเลย แม้แต่ฮูหยินของขุนนางทุกคนในกระทรวงกลาโหมก็ไม่เข้าร่วม นี่หมายความว่าอย่างไร ซึ่งหมายความว่าแม่ทัพหญิงคนนั้นอาจไม่ใช่แม่ทัพยี่ฝาง"ลูกค้าที่ดื่มน้ำชาต่างตกตะลึง เกิดเสียงพูดคุยอย่างดังขึ้นถ้าไม่ใช่แม่ทัพยี่ฝาง แล้วจะเป็นใครล่ะ? ไม่มีแม่ทัพหญิงคนที่สองในแคว้นเรานี่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ในที่สุดด้วยส่งผู้คนมากมายไปสืบเรื่องก็ได้ข่าวกลับมา โดยบอกว่าภรรยาที่หย่าโดยสันติกับจ้านเป่ยว่างคนนั้นได้ออกเดินทางไปสนามรบคนในเมืองหลวงยังจำเหตุการณ์ที่พวกเขาหย่าโดยสันติได้ฮูหยินที่หย่าโดยสันติคนนั้น ก็คือซ่งซีซี ลูกสาวของซ่งฮวยอัน เสนาบดีเจิ้นกั๋วกงที่เสียชีวิตในเขตหนานเจียงไม่ใช่หรือ?เมื่อพูดถึงซ่งซีซี มีคนจำนวนมากอาจยังมีความคิดที่จะดูเรื่องสน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 135

    นักเล่าเรื่องในโรงน้ำชาทั่วเมืองหลวงต่างพยายามอย่างเต็มที่ในการเล่าเรื่องราวที่ซ่งซีซีนำกองทหารเพื่อโจมตีเมืองอย่างน่าสนใจพวกชาวบ้านชาวเมืองล้วนชื่นชมซ่งซีซีมาก จนลืมคำพูดแย่ๆ ทั้งหมดที่พวกเขาเคยหาว่าหลังจากที่นางหย่าโดยสันติไปโดยสิ้นเชิงในที่สุดพระชายาอ๋องฮวยก็เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงถูกขังบริเวณได้สักทีเมื่อลูกสาวของนางแต่งงาน ซ่งซีซีเคยส่งคนมามอบของขวัญแต่งงานให้ ทว่านางปฏิเสธแล้วตอนนั้น นางยังบ่นกับคนรอบข้างว่า ซ่งซีซีช่างไม่รู้ความเอาซะเลย นางเป็นผู้หญิงที่หย่าแล้ว จะมามอบของขวัญแต่งงานให้ได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่นำโชคร้ายมาให้เหรอ?เมื่ออ๋องฮวยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็โกรธมากจนตบหน้านางฉาดนึง "นั่นคือหลานสาวของเจ้า ถ้าวิญญาณท่านพี่สาวของเจ้าที่อยู่ บนสวรรค์รับรู้เรื่องนี้ จะตำหนิเจ้าที่ใจร้ายหรือไม่ คนอื่นคนนอกดูถูกนางก็ไม่ว่าอะไร เจ้าเป็นถึงท่านน้าแท้ๆ เจ้านี่…"อ๋องฮวยเป็นท่านอ๋องที่ไม่เอาไหนอยู่แล้ว ทั้งขี้ขลาดและไม่มีอำนาจใดๆ ดังนั้นเขาจึงสามารถอาศัยอยู่ในเมืองหลวงได้ถาวรสำหรับเรื่องที่ซ่งซีซีกับจ้านเป่ยว่างหย่าโดยสันติ เขาไม่ได้ถามอะไร และเขาไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ว่าจะเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 136

    ซ่งซีซีอยู่ในเขตหนานเจียง ซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวง ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง นางต่างไม่รู้สงครามยุติลงมานานแล้ว แต่กองทัพยังไม่สามารถถอนตัวออกไปได้หมดในด้านหนึ่ง มันหนาวเกินกว่าจะเดินทัพได้ประการที่สอง หลังจากเกิดสงครามมาหลายปี พื้นที่หลายแห่งที่เขตหนานเจียงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซม และพวกทหารก็สามารถช่วยงานได้นับตั้งแต่สงครามเสร็จสิ้น เรื่องราวที่ยี่ฝางถูกจับและถูกข่มขืนได้แพร่กระจายไปทั่วกองทัพไม่ว่านางจะไม่ยอมรับยังไง แต่ทหารที่วิ่งเข้าไปและเห็นสภาพของนางในตอนนั้นมีไม่น้อยนี่ไม่ใช่ความลับ และไม่สามารถปกปิดได้ยี่ฝางให้ยี่เทียนหมิงและคนอื่นๆ ช่วยเป็นพยาน แต่พวกยี่เทียนหมิงสามารถเป็นพยานอะไรได้บ้าง? พวกเขาถูกทุบตีและต้องทนทุกข์ทรมาน ยังถูกตอน เจ็บปวดมากจนแทบจะตายอยู่แล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่ายี่ฝางถูกข่มขืนหรือไม่?ยิ่งกว่านั้น ยี่เทียนหมิงรู้สึกรำคาญกับยี่ฝางมากจนเขาไม่อยากคุยกับนางแล้วด้วยซ้ำพวกทหารอีกสิบกว่าคนก็เช่นกัน ตอนที่ได้รับรางวัล พวกเขารู้สึกขอบคุณยี่ฝาง แต่หลังจากถูกจับและต้องทนทุกข์ทรมานทุกอย่าง พวกเขาก็เกลียดยี่ฝางเข้าแล้วยี่ฝางใช้ชีวิตอย่างเป็นค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 137

    เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง น้ำแข็งและหิมะละลายไป พวกทหารที่เหลือไว้เฝ้าดูเมืองซีม่อนนั้นก็สามารถกลับเมืองหลวงได้พวกเสิ่นว่านจือยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าตกลงจะกลับเมืองหลวงพร้อมกับพวกเขาหรือกลับภูเขาเหม่ยชานไปเลยกุ้นเอ๋อร์กล่าวว่า "ภูเขาเหม่ยชานกลับได้ทุกเมื่อ แต่กลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะมีเพียงครั้งเดียวในชีวิตนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับไปเพลิดเพลินกับเสียงยกย่องของประชาชนสักหน่อย"พวกเขาไม่ได้มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่มากนัก ความปรารถนาที่สูงสุดในชีวิตก็คือฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้ดี ไม่ได้หวังว่าเป็นอันดับหนึ่งในโลก แต่ขอแค่ทุกครั้งที่เจอคู่ต่อสู้ ก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายจู่ๆ ก็กลายเป็นวีรบุรุษวีรสตรีที่ฟื้นฟูเขตหนานเจียงกลับมา ความสำเร็จได้ยิ่งใหญ่มาก พวกเขายังไม่ชินกับมันเลยอาการบาดเจ็บของยี่ฝางเกือบจะหายดีแล้ว และถึงเวลาที่ต้องรับการลงโทษด้วยโดนไม้ตีในช่วงเวลาที่อยู่เขตหนานเจียง ความสัมพันธ์สามีภรรยาระหว่างนางกับจ้านเป่ยว่างอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดจ้านเป่ยว่างดูเหมือนจะหลบหนีนางอยู่เสมอ แต่หากนางได้เจอปัญหาอะไรจริงๆ เขาก็ยอมออกมือช่วยตัวอย่างเช่น เมื่อนางกำลังจะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 138

    ซ่งซีซีเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา หลังจากคารวะแล้ว นางก็รู้สึกแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ถูก รองผู้บัญชาการจางเป็นอะไรไป สายตาที่เขาจ้องมาองนางดูแปลกๆเซี่ยหลูโม่มองใบหน้าของจางต้าจ้วงอย่างเย็นชา และจางต้าจ้วงก็หัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่ง "งั้นขอขอตัวออกไปก่อนขอรับ"หลังจากที่เขาออกไป เขาไม่ได้ไปไกล ซ่อนตัวอยู่ข้างนอกเพื่อแอบฟัง"นั่งลง!" เซี่ยหลูโม่พูดกับซ่งซีซี โดยมองไปที่ประตูอย่างเรียบๆแวบนึง เสียงหายใจอันดังก้องนั้นมีใครบ้างที่ไม่ได้ยิน จะแอบฟังกลับไม่รู้หาที่ซ่อนดีๆ หน่อยซ่งซีซีก็รู้ด้วยว่าจางต้าจ้วงอยู่ข้างนอก หลังจากนั่งลงแล้วนางถามด้วยสายตาและชี้ไปที่ประตูว่าเขากำลังทำอะไรอยู่?เซี่ยหลูโม่ยิ้มพลางส่ายหัว "อย่าไปสนใจเขา เจ้าหาข้ามีเรื่องอะไร?"ซ่งซีซีรีบนั่งตัวตรงแล้วถามว่า "ท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราใกล้จะกลับเมืองหลวงแล้ว ข้าขอไปสถานที่ที่ท่านพ่อและพี่ชายของข้าเสียชีวิตได้หรือไม่ ข้าอยากจะไปเรีกพวกเขา ให้พวกเขากลับเมืองหลวงพร้อมกับเนาด้วย"ศพของท่านพ่อและพี่ชายของนางถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวงหลังจากการเสียชีวิตทว่า หากพวกเขายังมีวิญญาณอยู่บนสวรรค์ วิญญาณของพวกเขาก็จะปกป้องอยู่บนดินแดนนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 139

    วันรุ่งขึ้น มีข่าวกระจายไปทั่วกองทัพว่า จ้านเป่ยว่างจะรับการลงโทษแทนยี่ฝางนับตั้งแต่ยี่ฝางถูกจับ ข่าวเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสองคนก็แพร่กระจายไปทั่วกองทัพ และเกือบทุกคนในเขตหนานเจียงต่างก็รู้เรื่องนี้ในตอนแรก ยี่ฝางแสร้งทำเป็นไม่สนใจ และทำทุกอย่างที่นางต้องทำหลังจากบาดแผลหายดี ราวกับว่านางต้องการใช้ทัศนคตินี้เพื่อระงับคำวิจารณ์ทั้งหมดแต่เมื่อคำวิจารณ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่ทุกคนมองนางก็ยิ่งแปลกมากขึ้น นางทนไม่ไหวอีกต่อไป ดังนั้นจึงซ่อนตัวไว้โดยใช้ข้ออ้างว่าอาการบาดเจ็บของนางยังไม่หายดีจ้านเป่ยว่างได้อดทนกับทุกเรื่องอย่างเงียบๆ ไม่ใช่ว่าคำวิจารณ์เหล่านั้นไม่ถึงหูของเขา เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถตอบหรืออธิบายใดๆ ได้เพราะเขารู้ว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับสงครามชายแดนเฉิงหลิง เกี่ยวข้องกับชาวบ้านชาวเมืองของเมืองซีจิงที่ถูกยี่ฝางสังหารหมู่ และ...สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายได้ และการอธิบายมีแต่จะทำให้เรื่องยิ่งร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้นแต่พวกทหารไม่รู้เรื่อง พวกเขาแค่คิดว่า ที่แม่ทัพยี่ถูกศัตรูจับตัวไปเพราะนางไม่ทำตามคำสั่ง และออกจากกองกำลังหลักโดยไม่ได้รับอนุญาตยิ่งไปกว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 140

    เพลง "แม่ทัพ" ทำให้ทุกคนน่าตื่นเต้น เลือดเดือด และดวงตาก็เหมือนกับมีไฟจะลุกออกมาอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพรบนับเป็นร้อยครั้ง บางคนก็เสียชีวิตในนั้นเลย ได้กลับมาก็ครั้งหนึ่งก็ผ่านเวลาไปสิบปีแล้วในที่สุดกลองก็ถูกตีอย่างแรงเสียงนึง จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบเซี่ยหลูโม่ถื ป้ายวิญญาณของซ่งฮวยอันไว้ในอ้อมแขนของเขา เมื่อเขากำลังจะเข้าไปในเมือง เขาก็ยกป้ายวิญญาณขึ้น ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยให้ซ่งฮวยอันเข้าไปในเมืองก่อนเมื่อยกป้ายวิญญาณขึ้น จากนั้นเขาค่อยก้าวเข้าไปในเมืองต่อ และคนอื่นๆ ก็เดินตามไป ทุกคนที่ถือป้ายวิญญาณอยู่ในมือก็เงียบและดูเคร่งขรึมหลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ เซี่ยหลูโม่พูดเสียงดังว่า "กระหม่อมเซี่ยหลูโม่ และซ่งฮวยอันได้นำกองทัพกลับบ้านอย่างมีชัยชนะ เพราะทรงได้รับการคุ้มรองจากบรรพบุรุษของแคว้นซางและทรงได้รับพรของฝ่าบาท กระหม่อมเซี่ยหลูโม่และซ่งฮวยอันกับพวกทหารทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ได้ฟื้นฟูเขตหนานเจียงกลับคืนมาพะยะค่ะ"เสียงของเขาดังก้องไปทั่วประตูเมือง และลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงมีเสียงไชโยดังขึ้นราวกับระเบิด เสียงไชโยพร้อมกั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 141

    เป่าจูอย่างมีความสุขที่สุด แต่ก็ร้องไห้หนักที่สุดด้วย นางไล่ตามออกไปด้วยความเร็วมาก แล้วตะโกนว่า "คุณหนู คุณหนู..."ซ่งซีซีเหลือบมองนางอย่างจนใจ เด็กหญิงคนนี้ทั้งหัวเราะและร้องไห้ ไม่รู้จักควบคุมตนเองจริงๆเซี่ยหลูโม่นั่งกับซ่งซีซี เขาเหลือบมองที่เป่าจูแวบนึง และคิดอยู่ครู่หนึ่งว่า "นางชื่อเป่าจูใช่ไหม?""ท่านอ๋องยังจำนางได้หรือ" ซ่งซีซีรู้สึกประหลาดใจมาก"จำได้" เซี่ยหลูโม่ยกยิ้ม "ข้าจำได้ว่ามีอยู่ปีนึงที่ไปสถาบันว่านซงเหมิน เด็กหญิงคนนี้กำลังตีอินทผลัมบนต้นไม้ เมื่อนางเห็นข้าและศิษย์พี่ของเจ้า นางตกใจจนล้มลงจากต้นไม้"ซ่งซีซีดูประหลาดใจมากยิ่งขึ้น "ท่านอ๋องเคยไปสถาบันว่านซงเหมินมาก่อนหรือ?""อืม ก่อนที่ข้าจะไปเขตหนานเจียง ข้าจะไปที่นั่นปีละครั้ง" เขาพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ แสงแดดในเดือนมิถุนายนส่องประกายเจิดจ้าในดวงตาของเขา และในไม่ช้าก็มืดลง "ต่อมาก็ไม่ได้ไปเลย""ข้ากลับไม่รู้ และไม่เคยพบกับท่านอ๋องมาก่อนเลย" ซ่งซีซีมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ทำไมท่านอ๋องถึงไปสถาบันว่านซงเหมินทุกปีล่ะ?""เที่ยวเล่น แวะให้อาจารย์และศิษย์อาของเจ้าช่วยสอนศิลปะการต่อสู้ด้วย ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าไม่ได้พ

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1413

    เมื่อพระสนมซูเฟยย้ายตำหนัก แต่ละตำหนักต่างส่งของขวัญแสดงความยินดี แม้แต่เหล่าขุนนางและพระญาติวงศ์ก็ส่งของขวัญสำหรับการย้ายตำหนักเช่นกันสำหรับสิ่งของที่ต้องส่งไปนั้น ในจวนของอ๋องเป่ยหมิง ผู้ที่ตัดสินใจก็คืออาจารย์หยูและหลู่จ่งกว่านทั้งสองคนค้นหาสิ่งของในคลังอยู่นาน แต่ก็ไม่พบสิ่งที่เหมาะสม บางอย่างก็ดูจะมีค่ามากเกินไป บางอย่างก็เป็นเพียงเครื่องประดับจากทองคำและเงินธรรมดาๆ พวกขวดหยกหรือถ้วยเงินก็ให้ความรู้สึกเล็กน้อยไปส่วนของชิ้นใหญ่อย่างต้นปะการังหรือฉากกั้น อาจารย์หยูก็ไม่อยากนำออกมา ต้นปะการังที่มีอยู่ในจวนนั้นหายากยิ่ง และต้นที่มีอยู่ก็เป็นของขวัญจากสำนักว่านจงเหมินที่มอบให้ในงานสมรสของพระชายาสุดท้าย ทั้งสองจึงหันไปมองสิ่งของที่มีอยู่มากที่สุดในคลัง นั่นก็คือภาพเขียนดอกเหมยของเสิ่นชิงเหอการมอบภาพเขียนเหล่านี้ออกไปนับว่ามีเกียรติอย่างยิ่ง เพราะมีมูลค่ามหาศาล แต่ในจวนอ๋องกลับมีมากมาย อีกทั้งหากไม่พอ ข้างหน้าก็ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ดอกเหมยกำลังจะเบ่งบาน เพียงให้เสิ่นชิงเหอเขียนเพิ่มก็พออย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการให้เกียรติเสิ่นชิงเหอ ทั้งสองจึงไปขอคำอนุญาตจากเขาก่อน ซึ่งเสิ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1412

    ในบรรดาเหล่าพระสนมและมเหสี ฉีฮองเฮาหวั่นเกรงเต๋อเฟยและพระสนมซูเฟยมากที่สุด เนื่องจากทั้งสองต่างให้กำเนิดองค์ชายรองและองค์ชายสามโดยปกติ พระสนมซูเฟยแม้ไม่ได้เป็นมารดาแท้ๆ ขององค์ชายสาม อีกทั้งองค์ชายสามยังอายุน้อย นางไม่ควรต้องกังวลมากนัก แต่พระสนมซูเฟยเป็นคนที่เคยอวดดีและมีชาติตระกูลสูงส่ง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญเรื่องการใช้อำนาจในช่วงปีเศษที่ผ่านมา พระสนมซูเฟยกับเต๋อเฟยร่วมกันดูแลกิจการในวังหลัง นิสัยของพระสนมซูเฟยดูเหมือนจะสงบเสงี่ยมลงบ้าง นางรู้จักวิธีซื้อใจผู้คน อีกทั้งยังสนับสนุนโรงงานและโรงเรียนสตรีของซ่งซีซี ทำให้นางมีชื่อเสียงในหมู่ประชาชนเมื่อเทียบกันแล้ว เต๋อเฟยดูสุขุมเรียบร้อยกว่ามาก แม้นางจะร่วมบริหารวังหลังกับพระสนมซูเฟย แต่ก็ยังคอยมาสอบถามความคิดเห็นของฉีฮองเฮาอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังแสดงความเคารพต่อฉีฮองเฮาในฐานะพระมเหสีทว่า องค์ชายรองของเต๋อเฟยนั้นฉลาดปราดเปรื่อง สุภาพนอบน้อม และรู้จักมารยาท จึงเป็นที่โปรดปรานของไทเฮาและฝ่าบาทหากตอนนี้จะต้องแต่งตั้งองค์รัชทายาท ย่อมต้องยึดตามธรรมเนียมให้ตั้งองค์ชายผู้เป็นโอรสองค์โตและเกิดจากมเหสีหลวง แต่หากปล่อยให้องค์ชายเหล่านี้เต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1411

    ในตำหนักฉางชุน ฮองเฮายังไม่ได้ปลดปิ่นปักผมและเครื่องประดับออกจากร่าง ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ดวงตาฉายแววคาดหวัง วันนี้มีข่าวจากหน้าพระที่นั่งส่งมาบอกว่า ฝ่าบาทจะเสด็จมายังวังหลังในคืนนี้ นางรออยู่นานแต่ไม่ได้ยินว่าฝ่าบาทเลือกสนมคนใด ในใจก็พลันยินดี เพราะการไม่เลือกหมายถึงฝ่าบาทจะเสด็จมาที่ตำหนักกลาง "หลานเจี่ยน ไปดูหน่อยสิว่าฝ่าบาทมาแล้วหรือยัง?" นางเร่งเร้าอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สามของคืนนี้แล้ว หลานเจี่ยนกูกูที่ยืนรับใช้อยู่ด้านข้างยิ้มพลางกล่าว "พระนางโปรดอย่ารีบร้อนเลยเพคะ หากฝ่าบาทจะเสด็จมา แน่นอนว่าต้องมีคนมาบอกล่วงหน้า เพื่อให้พระนางเตรียมตัวรับเสด็จ" "จริงด้วย จริงด้วย ฝ่าบาทไม่ได้มาที่ตำหนักฉางชุนนานจนข้าแทบจะลืมเสียแล้ว" ฮองเฮาใช้นิ้วลูบไปที่ปอยผมข้างใบหู พลางยิ้มอย่างอ่อนหวาน "ข้ากับฝ่าบาทถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยา สามีภรรยาที่ไหนจะมีความแค้นข้ามคืนกันได้? ตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็มีความก้าวหน้า ฝ่าบาทย่อมใจอ่อนลงบ้างแล้ว" "เมื่อฝ่าบาทเสด็จมา พระนางค่อยๆ พูดเถิด อย่ารีบร้อนที่จะพูดเรื่องให้องค์ชายใหญ่กลับมา" หลานเจี่ยนกูกูเตือนด้วยความนอบน้อม ฮองเฮาพยักหน้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1410

    ในห้องทรงพระอักษรในพระราชวัง ยังไม่มีการจุดเตาใต้พื้น ความเย็นแทรกซึมเข้ามาทีละน้อยฎีกาถูกพิจารณาเสร็จสิ้นนานแล้ว แต่จักรพรรดิ์ซูชิงกลับยังไม่เลือกสนม เพียงนั่งนิ่งมองแสงตะเกียงที่ริบหรี่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอยเขาได้อ่านจดหมายจากเซี่ยหลูโม่ที่เขียนถึงซ่งซีซี ในนั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงที่เอ่อล้น และความรู้สึกในใจที่ถ่ายทอดไม่หมด ราวกับพวกเขาเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ช่างหวานชื่นจนยากจะพรากจากกันนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้อ่านจดหมายของพวกเขา แม้ก่อนหน้านี้จะมีเนื้อความที่กล่าวถึงความคิดถึงอยู่บ้าง แต่กลับไม่ถึงขั้น "เปิดเผยและห้าวหาญ" เช่นครั้งนี้คำเหล่านี้ แค่พูดออกมาก็รู้สึกน่าอายอยู่แล้ว หากเขียนลงในจดหมายไม่ยิ่งน่าอายกว่าหรือ?เขาคิดว่าพระอนุชาเช่นนี้ช่างไม่เหมาะสม ฉาบฉวยเกินไปวิธีเอาใจสตรีนั้นมีมากมาย ไยต้องทำถึงเพียงนี้?เขาคิดเช่นนั้น แต่ในใจกลับเหมือนมีกรวดเล็กๆ ก้อนหนึ่งตกลงไป ทำให้ผิวน้ำในจิตใจเป็นระลอกคลื่นวนไปมาอย่างไม่อาจสงบได้เขาไม่รู้เลยว่า การเป็นฮ่องเต้เช่นนี้ เขาสูญเสียไปมากเพียงใด...เรื่องความรักระหว่างชายหญิงนั้น จักรพรรดิไม่เคยกล้าคิดถึง แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่หวั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1409

    เส้าปู้เข้ามาในเมืองพร้อมกับคนเพียงสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนกำยำล่ำสัน มีมีดโค้งคาดอยู่ที่เอว ดูท่าทางน่าเกรงขามราวกับเทพเจ้าสงคราม แต่เมื่อได้นั่งดื่มสุรากินเนื้อ ใบหน้าสีเข้มของพวกเขากลับเปื้อนรอยยิ้มสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ หลางจู่เส้าปู่อายุห้าสิบกว่าปี ผิวสีเข้มเป็นประกายเหมือนพวกเขา ดวงตาเต็มไปด้วยพลังและความคมกล้า เขาเป็นคนฉลาดเป็นพิเศษและมีจิตใจรอบคอบ หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาระแวงอยู่เสมอและไม่กล้ามอบความไว้วางใจให้เป่ยหมิงอ๋องอย่างเต็มที่ เขามีเพียงข้อเรียกร้องเดียว คือการร่วมมือกันครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หลังจากขับไล่คนของแคว้นซาได้สำเร็จ พวกเขาต้องถอนกำลังออกจากทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว และห้ามเข้าสู่เขตหลักของทุ่งหญ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เซี่ยหลูโม่ตอบรับข้อเรียกร้องและลงนามในข้อตกลงทันที หลังจากลงนามในข้อตกลง พวกเขาก็ไม่รั้งรอและจากไปทันที ชนเผ่าทุ่งหญ้าไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อแคว้นซางนัก เพราะสงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีล้วนส่งผลกระทบถึงพวกเขาไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าทุ่งหญ้ามีหลายเผ่าและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงไม่สามารถต่อต้านทั้งแคว้นซางหรือแคว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1408

    หลังจากกลับมาที่จวนอ๋องจากงานเลี้ยงที่ครึกครื้น ซ่งซีซีรู้สึกว่าลานเหมยฮวานั้นเงียบเหงาเป็นพิเศษ นางคิดถึงศิษย์น้อง แต่เขาอยู่ไกลถึงหนานเจียง แม้จะไม่ได้คำนวณวันเวลาที่แยกจากกัน แต่นางรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อนางคิดจะออกไปยังตึกว่างจิงเพื่อหาอาจารย์เหมือนเดิม นางก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ได้กลับไปที่ภูเขาเหม่ยชานแล้ว หัวใจของนางรู้สึกเหงาหงอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางคิดถึงหยานหรูอวี้ในค่ำคืนนี้ ถึงได้เข้าใจว่าหญิงสาวในยามแต่งงานนั้นเต็มไปด้วยความสุข ความคาดหวัง และความเขินอายจนความสุขล้นเอ่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับตัวนาง การแต่งงานทั้งสองครั้งกลับเงียบสงบเกินไป หลังจากที่เป่าจูช่วยนางล้างเครื่องสำอางและเตรียมน้ำสำหรับอาบ ซ่งซีซีก็ส่ายหน้าและดึงนางให้นั่งลงข้างกัน "เป่าจู ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับเจ้าว่า เรื่องแต่งงานของเจ้าควรจะเริ่มพูดคุยกันแล้ว เจ้าพอจะมีคนที่ชอบหรือยัง?" เป่าจูมองนางแวบหนึ่งและกล่าว "คุณหนูไปกินเลี้ยงแต่งงานแล้วติดใจหรือเจ้าคะ ถึงได้รีบเร่งให้มีอีกงาน?" ซ่งซีซีหัวเราะ "ข้าเป็นคนตะกละขนาดนั้นหรือ? ข้าทำเพื่อเจ้านะ ถ้ายังอยู่แบบนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1407

    งานแต่งงานของเจ้าสิบเอ็ดฝางกับหยานหรูอวี้ที่ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้เลือกวันมงคลจัดขึ้น งานแต่งไม่ได้จัดอย่างเอิกเกริก แต่เมื่อเป็นหลานสาวของไท่ฟู่ สิ่งที่สมควรมีเพื่อความสง่างามก็จัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วน ไทเฮาทรงเป็นผู้นำในการมอบของขวัญ ตามด้วยบรรดามเหสีที่ต่างมอบรางวัลและเพิ่มสินเดิมให้หยานหรูอวี้ นักเรียนจากโรงเรียนสตรีหย่าจวินต่างพากันทำของขวัญแสดงความยินดีด้วยมือของพวกนางเองให้กับหยานหรูอวี้ นักเรียนหญิงในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของครอบครัวชาวบ้านธรรมดา แม้ของขวัญจะไม่ล้ำค่า แต่สิ่งที่พวกนางปักเย็บหรือทำด้วยมือเอง ล้วนแสดงถึงน้ำใจอันบริสุทธิ์ที่สุด ชุดเจ้าสาวของหยานหรูอวี้ถูกสั่งทำล่วงหน้าโดยโม่เหนียงจื่อจากโรงงานฝีมือ ชุดนี้เคยถูกนำไปจัดแสดงในร้านผ้าปักของโรงงานมาก่อน ทำให้หญิงสาวที่กำลังรอแต่งงานหลายคนหลงใหลและใฝ่ฝันอยากสวมชุดสวยเช่นนี้ในวันแต่งงานของพวกนาง โม่เหนียงจื่อที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อหลานสาวของไท่ฟู่ยังสวมชุดเจ้าสาวที่นางทำ จะมีใครอีกที่คิดว่าอดีตของนางเป็นเรื่องโชคร้าย? ในเวลาไม่นาน ร้านผ้าปักของโรงงานก็คึกคักจนประตูแทบทรุดจากการเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1406

    จักรพรรดิ์ซูชิงได้เรียกตัวหัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าเฝ้าในวังหลวง หัวหน้าตระกูลเสิ่นเตรียมตัวมาอย่างดี แม้ในครั้งนี้เขาจะนำคนในคุ้มภัยและทหารองครักษ์เข้าปราบปรามกบฏ แต่เพราะตระกูลเสิ่นสาขาย่อยมีความเกี่ยวข้องกับหนิงจวิ้นอ๋อง แม้ว่าฮ่องเต้จะกล่าวว่าให้ชดเชยความผิดด้วยความชอบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลบล้างไปได้ง่ายๆ จักรพรรดิ์ซูชิงปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยน และยังชมเขาด้วยว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์และรักชาติ เป็นดั่งลักษณะของบิดาในอดีต หัวหน้าตระกูลคนก่อนมีความเอื้อเฟื้อต่อราชสำนักมาก และในช่วงสงครามก็ได้บริจาคเงินจำนวนไม่น้อย หัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าใจสถานการณ์ จึงกล่าวทันทีว่า หนานเจียงและชายแดนเฉิงหลิงยังคงมีสงครามอยู่ ตระกูลเสิ่นยินดีที่จะบริจาคเงินจำนวนสองแสนตำลึงเพื่อช่วยจัดหาเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวและปรับปรุงอาหารสำหรับทหาร จักรพรรดิ์ซูชิงแสดงความพอใจอย่างมาก พลางยิ้มและกล่าวว่า "ดี ด้วยเงินบริจาคสามแสนตำลึงจากหัวหน้าตระกูลเสิ่น ข้าเชื่อว่าทหารชายแดนของเราจะสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ และเร่งรัดให้สงครามยุติลงโดยเร็ว" หัวหน้าตระกูลเสิ่นรีบตอบรับอย่างราบรื่น "ฮ่องเต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1405

    เหรินหยางอวิ๋นอยู่ที่เมืองหลวงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ก่อนเขาหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าอาวุธเทพเจ้า ไม่มีเวลาว่าง บัดนี้เมื่อมีเวลาว่าง เขาจึงอ้างว่าธุรกิจในเมืองหลวงยังไม่เรียบร้อย อยากอยู่ต่ออีกสักระยะ ที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือซ่งซีซี เมื่อครั้งที่เขาวิจัยอาวุธเทพเจ้า เขายังส่งคนไปยังเป่ยถังเพื่อขอคำชี้แนะและเก็บสูตรลับ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะหนานเจียง เพราะซ่งหวยอัน และสุดท้ายก็เพราะเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซี ในฐานะอาจารย์ เขารู้ว่าลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีเส้นทางของตัวเองที่ต้องเดิน เขาไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้ ทำได้เพียงช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถและเป็นเบื้องหลังที่คอยสนับสนุน เหรินหยางอวิ๋นมักพูดเสมอว่าเขาไม่เก่งในการเป็นอาจารย์ แต่ศิษย์ทุกคนของเขาล้วนยอดเยี่ยม ทั้งความสามารถและคุณธรรม ไม่มีใครที่เขาต้องเป็นห่วง ยกเว้นลูกศิษย์คนเล็กอย่างซ่งซีซี นางชอบเล่นซนและสนุกสนาน แต่กลับสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์จนถึงขั้นล้ำเลิศ เป็นเครื่องยืนยันถึงพรสวรรค์อันสูงส่งของนาง ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสและไร้กังวลบนใบหน้าของนาง เหรินหยางอวิ๋นก็รู้สึกมีความสุขในใจ แต่หลังจากนั้น นางถูก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status