Share

บทที่ 140

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เพลง "แม่ทัพ" ทำให้ทุกคนน่าตื่นเต้น เลือดเดือด และดวงตาก็เหมือนกับมีไฟจะลุกออกมาอย่างไรอย่างนั้น

แม่ทัพรบนับเป็นร้อยครั้ง บางคนก็เสียชีวิตในนั้นเลย ได้กลับมาก็ครั้งหนึ่งก็ผ่านเวลาไปสิบปีแล้ว

ในที่สุดกลองก็ถูกตีอย่างแรงเสียงนึง จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ

เซี่ยหลูโม่ถื ป้ายวิญญาณของซ่งฮวยอันไว้ในอ้อมแขนของเขา เมื่อเขากำลังจะเข้าไปในเมือง เขาก็ยกป้ายวิญญาณขึ้น ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยให้ซ่งฮวยอันเข้าไปในเมืองก่อน

เมื่อยกป้ายวิญญาณขึ้น จากนั้นเขาค่อยก้าวเข้าไปในเมืองต่อ และคนอื่นๆ ก็เดินตามไป ทุกคนที่ถือป้ายวิญญาณอยู่ในมือก็เงียบและดูเคร่งขรึม

หลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ เซี่ยหลูโม่พูดเสียงดังว่า "กระหม่อมเซี่ยหลูโม่ และซ่งฮวยอันได้นำกองทัพกลับบ้านอย่างมีชัยชนะ เพราะทรงได้รับการคุ้มรองจากบรรพบุรุษของแคว้นซางและทรงได้รับพรของฝ่าบาท กระหม่อมเซี่ยหลูโม่และซ่งฮวยอันกับพวกทหารทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ได้ฟื้นฟูเขตหนานเจียงกลับคืนมาพะยะค่ะ"

เสียงของเขาดังก้องไปทั่วประตูเมือง และลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวง

มีเสียงไชโยดังขึ้นราวกับระเบิด เสียงไชโยพร้อมกั
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Nissorn
ได้รับกรรมไป โทษใครได้ มีตาหามีแววไม่
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 141

    เป่าจูอย่างมีความสุขที่สุด แต่ก็ร้องไห้หนักที่สุดด้วย นางไล่ตามออกไปด้วยความเร็วมาก แล้วตะโกนว่า "คุณหนู คุณหนู..."ซ่งซีซีเหลือบมองนางอย่างจนใจ เด็กหญิงคนนี้ทั้งหัวเราะและร้องไห้ ไม่รู้จักควบคุมตนเองจริงๆเซี่ยหลูโม่นั่งกับซ่งซีซี เขาเหลือบมองที่เป่าจูแวบนึง และคิดอยู่ครู่หนึ่งว่า "นางชื่อเป่าจูใช่ไหม?""ท่านอ๋องยังจำนางได้หรือ" ซ่งซีซีรู้สึกประหลาดใจมาก"จำได้" เซี่ยหลูโม่ยกยิ้ม "ข้าจำได้ว่ามีอยู่ปีนึงที่ไปสถาบันว่านซงเหมิน เด็กหญิงคนนี้กำลังตีอินทผลัมบนต้นไม้ เมื่อนางเห็นข้าและศิษย์พี่ของเจ้า นางตกใจจนล้มลงจากต้นไม้"ซ่งซีซีดูประหลาดใจมากยิ่งขึ้น "ท่านอ๋องเคยไปสถาบันว่านซงเหมินมาก่อนหรือ?""อืม ก่อนที่ข้าจะไปเขตหนานเจียง ข้าจะไปที่นั่นปีละครั้ง" เขาพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ แสงแดดในเดือนมิถุนายนส่องประกายเจิดจ้าในดวงตาของเขา และในไม่ช้าก็มืดลง "ต่อมาก็ไม่ได้ไปเลย""ข้ากลับไม่รู้ และไม่เคยพบกับท่านอ๋องมาก่อนเลย" ซ่งซีซีมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ทำไมท่านอ๋องถึงไปสถาบันว่านซงเหมินทุกปีล่ะ?""เที่ยวเล่น แวะให้อาจารย์และศิษย์อาของเจ้าช่วยสอนศิลปะการต่อสู้ด้วย ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าไม่ได้พ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 142

    ตลอดทางที่ยี่ฝางกลับเมืองหลวงนางดูหดหู่ตลอดจ้านเป่ยว่างรักษาระยะห่างจากนาง แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บทางร่างกายแต่ก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนาง เขาต้านทานที่จะอยู่ใกล้ชิดกับนางมากแม้แต่คนที่ถูกจับพร้อมกับนางพวกนั้น ก็ยังมองดูนางอย่างเกลียดชังพวกเขารู้อยู่แก่ใจว่าทำไมตนเองถึงถูกตอน หัวหน้าทหารที่ถูกทรมานในเมืองลู่เปินเอ่อร์ เป็นยี่ฝางที่ออกคำสั่งให้ตอนและทำให้เขาอับอายดังนั้น ตอนนี้ชาวซีจิงเลยปฏิบัติกับพวกเขาโดยใช้วิธีแบบเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถบ่นเรื่องทุกข์ใจเช่นนี้ได้และก็ไม่กล้าบ่น เพราะงั้น พวกเขาจึงเกลียดชังยี่ฝางจนเข้ากระดูกดำระหว่างทาง ไม่แม้แต่ไม่อยากคุยกับนาง แค่มองเห็นนางก็อยากหลบหนีไปไกลๆยี่ฝางนึกถึงขาไปมีจิตใจเบิกบานมาก โดยคิดว่าจะสามารถสร้างผลงานแน่ๆ แต่ไม่คาดคิดเมื่อกลับมา ไม่เพียงถูกทำลายใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง และถึงขั้นถูกทุกคนเกลียดชังด้วยเรื่องดังกล่าวนั้นนางยังพอทนได้ ทว่าที่นางทนไม่ไหวที่สุดก็คือ ซ่งซีซีกลับได้รับการยกย่องนับถือจากทหาร มีพวกแม่ทัพคอยปกป้อง และแม้แต่เป่ยหมิงอ๋องก็ชื่นชมกับนางอย่างสูงโดยเฉพาะหลังจากกลับมาถึงเมืองหลวง ซ่งซีซียังนั่งในรถม้าห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 143

    ยี่ฝางชะงักไป แล้วพูดด้วยความโกรธทันที "ใคร ใครบอกว่าข้าถูกเสียบริสุทธิ์ไป?""แค่ตอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านโกรธมากจนหน้าซีด "ข้างนอกลือกันหมดแล้ว ยังถามว่าใคร ใครๆ ทั้งนั้นก็ลือแบบนี้"ยี่ฝางไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์ในเขตหนานเจียงจะแพร่กระจายถึงเมืองหลวง ราวกับสมองระเบิดออกในทันทีทันใด นางพูดเสียงดังด้วยความเสียใจ "ข้าเปล่า ข้าถูกจับก็จริง แต่ข้าแค่เจ็บปวดภายนอก ไม่เสียบริสุทธิ์ไป"จ้านจี้กล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้นก็หาใครสักคนมาเป็นพยานให้สิ มีคนถูกจับไปพร้อมกับเจ้าไม่ใช่เหรอ พวกเขาสามารถเป็นพยานให้เจ้าได้"พอนึกถึงลูกพี่ลูกน้องและทหารเหล่านั้น ยี่ฝางก็รู้สึกกราดเกรี้ยว หาใช่ว่าพี่จ้านไม่ได้ไปถามพวกเขา แต่พวกเขาทั้งหมดบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่อง ถูกขังอยู่ในบ้านไม้เดียวหัน จะไม่รู้ได้ยังไง?แต่คำว่าไม่รู้เรื่องของพวกเขา ทำให้พี่จ้านและคนอื่นๆ เชื่อมั่นว่า นางเสียบริสุทธิ์ไปแล้วดังนั้นนางจึงไม่สามารถหาใครมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้ เมื่อต้องเผชิญกับคำพูดของพ่อสามี นางทำได้เพียงพูดอย่างเย็นชาว่า "ผู้บริสุทธิ์ย่อมบริสุทธิ์เลย และปากแยู่กับคนอื่น จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 144

    หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็ครุ่นคิด และนางหวั่นไหวใจจริงๆบัดนี้ ซ่งซีซีเป็นคุณหนูผู้สูงส่งของจวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกง ตราบใดที่เป่ยว่างแต่งงานกับนาง งั้นก็จะได้สืบทอดยศทันที หาใช่ว่านางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ในเวลานั้นนางรู้สึกว่ายี่ฝางและเป่ยว่างสามารถประสบความสำเร็จแน่นอน ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ลูกชายของตนเองถูกวิพากษ์วิจารณ์แต่ตอนนี้ คำวิพากษ์วิจารณ์ข้างนอกยังน้อยหรือ ผู้หญิงหากไม่มีบริสุทธิ์ ไม่เพียงแต่ทำให้ชื่อเสียงของครอบครัวต้องเสียหาย แต่ยังส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของน้องๆ ในบ้านด้วย หากเป่ยว่างได้สืบทอดตำแหน่งยศมา อย่างน้อยเห็นแก่สถานะครอบครัวของจวนเสนาบดีกั๋วกง เป่ยเซินและเส้าฮวนยังสามารถเลือกคู่แต่งงานดีๆ ได้และถ้าซ่งซีซีกลับมา งั้นทรัพย์สินสมบัตอันมหาศาลนั้นก็กลับมาพร้อมกัน ช่วงนี้จวนแม่ทัพใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนทนไม่ไหวแล้ว ขนาดนางไม่มีปัญญาซื้อยาได้อีกเลยซ่งซีซีเป็นคนกตัญญู ดังนั้นนางจะดูแลทุกอย่างอย่างเรียบร้อยโดยไม่ต้องให้นางเป็นห่วงนอกจากนี้ ซ่งซีซีไม่เคยบอกพวกเขามาก่อนว่าไทเฮาทรงเอ็นดูนางมากขนาดนี้ หากนางบอกพวกเขาตั้งแต่แรก อาจไม่แน่คุณท่านกับ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 145

    อีกอย่าง หากซ่งซีซีตอบตกลงก็แล้วไป หากนางไม่ยอม นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ดังนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว "ให้ลูกสะใภ้รองไปก่อน หากนางไม่ตอบตกลงเราค่อยวางแผนใหม่"นางไม่สามารถแบกหย้าไปทำเช่นนั้นได้ หากนางไปเอง ต่อให้ซ่งซีซียอมคืนดีกับเป่ยว่างจริงๆ นางก็กู้คืนภาพลักษณ์ที่เป็นแม่สามีของนางได้อีกที่จวนแม่ทัพมียี่ฝางที่น่าอับอายขายขี้หน้าคนเดียวก็มากพอแล้ว จะเพิ่มคนที่ทำยอมเชื่อฟังไม่ได้อีกฮูหยินผู้เฒ่าจ้านกำลังจินตนาต่างๆ นาๆ ส่วนซ่งซีซีได้ไปตำหนักฉือหนิงเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮาแล้วไทเฮาอายุไม่ถึงห้าสิบปี และทรงดูแลตัวเองอย่างดี ยกเว้นรอยตีนกาที่หางตา พระองค์ไม่ทรงแสดงสภาพทรงชราแต่อย่างใดผมสีขาวสองสามเส้นปนกับผมดำ สังเกตได้ยากนางทั้งสง่างาม มีกิริยาท่าทางเพียบพร้อม เมื่ออยู่กับซ่งซีซียิ่งแสดงความอ่อนโยนออกมา"เจ้าเด็กน้อยนี่ เจ้าวิ่งไปที่สนามรบอย่างเงียบๆ หากเป็นอะไรขึ้นมา จะให้ข้าอธิบายกับท่านแม่ของเจ้าได้อย่างไร"ดวงตาของไทเฮาแดงก่ำเล็กน้อย นางชื่นชมซ่งซีซีแต่ก็เป็นห่วงใยด้วย บางทีอาจคิดถึงซ่งฮูหยิน นางก็รู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น"ทำให้ไทเฮาทรงเป็นห่วง หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ" ซ่งซี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 146

    เสียงของไทเฮาสะอื้นเมื่อซ่งซีซียังเด็ก นางมักจะติดตามท่านแม่ของนางเข้าพระราชวัง ในเวลานั้น ไทเฮายังเป็นฮองเฮาหัวข้อที่นางและท่านแม่พูดถึงมากที่สุดคือ ถึงจะเป็นผู้หญิงก็ต้องสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองด้วย ย่อมไม่รับใช้ผู้ชายอย่างเดียว จะมีความคิดของตนเอง และใช้ชีวิตของตัวเองทุกครั้งที่นางพูดถึงเรื่องนี้ นางจะถอนหายใจ และบอกว่านางติดอยู่ใต้กำแพงสูงของวังหลัง ดูเหมือนว่านางจะกินดีอยู่ดี แต่ชีวิตอย่างสงบสุข ทว่าชีวิตนี้ใช้แต่ชีวิตอย่างนี้ไปตลอดกาลแล้วท่านแม่ก็พูดตามนางไปด้วย นางบอกว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องแต่งงานและมีลูกก็ได้ สามารถออกไปผจญภัยกับโลกภายนอกได้นั่นเป็นเหตุผลที่นางออกจากบ้านเมื่ออายุเจ็ดแปดขวบ และไปสถาบันว่านซงเหมินที่ภูเขาเหม่ยชานเพื่อเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ หากมีความสามารถจริง เมื่อนางไปผจญภัยกับโลกภายนอก ไม่ถึงขั้นจะตกอยู่ในอันตรายครอบครัวธรรมดาๆ จะทำใจส่งลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของตัวเองไปเรียนศิลปะการต่อสู้ได้อย่างไร? แต่ท่านแม่ของนางทำได้ นางยังบอกกับท่านพ่อว่า อาจไม่แน่สักวันหนึ่งลูกสาวของพวกเขาจะออกศึกได้ก็ได้แต่ต่อมาท่านพ่อและพี่ชายของนางก็เสียชีวิตในสนามรบ และ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 147

    ซูลันจีน่านับถือจริงๆแต่หากองค์ชายรองของพวกเขาชนะบัลลังก์ และพบว่ารัชทายาทของเมืองซีจิงสิ้นพระชนม์ยังไง พวกเขาอาจไม่แน่ว่าจะไม่ส่งกองกำลังไปโจมตีชายแดนเฉิงหลิงอีกชายคนนี้ชอบทำสงคราม และซูลันจีก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้หลังจากพูดสิ่งที่ทำให้น่าโมโหเสร็จแล้ว ก็มาพูดถึงซ่งซีซีและเพื่อนๆ ของนางกันต่อฮ่องเต้รู้สึกภูมิใจ และยกย่องซ่งซีซีอย่างมากเขามองไปที่เซี่ยหลูโม่ และพูดว่า "ข้าได้คุยกับฮองเฮาแล้ว จะให้ซ่งซีซีเข้ามาเป็นพระสนม"เซี่ยหลูโม่กำลังหมกมุ่นอยู่กับความกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์ของเมืองซีจิง เมื่อได้ยินคำพูดของฮ่องเต้ เขาพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว "ได้... อ่า? อะไรนะ?"เขาลุกขึ้นยืน และสรุาที่เขาดื่มเข้าไปนั้นสร่างเมาทันที เบิกตากว้าง และมองดูฮ่องเต้ด้วยความประหลาดใจ "เสด็จพี่ เสด็จพี่บอกว่าจะให้ซ่งซีซีเข้าวังแต่งตั้งนางเป็นเพราะสนมงั้นเหรอ?""ทำไมคุณถึงตื่นเต้นนัก?" ฮ่องเต้กลอกตาใส่เขา "ยามนี้ นางสร้างผลงานทางทหาร เป็นบุตรีของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกงด้วย นางเป็นผู้นำของทั้งจวนเสนาบดีกั๋วกง พวกแม่ทัพที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านพ่อของนางสักวันหนึ่งจะติดตามนางไป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 148

    เซี่ยหลูโม่เข้าใจประเด็นหนึ่งจากความคิดซับซ้อนนับพัน นั่นคือไม่ว่ายังไงจะให้เสด็จพี่รับซ่งซีซีเข้าวังเป็นพระสนมไม่ได้เด็ดขาดคนอย่างนาง แม้ว่าจะไม่ได้ต่อสู้อยู่ในสนามรบ แต่ก็ไม่ควรติดอยู่ในกำแพงสูงของวังหลัง"เสด็จพี่ นางเข้าวังไม่ได้ กระหม่อมไม่เห็นด้วยพะยะค่ะ นางเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกระหม่อม ฝ่าบาทจะเอานางไปด้วยความบังคับไม่ได้ ทั้งๆ ที่ฝ่าบาทไม่ได้ถามความคิดเห็นจากนางด้วยซ้ำ""นั่นไม่ใช่เหตุผล""นางเพิ่งออกมาจากชีวิตการแต่งงานที่แย่ขนาดนั้น อย่างน้อยก็ให้เวลานางได้ปรับตัวสักหน่อย ให้สร้างความเชื่อใจกับผู้ชายอีกครั้ง ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของนาง แทนที่จะใช้กำลังบังคับ…"ฮ่องเต้มองไปที่เซี่ยหลูโม่ ด้วยสายตาที่เคร่งครัด "เวลาทำสงครางเจ้าก็ทำเช่นนี้หรือ ปล่อยให้ศัตรูมีเวลาปรับตัว? คอยคำนึงถึงความรู้สึกของศัตรูหรือ?"เซี่ยหลูโม่ไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่นิดเดียว "นางไม่ใช่ศัตรูสักหน่อย"ความดุร้ายของเขาเมื่ออยู่ในสนามรบดูเหมือนกลับมาแล้ว เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าพี่ชายของเขา เขาไม่ได้ปิดบังการป้องกันที่เขามีต่อซ่งซีซี "นอกจากนี้ ตระกูลซ่งก็ถูกสังหารหมู่แล้ว และตอนนี้ นางได้สร้างผลงานให้ก

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1413

    เมื่อพระสนมซูเฟยย้ายตำหนัก แต่ละตำหนักต่างส่งของขวัญแสดงความยินดี แม้แต่เหล่าขุนนางและพระญาติวงศ์ก็ส่งของขวัญสำหรับการย้ายตำหนักเช่นกันสำหรับสิ่งของที่ต้องส่งไปนั้น ในจวนของอ๋องเป่ยหมิง ผู้ที่ตัดสินใจก็คืออาจารย์หยูและหลู่จ่งกว่านทั้งสองคนค้นหาสิ่งของในคลังอยู่นาน แต่ก็ไม่พบสิ่งที่เหมาะสม บางอย่างก็ดูจะมีค่ามากเกินไป บางอย่างก็เป็นเพียงเครื่องประดับจากทองคำและเงินธรรมดาๆ พวกขวดหยกหรือถ้วยเงินก็ให้ความรู้สึกเล็กน้อยไปส่วนของชิ้นใหญ่อย่างต้นปะการังหรือฉากกั้น อาจารย์หยูก็ไม่อยากนำออกมา ต้นปะการังที่มีอยู่ในจวนนั้นหายากยิ่ง และต้นที่มีอยู่ก็เป็นของขวัญจากสำนักว่านจงเหมินที่มอบให้ในงานสมรสของพระชายาสุดท้าย ทั้งสองจึงหันไปมองสิ่งของที่มีอยู่มากที่สุดในคลัง นั่นก็คือภาพเขียนดอกเหมยของเสิ่นชิงเหอการมอบภาพเขียนเหล่านี้ออกไปนับว่ามีเกียรติอย่างยิ่ง เพราะมีมูลค่ามหาศาล แต่ในจวนอ๋องกลับมีมากมาย อีกทั้งหากไม่พอ ข้างหน้าก็ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ดอกเหมยกำลังจะเบ่งบาน เพียงให้เสิ่นชิงเหอเขียนเพิ่มก็พออย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการให้เกียรติเสิ่นชิงเหอ ทั้งสองจึงไปขอคำอนุญาตจากเขาก่อน ซึ่งเสิ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1412

    ในบรรดาเหล่าพระสนมและมเหสี ฉีฮองเฮาหวั่นเกรงเต๋อเฟยและพระสนมซูเฟยมากที่สุด เนื่องจากทั้งสองต่างให้กำเนิดองค์ชายรองและองค์ชายสามโดยปกติ พระสนมซูเฟยแม้ไม่ได้เป็นมารดาแท้ๆ ขององค์ชายสาม อีกทั้งองค์ชายสามยังอายุน้อย นางไม่ควรต้องกังวลมากนัก แต่พระสนมซูเฟยเป็นคนที่เคยอวดดีและมีชาติตระกูลสูงส่ง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญเรื่องการใช้อำนาจในช่วงปีเศษที่ผ่านมา พระสนมซูเฟยกับเต๋อเฟยร่วมกันดูแลกิจการในวังหลัง นิสัยของพระสนมซูเฟยดูเหมือนจะสงบเสงี่ยมลงบ้าง นางรู้จักวิธีซื้อใจผู้คน อีกทั้งยังสนับสนุนโรงงานและโรงเรียนสตรีของซ่งซีซี ทำให้นางมีชื่อเสียงในหมู่ประชาชนเมื่อเทียบกันแล้ว เต๋อเฟยดูสุขุมเรียบร้อยกว่ามาก แม้นางจะร่วมบริหารวังหลังกับพระสนมซูเฟย แต่ก็ยังคอยมาสอบถามความคิดเห็นของฉีฮองเฮาอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังแสดงความเคารพต่อฉีฮองเฮาในฐานะพระมเหสีทว่า องค์ชายรองของเต๋อเฟยนั้นฉลาดปราดเปรื่อง สุภาพนอบน้อม และรู้จักมารยาท จึงเป็นที่โปรดปรานของไทเฮาและฝ่าบาทหากตอนนี้จะต้องแต่งตั้งองค์รัชทายาท ย่อมต้องยึดตามธรรมเนียมให้ตั้งองค์ชายผู้เป็นโอรสองค์โตและเกิดจากมเหสีหลวง แต่หากปล่อยให้องค์ชายเหล่านี้เต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1411

    ในตำหนักฉางชุน ฮองเฮายังไม่ได้ปลดปิ่นปักผมและเครื่องประดับออกจากร่าง ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ดวงตาฉายแววคาดหวัง วันนี้มีข่าวจากหน้าพระที่นั่งส่งมาบอกว่า ฝ่าบาทจะเสด็จมายังวังหลังในคืนนี้ นางรออยู่นานแต่ไม่ได้ยินว่าฝ่าบาทเลือกสนมคนใด ในใจก็พลันยินดี เพราะการไม่เลือกหมายถึงฝ่าบาทจะเสด็จมาที่ตำหนักกลาง "หลานเจี่ยน ไปดูหน่อยสิว่าฝ่าบาทมาแล้วหรือยัง?" นางเร่งเร้าอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สามของคืนนี้แล้ว หลานเจี่ยนกูกูที่ยืนรับใช้อยู่ด้านข้างยิ้มพลางกล่าว "พระนางโปรดอย่ารีบร้อนเลยเพคะ หากฝ่าบาทจะเสด็จมา แน่นอนว่าต้องมีคนมาบอกล่วงหน้า เพื่อให้พระนางเตรียมตัวรับเสด็จ" "จริงด้วย จริงด้วย ฝ่าบาทไม่ได้มาที่ตำหนักฉางชุนนานจนข้าแทบจะลืมเสียแล้ว" ฮองเฮาใช้นิ้วลูบไปที่ปอยผมข้างใบหู พลางยิ้มอย่างอ่อนหวาน "ข้ากับฝ่าบาทถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยา สามีภรรยาที่ไหนจะมีความแค้นข้ามคืนกันได้? ตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็มีความก้าวหน้า ฝ่าบาทย่อมใจอ่อนลงบ้างแล้ว" "เมื่อฝ่าบาทเสด็จมา พระนางค่อยๆ พูดเถิด อย่ารีบร้อนที่จะพูดเรื่องให้องค์ชายใหญ่กลับมา" หลานเจี่ยนกูกูเตือนด้วยความนอบน้อม ฮองเฮาพยักหน้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1410

    ในห้องทรงพระอักษรในพระราชวัง ยังไม่มีการจุดเตาใต้พื้น ความเย็นแทรกซึมเข้ามาทีละน้อยฎีกาถูกพิจารณาเสร็จสิ้นนานแล้ว แต่จักรพรรดิ์ซูชิงกลับยังไม่เลือกสนม เพียงนั่งนิ่งมองแสงตะเกียงที่ริบหรี่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอยเขาได้อ่านจดหมายจากเซี่ยหลูโม่ที่เขียนถึงซ่งซีซี ในนั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงที่เอ่อล้น และความรู้สึกในใจที่ถ่ายทอดไม่หมด ราวกับพวกเขาเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ช่างหวานชื่นจนยากจะพรากจากกันนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้อ่านจดหมายของพวกเขา แม้ก่อนหน้านี้จะมีเนื้อความที่กล่าวถึงความคิดถึงอยู่บ้าง แต่กลับไม่ถึงขั้น "เปิดเผยและห้าวหาญ" เช่นครั้งนี้คำเหล่านี้ แค่พูดออกมาก็รู้สึกน่าอายอยู่แล้ว หากเขียนลงในจดหมายไม่ยิ่งน่าอายกว่าหรือ?เขาคิดว่าพระอนุชาเช่นนี้ช่างไม่เหมาะสม ฉาบฉวยเกินไปวิธีเอาใจสตรีนั้นมีมากมาย ไยต้องทำถึงเพียงนี้?เขาคิดเช่นนั้น แต่ในใจกลับเหมือนมีกรวดเล็กๆ ก้อนหนึ่งตกลงไป ทำให้ผิวน้ำในจิตใจเป็นระลอกคลื่นวนไปมาอย่างไม่อาจสงบได้เขาไม่รู้เลยว่า การเป็นฮ่องเต้เช่นนี้ เขาสูญเสียไปมากเพียงใด...เรื่องความรักระหว่างชายหญิงนั้น จักรพรรดิไม่เคยกล้าคิดถึง แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่หวั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1409

    เส้าปู้เข้ามาในเมืองพร้อมกับคนเพียงสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนกำยำล่ำสัน มีมีดโค้งคาดอยู่ที่เอว ดูท่าทางน่าเกรงขามราวกับเทพเจ้าสงคราม แต่เมื่อได้นั่งดื่มสุรากินเนื้อ ใบหน้าสีเข้มของพวกเขากลับเปื้อนรอยยิ้มสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ หลางจู่เส้าปู่อายุห้าสิบกว่าปี ผิวสีเข้มเป็นประกายเหมือนพวกเขา ดวงตาเต็มไปด้วยพลังและความคมกล้า เขาเป็นคนฉลาดเป็นพิเศษและมีจิตใจรอบคอบ หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาระแวงอยู่เสมอและไม่กล้ามอบความไว้วางใจให้เป่ยหมิงอ๋องอย่างเต็มที่ เขามีเพียงข้อเรียกร้องเดียว คือการร่วมมือกันครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หลังจากขับไล่คนของแคว้นซาได้สำเร็จ พวกเขาต้องถอนกำลังออกจากทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว และห้ามเข้าสู่เขตหลักของทุ่งหญ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เซี่ยหลูโม่ตอบรับข้อเรียกร้องและลงนามในข้อตกลงทันที หลังจากลงนามในข้อตกลง พวกเขาก็ไม่รั้งรอและจากไปทันที ชนเผ่าทุ่งหญ้าไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อแคว้นซางนัก เพราะสงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีล้วนส่งผลกระทบถึงพวกเขาไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าทุ่งหญ้ามีหลายเผ่าและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงไม่สามารถต่อต้านทั้งแคว้นซางหรือแคว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1408

    หลังจากกลับมาที่จวนอ๋องจากงานเลี้ยงที่ครึกครื้น ซ่งซีซีรู้สึกว่าลานเหมยฮวานั้นเงียบเหงาเป็นพิเศษ นางคิดถึงศิษย์น้อง แต่เขาอยู่ไกลถึงหนานเจียง แม้จะไม่ได้คำนวณวันเวลาที่แยกจากกัน แต่นางรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อนางคิดจะออกไปยังตึกว่างจิงเพื่อหาอาจารย์เหมือนเดิม นางก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ได้กลับไปที่ภูเขาเหม่ยชานแล้ว หัวใจของนางรู้สึกเหงาหงอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางคิดถึงหยานหรูอวี้ในค่ำคืนนี้ ถึงได้เข้าใจว่าหญิงสาวในยามแต่งงานนั้นเต็มไปด้วยความสุข ความคาดหวัง และความเขินอายจนความสุขล้นเอ่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับตัวนาง การแต่งงานทั้งสองครั้งกลับเงียบสงบเกินไป หลังจากที่เป่าจูช่วยนางล้างเครื่องสำอางและเตรียมน้ำสำหรับอาบ ซ่งซีซีก็ส่ายหน้าและดึงนางให้นั่งลงข้างกัน "เป่าจู ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับเจ้าว่า เรื่องแต่งงานของเจ้าควรจะเริ่มพูดคุยกันแล้ว เจ้าพอจะมีคนที่ชอบหรือยัง?" เป่าจูมองนางแวบหนึ่งและกล่าว "คุณหนูไปกินเลี้ยงแต่งงานแล้วติดใจหรือเจ้าคะ ถึงได้รีบเร่งให้มีอีกงาน?" ซ่งซีซีหัวเราะ "ข้าเป็นคนตะกละขนาดนั้นหรือ? ข้าทำเพื่อเจ้านะ ถ้ายังอยู่แบบนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1407

    งานแต่งงานของเจ้าสิบเอ็ดฝางกับหยานหรูอวี้ที่ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้เลือกวันมงคลจัดขึ้น งานแต่งไม่ได้จัดอย่างเอิกเกริก แต่เมื่อเป็นหลานสาวของไท่ฟู่ สิ่งที่สมควรมีเพื่อความสง่างามก็จัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วน ไทเฮาทรงเป็นผู้นำในการมอบของขวัญ ตามด้วยบรรดามเหสีที่ต่างมอบรางวัลและเพิ่มสินเดิมให้หยานหรูอวี้ นักเรียนจากโรงเรียนสตรีหย่าจวินต่างพากันทำของขวัญแสดงความยินดีด้วยมือของพวกนางเองให้กับหยานหรูอวี้ นักเรียนหญิงในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของครอบครัวชาวบ้านธรรมดา แม้ของขวัญจะไม่ล้ำค่า แต่สิ่งที่พวกนางปักเย็บหรือทำด้วยมือเอง ล้วนแสดงถึงน้ำใจอันบริสุทธิ์ที่สุด ชุดเจ้าสาวของหยานหรูอวี้ถูกสั่งทำล่วงหน้าโดยโม่เหนียงจื่อจากโรงงานฝีมือ ชุดนี้เคยถูกนำไปจัดแสดงในร้านผ้าปักของโรงงานมาก่อน ทำให้หญิงสาวที่กำลังรอแต่งงานหลายคนหลงใหลและใฝ่ฝันอยากสวมชุดสวยเช่นนี้ในวันแต่งงานของพวกนาง โม่เหนียงจื่อที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อหลานสาวของไท่ฟู่ยังสวมชุดเจ้าสาวที่นางทำ จะมีใครอีกที่คิดว่าอดีตของนางเป็นเรื่องโชคร้าย? ในเวลาไม่นาน ร้านผ้าปักของโรงงานก็คึกคักจนประตูแทบทรุดจากการเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1406

    จักรพรรดิ์ซูชิงได้เรียกตัวหัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าเฝ้าในวังหลวง หัวหน้าตระกูลเสิ่นเตรียมตัวมาอย่างดี แม้ในครั้งนี้เขาจะนำคนในคุ้มภัยและทหารองครักษ์เข้าปราบปรามกบฏ แต่เพราะตระกูลเสิ่นสาขาย่อยมีความเกี่ยวข้องกับหนิงจวิ้นอ๋อง แม้ว่าฮ่องเต้จะกล่าวว่าให้ชดเชยความผิดด้วยความชอบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลบล้างไปได้ง่ายๆ จักรพรรดิ์ซูชิงปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยน และยังชมเขาด้วยว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์และรักชาติ เป็นดั่งลักษณะของบิดาในอดีต หัวหน้าตระกูลคนก่อนมีความเอื้อเฟื้อต่อราชสำนักมาก และในช่วงสงครามก็ได้บริจาคเงินจำนวนไม่น้อย หัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าใจสถานการณ์ จึงกล่าวทันทีว่า หนานเจียงและชายแดนเฉิงหลิงยังคงมีสงครามอยู่ ตระกูลเสิ่นยินดีที่จะบริจาคเงินจำนวนสองแสนตำลึงเพื่อช่วยจัดหาเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวและปรับปรุงอาหารสำหรับทหาร จักรพรรดิ์ซูชิงแสดงความพอใจอย่างมาก พลางยิ้มและกล่าวว่า "ดี ด้วยเงินบริจาคสามแสนตำลึงจากหัวหน้าตระกูลเสิ่น ข้าเชื่อว่าทหารชายแดนของเราจะสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ และเร่งรัดให้สงครามยุติลงโดยเร็ว" หัวหน้าตระกูลเสิ่นรีบตอบรับอย่างราบรื่น "ฮ่องเต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1405

    เหรินหยางอวิ๋นอยู่ที่เมืองหลวงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ก่อนเขาหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าอาวุธเทพเจ้า ไม่มีเวลาว่าง บัดนี้เมื่อมีเวลาว่าง เขาจึงอ้างว่าธุรกิจในเมืองหลวงยังไม่เรียบร้อย อยากอยู่ต่ออีกสักระยะ ที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือซ่งซีซี เมื่อครั้งที่เขาวิจัยอาวุธเทพเจ้า เขายังส่งคนไปยังเป่ยถังเพื่อขอคำชี้แนะและเก็บสูตรลับ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะหนานเจียง เพราะซ่งหวยอัน และสุดท้ายก็เพราะเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซี ในฐานะอาจารย์ เขารู้ว่าลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีเส้นทางของตัวเองที่ต้องเดิน เขาไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้ ทำได้เพียงช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถและเป็นเบื้องหลังที่คอยสนับสนุน เหรินหยางอวิ๋นมักพูดเสมอว่าเขาไม่เก่งในการเป็นอาจารย์ แต่ศิษย์ทุกคนของเขาล้วนยอดเยี่ยม ทั้งความสามารถและคุณธรรม ไม่มีใครที่เขาต้องเป็นห่วง ยกเว้นลูกศิษย์คนเล็กอย่างซ่งซีซี นางชอบเล่นซนและสนุกสนาน แต่กลับสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์จนถึงขั้นล้ำเลิศ เป็นเครื่องยืนยันถึงพรสวรรค์อันสูงส่งของนาง ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสและไร้กังวลบนใบหน้าของนาง เหรินหยางอวิ๋นก็รู้สึกมีความสุขในใจ แต่หลังจากนั้น นางถูก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status