Share

บทที่ 16

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
จ้านเป่ยว่างไปหาเพื่อนข้างนอกมารอบหนึ่ง เพื่อขอยืมเงินกับคนรู้จักกัน

แต่จำนวนเงินที่ยืมไปมีเพียงหนึ่งพันตำลึง ซึ่งต่างจากหนึ่งหมื่นกว่าตำลึงที่ต้องใช้กับเงินหมั้นสินสอดและงานเลี้ยงมากมาย

แน่นอนว่าหากเขายอมแบกหน้าไปขอยืมเงินจากตระกูลขุนนาง ยืมสักสองสามหมื่นย่อมไม่มีปัญหา เพราะถึงยังไงเขาเพิ่งเอาชนะศึก เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ทุกคนต่างอยากจะไปประจบประแจงเขา

แต่เขาไม่สามารถแบกหน้าไปหาได้

การยืมเงินเป็นเรื่องน่าอายและอ่อนไหวอยู่แล้ว แล้วเขาจะหน้าได้ยังไงล่ะ?

หลังจากคิดไปคิดมา เขาก็รู้สึกว่าเป็นการดีกว่าที่จะยืมเงินจากซ่งซีซี อับอายต่อหน้านางยังดีกว่าต้องอับอายต่อหน้าคนอื่น

ระหว่างทางกลับบ้าน เขาเห็นน้องชายสามขี่ม้ามาหาเขา ก่อนที่เขาจะถาม จ้านเป่ยเซินก็พูดว่า "พี่รอง ท่านรีบกลับบ้านเร็วเข้า ท่านแม่ถูกพี่สะใภ้รองยั่วโมโหแทบไม่ไหวแล้ว"

เมื่อได้ยินว่าเป็นซ่งซีซีอีกแล้ว เขาก็พูดอย่างน่ารำคาญว่า "นางเป็นอะไรอีก"

จ้านเป่ยเซินกล่าวว่า "นางให้หมอมหัศจรรย์ดันหย่ามารักษาให้ท่านแม่อีก"

จ้านเป่ยว่างยังคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนเชียว ที่แท้เป็นแค่เรื่องรักษาโรคของท่านแม่เอง "มีหมอมากมายในเมืองหลวง ถ้าหมอมหัศจรรย์ดันไม่มา ก็ไปหาหมออื่นสิ ถ้ายังไม่ได้อีกข้าจะไปตามหาหมอหลวงมา"

อย่างไรก็ตาม นี่แสดงให้เห็นว่านิสัยของซ่งซีซีนั้นแย่แค่ไหน กลับลงมือกับโรคของท่านแม่ นางเชี่ยวชาญในกลสกปรกเหล่านี้

นางไม่ได้ดีเท่ากับยี่ฝางจริงๆ ยี่ฝางเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอและจะไม่เล่นกลสกปรกลับหลังใคร

เมื่อจ้านเป่ยเซินได้ยินสิ่งที่เขาพูด เขาก็พูดอย่างกังวลใจว่า "มันไม่มีประโยชน์ ท่านแม่โรคกำเริบไม่นานหลังจากที่ท่านออกศึก ในเวลานั้น พี่สะใภ้รอตามหาหมอหลวงมาแล้ว เคยตามหาหมอหลวงมาหลายคนก็ไม่สามารถรักษาอาการของท่านแม่ได้ แต่กลับยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม ต่อมาได้ตามหาหมอมหัศจรรย์ดันมา กินยาแพงๆ ถึงรอดชีวิตมา และดีขึ้นเรื่อยๆ"

เมื่อจ้านเป่ยว่างได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ "เยี่ยมเลย นางต้องการใช้ชีวิตท่านแม่เพื่อบังคับข้า"

จ้านเป่ยเซินพยักหน้าซ้ำๆ "นั่นนะสิ นางเข้าวังเพื่อวิงวอนต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้ไม่ทรงเห็นพ้องที่จะเพิกถอนพระราชกฤษฎีกาสมรส ดังนั้นนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อบังคับให้ท่านยกเลิกการแต่งงานกับแม่ทัพยี่ฝาง ผู้หญิงคนนี้เลวทรามจริงๆ"

จ้านเป่ยว่างขี่ม้ากลับบ้านทันที และตรงไปยังเรือนเหวินซี

ในฐานะแม่ทัพ มีความแข็งแกร่งในด้านศิลปะการต่อสู้ ประตูของเรือนเหวินซีไม่สามารถหยุดเขาได้ ดังนั้น เขาจึงเตะเปิดประตูออกแล้วบุกรุกเข้าไปตรง

ซ่งซีซีกำลังกินแกงเม็ดบัว เป่าจูเป็นคนเก็บเม็ดบัวเอง และยังสดอยู่ ทำแกงให้นางเพื่อขจัดอาการร้อนใน

จ้านเป่ยว่างกวาดแกงเม็ดบัวที่อยู่ตรงหน้านางด้วยมือเดียว และชามสีขาวก็กระแทกพื้น

"ซ่งซีซี!" จ้านเป่ยว่างกัดฟัน "เจ้ายอมเลิกหรือไง? เจ้าจะโวยวายถึงเมื่อไร จะสร้างปัญหาให้เป็นแบบไหนอีก?"

"เป่าจู!" ซ่งซีซีมองดูชามที่แตกอยู่บนพื้น และแกงเม็ดบัวที่ปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยสีหน้าสงบ นางรู้สึกว่าความพยายามของเป่าจูสูญเปล่า "ทำความสะอาดชามที่แตกออก ข้าจะพูดคุยกับแม่ทัพสักหน่อย เจ้าไม่ต้องเข้ามา"

เป่าจูหยิบไม้กวาดกวาดชามที่แตะและแกงเม็ดบัวให้เรียบร้อยแล้วออกไป

ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมองจ้านเป่ยว่าง ซึ่งดวงตาของเขาลุกโชนด้วยความโกรธ "เรื่องหมอมหัศจรรย์ดันเหรอ?"

จ้านเป่ยว่างพูดอย่างเคร่งเครียด "เจ้ายังมีหน้าถามอีกเหรอ?"

ซ่งซีซียิ้ม ใบหน้าของนางสวยงานจนสะดุดตามาก "ทำไมข้าถึงไม่มีหน้ามาถามเล่า แต่เรื่องที่หมอมหัศจรรย์ดันไม่ยอมไปรักษาให้ท่านแม่เจ้า พวกเจ้าควรคิดทบทวนเองสักหน่อยว่าตัวเองไม่มีหน้าตาพอหรือเปล่า"

จ้านเป่ยว่างพูดอย่างเย็นชา "เสแส้รงอะไรกัน? เป็นเจ้าเองที่ไม่ยอมให้หมอมหัศจรรย์ดันมารักษาให้ท่านแม่ เจ้าอยากจะใช้สิ่งนี้เป็นตัวประกานในการบีบบังคับข้า ให้ข้าเลิกแต่งงานกับยี่ฝาง ช่างน่ารังเกียจ"

"ซ่งซีซี ข้าขอบอกเจ้า แม้ว่าข้าจะไม่แต่งงานกับยี่ฝาง ข้าก็จะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีแม้แต่นิด เจ้าทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจ และน่าขยะแขยง"

"ถ้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์และใจร้ายขนาดนี้ ข้าคงไม่แต่งงานกับเจ้าหรอก ข้าเสียใจจริงๆ เลย ข้าตาบอดในตอนนั้นจริงๆ"

ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นแล้วถามเขาว่า "แล้วทำไมเจ้าไม่หย่ากับภรรยาล่ะ"

จ้านเป่ยว่างไม่คิดว่าจู่ๆ นางจะพูดแบบนี้ "อะไรนะ"

ซ่งซีซียืนขึ้นและพูดทีละคำ "ข้าบอกว่า ในเมื่อเจ้าเกลียดข้ามาก ทำไมเจ้าไม่หย่ากับข้า ในเมื่อเจ้ารักยี่ฝาง อย่างสุดซึ้งและต้องการอยู่กับนาง งั้นข้าก็เป็นคนส่วนเกิน เจ้าเกลียดข้าด้วย ทำไมเจ้าไม่หย่ากับข้าเล่า"

"ข้า…" จ้านเป่ยว่างตกใจ หย่าเหรอ แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำเช่นนี้

ซ่งซีซีก้าวไปข้างหน้า ใบหน้าที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย "เพราะไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะหย่ากับข้าได้ใช่ไหม ข้าบอกให้นะ มีสิ ข้าขี้อิจฉา ข้าเป็นคนอกตัญญู ข้าไร้ความสามารถ ข้าใจร้าย ข้าขี้โต้แย้งผู้ใหญ่ ไม่ว่าด้วยข้อไหนก็มากเพียงพอที่เจ้าหย่ากับข้าได้"
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (51)
goodnovel comment avatar
Chayaporn Soawapawong
อ่านต่อ ต้องทำยังไง
goodnovel comment avatar
Atitan Srikul
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Prasit Limsukhawat
อยากอ่านต่อ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 17

    จ้านเป่ยว่างหายใจเข้าลึกๆ และมองนางด้วยความไม่อยากเชื่อนางอยากไปจริงๆ หรือนางใช้สิ่งนี้เพื่อบังคับเขา? แต่เขาจะไม่หย่าเด็ดขาด เมื่อเขาหย่ากับนาง คำด่าทอของคนภายนอกจะด่าเขากับยี่ฝางจมไม่อาจจะลืมตาอ้าปากได้อีกเลยนอกจากนี้ ผู้คนในกองทัพจะเห็นว่าพวกเขาเป็นคนไม่มีความ ละอายใจ ทุกคนต่างยกย่องท่านโหวเป็นวีรบุรุษ เขาไม่สามารถสูญเสียขวัญกำลังใจทางทหารของเขาได้"ซ่งซีซี ข้าจะไม่หย่ากับเจ้า" เขารู้สึกรำคาญและเป็นทุกข์ด้วย "ข้าจะไม่หย่ากับเจ้า และไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่ดีเช่นกัน ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่สร้างปัญหามากมายอะไรอีก โดยเฉพาะครั้งนี้ที่เจ้าขู่ข้าด้วยอาการป่วยของท่านแม่เจ้าไม่คิดว่าตัวเองเลวทรามเกินไปหรือ เจ้ามีคำขออะไร มีความไม่พอใจอะไร ระบายความโกรธกับข้าได้ อย่าทรมานท่านแม่ เจ้าทำแบบนี้คืออกตัญญู ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มันจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของเจ้า"ใบหน้าของซ่งซีซีเย็นชามาก "คือเจ้าจะไม่หย่ากับข้า หรือเจ้าไม่กล้าที่จะหย่ากับข้า? การหย่ากับข้า สำหรับเจ้าแล้วมีแต่เสียกับเสีย ไม่เพียงแต่โดนคนอื่นด่าทอว่าเจ้าเป็นคนใจร้ายและโหดเหี้ยม กลัวที่จะสูญเสียการสนับสนุนจากลูกน้องเก่าของท่านพ่อข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 18

    "ถุ้ย!" เป่าจูแสดงท่าทีรังเกียจ "เงินหมั้นหนึ่งหมื่นตำลึง คิดซะว่าจวนแม่ทัพเป็นตระกูลที่ร่ำรวยจริงๆ เหรอ เมื่อคุณหนูแต่งเข้ามา ฮูหยิงก็แค่รับเงินไปไม่กี่พันตำลึงเอง เราเสียเปรียบเลย"ซ่งซีซีพูดอย่างน่าสงสาร "ใช่สิ ข้าขายถูกมา"เป่าจูก็เริ่มหัวเราะด้วย แต่ไม่นานนนักนางก็น้ำตาไหล ตอนที่คุณหนูของนางแต่งเข้ามาต้องทนทุกข์มากแค่ไหน ฮูหยิงก็เห็นความสำคัญกับคำสัญญากับจ้านเป่ยว่างจริงๆ โดยบอกว่าจะไม่รับอนุภรรยาเด็ดขาด กลับเป็นคำโกหกล้วนๆ ทำร้ายคุณหนูของนางไปตลอดชีวิตเลยนางปาดน้ำตาแล้วออกไปหยิบแกงเม็ดบัวและรังนกมาให้ และตามหาแม่นมคนอื่นๆ เข้ามากินด้วยเรื่องการพระราชทานหย่าโดยสันติภาพที่สั่งจากฮ่องเต้นั้นยังเป็นความลับอยู่ แน่นอนว่า ผู้คนที่มาจากครอบครัวพ่อแม่ของนางเองล้วนเชื่อถือได้และภักดี พวกเขารู้เรื่องมันไม่เป็นไร เพราะพวกเขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้าสิ่งเดียวที่นางกังวลตอนนี้คือฮ่องเต้ไม่อนุญาติได้ให้ทั้งสองหย่าโดยสันติภาพ การถูกฝ่ายชายขอหย่าถือว่าถูกทอดทิ้งกับหย่าโดยสันติภาพมันมีความแตกต่างมากผู้หญิงที่ฝ่ายชายทอดทิ้งนั้นจะเอาสินเดิมกลับคืนไม่ได้ตามหลักแล้ว แค่ออกพระราชโองการเท่านั้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 19

    หลังจากมอบอำนาจในการบริหารครอบครัวแล้ว ซ่งซีซีก็ปิดประตูเรือนไม่ออกไปไหนอีกเลยนางไม่พบใครนอกจากคนติดตามที่มาจากครอบครัวพ่อแม่ของนาง แม้แต่ข้าวที่กินก็ทำจากห้องครัวเรือนเหวินซีอีกด้วย แม่นมเหลียงและแม่นมฮวงไปซื้อผักเองและปรุงเองหลังจากที่ซ่งซีซีเรียกทุกคนกลับมาแล้ว ทั้งจวนแม่ทัพก็ยุ่งวุ่นวายไปหมดนางหมินทำได้เพียงให้พ่อบ้านจัดคนที่มีความสามารถให้มาทำหน้าที่ตำแหน่งของแม่นมฮวงแทน แล้วทำงานตามที่พวกนางเคยทำก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตาม ใกล้จะจัดงานแต่ง กำลังคนย่อมไม่เพียงพอในตอนนี้ และคนที่ซ่งซีซีซื้อหลังจากที่นางแต่งเข้ามาก็ถูกส่งตัวกลับโดยพวกแม่นมฮวง ดังนั้นตอนนี้แม้แต่คนรับใช้ในแต่ละเรือนก็ไม่เพียงพอนางหมินรายงานเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่า ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนจับหน้าผาก "ข้าไม่คิดว่านางจะใจแข็งขนาดนี้ ข้ามีตาไร้แววจริงๆ อุตส่าห์ที่ข้าปฏิบัติต่อนางอย่างดีในอดีต และไม่เคยสั่งสอนนางแม้แต่ครั้งเดียว"เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางหมินก็ไม่ได้รู้สึกไม่ยุติธรรมอะไรนางเคยโดนสั่งสอนให้ปฏิบัติตามกฎเมื่อนางเพิ่งเข้ามาใหม่ แต่นางก็แตกต่างจากซ่งซีซี ซ่งซีซีแต่งงานด้วยความทรัพย์สินสมบัติมากมาย และ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 20

    ฮูหยินผู้เฒ่าโรคกำเริบทำให้ที่จวนวุ่นวายไปหมด สุดท้ายก็ต้องตามหาหมอหลวงมาช่วยรักษาอาการของนางให้คงที่ชั่วคราวหมอหลวงพูดกับจ้านเป่ยว่างว่า "ข้าเคยมารักษาให้ฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อน แต่ทักษะทางการแพทย์ของข้าไม่ดีเอง หมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวงในการรักษาโรคหัวใจคือหมอมหัศจรรย์ดัน และยาดันเสวี่ยของเขาเป็นยาที่ช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าได้ ยามนี้ข้าทำแต่แค่ช่วยควบคุมอาการของนางได้ เพราะนางทานยาดันเสวี่ยมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว และฤทธิ์ยายังอยู่ แต่หากต่อไปกำเริบอีก ข้าคงหมดหนทางแล้วขอรับ"หลังจากพูดอย่างนั้น หมอหลวงก็บอกลาและจากไปดวงตาของจ้านเป่ยว่างแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาไปเรียนเชิญหมอมหัศจรรย์ดันด้วยตัวเองในคืนนี้ แต่หมอมหัศจรรย์ดันไม่ยอมพบเขาเลยด้วยซ้ำเขารู้ว่าซ่งซีซีใช้สิ่งนี้เพื่อบังคับให้เขาเลิกแต่งงานกับยี่ฝาง วิธีนี้แย่มากและน่ารังเกียจจริงๆ ที่จะใช้ชีวิตของท่านแม่มาบีบเขาเขาเดินตรงไปที่เรือนเหวินซี แล้วเตะประตูให้เปิดออกซ่งซีซียังไม่ได้นอน และกำลังเขียนหนังสืออยู่ใต้ตะเกียง นางขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขามาด้วยความโกรธทั่วตัวเขา เห็นได้ชัดว่าเขามาเอาเรื่อง"แม่นม เป่าจู พวกเจ้าออกไปก่อน!""พ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 21

    แสงไฟในห้องของฮูหยินผู้เฒ่าเปิดอยู่ตลอดทั้งคืนเมื่อจ้านเป่ยว่างเสนอว่าจะหย่ากับภรรยา ท่านพ่อของเขาเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย "ถ้าเจ้าหย่ากับนาง ขุนนางตักเตือนจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้อย่างแน่นอน การทำเช่นนี้ก็เท่ากับทำลายอนาคตของเจ้าเองอย่างไม่ต้องสงสัย"พี่ชายคนโต จ้านเป่ยชิงยังกล่าวอีกว่า "น้องชายรอง ท่านพ่อพูดถูก เจ้าลองคิดดูสิว่ามีทหารในกองทัพตั้งเท่าไรที่เป็นลูกน้องเก่าของพ่อนาง? ที่เจ้าสามารถบรรลุความสำเร็จได้ในครั้งนี้เป็นเพราะมีพวกเขาที่ช่วยเหลือเจ้า หากเจ้าสูญเสียการสนับสนุนของพวกเขา เจ้าคงอยู่ไม่มั่นคงในกองทัพนะ""แต่ข้าทนไม่ไหวที่นางใช้ความปลอดภัยของท่านแม่มาคุกคามข้า!" ใบหน้าของจ้านเป่ยว่างเย็นชามากฮูหยินผู้เฒ่ามีสติกลับมาแล้ว แต่ความเจ็บปวดเมื่อกี้นี้ ทำให้นางเกลียดซ่งซีซีมาก ทันใดนั้นนางก็นึกถึงอะไรขึ้นมาจึงเงยหน้าขึ้นทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงหยาบว่า "หย่า หย่ากับนาง หากนางถูกเราไล่ออก สินเดิมก็หย่าคิดจะเอากลับเลย"จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "ข้าไม่คิดจะเอาสินเดิมของนาง!""ทำไมจะไม่เอาล่ะ ในเมื่อนางถูกไล่ออก สินเดิมย่อมจะตกเป็นของจวนแม่ทัพเรา" ฮูหยินผู้เฒ่าลูบหน้าอกของนาง เพราะย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 22

    จ้านเป่ยว่างรีบหยุดนางไว้ "ท่านแม่ ท่านฟังข้านะ สินเดิมของนางข้าไม่เอา"ฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยความโกรธ "เจ้านี่โง่มากจริงๆ ลูกโง่เอ๊ย นางรังแกเรา เจนเราตกอยู่ในสภาพแบบไหนแล้ว เจ้ายังใจอ่อนกับนาง นางต้องการชีวิตของแม่ของเจ้านะ!"จ้านเป่ยว่างตั้งใจแน่วแน่ว่า "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชายใหญ่ การยึดสินเดิมของนางมิใช่การกระทำของลูกผู้ชาย พรุ่งนี้ขอให้ท่านพ่อและพี่ชายใหญ่เชิญหัวหน้าทั้งสองตระกูลมา และแม่สื่อที่จะเป็นผู้จับคู่ในวันนั้นเพื่อเป็นพยานให้ ส่วนเพื่อบ้านต่างๆ ก็เรียกสักสองสามคนเพื่อทำตามขนบธรรมเนียมก็เท่านั้น""คนที่เป็นแม่สื่อของพวกเจ้า เป็นพระชายาอ๋องเยี่ยน" จ้านจี้ขมวดคิ้ว "พระชายาอ๋องเยี่ยนเป็นลูกพี่ลูกน้องของนางซ่งและเป็นน้าของซ่งซีซี"ฮูหยินผู้เฒ่าพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปเชิญนาง ไปหาแม่สื่อที่มาทำพิธีให้คนนั้น ข้าจำได้ว่าได้รับเชิญจากซีฟาง"พระชายาอ๋องเยี่ยนมีสุขภาพย่ำแย่ ดังนั้นจวนอ๋องเยี่ยนเลยมอบให้พระชายารองจัดการหมด แม้ว่าจวนแม่ทัพจะไม่เกรงกลัวพระชายาอ๋องเยี่ยนที่ไม่ได้ที่โปรดและไร้บุตรด้วย แต่ก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่สร้างปัญหากับราชวงศ์จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "ให

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 23

    ยี่ฝางครุ่นคิด โดยชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียในใจของตัวเองการหย่าร้างกับภรรยาย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดี ไม่ใช่ว่านางไม่ให้ความสำคัญกับฐานะภรรยาเอก แต่การหย่าในตอนนี้จะเป็นอุปสรรคต่ออนาคตของพวกเขาอนาคตของนางเองมีความสำคัญมากโดยธรรมชาติเพียงแต่ว่า คนนั้นคือซ่งซีซี เมื่อพบนางในวันนั้น และเห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของนาง ก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจมากนี่เป็นรูปลักษณ์ที่เหมือนนังจิ้งจอกซึ่งสามารถหลอกล่อผู้คนได้ง่ายเสมอ ไม่อน่ว่าจ้านเป่ยว่างจะตกหลุมรักนางอีกครั้งในอนาคตหลังจากที่เขาหย่ากับนาง ตัวเองก็กลายเป็นภรรยาเอกทันทีที่แต่งงาน สิ่งที่ทำให้ท่านพ่อของนางไม่พอใจในตอนแรกคือภรรยาที่เท่าเทียมกันก็เป็นอนุภรรยาด้วย เมื่อนางเป็นภรรยาเอกท่านพ่อของนางไม่มีเหตุผลที่จะไม่พอใจอีกเลยอีกอย่าง มีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นภรรยาเอกล่ะ? เหตุผลที่นางตกลงกันก่อนหน้านี้คือนางไม่มีทางเลือก เพราะความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาแต่งงานแล้ว โชคดีที่พวกเขายังไม่ได้ร่วมรักกันนอกจากนี้ หญิงสาวที่บอบบางและอ่อนแอจากตระกูลขุนนางคนหนึ่งนางมีความมั่นใจในตัวว่าสามรถควบคุมอีกฝ่ายได้ แล้วเป็นนายหญิงของครอบครัวแล้วทำไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 24

    จ้านเป่ยว่างตกตะลึง "แต่ช้าจะเอาสินเดิมของนางได้อย่างไร ข้าเป็นถึงแม่ทัพชั้นสี่ เป็นลูกผู้ชาย จะใช้สินเดิมของสตรีที่ถูกทอดทิ้งได้อย่างไร"ยี่ฝางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปมองนาง สีสายตาหนักแน่น "ท่านแม่ของเจ้าต้องกินยาประจำ และยาก็ไม่ใช่ถูกด้วย ความสำเร็จในการออกศึกของเราในครั้งนี้ใช้กับพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว และไม่มีค่าตอบแทนอะไรอีก ถึงแม้ว่าเราเป็นแม่ทัพชั้นสี่ เงินเดือนประจำปีของพวกเราก็มีแค่นั้น ต่อให้ใช้กับจวนหมด ก็คงใช้จ่ายไม่ไหว""อีกอย่าง..." นางรู้สึกน่าละอายใจเล็กน้อยที่จะพูดแบบนี้ จากนั้นจึงรีบเสริมขึ้นว่า "แม้ว่าเราจะสะสมผลงานทางทหารต่อไปในอนาคต แต่มันก็ไม่ใช่ใช้เวลาน้อยๆ ข้าราชการฝ่ายทหารมักจะลำบากหน่อย จะปล่อยให้อาการของท่านแม่เจ้าแย่ลงไม่ได้ ดังนั้น คืนให้ทั้งหมด ไม่ก็ยอมรับการถูกหาว่าเป็นลูกอกตัญญู"จ้านเป่ยว่างไม่ได้คิดว่านางจะพูดแบบนั้น เขาไม่สามารถบอกได้ว่าความรู้สึกในใจของเขาคือความผิดหวังหรือจนใจ แต่ถ้าเขาคิดดูดีๆ แล้ว สิ่งที่ยี่ฝางพูดก็สมเหตุสมผล หวังดีกับเขานางก็กลัวว่าเขาจะถูกกล่าวหาว่าอกตัญญูและจะถูกขุนนางจับผิด จนส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขาเมื่อคิดถึงเช่นนี

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1548

    ฮองเฮาไม่เคยเห็นค่าเต๋อเฟยนัก ตระกูลไม่มีรากฐานที่มั่นคง รูปโฉมก็มิได้โดดเด่น นางสามารถก้าวขึ้นมาเป็นพระสนมได้ ก็เพียงเพราะโชคดีที่ให้กำเนิดองค์ชายรอง ตัวนางเองก็คงรู้ดีว่าไม่มีคนคอยหนุนหลัง จึงต้องประพฤติตนอย่างอ่อนน้อมระมัดระวัง อาจมีเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าใช้กลอุบายร้ายกาจเกินไป อย่างเรื่องที่เต๋อเฟยให้ความช่วยเหลือฝูเจาอี๋ ก็เพียงเพื่อใช้ฝูเจาอี๋สร้างอำนาจในวังหลัง หวังให้ตนเองมั่นคงขึ้น แต่นางให้การช่วยเหลือเท่าไร ฝูเจาอี๋ก็ไม่เคยเห็นคุณค่า กลับมองว่านางเพียงแค่พาองค์ชายรองไปแย่งความรักจากฮ่องเต้ เรื่องที่เต๋อเฟยมักทำก็คือ การนำก้อนหินมาทุ่มใส่เท้าของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ ฮองเฮาจึงไม่เห็นนางอยู่ในสายตา แต่บัดนี้ องค์ชายใหญ่เกิดเรื่องขึ้น นางมีเพียงแค่ซูเฟยเป็นผู้ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม นางเคยคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วว่า ซูเฟยมีคนหนุนหลัง ตระกูลของนางเป็นขุนนางสายเดียวกับเซี่ยหลูโม่ ภรรยาของอัครเสนาบดีหลี่ก็ดูแลโรงงานผลิตเสื้อผ้า ส่วนซ่งซีซีก็เป็นผู้รับหน้าที่สืบสวน นางไม่มีวันยอมให้ซ่งซีซีช่วยปกป้องซูเฟย ทุกอย่างต้องทำต่อหน้าตนเอง ซ่งซีซีมองออกถึงความคิดข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1547

    ซูเฟยนั่งอยู่หน้ากระจกเครื่องแป้ง จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า ชุดที่ก่อนหน้านี้นางให้มารดาว่าจ้างสตรีนามว่าม่อเหนียงจื่อให้ตัดเย็บ ก็ถูกส่งมาถึงแล้ว นางเคยเห็นชุดนั้นมาก่อน เดิมทีตั้งใจจะสวมไปงานเลี้ยงในคืนวันตรุษจีน ชุดเป็นสีเหลืองอัสดง ปักลวดลายดอกไห่ถางเล็กๆ งดงามและละเอียดอ่อน ให้ความรู้สึกสดใสอ่อนหวาน ปลายกระโปรงพลิ้วไหวเสริมให้ดูสูงศักดิ์และสง่างามยิ่งขึ้น นางสั่งให้ฮว๋าเชี่ยนนำชุดมาให้ และเปลี่ยนใส่ทันที นางจ้องมองเงาตัวเองในกระจกทองเหลือง ดวงหน้าของนางแม้จะซีดเซียวลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงงามสะคราญดังเช่นเคย ผิวขาวละเอียด ไม่มีริ้วรอยหรือร่องรอยแห่งความชราเลยสักนิด นางยังคงงดงามอยู่ ปลายนิ้วเรียวขาวลูบไล้ลวดลายปักอันวิจิตร นางพึมพำเบาๆ "ฝีมือปักผ้าของม่อเหนียงจื่อช่างดีนัก ชุดนี้งามกว่าชุดเครื่องแต่งกายในวังของข้าเสียอีก งดงามจริงๆ" ฮว๋าเชี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาคลอเต็มดวงตา "พระสนม หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์คิดจะทำอะไร แต่โปรดอย่าได้ทำเลยเพคะ หากพระองค์ทำเช่นนั้น จะกลายเป็นการหนีความผิด องค์ชายสามจะต้องแบกรับข้อหาปลงพระชนม์พี่ชายไปตลอดชีวิต" ซูเฟยหัวเราะเยาะเยียบหยิ่ง แต่แวว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1546

    รุ่งขึ้น ณ ท้องพระโรง เซี่ยหลูโม่ประกาศข่าวการสวรรคตขององค์ชายใหญ่ ขุนนางทั้งราชสำนักต่างตกตะลึงและเศร้าสลด! เซี่ยหลูโม่กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางพระทัยอย่างหนัก จนล้มประชวร ในช่วงเวลานี้ กระหม่อมและอัครเสนาบดีมู่จะเป็นผู้ว่าราชการแทน พระราชพิธีพระศพขององค์ชายใหญ่ จะมอบให้กรมพิธีการและกรมวังเป็นผู้ดำเนินการร่วมกัน" เจ้ากรมฉีทรงตัวยืนไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำ เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนแม้แต่น้อย แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้ฟังข่าวนี้ เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าสลดถึงขีดสุด ณ วังหลัง ข่าวการสวรรคตแพร่กระจายออกไป ฮองเฮาตั้งแต่ถูกส่งกลับมาวานนี้ ก็คอยร่ำไห้ขอเข้าเฝ้าองค์ชายใหญ่เสมอ บัดนี้เมื่อทราบข่าวร้าย นางก็หมดสติไปอีกครั้ง โชคดีที่หมอหลวงคอยเฝ้าอยู่ในตำหนักฉางชุนตลอด เมื่อหมอหลวงช่วยให้ฮองเฮาฟื้นขึ้นมา เสียงร่ำไห้อันโศกเศร้าก็ดังก้องไปทั่ววังหลัง ณ ตำหนักไฉหลิง เต๋อเฟยเมื่อได้ยินข่าวก็ทั้งดีใจและกังวล ดีใจ เพราะแผนการสำเร็จลุล่วง ไม่มีร่องรอย ไม่อาจสาวถึงนางและโอรสของนาง กังวล เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่องค์ชายรองกลับจากอุทยานบุปผาห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1545

    จักรพรรดิซูชิงทรงประกาศพระดำริแล้ว จึงทรงถามเซี่ยหลูโม่ถึงผลการสอบสวน พระองค์ทรงทราบดีว่า ม้าหนุ่มไม่อาจคลุ้มคลั่งขึ้นมาโดยไร้เหตุผล ม้าทุกตัวล้วนผ่านการฝึกฝนมาแล้ว แม้จะมีนิสัยดื้อรั้นเล็กน้อย แต่ก็เชื่องภายใต้การดูแลของเหล่าองค์ชาย เซี่ยหลูโม่มิได้ปิดบัง หยิบเอาดอกหนามเหล็กออกมาถวาย "มีผู้วางดอกหนามเหล็กนี้ไว้ใต้อานม้า หากไม่มีผู้ใดนั่งบนอาน ดอกหนามเหล็กเพียงแค่สร้างความรำคาญให้กับม้าเล็กน้อย แต่เมื่อองค์ชายใหญ่ขึ้นขี่ ดอกหนามเหล็กที่แหลมคมจะทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ ทำให้ม้าเจ็บปวดจนคลุ้มคลั่ง" สายพระเนตรของจักรพรรดิซูชิงฉายแววเย็นเยียบ ทรงหันไปมองซ่งซีซี "ก่อนหน้านี้มิได้ตรวจสอบเลยหรือ?" ซ่งซีซีรีบตอบ "กราบทูลฝ่าบาท ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งมีองครักษ์เฝ้าอยู่ตลอดเวลา นอกจากองค์ชายทั้งสามพระองค์กับรุ่ยเอ่อร์แล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ม้าเหล่านั้นได้ อีกทั้งตลอดทางมา พวกเขาต่างจูงม้าของตนเอง ไม่มีผู้ใดผ่านมือคนอื่น" ไทเฮาทรงมีพระพักตร์เคร่งขรึม "ข้าได้สั่งกำชับไปแล้ว องค์ชายทั้งสามพระองค์กับซ่งรุ่ย รวมถึงม้าทุกตัว จะต้องอยู่ในสายตาของพวกเขาเสมอ เว้นเสียแต่ว่ามีคนของ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1544

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงถามเช่นนั้น หมอมหัศจรรย์ดันนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน เขากำลังครุ่นคิด กำลังไตร่ตรอง ในห้องมีเพียงเสียงหายใจหนักหน่วงและเสียงหัวใจเต้นเงียบสงัดราวกับความตาย ความเงียบที่แฝงไปด้วยความสิ้นหวัง กดดันจนแทบหายใจไม่ออก "มิอาจเรียกว่ามีหนทาง เพียงแต่เป็นการลองเสี่ยงดู" หมอมหัศจรรย์ดันเอ่ยขึ้นช้าๆ "อีกทั้งโอกาสสำเร็จนั้นต่ำมาก ต่ำยิ่งนัก" "ท่านว่ามาเถิด" ไทเฮาร้อนพระทัยยิ่งกว่าจักรพรรดิ์ซูชิง "บอกมาให้ฟังเสีย" หมอมหัศจรรย์ดันถอนหายใจหนักหน่วง "ถึงแม้จะเป็นหนทางที่เสี่ยง แต่ต้องให้เขาผ่านสามวันแรกไปได้เสียก่อน หากรอดพ้นสามวันนี้ ข้าจะนำเขาไปยังสำนักเทพโอสถ ให้เขาแช่ร่างในน้ำยาต้มจากหญ้าต้วนซวี่ ซึ่งเติบโตในสำนักเทพโอสถทุกวัน อาจพอรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ว่าความหวังริบหรี่นัก เกรงว่าเขาอาจทนไม่ไหวจนไปไม่ถึงสำนักเทพโอสถ" ซ่งซีซีถามขึ้น "มิอาจเก็บหญ้าต้วนซวี่มาได้หรือ? บัดนี้เขาบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ จะเคลื่อนย้ายได้อย่างไร?" หมอมหัศจรรย์ดันส่ายหน้า "มิอาจ แม้ว่าหญ้าต้วนซวี่ที่แห้งแล้วจะยังมีสรรพคุณอยู่ แต่หากต้องการใช้ให้เกิดผลสูงสุด ต้องนำไปต้มภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากเก็บเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1543

    องค์ชายใหญ่ถูกส่งกลับไปยังตำหนักภายในอุทยานบุปผาหลวง บัดนี้ไม่มีหนทางที่จะส่งเขากลับวังหลวงได้ จำต้องทำการรักษา ณ ที่ใกล้ที่สุด ส่วนอาการของเขาเป็นเช่นไร ทุกคนเพียงแค่มองสีหน้าของหมอมหัศจรรย์ดัน ก็คาดเดาได้ไม่ยาก เกรงว่า… คงไม่รอดแล้ว เซี่ยหลูโม่สั่งให้กระจายผู้คนออกไป ส่วนผลการสอบสวน เขาไม่ได้เร่งส่งขึ้นไปทันที แต่สั่งให้คนสืบต่อไป บรรดาสนมทั้งหมดถูกส่งกลับคืนสู่พระตำหนัก รวมถึงฮองเฮาด้วย เดิมทีนางไม่ยอมกลับ ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ยังคงยืนกรานจะอยู่ข้างกายโอรส แต่เมื่อเข้าไปพบองค์ชายใหญ่ นางกลับหมดสติไปอีกครั้ง จักรพรรดิ์ซูชิงจึงมีรับสั่งให้นำตัวนางกลับไป รุ่ยเอ่อร์ไม่ยอมจากไป ยืนกรานจะอยู่เคียงข้างองค์ชายใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เซี่ยหลูโม่จึงอนุญาตให้เขาอยู่ต่อ คืนนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงประทับอยู่ ณ อุทยานบุปผาหลวง ไทเฮาเสด็จมาในยามเย็น ข่าวคราวที่เกิดขึ้นมีคนกราบทูลนางแล้ว ทันทีที่ไทเฮามาถึง นางก็รับช่วงต่อจากซ่งซีซี นางเป็นผู้คอยดูแลองค์ชายใหญ่ด้วยพระองค์เอง เมื่อนำองค์ชายใหญ่มายังตำหนักฉือหนิงในครั้งแรก ไทเฮาไม่มีทางเลือกอื่น ความเย็นชาของนางที่มีต่อองค์ชายใหญ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1542

    ฮองเฮามิได้ถูกขัดขวาง นางพุ่งเข้าไปภายในฉากไม้ไผ่ เพียงแค่เห็นพระโอรสที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต นางก็กรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะเป็นลมล้มลงในทันที โชคยังดีที่หมอหลวงอยู่ในที่นั้น นางกำนัลรีบพยุงนางออกไปด้านนอกเพื่อให้หมอหลวงช่วยรักษา หลังจากฟื้นคืนสติแล้ว ฮองเฮาทรงร่ำไห้อย่างสุดกำลัง เซี่ยหลูโม่พาผู้คนเข้าควบคุมสถานการณ์ และสกัดจับม้าบ้าคลั่งตัวนั้น พร้อมกับเริ่มต้นสืบสวนเหตุการณ์ทันที ภายในฉากไม้ไผ่ จักรพรรดิ์ซูชิงทรงคุกเข่าลง พระหัตถ์ที่สั่นระริกลูบใบหน้าขององค์ชายใหญ่ พระหัตถ์เปื้อนไปด้วยโลหิตสด หมอมหัศจรรย์ดันรีบปักเข็มลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตรัสให้ฮ่องเต้หลบไปด้านข้าง เขาต้องทำให้เลือดที่ศีรษะหยุดไหลก่อน การฝังเข็มในครั้งนี้ เป็นเพียงการรั้งลมหายใจสุดท้ายเอาไว้เท่านั้น ยาเม็ดที่เตรียมมาไม่สามารถให้กลืนลงไปได้ เขาจึงยื่นขวดยาห้ามเลือดให้ซ่งซีซี “ให้เขากลืนลงไป ถ้าเขากลืนได้ จะช่วยชะลอการตกเลือดภายใน” หมอมหัศจรรย์ดันมองออกอย่างชัดเจนว่า ฝีเท้าม้าที่เหยียบลงไปย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรง น้ำหนักของม้ารวมกับความเร็วเช่นนั้น แน่นอนว่าทำให้อวัยวะภายในเสียหายและตกเลือด หา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1541

    ฝุ่นทรายเต็มปากซ่งซีซี ลานทรายนี้ย่อมเทียบไม่ได้กับทุ่งหญ้า นอกจากฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจายเต็มฟ้าแล้ว แทบไม่มีความน่าดูชมใดๆ เลย แม้ว่านางจะยืนอยู่ในสนาม ก็ยังไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจนว่าใครอยู่ในอันดับแรก แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเฉินเจา บุตรชายคนเล็กของแม่ทัพเฉิน เมื่อตอนที่ม้ากระโจนข้ามรั้ว นางจึงมั่นใจว่าเป็นเฉินเจาจริงๆ เพราะขณะนี้ ม้าของเขานำหน้าม้าตัวอื่นไปไกลถึงหนึ่งช่วงตัวแล้ว และยังคงขยายระยะห่างออกไปเรื่อยๆ การแข่งขันขี่ม้าในวันนี้แท้จริงแล้วไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ เพียงแค่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมบรรดาองค์ชาย การได้ที่หนึ่งก็ไม่มีความหมายอะไร อีกทั้งหากแสดงฝีมือดีเกินไป ก็จะยิ่งทำให้องค์ชายเหล่านั้นรู้สึกกดดันมากขึ้น ดังนั้นคนอื่นๆ จึงมิได้เร่งฝีเท้าตามหลังไป แต่กระนั้น ความเร็วที่พวกเขาใช้ก็ไม่นับว่าช้า เพียงแต่ยังมิใช่ความเร็วที่ดีที่สุดของพวกเขาเท่านั้น เมื่อเข้าสู่รอบที่สาม รุ่ยเอ่อร์และองค์ชายทั้งสามพระองค์ก็เตรียมตัวขึ้นม้ารออยู่ในเขตรอแข่งขัน เมื่อการแข่งขันในสนามสิ้นสุดลง พวกเขาก็สามารถทะยานเข้าสู่สนามได้ องค์ชายสามกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว เด็กชายตัว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1540

    ซ่งซีซีในวันนี้ยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม ต่างสามารถมองเห็นเงาของนางที่ก้าวเดินเร่งรีบไปมา ตอนนี้นางพาผู้คนมาปรากฏตัวที่ลานแข่งม้าอีกครั้ง กำลังจัดวางกำลังป้องกันโดยรอบ การแข่งขันขี่ม้ากำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ขุนนางฝ่ายบู๊และบุตรหลานของตระกูลขุนนางจำนวนมากต่างจูงม้าของตนยืนรออยู่หน้าลาน การแข่งขันขี่ม้าในครั้งนี้ไม่ได้ซับซ้อนนัก เพียงแค่ควบม้าวิ่งรอบสนามสามรอบ ในแต่ละรอบจะมีรั้วสูงหกสิบหกเซ็นติเมตร ผู้เข้าแข่งขันจะต้องบังคับม้ากระโดดข้ามรั้วเหล่านั้น โดยต้องไม่ทำให้รั้วล้มลง และผู้ที่เข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ ที่จริงแล้วสิ่งนี้แทบไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันขี่ม้า เพราะอุปสรรคที่สูงเพียงหกสิบหกเซ็นติเมตรนั้น สำหรับม้าศึกที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี และผู้ขี่ที่มีฝีมือชำนาญแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม การกำหนดความสูงของรั้วไว้ที่สองฉื่อนั้น ก็เพื่อองค์ชายทั้งสามพระองค์ หรือให้พูดให้ถูกก็คือเพื่อองค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง เพราะองค์ชายสามอาจไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ต่อให้เข้าร่วม ซ่งซีซีก็จะจัดคนให้คอยจูงม้าพระองค์ ตามตารางการแข่งขัน องค์ชา

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status