Share

บทที่ 11

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
แม้ว่ายี่ฝางจะรู้สึกขมขื่นใจเล็กน้อย แต่นางก็พูดว่า "ข้ามิใช่คนขี้อิจฉาขี้หึงอะไร และถ้าคิดเพื่อตัวเจ้าเอง หากเจ้ามีลูกของตัวเอง และต่อไปเจ้าก็จะมีคนที่ให้พึ่งพา ส่วนหลังจากเจ้าท้องเขาเขาจะร่วมหอกับเจ้าอีกหรือไม่ ข้าไม่อยากยุ่ง"

ด้วยประโยคสุดท้าย เห็นได้ชัดว่านางโกรธแล้ว

จ้านเป่ยว่างรีบสัญญาอย่างว่า "ไม่ต้องห่วง ถ้านางท้อง ข้าจะไม่แตะต้องนางอีกเลย"

"ไม่จำเป็นต้องสัญญาหรอก ข้าไม่ได้เป็นคนใจแคบอย่างนั้น" ยี่ฝางหันหน้าออกไป ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ซ่งซีซีมองไปคนสองคนที่อยู่ตรงหน้านาง และรู้สึกว่าน่าเกลียดอย่างยิ่ง นางยืนขึ้นและมองไปที่ยี่ฝาง ก่อนพูดอย่างเคร่งขรึม "สตรีอยู่ในโลกนี้มันยากลำบากมากอยู่แล้ว ทำไมเจ้าต้องดูถูกสตรีอีก เจ้าเองก็เป็นสตรีนะ แล้วจะมาดูถูกสตรีเช่นนี้เพียงเพราะเจ้าฆ่าศัตรูในสนามรบไม่ได้นะ เจ้าคิดว่าข้า ซ่งซีซีจะอยู่รอดก็ต่อเมื่อพึ่งพาสายเลือดของตระกูลจ้านเท่านั้นเหรอ ชีวิตข้าไม่มีอะไรที่ข้าเองต้องไปทำ ไม่มีชีวิตที่ข้าต้องการอยู่ จะต้องเป็นตัวประกอบของพวกเจ้าเท่านั้น และมีชีวิตอย่างอับอายในหลังจวนที่นี่เหรอ พวกเจ้าคิดว่าข้าซ่งซีซีเป็นอะไรกัน?"

ยี่ฝางอึ้งไป แล้วขมวดคิ้ว "สิ่งที่เจ้าพูดนั้นก็มากเกินไปแล้วกระมั้ง"

ซ่งซีซีพูดอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกเลย หากแตกคอกันก็ไม่ดี"

"หย่า? เกรงว่าเจ้าแค่กำลังขู่ข้ากระมั้ง?" ยี่ฝางยิ้มเยาะ "แต่ข้าจะถูกคุกคามโดยเจ้าอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร? เจ้าจะโวยวายก็แล้วแต่ หากกลายเป็นเรื่องใหญ่เข้า คนที่สูญเสียชื่อเสียงคือเจ้าเอง"

นางรู้ว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากที่สุด และลูกสาวอย่างซ่งซีซี ที่มาจากระดับท่านโหวก็จะให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น

จ้านเป่ยว่างก็กล่าวอีกว่า "ซีซี ข้าจะไม่หย่ากับเจ้า ที่เราพูดเช่นนี้เป็นหวังดีกับเจ้านะ"

"ไม่จำเป็น!" ซ่งซีซีสงบสีหน้าของนาง ได้แสดงศักดิ์ศรีของตัวเอง "เจ้าแค่กลัวว่าจะถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนใจร้าย มีหลายใจ พวกเจ้าทำทุกอย่างเพื่อตัวเองชัดๆ แต่กลับเอาแต่พูดว่ามันเป็นหวังดีกับข้า ช่างเสแสร้งจนทำให้คนอื่นรู้สึกคลื่นไส้"

จ้านเป่ยว่างกังวลใจขึ้นมา "ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น อย่าเข้าใจข้าผิด"

แต่ยี่ฝางกลับเยาะเย้ยและส่ายหัว "ชอบเล่นตัวจริงๆ แม้แต่ถึงบัดนี้แล้วยังคงรักษาใบหน้าของสตรีผู้สูงศักดิ์อยู่ น่ารังเกียจเอาซะ เดิมทีข้าอยากจะบอกเจ้าให้ชัดเจน แต่ไม่รู้ว่าเจ้าคิดลึกซึ้งเช่นนี้ ชอบคิดไปเรื่อย ดูเหมือนเรากำลังวางแผนอะไรต่อต้านเจ้าอยู่เลย เราแค่คิดห่วงใยเจ้า หากหย่ากัน เจ้าก็กลายเป็นผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้ง ชีวิตที่เจ้าใช้อยู่ในข้างนอกย่อมไม่ได้ดีเท่าอยู่ในจวนแม่ทัพ ทำไมต้องทรมานตัวเองเช่นนี้ และหาเรื่องใส่ตัวเองเล่า ในเมื่อเจ้าไม่ซาบซึ้งในความมีน้ำใจของข้า ข้าจะไม่พูดอีก แล้วแต่ที่เจ้าต้องการ ข้า ยี่ฝางมีใจให้เขา ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ข้าพูดตรงๆ จะมีใครอยากว่าหรืออยากด่าข้า ข้าก็ยอมรับหมด"

ซ่งซีซีกล่าวว่า "ในเมื่อเจ้าไม่กลัวคำวิจารณ์จากบุคคลภายนอก ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมาที่นี่"

ยี่ฝางก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่ตรงหน้านาง ก่อนพูดอย่างเย็นชา "ข้าเกรงว่าบางคนอ้างว่าจะหย่า กลับแสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าคนนอก เพื่อขัดขวางการแต่งงานของข้ากับเป่ยว่าง เราใช้ความสำเร็จของตัวเองเพื่อแลกกับการสมรสนี้ จะยอมให้เจ้ามาทำลายได้ยังไง"

ซ่งซีซีส่ายหัวโดยคิดว่ามันน่าขำสิ้นดี "พวกเจ้าไปเถอะ การพูดคุยแบบนี้มีแต่เสียน้ำลายไปเปล่าๆ พวกเจ้าเป็นแม่ทัพที่รับใช้กับบ้านเมือง ข้าไม่อยากพูดคำหยาบคายกับพวกเจ้าจริงๆ"

ท่านพ่อและท่านพี่ชายของนางต่างเป็นทหาร และเสียชีวิตในสนามรบไปหมด แม่ทัพที่ปกป้องบ้านเมืองนั้นมีสถานะสูงสุดในใจนาง นางไม่อยากพัวพันกับพวกเขาจนพูดอะไรไม่น่าฟังออกมา

"เป่าจู่ ส่งแขก!" นางตะโกน จากนั้นหลับตาลงเพื่อปกปิดความเย็นชาในดวงตาของนาง

เป่าจูที่ยืนอยู่ข้างนอกไม่สามารถทนฟังอีกต่อไป ทันทีที่คุณหนูเรียกนาง นางก็เข้ามาทันที และพูดอย่างเย็นชา "แม่ทัพสองท่าน ที่พวกท่านมีใจให้กันและกันมันเป็นเรื่องของพวกท่าน อย่ามารังแกคุณหนูของข้าน้อยอีกเลย แล้วก็อย่าเอาความสำเร็จของพวกท่านมาบีบบังคับคุณหนูของข้าน้อยเลยเจ้าคะ"

"ช่างบังอาจจัง!" ยี่ฝางตะโกนด้วยความโกรธ "สาวใช้ผู้ต่ำต้อยกล้าพูดหยาบคายกับข้าเช่นี้เหรอ?"
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (7)
goodnovel comment avatar
Kantitat
มีแต่คนติ จะติอะไรเยอะแยะ คำง่าย ๆ ที่พิมพ์ผิด ก็คาดเดาเองก็ได้มั้ง ไม่ได้ยาก
goodnovel comment avatar
Kantitat
นางเอกแซ่บมากเว่อออ สนุกมาก หยุดอ่านไม่ได้เลย
goodnovel comment avatar
Kantitat
เออ เอาซี้ // เรื่องนี้น่าเอามาทำซีรี่ย์จัง คงสนุกน่าดู
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 12

    เป่าจู้รู้สึกปวดใจที่คุณหนูของตัวเองถูกรังแกเช่นนี้ คำบางคำที่คุณหนูต้องเห็นถึงกาลเทศะเลยไม่สามรถพูดได้ แต่นางเป็นสาวรับใช้ที่หยาบคาย นางไม่กลัว ดวงตาของนางแดงก่ำ "ข้อน้อยเป็นแค่สาวใช้ผู้ต่ำต้อย ยังรู้อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ท่านเป็นถึงแม่ทัพหญิงในราชสำนัก แต่กลับไปคบชู้กับสามีคนอื่นในสนามรบ และตอนนี้กลับอาศัยความสำเร็จมารังแกคุณหนูของข้าโ... ""เพี๊ยะ!"การตบอย่างเสียงดังลงบนใบหน้าของเป่าจูจ้านเป่ยว่างตบเป่าจูอย่างแรงด้วยความโกรธ จากนั้นจ้องมองไปที่ซ่งซีซีด้วยความเย็นชา "นี่ก็คือสาวใช้ที่เจ้าสอนมาหรือ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเลย"ซ่งซีซีรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปพยุงเป่าจูก่อน เมื่อเห็นแก้มของนางบวมทันที ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจ้านเป่ยว่างออกแรงไปมากแค่ไหนนางหันกลับมาและดวงตาของนางก็เย็นชา จากนั้นนางก็ตบหน้าจ้านเป่ยว่างฉาดหนึ่ง "คนของข้า จะยอมให้เจ้าทุบตีอย่างตามใจเลยเหรอ"จ้านเป่ยว่างไม่คาดคิดว่านางจะตบเขาเพื่อสาวใช้คนหนึ่ง หน้าของผู้ชายจะโดนผู้หญิงตบแบบง่ายๆ ได้ยังไงกัน โดยเฉพาะต่อหน้ายี่ฝางแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อสู้กลับ ดังนั้นเขาจึงได้แต่จ้องเขม็งไปที่ซ่งซีซีอย่างเย็นชา และจากไปพร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 13

    เมื่อจ้านเป่ยว่างเห็นว่าทุกคนลำบากใจเช่นนี้ เลยหยิบรายการสินสอดขึ้นมาดู หลังจากอ่านแล้ว เขาจึงถามป้ารองว่า "แค่นี้มีปัญหาอะไรหรือ เงินสดหนึ่งหมื่นตำลึง กำไลทองสองคู่ กำไลหยกสองคู่ เครื่องประดับบนหัวสองอัน ผ้าทอชั้นดีห้าสิบชิ้น แค่นี้นี่เอง ส่วนอื่นๆ เป็นของเล็กน้อย ไม่ได้เยอะนี่""ไม่ได้เยอะเหรอ?" ฮูหยินผู้เฒ่ารองหัวเราะเยาะ "น่าเสียดายบัดนี้บัญชีของจวนแม้แต่เงินหนึ่งพันตำลึงก็ให้ไม่ได้เลย"จ้านเป่ยว่างประหลาดใจ "เป็นไปได้ยังไง? ใครเป็นผู้รับผิดชอบบัญชี? มันขาดทุนหรือเปล่า?""ข้ารับผิดชอบบัญชี!" ซ่งซีซีพูดเรียบๆ"เจ้าเป็นคนดูแลบัญชี แล้วเงินล่ะ?" จ้านเป่ยว่างถาม"ใช่สิ แล้วเงินล่ะ" ฮูหยินผู้เฒ่ารองยิ้มเยาะ "เจ้าคิดว่าจวนแม่ทัพของเราเป็นตระกูลใหญ่โตหรือไง จวนแม่ทัพหลังนี้ เป็นท่านย่าของเจ้าที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด จักรพรรดิองค์ก่อนทรงมอบให้ เงินเดือนประจำปีของท่านพ่อเจ้ารวมกับท่านอาเจ้า ไม่ถึงสองพันตำลึงเลย ส่วนเจ้า เป็นแม่ทัพแค่ขั้นสี่ จะมากกว่าท่านพ่อของเจ้าหรือ""แล้วทรัพย์สินที่ท่านปู่ทิ้งไว้ล่ะ ยังไงมันต้องทำกำไรไว้ ไม่มากก็น้อยสินะ?" จ้านเป่ยว่างกล่าวฮูหยินผู้เฒ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 14

    ฮูหยินผู้เฒ่าชะงัก ยืมเหรอ?ทว่าเมื่อกี้นางเองก็บอกว่ายืม รอที่จวนมีเงินแล้วก็คืนนาง ที่ซ่งซีซีพูดแบบทำให้นางไม่สามารถโต้แย้งได้เพียงแต่ นางยังคงบ่นอยู่ในใจว่า ซ่งซีซีเป็นคนไม่รู้ความจริงๆ กลับคิดเล็กคิดน้อยกับสามีตัวเอง ครอบครัวของพ่อแม่นางก็ตายหมดแล้ว เงินไม่ใช้กับจวนแม่ทัพ แล้วจะใช้ที่ไหนได้อีก?จ้านเป่ยว่างส่ายหัว "ข้าจะคิดหาทางออกเอง ไม่จำเป็นต้องยืมของเจ้า"หลังจากพูดแล้วเขาก็หันหลังกลับและออกไปทุกคนในห้องต่างมองไปที่ซ่งซีซี ซ่งซีซีคารวะทีหนึ่ง "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอกลับไปก่อนนะ""เดี๋ยวก่อนซีซี!" ฮูหยินผู้เฒ่าทำหน้าบึ้งตึง ตอนนี้นางโกรธขึ้นมา และไม่ไอหรืออ่อนแรงอีก เพราะเมื่อวานนางเพิ่งกินยาหมอมหัศจรรย์ดันไปหนึ่งเม็ดซ่งซีซีมองดูนาง "ท่านมีคำสั่งอะไรอีกหรือ"ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างจริงจัง "ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าวังเพื่อขอร้องฝ่าบาทมา แต่มันไม่เหมาะเลยที่เจ้าทำเช่นนั้น ยี่ฝางแต่งเข้ามา หากต่อไปได้สร้างผลงานให้บ้านเมืองอีก มันสร้างชื่อเสียงให้ลูกหลานของจวนแม่ทัพนะ เจ้าก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย หากสร้างผลงานมากมาย เจ้าก็อาจรับยศไป มันก็เป็นบุญคุณของเจ้า"ซ่งซีซีไม่ได้ปฏิเสธ "ท่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 15

    ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อว่าหมอมหัศจรรย์ดันจะไม่มา เพราะเมื่อวานเขายังมาส่งยาด้วย และให้คำกำชับเกี่ยวกับอาการของนาง จากนั้นนางรีบส่งคนไปที่ร้านขายยาของเขาทันทีเพื่อเชิญหมอมหัศจรรย์ดันมา แต่หมอมหัศจรรย์ดันไม่แม้แต่ออกมาพบหน้าเลย แค่ให้หมอแระจำร้านให้คำตอบแทนคำตอบนั้นพ่อบ้านบอกฮูหยินผู้เฒ่าทุกคำ เกือบทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาสิ่งที่หมอประจำร้านพูดนั้นเป็นคำพูดของหมอมหัศจรรย์ดัน "ต่อไปม่ต้องมามาเลย สิ่งที่จวนแม่ทัพทำนั้นช่างทำให้คนเรารู้สึกเสียใจมาก หากรักษาโรคให้บุคคลไร้ศีลธรรมเช่นนี้ ข้ากลัวสร้างกรรมเอาไว้ ข้ายังไม่อยากตาย"ฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยความโกรธ "ต้องเป็นนางที่ไม่ให้หมอมหัศจรรย์ดันมารักษาข้า ข้าไม่ได้คาดคิดว่านางจะใจร้ายขนาดนี้ ตอนที่รับนางเป็นลูกสะใภ้ยังคิดว่านางจะมีน้ำใจและอ่อนโยน ตั้งหนึ่งปีแล้วก็มองไม่ออกเลยนางจะเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้ นางจงใจทำร้ายข้า หากไม่มียาของหมอมหัศจรรย์ดัน งั้นเท่ากับต้องให้ข้าตายสิ"จ้านจี้ยังคงเงียบอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สบอารมณ์อยู่ รู้สึกว่าลูกสะใภ้คนนี้ไม่ได้เชื่อฟังเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเขาคิดว่านางแค่ขี้น้อยใจ พอโกรธไปสักหน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 16

    จ้านเป่ยว่างไปหาเพื่อนข้างนอกมารอบหนึ่ง เพื่อขอยืมเงินกับคนรู้จักกันแต่จำนวนเงินที่ยืมไปมีเพียงหนึ่งพันตำลึง ซึ่งต่างจากหนึ่งหมื่นกว่าตำลึงที่ต้องใช้กับเงินหมั้นสินสอดและงานเลี้ยงมากมายแน่นอนว่าหากเขายอมแบกหน้าไปขอยืมเงินจากตระกูลขุนนาง ยืมสักสองสามหมื่นย่อมไม่มีปัญหา เพราะถึงยังไงเขาเพิ่งเอาชนะศึก เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ทุกคนต่างอยากจะไปประจบประแจงเขาแต่เขาไม่สามารถแบกหน้าไปหาได้การยืมเงินเป็นเรื่องน่าอายและอ่อนไหวอยู่แล้ว แล้วเขาจะหน้าได้ยังไงล่ะ?หลังจากคิดไปคิดมา เขาก็รู้สึกว่าเป็นการดีกว่าที่จะยืมเงินจากซ่งซีซี อับอายต่อหน้านางยังดีกว่าต้องอับอายต่อหน้าคนอื่นระหว่างทางกลับบ้าน เขาเห็นน้องชายสามขี่ม้ามาหาเขา ก่อนที่เขาจะถาม จ้านเป่ยเซินก็พูดว่า "พี่รอง ท่านรีบกลับบ้านเร็วเข้า ท่านแม่ถูกพี่สะใภ้รองยั่วโมโหแทบไม่ไหวแล้ว"เมื่อได้ยินว่าเป็นซ่งซีซีอีกแล้ว เขาก็พูดอย่างน่ารำคาญว่า "นางเป็นอะไรอีก"จ้านเป่ยเซินกล่าวว่า "นางให้หมอมหัศจรรย์ดันหย่ามารักษาให้ท่านแม่อีก"จ้านเป่ยว่างยังคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนเชียว ที่แท้เป็นแค่เรื่องรักษาโรคของท่านแม่เอง "มีหมอมากมายในเมืองห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 17

    จ้านเป่ยว่างหายใจเข้าลึกๆ และมองนางด้วยความไม่อยากเชื่อนางอยากไปจริงๆ หรือนางใช้สิ่งนี้เพื่อบังคับเขา? แต่เขาจะไม่หย่าเด็ดขาด เมื่อเขาหย่ากับนาง คำด่าทอของคนภายนอกจะด่าเขากับยี่ฝางจมไม่อาจจะลืมตาอ้าปากได้อีกเลยนอกจากนี้ ผู้คนในกองทัพจะเห็นว่าพวกเขาเป็นคนไม่มีความ ละอายใจ ทุกคนต่างยกย่องท่านโหวเป็นวีรบุรุษ เขาไม่สามารถสูญเสียขวัญกำลังใจทางทหารของเขาได้"ซ่งซีซี ข้าจะไม่หย่ากับเจ้า" เขารู้สึกรำคาญและเป็นทุกข์ด้วย "ข้าจะไม่หย่ากับเจ้า และไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่ดีเช่นกัน ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่สร้างปัญหามากมายอะไรอีก โดยเฉพาะครั้งนี้ที่เจ้าขู่ข้าด้วยอาการป่วยของท่านแม่เจ้าไม่คิดว่าตัวเองเลวทรามเกินไปหรือ เจ้ามีคำขออะไร มีความไม่พอใจอะไร ระบายความโกรธกับข้าได้ อย่าทรมานท่านแม่ เจ้าทำแบบนี้คืออกตัญญู ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มันจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของเจ้า"ใบหน้าของซ่งซีซีเย็นชามาก "คือเจ้าจะไม่หย่ากับข้า หรือเจ้าไม่กล้าที่จะหย่ากับข้า? การหย่ากับข้า สำหรับเจ้าแล้วมีแต่เสียกับเสีย ไม่เพียงแต่โดนคนอื่นด่าทอว่าเจ้าเป็นคนใจร้ายและโหดเหี้ยม กลัวที่จะสูญเสียการสนับสนุนจากลูกน้องเก่าของท่านพ่อข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 18

    "ถุ้ย!" เป่าจูแสดงท่าทีรังเกียจ "เงินหมั้นหนึ่งหมื่นตำลึง คิดซะว่าจวนแม่ทัพเป็นตระกูลที่ร่ำรวยจริงๆ เหรอ เมื่อคุณหนูแต่งเข้ามา ฮูหยิงก็แค่รับเงินไปไม่กี่พันตำลึงเอง เราเสียเปรียบเลย"ซ่งซีซีพูดอย่างน่าสงสาร "ใช่สิ ข้าขายถูกมา"เป่าจูก็เริ่มหัวเราะด้วย แต่ไม่นานนนักนางก็น้ำตาไหล ตอนที่คุณหนูของนางแต่งเข้ามาต้องทนทุกข์มากแค่ไหน ฮูหยิงก็เห็นความสำคัญกับคำสัญญากับจ้านเป่ยว่างจริงๆ โดยบอกว่าจะไม่รับอนุภรรยาเด็ดขาด กลับเป็นคำโกหกล้วนๆ ทำร้ายคุณหนูของนางไปตลอดชีวิตเลยนางปาดน้ำตาแล้วออกไปหยิบแกงเม็ดบัวและรังนกมาให้ และตามหาแม่นมคนอื่นๆ เข้ามากินด้วยเรื่องการพระราชทานหย่าโดยสันติภาพที่สั่งจากฮ่องเต้นั้นยังเป็นความลับอยู่ แน่นอนว่า ผู้คนที่มาจากครอบครัวพ่อแม่ของนางเองล้วนเชื่อถือได้และภักดี พวกเขารู้เรื่องมันไม่เป็นไร เพราะพวกเขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้าสิ่งเดียวที่นางกังวลตอนนี้คือฮ่องเต้ไม่อนุญาติได้ให้ทั้งสองหย่าโดยสันติภาพ การถูกฝ่ายชายขอหย่าถือว่าถูกทอดทิ้งกับหย่าโดยสันติภาพมันมีความแตกต่างมากผู้หญิงที่ฝ่ายชายทอดทิ้งนั้นจะเอาสินเดิมกลับคืนไม่ได้ตามหลักแล้ว แค่ออกพระราชโองการเท่านั้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 19

    หลังจากมอบอำนาจในการบริหารครอบครัวแล้ว ซ่งซีซีก็ปิดประตูเรือนไม่ออกไปไหนอีกเลยนางไม่พบใครนอกจากคนติดตามที่มาจากครอบครัวพ่อแม่ของนาง แม้แต่ข้าวที่กินก็ทำจากห้องครัวเรือนเหวินซีอีกด้วย แม่นมเหลียงและแม่นมฮวงไปซื้อผักเองและปรุงเองหลังจากที่ซ่งซีซีเรียกทุกคนกลับมาแล้ว ทั้งจวนแม่ทัพก็ยุ่งวุ่นวายไปหมดนางหมินทำได้เพียงให้พ่อบ้านจัดคนที่มีความสามารถให้มาทำหน้าที่ตำแหน่งของแม่นมฮวงแทน แล้วทำงานตามที่พวกนางเคยทำก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตาม ใกล้จะจัดงานแต่ง กำลังคนย่อมไม่เพียงพอในตอนนี้ และคนที่ซ่งซีซีซื้อหลังจากที่นางแต่งเข้ามาก็ถูกส่งตัวกลับโดยพวกแม่นมฮวง ดังนั้นตอนนี้แม้แต่คนรับใช้ในแต่ละเรือนก็ไม่เพียงพอนางหมินรายงานเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่า ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนจับหน้าผาก "ข้าไม่คิดว่านางจะใจแข็งขนาดนี้ ข้ามีตาไร้แววจริงๆ อุตส่าห์ที่ข้าปฏิบัติต่อนางอย่างดีในอดีต และไม่เคยสั่งสอนนางแม้แต่ครั้งเดียว"เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางหมินก็ไม่ได้รู้สึกไม่ยุติธรรมอะไรนางเคยโดนสั่งสอนให้ปฏิบัติตามกฎเมื่อนางเพิ่งเข้ามาใหม่ แต่นางก็แตกต่างจากซ่งซีซี ซ่งซีซีแต่งงานด้วยความทรัพย์สินสมบัติมากมาย และ

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1584

    ฤดูหนาวอันเหน็บหนาว หิมะโปรยปราย ชายแดนเฉิงหลิงถูกขังไว้ด้วยสีขาวโพลน ราวกับทั้งโลกใบนี้บริสุทธิ์หมดจดตลอดหลายปีมานี้ ข้าสวมจีวรเก่าเก็บ ถือบาตรออกเดินทาง บิณฑบาตตามหนทาง พบวัดใดก็ขออาศัยค้างแรมสองคืน กราบพระไถ่บาปแท้จริงแล้ว ข้าสามารถพำนักอยู่ในวัดเดิมตลอดไป แม้ไม่เรียกว่าสุขสบาย แต่ก็ไม่ต้องทนลำบากหนาวเหน็บหิวโหยเช่นนี้ทว่าข้ารู้ดี หากยังอยู่ในสถานที่อบอุ่นเช่นนั้น ชาตินี้ข้าย่อมลบล้างบาปของตนไม่หมดสิ้นมีเพียงการอยู่บนหนทางเสมอ รับทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง ใจของข้าถึงจะสงบข้ามาถึงชายแดนเฉิงหลิง รองเท้าหญ้าฟางของข้าขาดนานแล้ว ฝ่าเท้ามีแต่ตาปลาหนานหนา แม้ไม่สวมรองเท้า ข้าก็ยังเดินบนถนนที่เต็มไปด้วยกรวดหินได้แม้จะสวมเสื้อผ้าทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว ก็ยังไม่อาจต้านทานความหนาวเหน็บได้ทว่าข้าก็คุ้นชินแล้ว คนชั่วมักอายุยืน ข้าเองก็ตายไม่ลงเช่นกันชายแดนเฉิงหลิงมีวัดแห่งหนึ่งนามว่าวัดกั่นเอิน ข้าเดินต้านลมและหิมะมุ่งหน้าไปเพียงแต่ตลอดหลายปีมานี้ ข้าไม่เคยหยุดเดิน ความอ่อนล้าแทรกซึมถึงกระดูก ลมและหิมะทำให้โรคกำเริบหนัก อีกทั้งข้าหิวโหยไม่ได้กินอะไรมาสองวัน สุดท้ายก็เป็นลมล้มลงบนท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1583

    เมื่อคราวล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิ เสด็จพี่ใหญ่ถูกเสด็จพ่อกริ้วตำหนิ เมื่อกลับมาก็ล้มป่วยไปพักหนึ่งเวลานั้นข้ากับพี่รุ่ยเอ่อร์ต่างกังวลเป็นอย่างยิ่ง ตรงกันข้าม เสด็จแม่กลับดีพระทัยนัก ตรัสว่าครานี้ผ่านไป เสด็จพ่อต้องเบื่อหน่ายในตัวเสด็จพี่ใหญ่แน่พระนางอุ้มข้าไว้ในอ้อมแขน กำชับข้าให้ขยันหมั่นเพียร ตั้งใจฟังคำของไทฟู่และเสด็จอา ต้องเรียนรู้ให้เหนือกว่าผู้อื่นทั้งหมด ต้องได้รับคำชมจากไทฟู่และเสด็จอา จึงจะกดเสด็จพี่ใหญ่ให้ต่ำลงได้ในใจข้านั้นสับสนยิ่งนัก แม้เสด็จแม่จะพร่ำบอกถึงข้อดีของการเป็นองค์รัชทายาทและฮ่องเต้ ข้าก็รู้สึกหวั่นไหว ทว่าเรื่องนั้นก็ยังเลือนลางนักเวลานี้ข้าสนิทสนมกับเสด็จพี่ใหญ่ พี่รุ่ยเอ่อร์ และน้องสามยิ่งนัก ข้าไม่อาจเกลียดเสด็จพี่ใหญ่ลงเลยอยู่แต่ละวันด้วยความขัดแย้งเช่นนั้น กลับทำให้การเรียนรู้ของข้ายิ่งย่ำแย่ ยามฝึกขี่ม้าก็พลาดพลั้งอยู่บ่อยครั้งน่าแปลกนัก เสด็จแม่กลับไม่ตำหนิข้า ยังทรงอนุญาตให้ข้าขี้เกียจไปอีกหลายวัน และในช่วงนั้นพระนางก็มักพาข้าไปเยี่ยมฟูเหนียงเหนียง ในตำหนักของพระนางฝู มักจะพบกับเสด็จพ่อเสมอเพียงไปอยู่ไม่กี่วัน เสด็จแม่ก็นิ่งตึง ตรัสว่าจะไม่ไป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1582

    ก่อนที่ข้าจะออกบวช ข้ามีนามว่าเซี่ยฟ่านตั้งแต่เล็ก ข้ามักได้ยินผู้คนกล่าวถึงข้าว่าเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ปราดเปรื่องยิ่งนัก เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่โอรสทั้งสามพระองค์ได้ฟังคำกล่าวเช่นนี้บ่อยครั้ง ข้าก็เริ่มเชื่อเสียเอง และบางครั้งยังรู้สึกภาคภูมิใจแต่ทุกครั้งที่ข้ารู้สึกปลาบปลื้มในคำสรรเสริญเหล่านั้น เสด็จแม่ก็จะดึงข้าลงจากฟ้าในบัดดล พระนางจะทอดพระเนตรมาที่ข้า ดวงเนตรเต็มไปด้วยความเวทนาและความรู้สึกสลับซับซ้อน แล้วทอดถอนพระทัยตรัสว่า “น่าเสียดายนักที่เจ้ามาเกิดในครรภ์ของแม่ ถูกเจ้าคนโง่นั่นกดไว้เสียหนึ่งช่วงตัว เจ้านั่นแค่ดวงดีเท่านั้น”เจ้าคนโง่นั่น ข้าก็ได้ยินเสด็จแม่เรียกอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็กเสด็จแม่ไม่เคยตรัสเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่น มีเพียงยามอยู่ตามลำพังกับข้าเท่านั้นเมื่อยังเยาว์ ข้ารู้สึกประหลาดใจนัก เสด็จแม่ชัดเจนว่าส่งเสริมให้เกลียดเสด็จพี่ใหญ่ ทว่าเวลาที่พบเสด็จพี่ใหญ่ พระนางกลับแสดงสายตาอ่อนโยนเปี่ยมเมตตา ตรัสคำชมเชยกับเขามากมาย ทั้งที่เขาออกจะโง่เขลา แต่ยังตรัสว่าเขาฉลาดข้าไม่เข้าใจ จึงแอบไปถามชิงหลันกูกู ชิงหลันกูกูก็เพียงทอดถอนใจ ลูบศีรษะข้าแล้วกล่าวว่า “องค์ชา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1581

    เพื่อนรักวัยเยาว์ทั้งสอง ต่างก็มุ่งมั่นสุดกำลังในเส้นทางของตน ซิวเช่อเริ่มต้นจากการเรียนรู้เรื่องสมุนไพร จากสมุนไพรสู่แพทย์ นั่นกลายเป็นที่พึ่งพิงทั้งชีวิตของเขาในสำนักเทพโอสถ แต่เดิม เขาใช้มันเป็นที่พึ่ง เพราะรู้ดีว่าตนไม่อาจลงเขาไปเปิดสถานรักษา รักษาผู้คนได้จริง กระทั่งซ่งรุ่ยมาเยือน และทิ้งท้ายด้วยจดหมายฉบับหนึ่ง ทำให้เขาเริ่มมีความหวังว่าจะได้ลงเขาอีกครั้ง นับแต่นั้น เขาจึงยิ่งทุ่มเทฝึกฝนไม่พักไม่ผ่อน เขาผ่านความเจ็บปวดแสนสาหัส จึงเน้นศึกษาการรักษาอาการบาดเจ็บและอาการเจ็บปวดโดยเฉพาะ แน่นอนว่า การแพทย์คือศาสตร์ที่ต้องรู้รอบด้าน เขาจึงไม่ละเลยสาขาอื่น ในใจเขามีเปลวไฟดวงหนึ่ง เป็นเปลวไฟที่ไม่เคยลุกโชนเลยในหลายปีที่ผ่านมา นับแต่วันที่ถูกส่งมายังสำนักเทพโอสถ เขารู้ตัวดีว่า แม้จะมีชีวิตรอด แต่ชีวิตนี้ก็คงมีเพียงเท่านี้ ทว่าบัดนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขามีโอกาสเปลี่ยนตัวตน เปลี่ยนใบหน้า นำสิ่งที่เรียนรู้ติดตัวลงจากเขาไป เขาจะเป็นคนที่มีประโยชน์ เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตในแสงตะวัน ไม่ใช่เต่าที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลือก เขาตื่นเต้นถึงขั้นหลายคืนติดกันขลุกอยู่ในโรงปรุงยา ทั้งกินทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1580

    "เซี่ยจิ้งเหยียน ปากเจ้าหยุดได้บ้างหรือไม่?" ซ่งซีซีขมวดคิ้ว มองดูบุตรสาวที่กำลังพันแข้งพันขาพี่รุ่ยเอ่อร์ด้วยคำถามไม่หยุดไม่หย่อนใบหน้าเล็กๆ แดงจัดจากแดด เผ้าผมยุ่งเหยิงราวกับรังนก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านมานับแต่พี่รุ่ยเอ่อร์กลับจากการเดินทาง เข้าประตูมา เด็กน้อยก็ไม่หยุดเจื้อยแจ้ว ถามเรื่องสนุกต่างๆ ที่พี่ชายพบเจอระหว่างท่องเที่ยว"เสด็จแม่เจ้าคะ" เซี่ยจิ้งเหยียนเบิกตากลมโต มองมาด้วยท่าทีใสซื่อไร้เดียงสา ใบหน้าราวกับเก็บเอาส่วนดีจากทั้งบิดาและมารดามาไว้ครบถ้วน "ข้ามิได้พบพี่รุ่ยเอ่อร์มานาน วันเดียวไม่ได้เจอ เหมือนห่างกันสามปี นี่ไม่รู้เลยว่าห่างกันมากี่เดือนกี่ปีแล้ว ข้าย่อมมีเรื่องมากมายต้องพูดกับพี่เขาเจ้าค่ะ""วันเดียวไม่เจอเหมือนห่างกันสามปี ใครสอนเจ้าพูดเช่นนี้?" ซ่งซีซีขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิมเซี่ยจิ้งเหยียนตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ "อาจารย์ลุงหวังพูดกับท่านน้าเสิ่นอย่างนี้ ตอนก่อนเขากลับไปเขาเหม่ยซานไม่กี่วัน พอกลับมาก็กอดท่านน้าเสิ่นแล้วพูดประโยคนี้ล่ะเจ้าค่ะ"เสิ่นว่านจือรีบก้มหน้าลงทันที หลบเลี่ยงสายตาคมกริบดั่งมีดของซ่งซีซี ใครจะรู้เล่าว่าตอนนั้นจิ้งเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1579

    การออกจากเมืองครั้งนี้ของซ่งรุ่ย เขาแจ้งกับฮ่องเต้ว่าออกไปท่องเที่ยว แต่เขามิได้อยู่ที่สำนักเทพโอสถนานนัก เพียงเจ็ดวันก็ออกเดินทางต่อ แล้วมุ่งหน้าไปยังสถาบันว่านซงเหมินแต่เดิมตั้งใจจะกลับเมืองหลวงไปหาท่านอาหงเซียว ทว่าคิดไปคิดมา สู้ไปหาศิษย์อาผิงหวูจูงโดยตรงดีกว่า ขอให้นางเป็นผู้สอนวิชาแปลงโฉมด้วยตนเอง วิชาแปลงโฉมไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากต้องการให้ถึงขั้นแยบยล แปลงแล้วไร้ผู้ใดมองออก เช่นนั้นก็ไม่อาจสำเร็จได้ในเวลาเดือนสองเดือน วิชาแปลงโฉมอย่างง่ายนั้น สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสริมอะไรเพิ่มเติมไปจากใบหน้าตนเอง จะเป็นการแต่งเติมหรือแต่งหน้าเท่านั้น แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา แม้แต่ฝนตกเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ความลับถูกเปิดเผย เพราะฉะนั้น ไม่อาจเรียนเพียงวิชาเบื้องต้นเช่นนี้ได้ อีกแขนงหนึ่งของวิชาแปลงโฉม คือการสร้าง “ใบหน้าเทียม” ขึ้นมา ทว่าใบหน้าเทียมทั่วไปนั้นมีความหนา อึดอัด หากสวมใส่นานจะทำร้ายผิวหน้าของผู้สวมใส่ อีกทั้งยังต้องใช้ยาพิเศษในการติดกับผิวหน้า พอถึงเวลาพักผ่อน จะต้องลอกออก ซึ่งอาจดึงเอาผิวหน้าเดิมติดออกมาด้วย ในสำนักหออวิ๋นอี้ แม้จะมีการใช้ใบหน้าเทีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1578

    ยามค่ำ ทั้งสองนั่งสนทนาใต้แสงเทียน เรื่องราวในราชสำนักไม่มีการเอ่ยถึงแม้แต่น้อย ซิวเช่อเพียงรู้ว่าแผ่นดินสงบสุขร่มเย็น เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว เขามิใช่องค์ชายใหญ่คนเดิมอีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องแบกรับ มีเพียงชีวิตของตน ส่วนอื่นนั้น ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว การเข้าไปเกี่ยวข้องกับราชสำนักนั้นเป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างยิ่ง ทางที่ดีคือต้องไม่เอ่ยถึงเลยจะปลอดภัยที่สุด เมื่อยังเยาว์ เขายังไม่เข้าใจนักว่าทำไมเขาถึง “ต้องตาย” จนกระทั่งท่านปรมาจารย์ดันค่อยๆ อธิบายให้เขาเข้าใจ รวมถึงอาจารย์ของเขาก็เคยพูดถึงผลได้ผลเสียเหล่านี้ให้ฟัง ระหว่างเขากับน้องสาม แม้จะไม่ไร้ซึ่งสายสัมพันธ์ฉันพี่น้อง ทว่า หากจะใช้ความสัมพันธ์นั้นไปเดิมพันกับชีวิต เดิมพันกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ก็มิใช่เรื่องดีสำหรับผู้ใดเลย เขาจึงยอมรับความจริง ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป และต้องมีชีวิตที่ดีในแต่ละวัน ยิ่งกว่าวันพรุ่งนี้ถึงจะไม่เสียเปล่าที่ได้เกิดมา ซ่งรุ่ยถามถึงขาของเขา “ตอนข้ามา ท่านอาบอกข้าว่า ขาของเจ้าลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงเดินได้บ้างเล่า?” ซิวเช่อตอบว่า “ปีที่เสด็จพ่อสวรรคต มีคนอยู่เพียงไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1577

    ดอกอาซาเลียของสำนักเทพโอสถ บานสะพรั่งไปทั่วทั้งเขา ภาพสีสันสดใสเหล่านี้ ช่างงดงามจนทำให้ผู้คนหลงใหล โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่เคยมาเยือนสำนักเทพโอสถ ต่างก็อยากจะปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดไป ทว่ากลับมีคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น เขาควบม้าจนถึงเชิงเขา พอผูกม้าไว้เรียบร้อยก็เดินเท้าขึ้นเขา สายตาของเขาจับอยู่เพียงหนทางข้างหน้า แม้ดอกอาซาเลียสีแดงจะชูช่อเข้ามาขวางทาง เขาก็เพียงใช้มือปัดออก เขาเดินเร็ว บางครายังใช้วิชาตัวเบาช่วย สำนักเทพโอสถนั้นแม้จะไม่สูงนัก แต่กลับซ่อนตัวได้แนบเนียน ทางขึ้นเขายังแยกย่อยมากมาย ทว่าเขาได้ดูแผนที่มาไม่น้อยกว่าพันครั้ง ขึ้นใจจนจำได้แม่นยำ ในวัยยี่สิบต้นๆ เขาได้รับสืบทอดตำแหน่ง ขณะนั้นท่านอาเล็กมอบของขวัญยิ่งใหญ่หลายสิ่ง และของขวัญที่ใหญ่ที่สุดก็คือแผนที่ฉบับนั้น พร้อมกับข่าวหนึ่งที่ทำให้เลือดทั้งตัวของเขาเดือดพล่าน ซิวเช่อ… ยังมีชีวิตอยู่ คืนนั้นเขาไม่ได้นอนแม้แต่น้อย ภาพในอดีตผุดขึ้นในหัวทีละฉาก ราวกับเป็นเรื่องราวชาติปางก่อน หลังรับตำแหน่ง ต้องเข้าวังถวายบังคม ไปไหว้บรรพชน และเยี่ยมเยือนขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดี ท่านอาเล็กอยากให้เขาใช้โอกาสนี้สร้างส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1576

    เซี่ยหลูโม่มองเสื้อคลุมนั้น “นี่ของข้านี่ เจ้าเห็นว่าข้าอ้วนหรือ? ข้ามิได้อ้วนนี่นา”“อ้อ ของเจ้าหรือ? งั้นก็ยาวเกินไปหน่อย เอาไว้ให้คนแก้ให้หน่อยแล้วกัน”เซี่ยหลูโม่ว่า “เจ้าจะใส่เสื้อหลวมๆ ก็ให้คนตัดใหม่ให้สิ ไฉนต้องเอาเสื้อตัวเก่าของข้ามาแก้ด้วยล่ะ? ใส่ก็ไม่สบาย”“ข้าจะกลับไปอยู่เขาเหม่ยซานหนึ่งปี พอได้สวมเสื้อของเจ้า ก็เหมือนเจ้าคอยอยู่ข้างกายข้ายังไงเล่า” ซ่งซีซียิ้มจนตาโค้ง ราวกับการจากกันหนึ่งปีในปากของนางนั้นเป็นแค่เพียงวันเดียว ดูไม่เป็นเรื่องสำคัญอันใดเลยแม้แต่น้อย“หนึ่งปี?” เซี่ยหลูโม่ถึงกับตกตะลึง “เจ้าจะกลับไปหนึ่งปีเชียวหรือ? ทำไมล่ะ?”“ก็แน่นอนว่าอาจารย์คิดถึงข้า แล้วข้าก็คิดถึงอาจารย์ด้วยสิ” ซ่งซีซีเท้าสะเอว แล้วยื่นเสื้อให้เป่าจูที่ยืนปิดปากหัวเราะอยู่ข้างๆ “แต่ไม่ใช่ว่าจะไปตอนนี้นะ รุ่ยเอ๋อร์กำลังจะรับตำแหน่งสืบทอดจวนกั๋วกง รอเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยกลับเขาเหม่ยซาน”“ทำไมต้องกลับไปนานขนาดนั้น?” เซี่ยหลูโม่รู้สึกว่าท่าทางยืนของนางแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เอาแต่ถามต่อซ่งซีซีลงนั่งอย่างไม่รีบร้อน “ข้าจะไปอยู่เขาเหม่ยซานหนึ่งปี แล้วจะอุ้มเด็กกลับมาคนหนึ่ง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status