แชร์

บทที่ 1271

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมื่อข่าวไปถึงเยี่ยนโจว ทุกอย่างในจวนอ๋องเยี่ยนก็ล้มระเนระนาด

อ๋องเยี่ยนโกรธมาก ทุบทุกอย่างจนในบ้านเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องแตก “พวกสวะ ทหารส่วนตัวห้าพันคนถูกฆ่าตายในคราวเดียว แต่ไม่มีใครมารายงาน เซี่ยทิงหลานไปทำบ้าอะไร? คนมากมายไปถึงหลูโจว เขากลับไม่มีมาตรการป้องกันใดๆ เลย แถมไม่ได้ส่งใครมารายงานข่าวด้วยซ้ำ”

ใบหน้าของเขาดุร้ายและน่าสะพรึงกลัวมาก แม้แต่อ๋องฮวยก็ยังยืนเฉยๆ ไม่กล้าพูดอะไร

เหตุการณ์นี้ ทำให้พวกเขาไม่ทันระวังจริงๆ

ความสนใจของพวกเขา อยู่ที่ทหารส่วนตัวที่ย้ายมาจากอำเภอหยงเท่านั้น ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดปัญหาในหลูโจว

หมู่บ้านต้าสือในหลูโจว ถูกซ่อนไว้อย่างดี จะถูกค้นพบได้อย่างไร?

หลูโจวไม่ควรอยู่ในสายตาพวกเขาตั้งแต่แรกสิ

ที่นั่นภูมิประเทศดีมาก นอกจากมีอุโมงค์อยู่หนาแน่นแล้ว ยังมีหมู่บ้านต้าสือ ที่มีภูเขาสามด้านโอบล้อม เขาคิดว่าถ้าล้มเหลวก็ถอยกลับไปที่หมู่บ้านต้าสือ สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้หลายปี จากนั้นค่อยสำรวจอุโมงค์ลับ

ภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ป้องกันง่าย แต่โจมตียาก แต่กลับถูกเลือกจัดการก่อนเช่นนี้

อู๋เซียงดูเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง โกรธไปก็เปล่าประโยชน์ ตัดสินใจตั้งแต
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Pimpan Ruangtanatip
เคยดูโฆษณาเพื่อปลดล็อค ตอนนี้ทำไมไม่มีให้ดู
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1272

    ในห้องหนังสือของจวนอ๋องเยี่ยน แสงไฟไม่ดับลงเลยตลอดทั้งคืนอ๋องเยี่ยนได้เรียกเหล่ากุนซือมาร่วมประชุมหารือกัน เขาหวังว่าจะมีใครสักคนเห็นด้วยกับเขาเพราะเขาเชื่อจริง ๆ ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม การเคลื่อนไหวใด ๆ จะมีแต่พาไปสู่ความตายเท่านั้นตราบใดที่สังหารเซี่ยทิงหลานได้ ก็จะไม่มีพยานหลักฐานที่จะกล่าวหาเขาในข้อหากบฏได้ทว่ากุนซือทั้งหมด รวมถึงขุนนางในเยี่ยนโจวที่ร่วมแผนการณ์กับเขา ต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะสังหาร เซี่ยทิงหลาน กองกำลังห้าพันที่ถูกกำราบจนพ่ายแพ้ และคุมตัวเซี่ยทิงหลานกลับเมืองหลวงนั้น จะสังหารพวกเขาได้อย่างไร? แทนที่จะเทกำลังทั้งหมดไปสังหารเซี่ยทิงหลาน พวกเขาควรลุกขึ้นก่อการโดยตรงจะดีกว่า เฮ้อซวงจื้อ…ผู้ว่าการเยี่ยนโจวกล่าว “ท่านอ๋อง หากพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป บัดนี้การเลี้ยงกองทัพก็สิ้นเปลืองทรัพย์สินไปมากมาย อีกทั้งไม่มีเงินจากเมืองหลวงมาสนับสนุน หากยังถ่วงเวลาไปอีก เกรงว่าคงจะไม่อาจคงอยู่ได้ และจิตใจผู้คนก็จะระส่ำระสายไปด้วย” เฮ้อซวงจื้อเคยเป็นอดีตรองเสนาบดีกรมคลัง แต่เพราะทำความผิดเล็กน้อยจนถูกจักรพรรดิองค์ก่อนเนรเทศไปยังเฉีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1273

    เช้าวันต่อมา คนในจวนอ๋องเยี่ยนดูหนาแน่นขึ้น มีทั้งเหล่าขุนนางจากตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งเมืองเจียงหนานเข้ามาร่วมด้วย ตามหลักแล้ว ตระกูลขุนนางเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ไม่ปรารถนาให้เกิดความวุ่นวาย เพราะในยามบ้านเมืองสงบสุขเท่านั้นที่พวกเขาจะได้เสวยสุขอย่างมั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม ตระกูลขุนนางที่ผ่านไปหลายทศวรรษย่อมรู้สึกกังวล เมื่อยศฐาบรรดาศักดิ์จาก ‘กง’ ลดลงเป็น ‘ป๋อ’ หรือแม้แต่กำลังจะหมดสิทธิ์สืบทอดบรรดาศักดิ์ ความกังวลนั้นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ เพราะอย่างไรพวกเขาก็เคยรุ่งโรจน์มาก่อนแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกตระกูลจะเข้าร่วมกับอ๋องเยี่ยน ยังมีบางคนที่หวังจะอยู่สงบสุขในมุมเล็ก ๆ ของตนเอง คนเหล่านี้อาจรู้ถึงแผนการของอ๋องเยี่ยน แต่ด้วยวิถีการดำรงชีวิตที่ให้ความสำคัญกับการไม่สร้างศัตรู จึงเลือกทำเหมือนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากวันนี้ผู้คนยังมารวมตัวกันไม่ครบ อ๋องเยี่ยนจึงเลื่อนการตัดสินใจออกไปอีกครั้ง กล่าวว่ารอให้ทุกคนมาพร้อมหน้าก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้คำพูดของอู๋เซี่ยงที่ว่าเขากำลังลังเลใจระหว่างการลุกขึ้นก่อกบฏกับการยอมจำนนดูมีน้ำหนักขึ้นทางด้านหลูโจว เซี่ยหลูโม่ได้ส่งม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1274

    เซี่ยหลูโม่ตั้งใจจะบอกว่ามีคนอยู่เบื้องหลังอ๋องเยี่ยน แต่คิดว่าหากพูดไปอาจทำให้มู่ฉงกุยเดาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ จึงกล่าวว่า “ตอนนั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัด หากลงมือสังหารโดยไม่มีเหตุผล ฮ่องเต้ย่อมถูกตราหน้าว่าเป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยม ฆ่าพระปิตุลาโดยไร้เหตุผล ซึ่งจะกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้พวกเขาก่อกบฏได้ง่ายขึ้น อีกอย่าง การก่อกบฏไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงคนเดียวจะทำได้ ต้องมีผู้สนับสนุน ยิ่งอ๋องเยี่ยนขยายอิทธิพลได้ขนาดนี้ หากมีคนชูธงนำกบฏขึ้นมา ย่อมเกิดความวุ่นวายเป็นวงกว้าง ส่วนเรื่องที่ปล่อยให้เขากลับเยี่ยนโจวก็เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเชื่อมโยงกับคนที่เคยเกี่ยวข้องกับเซี่ยอวิ้นในอดีตอีก”มู่ฉงกุยฟังแล้วพยักหน้ารับ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”“หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกเขาจะหาข้ออ้างในท้องถิ่นเพื่อเริ่มก่อความวุ่นวาย เมื่อบ้านเมืองเกิดโกลาหล พวกเขาจะรวบรวมกำลังทหารขึ้นมาอ้างว่าปราบกบฏ ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่สงครามในท้ายที่สุด ดังนั้นแม่ทัพมู่ต้องระวังตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตเจียงหนานเป็นแหล่งข้าวและศูนย์กลางการค้าของแคว้น หากพื้นที่นี้เสียหาย จะส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพของบ้านเมืองได้” เซี่ยหลูโม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1275

    ฮูหยินเสิ่น ก็คือกู้ชิงหวู่ในวันนั้น หลังจากที่นางอยู่ไฟเสร็จแล้ว ทั้งร่างดูเปล่งปลั่งสดใส ไร้ร่องรอยความอวบอ้วน ร่างบางยังคงงามสง่าดุจดรุณี ที่นี่ลมทรายแห่งหนใต้พัดแรง ฤดูหนาวเมื่อปีก่อนก็เย็นเยือกเป็นพิเศษ แต่นางกลับดูอิ่มเอิบจนผิวพรรณขาวนวลราวหยก งดงามล้ำเกินบรรยาย ในจวนแห่งนี้ ของดีใด ๆ ล้วนมุ่งตรงให้นางทั้งสิ้น ทั้งนมอูฐตุ๋นรังนกทุกวัน อาบน้ำนมแพะเป็นกิจวัตร ตั้งแต่ไม่มีเงินจากเมืองหลวงส่งมา นางก็ไม่เคยประหยัดเรื่องพวกนี้เลยร่างที่บำรุงเช่นนี้ อย่างน้อยในสายตาของหวังเบียว ก็ถือว่านางช่างสูงค่าล้ำเลิศ มือเล็กนุ่มนิ่มราวไร้กระดูกของนางที่เขาได้สัมผัส ทำให้หัวใจของเขาหลอมละลาย เขาเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะชีวิตนี้เคยผ่านหญิงงามมามาก ไม่ว่าจะงามล้ำลือชื่อ หรืออ่อนหวานสุภาพ แต่กลับเป็นชิงหวู่ ผู้มีเสน่ห์ตามธรรมชาติที่ตราตรึงใจเขาอย่างลึกล้ำ แม้ฝางเทียนสวีจะเตือนว่าให้อยู่ห่างนางไว้แต่หวังเบียวได้ยินแล้ว กลับไม่ใส่ใจคำพูดพวกนั้น แถมยังจะก่นด่าคนอีก เพราะกู้ชิงหวู่เคยบอกเล่าเรื่องราวของตนให้เขาฟังแล้ว นางเล่าว่าแรกเริ่มเดิมที เพียงแค่ต้องการเอาชีวิตรอด ไม่ได้คิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1276

    เมื่อได้ยินเขาตอบตกลง กู้ชิงหวู่จึงหยุดร้องไห้ แต่ปลายนิ้วยังคงกำเสื้อของเขาไว้แน่นและซบในอ้อมกอดของเขา บนใบหน้าของนางยังคงมีคราบน้ำตา แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและความเกลียดชัง นางเกลียดชายแก่คนนี้อย่างที่สุด และยังเกลียดทุกคนที่เคยใช้ประโยชน์จากความงามและร่างกายของนาง นางไม่อยากเป็นเพียงหมากในกระดานอีกต่อไป นางเหนื่อยล้ากับบทบาทนี้แล้ว และไม่เคยได้รับความจริงใจจากผู้ใดเลยแต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น หากต้องสมรสกับชายธรรมดา นางคงทนลำบากไม่ได้ แม้ว่าที่ผ่านมาจะถูกใช้ประโยชน์ แต่ชีวิตก็ยังคงสุขสบาย เมื่อนางออกจากเมืองหลวงและระเหระหนอยู่ไม่กี่วัน นางก็เข้าใจว่านางไม่อาจแยกจากความมั่งคั่งได้ ดังนั้น เมื่อคนคนนั้นมาหานาง นางจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล เพราะในเวลานั้นมันคือทางออกเดียวของนาง ด้วยชาติกำเนิดของนาง นางไม่มีทางถูกแต่งงานเข้าเป็นภรรยาหลวงในตระกูลใหญ่โต แม้แต่เหลียงเส้าปากบอกว่าจะรักนางเพียงคนเดียวตลอดชีวิต แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถทำให้นางมีสถานะที่มั่นคงได้ นางยังคงเป็นเพียงภรรยาน้อยคนหนึ่งอยู่ดีเมื่อนึกถึงเขาในตอนนี้ นางก็รู้สึกขยะแขยง สำหรับหวังเบียว เขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1277

    เมื่อจ้านเป่ยว่างเดินทางมาถึงชายแดนเฉิงหลิง เขาได้นำของขวัญสำหรับวันคล้ายวันเกิดไปส่งที่จวนแม่ทัพใหญ่เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกดุด่าหรือถูกตำหนิ ทว่า...ทางฝั่งตระกูลเซียวกลับเพียงส่งคนออกมารับของขวัญ และจัดแจงให้พวกเขาพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนสองสามวัน แล้วค่อยออกเดินทางกลับเขตหนานเจียง ไม่มีใครออกมาด่าว่าเขา หรือแม้แต่ทำร้ายเขา เขายืนอึ้งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลากร่างที่อ่อนล้าของตนเองเดินออกมา“จวนผู้บัญชาการที่นี่ เทียบกับจวนผู้บัญชาของเราในเขตหนานเจียงไม่ได้เลย! ใหญ่โตหรูหราก็จริง แต่เรียบง่ายจนเกินไป ของตกแต่งที่พอจะดูดีสักชิ้นก็ไม่มี”หลังออกจากจวนผู้บัญชาการ หยางกวน…พลทหารที่เดินทางมาด้วยกันกล่าวขึ้นจ้านเป่ยว่างตอบกลับเพียงว่า “อย่าเอาผู้บัญชาการหวังมาเทียบกับแม่ทัพใหญ่เซียว”ในใจกลับคิดเงียบ ๆ ว่า...เขาไม่คู่ควร หยางกวนคิดว่าเขากำลังปกป้องผู้บัญชาการหวัง จึงรีบหุบปากทันที พวกเขาทั้งสี่คนถูกจัดให้อยู่ในค่ายพักแรมรวมกันในที่พักขนาดใหญ่ แน่นอนว่าหากพวกเขาต้องการกลับเขตหนานเจียงก่อนกำหนด ก็สามารถทำได้แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยว่าไม่สามารถกลับไปยังเขตหนานเจียงได้อีกแล้ว เพราะต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1278

    แม้จักรพรรดิ์ซูชิงจะทรงทราบดีว่า เซี่ยหลูโม่เดินทางมาอย่างยากลำบาก แต่ก็ยังทรงเรียกเขาไว้ พร้อมกับเรียกเสนาบดีกรมยุทธศาสตร์ อธิบดีกรมทหาร และเจ้าสิบเอ็ดฝางเข้าวังมาร่วมประชุม จำเป็นต้องประเมินสถานการณ์หลายด้านและคาดการณ์ผลลัพธ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งจัดวางกองกำลังตามสภาพที่มีอยู่ สิ่งที่พระองค์ทรงกังวลที่สุดยังคงเป็นเขตหนานเจียง แต่เมื่อเซี่ยหลูโม่กล่าวถึงซูลันซือแห่งซีจิง พระพักตร์ของฮ่องเต้ก็เปลี่ยนไปทันที “ไม่มีทางที่บุคคลนี้จะมีความสามารถมากถึงขนาดร่วมมือกับแคว้นซาและซีจิงได้พร้อมกันแน่” พระองค์ตรัสพร้อมแสดงความไม่สบายพระทัยอย่างชัดเจน ราชวงศ์ซางนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจพูดคุยกับซีจิงได้อย่างเต็มปากเต็มคำ การเจรจายังไม่สิ้นสุด และยังติดค้างคำตอบที่ชัดเจนแก่ซีจิง แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องนี้ สิ่งที่ทำให้พระองค์กังวลยิ่งกว่าคือ คนผู้นี้มีความสามารถถึงเพียงนี้ แสดงว่าเขาต้องซุ่มวางแผนมานานเพียงใดกัน? หลี่เต๋อฮวย…เสนาบดีกรมยุทธศาสตร์จ้องมองแผนที่หลายรอบ ภูมิประเทศเหล่านี้เขาคุ้นเคยดีแต่หากว่ามีกองกำลังลับหรือโจรซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว การกวาดล้างคงไม่ง่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1279

    ยามเที่ยงของวันถัดมา ทั้งสองคนเพิ่งตื่นขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่งดวงตาสบกัน เซี่ยหลูโม่แววตาเข้มขึ้นทันที รู้สึกว่าการหลับไปเมื่อคืนทำให้พละกำลังกลับคืนมาทั้งหมด เขาดึงนางเข้ามากอดแนบชิด กระซิบข้างหูด้วยริมฝีปากที่แตะไปมา ซ่งซีซีรีบผลักเขาออก “ลุกขึ้นได้แล้ว!” เป่าจูที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงเคลื่อนไหว กลัวว่าทั้งสองจะรั้งกันต่อไป รีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านอ๋อง พระชายา พระสนมไท่เฟยให้คนมาแจ้งสามรอบแล้วเจ้าค่ะ” เซี่ยหลูโม่ถอนมือออกจากที่เดิม ดวงตายังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความดื้อรั้นและอวดดี “ตอนนี้ฟังเจ้า คืนนี้เจ้าต้องฟังข้า” เมื่อคืน เซี่ยหลูโม่กลับมาดึกเกินไป จึงไม่ได้ไปคำนับพระสนมไท่เฟยปกติพระสนมไท่เฟยจะไม่ใส่ใจว่าเขาไปที่ไหน แม้กระทั่งออกศึกนางก็ไม่กังวลมากนัก ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ว่าศึกสงครามอันตรายเพียงใด แต่ฮองเฮามักทำให้นางเชื่อมั่นว่าบุตรชายของตนนั้นไร้ผู้เทียบทานแต่ครั้งนี้ จวนออกกองกันเกือบครึ่ง ทุกคนในจวนต่างเต็มไปด้วยความตึงเครียด จนนางพลอยวิตกไปด้วย เมื่อคืนซ่งซีซีกลับมาแล้ว แต่เขากลับยังไม่มา แม้จะบอกว่าเข้าวัง แต่เมื่อไม่ได้เห็นหน้าเขาจริง ๆ ใจของนางก็ยังไม่สงบ

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1482

    เซี่ยหลูโม่ในฐานะที่ปรึกษา ได้เข้าวังสอนวิชาอาวุธให้แก่สามองค์ชายก่อนถึงงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิ ที่จริงแล้ว องค์ชายใหญ่ควรฝึกมาตั้งนานแล้ว ทว่าเดิมทีเขาได้รับการเลี้ยงดูจากฮองเฮา ถูกตามใจดั่งดวงตาดวงใจ งานหนักใดๆ ล้วนไม่เคยต้องแตะต้อง เมื่อถูกส่งไปอยู่กับไทเฮา แม้พระนางจะทรงจัดการศึกษาให้ครบถ้วนทั้งบุ๋นและบู๊ แต่เขากลับโง่เง่าและเกียจคร้านเป็นทุนเดิม งานเล่าเรียนในแต่ละวันก็หนักหนาพออยู่แล้ว วิชาหนึ่งยังฝึกไม่ทันเสริม อีกวิชาหนึ่งก็ต้องตามไม่ทันเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีพรสวรรค์แต่อย่างใด ซ้ำยังมิได้ขยันหมั่นเพียร จึงมักหาทางหลบเลี่ยงอยู่เสมอ ความก้าวหน้าที่น่าพอใจที่สุดในตอนนี้ คงเป็นเพียงการที่เขายอมไปเรียนหนังสือโดยไม่ร้องไห้อีก ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการฝึกครั้งนี้กลับเป็นรุ่ยเอ๋อร์ รุ่ยเอ๋อร์ได้ฝึกพื้นฐานไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ออกแรงมากเกินไป หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวว่าเขาต้องค่อยๆ ฝึก ไม่อาจรีบร้อน หากได้รับบาดเจ็บที่ขาอีกครั้ง จะไม่คุ้มค่าความเสียหาย ดังนั้น เมื่อเซี่ยหลูโม่สอนวิชาธนูให้พวกเขา รุ่ยเอ๋อร์จึงมีพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว ฝึกไปไม่กี่วันก็เริ่มเห็นผล ส่วนองค์ชายใหญ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1481

    จักรพรรดิ์ซูชิงเสด็จขึ้นว่าราชการอีกครั้ง พระพักตร์ดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก ขุนนางอาวุโสบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาต่อหน้าพระที่นั่ง โดยเฉพาะหุ่ยอวี่สือ ซึ่งเกือบก่อเรื่องใหญ่โตไปแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ทรงมีอาการดีขึ้น อีกทั้งหมอมหัศจรรย์ดันก็ถูกเชิญเข้าวังเพื่อถวายการรักษา จึงพอมีความหวัง อย่างไรก็ตาม เป็นไปตามที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงคาดไว้ เสียงเรียกร้องให้แต่งตั้งองค์รัชทายาทในราชสำนักดังขึ้นเป็นอย่างมาก กระนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงก็มิได้ทรงรับคำในทันที เพียงตรัสว่าองค์ชายทั้งสามยังเยาว์วัยนัก ให้รออีกสักระยะเถิด ในกลุ่มขุนนางที่กราบทูลขอให้แต่งตั้งองค์รัชทายาทนั้น ย่อมมีศิษย์ของตระกูลฉีรวมอยู่ด้วย แต่ก็เพียงกล่าวคล้อยตามผู้อื่น มิได้มีใครลุกขึ้นมาเสนอเป็นฝ่ายแรก จักรพรรดิ์ซูชิงมิได้ทรงเชื่อโดยแท้จริงว่าเจ้ากรมฉีต้องการเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์โดยไร้ส่วนได้เสีย ช่วงนี้ตระกูลฉีทำตัวสงบเสงี่ยมลงก็จริง แต่ทั้งหมดเป็นผลจากการถูกกดดันและเตือนสติ แม้พระองค์จะยังมิได้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่กลับทรงประกาศเรื่องหนึ่งแทน นั่นคือ ทรงแต่งตั้งเป่ยหมิงอ๋อง เซี่ยหลูโม่เป็นที่ปรึกษาองค์รัชท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1480

    ฉีฮูหยินใหญ่เข้าเฝ้าในวัง ครานี้นางมาโดยได้รับคำสั่งจากเจ้ากรมฉี เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัดเจน เมื่อฮองเฮาทรงได้ยินว่าบิดาทรงตัดสินใจจะวางตัวเป็นกลาง ก็มิอาจระงับโทสะได้ ตรัสเย็นชา “แต่ก่อนให้ข้าช่วยสนับสนุนตระกูลฉี ข้าก็มิเคยปฏิเสธ บัดนี้เมื่อข้าต้องการให้พวกท่านช่วยบ้าง กลับถอยหนีไปหมดสิ้น ข้าช่างไม่เข้าใจเลยจริงๆ หากองค์ชายใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลฉีจะไม่ได้รับผลดีเลยหรือ? หรือบิดามั่นใจว่าต่อจากนี้ตระกูลฉีจะราบรื่นไร้ปัญหา?” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างใจเย็น “ความหมายของบิดา คือเพียงอยากเป็นขุนนางผู้ภักดี มิอาจข้องเกี่ยวเรื่องนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฮ่องเต้” “ช่างน่าขันนัก!” ฮองเฮาทรงหัวร่อเยาะ “เปรอะเปื้อนมลทินไปทั้งตัว บัดนี้ยังมีหน้ามาอ้างตนว่าเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์? เหตุใดจึงไม่พูดเช่นนี้ให้เร็วกว่านี้เล่า? เช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องแต่งเข้าวังมา ปล่อยให้ข้าดิ้นรนต่อสู้เพียงลำพัง” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าว “แม้บิดาจะมีความผิดพลาดในเรื่องส่วนตัว แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในกรมขุนนาง ก็รับใช้แผ่นดินและฮ่องเต้โดยซื่อสัตย์ ไม่เคยขายตำแหน่งขุนนางหรือรับสินบน” ฮองเฮาทรงแค่นเสียง “ทำหรือไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1479

    ฮองเฮาเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้เสียเมื่อไร? แม้แต่ฮ่องเต้ทรงกริ้วพระนางอย่างที่สุด ก็เพียงแค่ทรงตำหนิเล็กน้อย หรือไม่ก็ทรงมีรับสั่งกักบริเวณพระนางเท่านั้น “เซี่ยหลูโม่เป็นตัวอะไร? เขาถึงได้กล้าถึงเพียงนี้! บังอาจมาทำอวดดีต่อหน้าข้า! ข้าเห็นว่าเขาสร้างผลงานไว้ จึงเป็นห่วงเรื่องเชื้อสายของเขา เขาคิดว่าข้าไม่มีเรื่องใดให้ทำ นอกจากยุ่งเรื่องของเขารึ? เขาไม่ชอบก็แล้วไป ยังมีคนที่ชอบอีกมาก!” ฮองเฮาทรงกริ้วจนปวดพระเศียร ไม่เคยพบผู้ใดที่ไม่รู้คุณคนเช่นนี้มาก่อน ความน้อยพระทัยของพระนางทำให้หลานเจี่ยนกูกูงุนงงนัก เดิมทีเรื่องนี้ก็แค่หาข้ออ้างเพื่อบีบให้พระชายาอ๋องต้องยอมเข้าวังมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเชื้อสายของจวนอ๋องจริงๆ แล้วล่ะ? หลานเจี่ยนกูกูคิดว่าฮองเฮาทรงหาข้อแก้ตัวให้พระองค์เองเพราะทรงโกรธ แต่ข้อแก้ตัวเช่นนี้ดูจะไร้ความจำเป็นไปมาก เพียงทำให้พระองค์เองขุ่นเคืองยิ่งขึ้นเท่านั้น นางจึงเอ่ยปลอบ “พระนางอย่าได้กริ้วไปเพคะ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นการหาพระชายารองให้เขาจริงๆ นี่เพคะ” ฮองเฮาทรงตวัดพระเนตรมองนางด้วยความไม่พอพระทัย ก่อนตรัสด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1478

    เซี่ยหลูโม่เห็นเขามีท่าทางอิดโรย ประกอบกับอู๋ต้าปั้นก็ได้นำฎีกากลับไปแล้ว จึงกล่าวว่า “น้องมีเรื่องหนึ่งขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถาม “เรื่องอันใด?” เซี่ยหลูโม่ดวงตาสงบนิ่งเย็นชา “น้องอยากไปตำหนักฉางชุนสักคราพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเข้าใจทันทีว่าเป็นเรื่องอันใด เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง ถึงขั้นเกือบทำให้ผู้ตรวจการสวี่ต้องสิ้นชีพ จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ต้องการเผชิญหน้า จึงรับสั่งให้เขาไปตามต้องการ เซี่ยหลูโม่ถวายบังคมลา มุ่งหน้าสู่ตำหนักฉางชุนทันที ฮองเฮาทรงทราบถึงเจตนาของเขา จึงให้คนไปเชิญเข้ามา นางเห็นว่าซ่งซีซีปฏิเสธการแต่งตั้งพระชายารองให้เซี่ยหลูโม่ เป็นเพราะซ่งซีซีขี้หึงและเห็นแก่ตัว ทว่าชายใดเล่าจะคิดเช่นนั้น แม้จะกล่าวคำโตเพียงใด ก็ไม่อาจกลบซ่อนสันดานดิบของบุรุษได้ แม้ฮ่องเต้จะทรงอุทิศพระองค์เพื่อราชกิจ ไม่เสด็จเยือนฝ่ายในบ่อยนัก แต่ก็ยังมีสนมมากมายถึงสามวังหกตำหนัก เมื่อเจอคนถูกพระทัย ก็ยังทรงพลิกป้ายให้เข้าพบเดือนละสามสี่ครั้ง ฉีฮองเฮาทรงเห็นว่าไม่มีแมวตัวใดไม่ชอบกินปลา รวมถึงเซี่ยหลูโม่เองก็เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1477

    เซี่ยหลูโม่เอ่ยขึ้น "แล้วเสด็จพี่มีแผนการอย่างไร?" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสตอบ "เดิมที หากข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามเดือน ข้าจะตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พร้อมตั้งขุนนางที่ไว้ใจได้อีกสองสามคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการ ส่วนองค์ชายรอง จะถูกส่งไปประจำอยู่ที่หนานเจียง และปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เช่นนี้จะช่วยลดอำนาจของตระกูลฉีลงได้" เซี่ยหลูโม่เอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าน้องจะไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญนี้" เขาเข้าใจดีว่า หากเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ย่อมต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับจักรพรรดิ์ซูชิง และสิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ คำสั่งห้ามให้เขามีทายาท เช่นนั้น แม้เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ สุดท้ายก็ต้องคืนตำแหน่งจักรพรรดิ์ให้กับราชวงศ์ จักรพรรดิ์ซูชิงมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาแล้วถอนพระปัสสาสะเบาๆ "เรื่องมากมายก็มิอาจปิดบังไปจากเจ้าได้ ข้าเคยคิดจะให้เจ้าสาบานว่า เจ้าจะไม่มีบุตร ไม่มีทายาท ข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าทำได้เพียงเท่านี้" เซี่ยหลูโม่เข้าใจความหมายของจักรพรรดิ์ซูชิง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ การมีหรือไม่มีบุตร ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเพียงลำพัง ซีซีมีสิทธิ์ที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1476

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนสีพระพักตร์จะค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น "หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสามปี แต่ก่อนหน้านี้ หมอหลวงเคยบอกว่า ข้าน่าจะอยู่ได้หนึ่งปี ทว่าผ่านไปไม่นาน กลับเหลือเพียงแค่หกเดือน ข้าคิดว่า คำของหมอทั้งหลาย เมื่อมาถึงตัวข้า ก็ควรจะต้องลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ เช่นนั้น หนึ่งปีครึ่งที่เหลือ อาจจะไม่ได้มีจริงด้วยซ้ำ" "เสด็จพี่ อย่าทรงคิดในแง่ร้าย..." จักรพรรดิ์ซูชิงยกพระหัตถ์ขึ้นปราม "เจ้าฟังข้าก่อน บัดนี้ ข้ามีสติแจ่มชัด มิได้เลอะเลือน เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ต้องรีบจัดการ แต่ปัญหาคือ ข้าไม่กล้าตั้งใคร ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่จะเติบโตขึ้นปกครองแผ่นดิน มหาเสนาบดีแก่ชราลงแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะฝากบ้านเมืองไว้ในมือใครได้ นอกจากเจ้า" เซี่ยหลูโม่มิได้เอ่ยสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่า ความไว้วางใจและความระแวงของเสด็จพี่ล้วนเกิดขึ้นโดยไร้หลักการ มันมักมาเป็นระยะๆ "ข้า มีพระโอรสสามองค์ เดิมทีมีองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทโดยธรรมชาติ ตำแหน่งรัชทายาทจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่องค์ชายใหญ่ เขาธรรมดาเกินไป ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนัก แต่เขา ขี้เกียจ หยิ่งยะโส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1475

    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกลับต้องพบว่า ดูหรือไม่ดู ก็ไม่ต่างกันเลย เพียงเห็นว่าหมอมหัศจรรย์ดันคีบเข็มไว้ในซอกนิ้วทั้งห้า แล้วในพริบตาเดียว เข็มสี่เล่ม ก็ปักลงจุดได้อย่างแม่นยำ พวกเขาแทบมองเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาของมือหนึ่งข้างเท่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับแม่นยำและมั่นคง ราวกับว่าทุกอย่างจบลงในพริบตาเดียว ทั้งสี่จุด แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่การจะหา จุดฝังเข็ม ให้ถูกต้อง และปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำโดยไม่ลังเลนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่หมอมหัศจรรย์ดันกลับทำได้ในพริบตาเดียว หลังจากฝังเข็มแล้ว เขาจึงให้จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยซูซื่อตันเพื่อบรรเทาอาการปวด ผลของยาระงับปวดชัดเจนมาก สีพระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นทันตา ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ หมอมหัศจรรย์ดันถอนเข็มออก ก่อนจะเขียนตำรับยา จากนั้นจึงหยิบยาดันเสวี่ยออกมาจากหีบยา แล้วกล่าวว่า "ทุกคนต่างคิดว่ายาดันเสวี่ย ใช้เพียงเพื่อบำรุงชีพจร แต่แท้จริงแล้ว มันช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงอวัยวะทั้งห้า ได้ด้วย ต่อไป ฮ่องเต้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ยานี้จึงจำเป็นต้องช่วยคุ้มครอง ตับและไต โดยปกติ ควรเสวยทุกเจ็ดวันหนึ่งเม็ด แต่บัดน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1474

    จักรพรรดิ์ซูชิง ทรงเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนมีพระบัญชาให้จัดเตรียมห้องพักในตำหนักข้างเคียงของตำหนักเฉียนหยาง พร้อมทั้งส่งแพทย์จากสำนักหมอหลวงมาคอยดูแลหมอมหัศจรรย์ดัน พร้อมกันนั้น ทรงมีพระบัญชาให้จางฉีเหวินและฉีกุ้ยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของหมอมหัศจรรย์ดัน คอยติดตามดูแลเขาตลอดเวลา พระองค์ทรงทราบดีว่าจางฉีเหวินเป็นศิษย์ของเสิ่นว่านจือ การให้เขาคุ้มครองหมอมหัศจรรย์ดัน ก็เพื่อให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกวางใจ แต่เพื่อให้พระองค์เองก็วางใจได้เช่นกัน จึงทรงส่งฉีกุ้ยไปด้วยอีกคน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังมีพระบัญชาให้สำนักหมอหลวงปฏิบัติตามคำสั่งของหมอมหัศจรรย์ดันเป็นอันดับแรก อำนาจนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว พระองค์หวังให้สำนักหมอหลวงเป็นฝ่ายจัดหายา หมอมหัศจรรย์ดันมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ขอเพียงมีคนทำตามคำสั่งก็เพียงพอแล้ว แต่จากการที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงส่งจางฉีเหวินและฉีกุ้ยไป อาจมองออกได้ว่า พระองค์มิได้ไว้วางพระทัยผู้คนจากฝ่ายใน บัดนี้ พระองค์และหมอมหัศจรรย์ดัน มีชะตาเดียวกัน หากหมอมหัศจรรย์ดันตาย พระองค์ก็ตาย หากหมอมหัศจรรย์ดันมีชีวิตอยู่ พระองค์ก็อาจอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามปี สามปีไม่ยาว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status