Share

บทที่ 18

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
"ถุ้ย!" เป่าจูแสดงท่าทีรังเกียจ "เงินหมั้นหนึ่งหมื่นตำลึง คิดซะว่าจวนแม่ทัพเป็นตระกูลที่ร่ำรวยจริงๆ เหรอ เมื่อคุณหนูแต่งเข้ามา ฮูหยิงก็แค่รับเงินไปไม่กี่พันตำลึงเอง เราเสียเปรียบเลย"

ซ่งซีซีพูดอย่างน่าสงสาร "ใช่สิ ข้าขายถูกมา"

เป่าจูก็เริ่มหัวเราะด้วย แต่ไม่นานนนักนางก็น้ำตาไหล ตอนที่คุณหนูของนางแต่งเข้ามาต้องทนทุกข์มากแค่ไหน ฮูหยิงก็เห็นความสำคัญกับคำสัญญากับจ้านเป่ยว่างจริงๆ โดยบอกว่าจะไม่รับอนุภรรยาเด็ดขาด กลับเป็นคำโกหกล้วนๆ ทำร้ายคุณหนูของนางไปตลอดชีวิตเลย

นางปาดน้ำตาแล้วออกไปหยิบแกงเม็ดบัวและรังนกมาให้ และตามหาแม่นมคนอื่นๆ เข้ามากินด้วย

เรื่องการพระราชทานหย่าโดยสันติภาพที่สั่งจากฮ่องเต้นั้นยังเป็นความลับอยู่ แน่นอนว่า ผู้คนที่มาจากครอบครัวพ่อแม่ของนางเองล้วนเชื่อถือได้และภักดี พวกเขารู้เรื่องมันไม่เป็นไร เพราะพวกเขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้า

สิ่งเดียวที่นางกังวลตอนนี้คือฮ่องเต้ไม่อนุญาติได้ให้ทั้งสองหย่าโดยสันติภาพ การถูกฝ่ายชายขอหย่าถือว่าถูกทอดทิ้งกับหย่าโดยสันติภาพมันมีความแตกต่างมาก

ผู้หญิงที่ฝ่ายชายทอดทิ้งนั้นจะเอาสินเดิมกลับคืนไม่ได้

ตามหลักแล้ว แค่ออกพระราชโองการเท่านั้น
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (8)
goodnovel comment avatar
รองปลัดฯในวันธรรมดา เป็นชาวนาในวันหยุด
สนุก แพงเว่อร์
goodnovel comment avatar
Kantitat
นางเอกแข็งแรงทางสมองและอารมณ์มากกก อยากเห็นเป็นซีรี่ย์จัง
goodnovel comment avatar
Pedladda Wimoludomsit
อ่านเพลินมากค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 19

    หลังจากมอบอำนาจในการบริหารครอบครัวแล้ว ซ่งซีซีก็ปิดประตูเรือนไม่ออกไปไหนอีกเลยนางไม่พบใครนอกจากคนติดตามที่มาจากครอบครัวพ่อแม่ของนาง แม้แต่ข้าวที่กินก็ทำจากห้องครัวเรือนเหวินซีอีกด้วย แม่นมเหลียงและแม่นมฮวงไปซื้อผักเองและปรุงเองหลังจากที่ซ่งซีซีเรียกทุกคนกลับมาแล้ว ทั้งจวนแม่ทัพก็ยุ่งวุ่นวายไปหมดนางหมินทำได้เพียงให้พ่อบ้านจัดคนที่มีความสามารถให้มาทำหน้าที่ตำแหน่งของแม่นมฮวงแทน แล้วทำงานตามที่พวกนางเคยทำก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตาม ใกล้จะจัดงานแต่ง กำลังคนย่อมไม่เพียงพอในตอนนี้ และคนที่ซ่งซีซีซื้อหลังจากที่นางแต่งเข้ามาก็ถูกส่งตัวกลับโดยพวกแม่นมฮวง ดังนั้นตอนนี้แม้แต่คนรับใช้ในแต่ละเรือนก็ไม่เพียงพอนางหมินรายงานเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่า ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนจับหน้าผาก "ข้าไม่คิดว่านางจะใจแข็งขนาดนี้ ข้ามีตาไร้แววจริงๆ อุตส่าห์ที่ข้าปฏิบัติต่อนางอย่างดีในอดีต และไม่เคยสั่งสอนนางแม้แต่ครั้งเดียว"เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางหมินก็ไม่ได้รู้สึกไม่ยุติธรรมอะไรนางเคยโดนสั่งสอนให้ปฏิบัติตามกฎเมื่อนางเพิ่งเข้ามาใหม่ แต่นางก็แตกต่างจากซ่งซีซี ซ่งซีซีแต่งงานด้วยความทรัพย์สินสมบัติมากมาย และ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 20

    ฮูหยินผู้เฒ่าโรคกำเริบทำให้ที่จวนวุ่นวายไปหมด สุดท้ายก็ต้องตามหาหมอหลวงมาช่วยรักษาอาการของนางให้คงที่ชั่วคราวหมอหลวงพูดกับจ้านเป่ยว่างว่า "ข้าเคยมารักษาให้ฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อน แต่ทักษะทางการแพทย์ของข้าไม่ดีเอง หมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวงในการรักษาโรคหัวใจคือหมอมหัศจรรย์ดัน และยาดันเสวี่ยของเขาเป็นยาที่ช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าได้ ยามนี้ข้าทำแต่แค่ช่วยควบคุมอาการของนางได้ เพราะนางทานยาดันเสวี่ยมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว และฤทธิ์ยายังอยู่ แต่หากต่อไปกำเริบอีก ข้าคงหมดหนทางแล้วขอรับ"หลังจากพูดอย่างนั้น หมอหลวงก็บอกลาและจากไปดวงตาของจ้านเป่ยว่างแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาไปเรียนเชิญหมอมหัศจรรย์ดันด้วยตัวเองในคืนนี้ แต่หมอมหัศจรรย์ดันไม่ยอมพบเขาเลยด้วยซ้ำเขารู้ว่าซ่งซีซีใช้สิ่งนี้เพื่อบังคับให้เขาเลิกแต่งงานกับยี่ฝาง วิธีนี้แย่มากและน่ารังเกียจจริงๆ ที่จะใช้ชีวิตของท่านแม่มาบีบเขาเขาเดินตรงไปที่เรือนเหวินซี แล้วเตะประตูให้เปิดออกซ่งซีซียังไม่ได้นอน และกำลังเขียนหนังสืออยู่ใต้ตะเกียง นางขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขามาด้วยความโกรธทั่วตัวเขา เห็นได้ชัดว่าเขามาเอาเรื่อง"แม่นม เป่าจู พวกเจ้าออกไปก่อน!""พ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 21

    แสงไฟในห้องของฮูหยินผู้เฒ่าเปิดอยู่ตลอดทั้งคืนเมื่อจ้านเป่ยว่างเสนอว่าจะหย่ากับภรรยา ท่านพ่อของเขาเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย "ถ้าเจ้าหย่ากับนาง ขุนนางตักเตือนจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้อย่างแน่นอน การทำเช่นนี้ก็เท่ากับทำลายอนาคตของเจ้าเองอย่างไม่ต้องสงสัย"พี่ชายคนโต จ้านเป่ยชิงยังกล่าวอีกว่า "น้องชายรอง ท่านพ่อพูดถูก เจ้าลองคิดดูสิว่ามีทหารในกองทัพตั้งเท่าไรที่เป็นลูกน้องเก่าของพ่อนาง? ที่เจ้าสามารถบรรลุความสำเร็จได้ในครั้งนี้เป็นเพราะมีพวกเขาที่ช่วยเหลือเจ้า หากเจ้าสูญเสียการสนับสนุนของพวกเขา เจ้าคงอยู่ไม่มั่นคงในกองทัพนะ""แต่ข้าทนไม่ไหวที่นางใช้ความปลอดภัยของท่านแม่มาคุกคามข้า!" ใบหน้าของจ้านเป่ยว่างเย็นชามากฮูหยินผู้เฒ่ามีสติกลับมาแล้ว แต่ความเจ็บปวดเมื่อกี้นี้ ทำให้นางเกลียดซ่งซีซีมาก ทันใดนั้นนางก็นึกถึงอะไรขึ้นมาจึงเงยหน้าขึ้นทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงหยาบว่า "หย่า หย่ากับนาง หากนางถูกเราไล่ออก สินเดิมก็หย่าคิดจะเอากลับเลย"จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "ข้าไม่คิดจะเอาสินเดิมของนาง!""ทำไมจะไม่เอาล่ะ ในเมื่อนางถูกไล่ออก สินเดิมย่อมจะตกเป็นของจวนแม่ทัพเรา" ฮูหยินผู้เฒ่าลูบหน้าอกของนาง เพราะย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 22

    จ้านเป่ยว่างรีบหยุดนางไว้ "ท่านแม่ ท่านฟังข้านะ สินเดิมของนางข้าไม่เอา"ฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยความโกรธ "เจ้านี่โง่มากจริงๆ ลูกโง่เอ๊ย นางรังแกเรา เจนเราตกอยู่ในสภาพแบบไหนแล้ว เจ้ายังใจอ่อนกับนาง นางต้องการชีวิตของแม่ของเจ้านะ!"จ้านเป่ยว่างตั้งใจแน่วแน่ว่า "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชายใหญ่ การยึดสินเดิมของนางมิใช่การกระทำของลูกผู้ชาย พรุ่งนี้ขอให้ท่านพ่อและพี่ชายใหญ่เชิญหัวหน้าทั้งสองตระกูลมา และแม่สื่อที่จะเป็นผู้จับคู่ในวันนั้นเพื่อเป็นพยานให้ ส่วนเพื่อบ้านต่างๆ ก็เรียกสักสองสามคนเพื่อทำตามขนบธรรมเนียมก็เท่านั้น""คนที่เป็นแม่สื่อของพวกเจ้า เป็นพระชายาอ๋องเยี่ยน" จ้านจี้ขมวดคิ้ว "พระชายาอ๋องเยี่ยนเป็นลูกพี่ลูกน้องของนางซ่งและเป็นน้าของซ่งซีซี"ฮูหยินผู้เฒ่าพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปเชิญนาง ไปหาแม่สื่อที่มาทำพิธีให้คนนั้น ข้าจำได้ว่าได้รับเชิญจากซีฟาง"พระชายาอ๋องเยี่ยนมีสุขภาพย่ำแย่ ดังนั้นจวนอ๋องเยี่ยนเลยมอบให้พระชายารองจัดการหมด แม้ว่าจวนแม่ทัพจะไม่เกรงกลัวพระชายาอ๋องเยี่ยนที่ไม่ได้ที่โปรดและไร้บุตรด้วย แต่ก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่สร้างปัญหากับราชวงศ์จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "ให

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 23

    ยี่ฝางครุ่นคิด โดยชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียในใจของตัวเองการหย่าร้างกับภรรยาย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดี ไม่ใช่ว่านางไม่ให้ความสำคัญกับฐานะภรรยาเอก แต่การหย่าในตอนนี้จะเป็นอุปสรรคต่ออนาคตของพวกเขาอนาคตของนางเองมีความสำคัญมากโดยธรรมชาติเพียงแต่ว่า คนนั้นคือซ่งซีซี เมื่อพบนางในวันนั้น และเห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของนาง ก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจมากนี่เป็นรูปลักษณ์ที่เหมือนนังจิ้งจอกซึ่งสามารถหลอกล่อผู้คนได้ง่ายเสมอ ไม่อน่ว่าจ้านเป่ยว่างจะตกหลุมรักนางอีกครั้งในอนาคตหลังจากที่เขาหย่ากับนาง ตัวเองก็กลายเป็นภรรยาเอกทันทีที่แต่งงาน สิ่งที่ทำให้ท่านพ่อของนางไม่พอใจในตอนแรกคือภรรยาที่เท่าเทียมกันก็เป็นอนุภรรยาด้วย เมื่อนางเป็นภรรยาเอกท่านพ่อของนางไม่มีเหตุผลที่จะไม่พอใจอีกเลยอีกอย่าง มีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นภรรยาเอกล่ะ? เหตุผลที่นางตกลงกันก่อนหน้านี้คือนางไม่มีทางเลือก เพราะความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาแต่งงานแล้ว โชคดีที่พวกเขายังไม่ได้ร่วมรักกันนอกจากนี้ หญิงสาวที่บอบบางและอ่อนแอจากตระกูลขุนนางคนหนึ่งนางมีความมั่นใจในตัวว่าสามรถควบคุมอีกฝ่ายได้ แล้วเป็นนายหญิงของครอบครัวแล้วทำไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 24

    จ้านเป่ยว่างตกตะลึง "แต่ช้าจะเอาสินเดิมของนางได้อย่างไร ข้าเป็นถึงแม่ทัพชั้นสี่ เป็นลูกผู้ชาย จะใช้สินเดิมของสตรีที่ถูกทอดทิ้งได้อย่างไร"ยี่ฝางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปมองนาง สีสายตาหนักแน่น "ท่านแม่ของเจ้าต้องกินยาประจำ และยาก็ไม่ใช่ถูกด้วย ความสำเร็จในการออกศึกของเราในครั้งนี้ใช้กับพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว และไม่มีค่าตอบแทนอะไรอีก ถึงแม้ว่าเราเป็นแม่ทัพชั้นสี่ เงินเดือนประจำปีของพวกเราก็มีแค่นั้น ต่อให้ใช้กับจวนหมด ก็คงใช้จ่ายไม่ไหว""อีกอย่าง..." นางรู้สึกน่าละอายใจเล็กน้อยที่จะพูดแบบนี้ จากนั้นจึงรีบเสริมขึ้นว่า "แม้ว่าเราจะสะสมผลงานทางทหารต่อไปในอนาคต แต่มันก็ไม่ใช่ใช้เวลาน้อยๆ ข้าราชการฝ่ายทหารมักจะลำบากหน่อย จะปล่อยให้อาการของท่านแม่เจ้าแย่ลงไม่ได้ ดังนั้น คืนให้ทั้งหมด ไม่ก็ยอมรับการถูกหาว่าเป็นลูกอกตัญญู"จ้านเป่ยว่างไม่ได้คิดว่านางจะพูดแบบนั้น เขาไม่สามารถบอกได้ว่าความรู้สึกในใจของเขาคือความผิดหวังหรือจนใจ แต่ถ้าเขาคิดดูดีๆ แล้ว สิ่งที่ยี่ฝางพูดก็สมเหตุสมผล หวังดีกับเขานางก็กลัวว่าเขาจะถูกกล่าวหาว่าอกตัญญูและจะถูกขุนนางจับผิด จนส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขาเมื่อคิดถึงเช่นนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 25

    จ้านจี้รู้ดีว่าซ่งไท่กงเป็นคนใจร้อนและรับมือได้ยาก เลยไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง "ท่านผู้เฒ่า อย่ากังวลเลย ที่ข้าเชิญท่านมาที่นี่วันนี้เพื่อจัดการกับเรื่องของเด็กสองคนอย่างชัดเจน โปรดอย่า ใจร้อน"ซ่งซื่ออันก็ปลอบโยนปู่ของเขาและพูดว่า "เดี๋ยวรอซีเอ๋อร์ออกมา เราค่อยถามนาง จะปล่อยให้ครอบครัวของพวกเขาได้ตัดสินใจในทุกสิ่งหมดไม่ได้อยู่แล้ว"ซ่งไท่กงพูดด้วยความโกรธ "ไม่ว่าอย่างอื่นเลย แค่มองจากจ้านเป่ยว่างที่ออกเดินทางทำศึกมาหนึ่งปีนี้ ซีเอ๋อร์ของเรารอเขามาหนึ่งปีเต็มๆ แถมดูแลพ่อแม่สามี ดีต่อญาติพี่น้องในบ้าน จัดการเรื่องในบ้าน เขาก็ไม่ควรรังแกนางเช่นนี้""ท่านผู้เฒ่าใจเย็นๆ ก่อนนะ รอจนกว่าทุกคนมาครบแล้วค่อยว่ากันก็ไม่สายไปนะ" จ้านเป่ยว่างกล่าวอย่างสงบเขาไม่กล้าเชิญเพื่อนบ้านมาเข้าร่วม เพื่อนบ้านของจวนแม่ทัพเป็นขุนนางทั้งนั้น หากเรียนเชิญขุนนางมาเป็นพยานที่เจาจะหย่า มันก็ส่งผลเสียต่ออนาคตของเขาเดิมที จ้านเป่ยว่างอยากเชิญขุนนางที่ดูแลทะเบียนบ้านมาประทับตราหนังสือหย่า แต่เขาก็คิดว่าหลังจากลงนามในหนังสือหย่าแล้ว เขาจะไปส่งไปที่สำนักรัฐด้วยตัวเอง และไม่ต้องการให้คนจำนวนมากไปรู้เรื่องนี้ส่ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 26

    ซ่งซีซีมองดูเขา ใบหน้าที่สวยงามของนางเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย "แม่ทัพยี่ฝาง คิดเข้าข้างข้าจริงๆ ยังเหลือสินเดิมได้ครึ่งหนึ่งไว้ให้ข้า""ไม่ นี่ไม่ใช่จดหมายของยี่ฝาง ไม่ใช่นางเขียน" จ้านเป่ยว่างแต่ตัว จดหมายได้ลงนามในตอนท้าย ดังนั้นการแก้ตัวของเขาจึงไร้ประโยชน์ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมอง "งั้นเหรอ? งั้นข้าขอถามแม่ทัพสักคำ การหย่าในวันนี้ จะคืนสินเดิมทั้งหมดให้ข้าเอาไปหรือไม่?"ก่อนที่อ่านจดหมายฉบับนี้ จ้านเป่ยว่างคงตอบอย่างแน่นชัดว่าคืนให้หมด แม้ว่าท่านพ่อและท่านแม่จะคัดค้านก็ตามอย่างไรก็ตาม ในเมื่อยี่ฝางเขียนจดหมายและขอให้เก็บสินเดิมไว้ครึ่งหนึ่ง หากเขาไม่ทำตามที่ยี่ฝางบอก ยี่ฝางคงจะผิดหวังมากซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "ลังเลเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกเจ้าก็ไม่ได้มีศักดิ์สิทธิ์อะไรมากนี่!"เสียงของนางแผ่วเบา แต่ทุกคำพูดกลับแทงใจดำนางรอยยิ้มของนางราวกับดอกไม้ที่บานในต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับเย็นชาราวกับน้ำแข็งจ้านเป่ยว่างรู้สึกทั้งละอายใจและรำคาญด้วย แต่พูดไม่ออกสักคำ เขาทำได้เพียงมองดูนางเดินผ่านไปพร้อมกับเยาะเย้ยเมื่อซ่งไท่กงเห็นซ่งซีซี เขาก็ถามทันทีว่า "ซีซี ที่จวนแม่ทัพได้รังแกเจ้าหรือไม่ เจ้าไม

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1478

    เซี่ยหลูโม่เห็นเขามีท่าทางอิดโรย ประกอบกับอู๋ต้าปั้นก็ได้นำฎีกากลับไปแล้ว จึงกล่าวว่า “น้องมีเรื่องหนึ่งขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถาม “เรื่องอันใด?” เซี่ยหลูโม่ดวงตาสงบนิ่งเย็นชา “น้องอยากไปตำหนักฉางชุนสักคราพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเข้าใจทันทีว่าเป็นเรื่องอันใด เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง ถึงขั้นเกือบทำให้ผู้ตรวจการสวี่ต้องสิ้นชีพ จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ต้องการเผชิญหน้า จึงรับสั่งให้เขาไปตามต้องการ เซี่ยหลูโม่ถวายบังคมลา มุ่งหน้าสู่ตำหนักฉางชุนทันที ฮองเฮาทรงทราบถึงเจตนาของเขา จึงให้คนไปเชิญเข้ามา นางเห็นว่าซ่งซีซีปฏิเสธการแต่งตั้งพระชายารองให้เซี่ยหลูโม่ เป็นเพราะซ่งซีซีขี้หึงและเห็นแก่ตัว ทว่าชายใดเล่าจะคิดเช่นนั้น แม้จะกล่าวคำโตเพียงใด ก็ไม่อาจกลบซ่อนสันดานดิบของบุรุษได้ แม้ฮ่องเต้จะทรงอุทิศพระองค์เพื่อราชกิจ ไม่เสด็จเยือนฝ่ายในบ่อยนัก แต่ก็ยังมีสนมมากมายถึงสามวังหกตำหนัก เมื่อเจอคนถูกพระทัย ก็ยังทรงพลิกป้ายให้เข้าพบเดือนละสามสี่ครั้ง ฉีฮองเฮาทรงเห็นว่าไม่มีแมวตัวใดไม่ชอบกินปลา รวมถึงเซี่ยหลูโม่เองก็เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1477

    เซี่ยหลูโม่เอ่ยขึ้น "แล้วเสด็จพี่มีแผนการอย่างไร?" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสตอบ "เดิมที หากข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามเดือน ข้าจะตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พร้อมตั้งขุนนางที่ไว้ใจได้อีกสองสามคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการ ส่วนองค์ชายรอง จะถูกส่งไปประจำอยู่ที่หนานเจียง และปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เช่นนี้จะช่วยลดอำนาจของตระกูลฉีลงได้" เซี่ยหลูโม่เอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าน้องจะไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญนี้" เขาเข้าใจดีว่า หากเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ย่อมต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับจักรพรรดิ์ซูชิง และสิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ คำสั่งห้ามให้เขามีทายาท เช่นนั้น แม้เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ สุดท้ายก็ต้องคืนตำแหน่งจักรพรรดิ์ให้กับราชวงศ์ จักรพรรดิ์ซูชิงมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาแล้วถอนพระปัสสาสะเบาๆ "เรื่องมากมายก็มิอาจปิดบังไปจากเจ้าได้ ข้าเคยคิดจะให้เจ้าสาบานว่า เจ้าจะไม่มีบุตร ไม่มีทายาท ข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าทำได้เพียงเท่านี้" เซี่ยหลูโม่เข้าใจความหมายของจักรพรรดิ์ซูชิง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ การมีหรือไม่มีบุตร ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเพียงลำพัง ซีซีมีสิทธิ์ที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1476

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนสีพระพักตร์จะค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น "หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสามปี แต่ก่อนหน้านี้ หมอหลวงเคยบอกว่า ข้าน่าจะอยู่ได้หนึ่งปี ทว่าผ่านไปไม่นาน กลับเหลือเพียงแค่หกเดือน ข้าคิดว่า คำของหมอทั้งหลาย เมื่อมาถึงตัวข้า ก็ควรจะต้องลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ เช่นนั้น หนึ่งปีครึ่งที่เหลือ อาจจะไม่ได้มีจริงด้วยซ้ำ" "เสด็จพี่ อย่าทรงคิดในแง่ร้าย..." จักรพรรดิ์ซูชิงยกพระหัตถ์ขึ้นปราม "เจ้าฟังข้าก่อน บัดนี้ ข้ามีสติแจ่มชัด มิได้เลอะเลือน เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ต้องรีบจัดการ แต่ปัญหาคือ ข้าไม่กล้าตั้งใคร ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่จะเติบโตขึ้นปกครองแผ่นดิน มหาเสนาบดีแก่ชราลงแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะฝากบ้านเมืองไว้ในมือใครได้ นอกจากเจ้า" เซี่ยหลูโม่มิได้เอ่ยสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่า ความไว้วางใจและความระแวงของเสด็จพี่ล้วนเกิดขึ้นโดยไร้หลักการ มันมักมาเป็นระยะๆ "ข้า มีพระโอรสสามองค์ เดิมทีมีองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทโดยธรรมชาติ ตำแหน่งรัชทายาทจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่องค์ชายใหญ่ เขาธรรมดาเกินไป ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนัก แต่เขา ขี้เกียจ หยิ่งยะโส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1475

    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกลับต้องพบว่า ดูหรือไม่ดู ก็ไม่ต่างกันเลย เพียงเห็นว่าหมอมหัศจรรย์ดันคีบเข็มไว้ในซอกนิ้วทั้งห้า แล้วในพริบตาเดียว เข็มสี่เล่ม ก็ปักลงจุดได้อย่างแม่นยำ พวกเขาแทบมองเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาของมือหนึ่งข้างเท่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับแม่นยำและมั่นคง ราวกับว่าทุกอย่างจบลงในพริบตาเดียว ทั้งสี่จุด แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่การจะหา จุดฝังเข็ม ให้ถูกต้อง และปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำโดยไม่ลังเลนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่หมอมหัศจรรย์ดันกลับทำได้ในพริบตาเดียว หลังจากฝังเข็มแล้ว เขาจึงให้จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยซูซื่อตันเพื่อบรรเทาอาการปวด ผลของยาระงับปวดชัดเจนมาก สีพระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นทันตา ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ หมอมหัศจรรย์ดันถอนเข็มออก ก่อนจะเขียนตำรับยา จากนั้นจึงหยิบยาดันเสวี่ยออกมาจากหีบยา แล้วกล่าวว่า "ทุกคนต่างคิดว่ายาดันเสวี่ย ใช้เพียงเพื่อบำรุงชีพจร แต่แท้จริงแล้ว มันช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงอวัยวะทั้งห้า ได้ด้วย ต่อไป ฮ่องเต้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ยานี้จึงจำเป็นต้องช่วยคุ้มครอง ตับและไต โดยปกติ ควรเสวยทุกเจ็ดวันหนึ่งเม็ด แต่บัดน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1474

    จักรพรรดิ์ซูชิง ทรงเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนมีพระบัญชาให้จัดเตรียมห้องพักในตำหนักข้างเคียงของตำหนักเฉียนหยาง พร้อมทั้งส่งแพทย์จากสำนักหมอหลวงมาคอยดูแลหมอมหัศจรรย์ดัน พร้อมกันนั้น ทรงมีพระบัญชาให้จางฉีเหวินและฉีกุ้ยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของหมอมหัศจรรย์ดัน คอยติดตามดูแลเขาตลอดเวลา พระองค์ทรงทราบดีว่าจางฉีเหวินเป็นศิษย์ของเสิ่นว่านจือ การให้เขาคุ้มครองหมอมหัศจรรย์ดัน ก็เพื่อให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกวางใจ แต่เพื่อให้พระองค์เองก็วางใจได้เช่นกัน จึงทรงส่งฉีกุ้ยไปด้วยอีกคน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังมีพระบัญชาให้สำนักหมอหลวงปฏิบัติตามคำสั่งของหมอมหัศจรรย์ดันเป็นอันดับแรก อำนาจนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว พระองค์หวังให้สำนักหมอหลวงเป็นฝ่ายจัดหายา หมอมหัศจรรย์ดันมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ขอเพียงมีคนทำตามคำสั่งก็เพียงพอแล้ว แต่จากการที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงส่งจางฉีเหวินและฉีกุ้ยไป อาจมองออกได้ว่า พระองค์มิได้ไว้วางพระทัยผู้คนจากฝ่ายใน บัดนี้ พระองค์และหมอมหัศจรรย์ดัน มีชะตาเดียวกัน หากหมอมหัศจรรย์ดันตาย พระองค์ก็ตาย หากหมอมหัศจรรย์ดันมีชีวิตอยู่ พระองค์ก็อาจอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามปี สามปีไม่ยาว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1473

    ณ ตำหนักเฉียนหยาง อู๋ย่วนเจิ้งและหมอหลวงหลินยืนอยู่ด้านข้างเซี่ยหลูโม่กับอู๋ต้าปั้นก็อยู่ข้างเตียง ต่างเฝ้ารอให้หมอมหัศจรรย์ดันตรวจชีพจร หลังจากตรวจชีพจรแล้วหมอมหัศจรรย์ดันถามถึงบันทึกชีพจรในอดีตและสูตรยาที่ใช้รักษาก่อนหน้านี้ หมอหลวงหลิน นำบันทึกมาให้เขา พลางกล่าวด้วยท่าทีเคารพ “หมอดัน โปรดตรวจดูเถิด” ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าเรียกเขาว่าหมอมหัศจรรย์อีกแล้ว เพราะสำนักหมอหลวงก็เคยผ่านการกวาดล้างครั้งใหญ่เช่นกัน หมอมหัศจรรย์ดันรับบันทึกมา เปิดดูทีละหน้า ภายในตำหนักเงียบสนิท มีเพียงเสียงกระดาษที่เขาพลิกเท่านั้นที่ดังขึ้น ทุกคนกลั้นหายใจ นี่คือความหวังสุดท้าย หากหมอมหัศจรรย์ดันบอกว่าพระอาการมีเวลาเพียงสามเดือน เช่นนั้นก็เหลือเวลาเพียงสามเดือนจริงๆ จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ดวงตาหดเล็กลง ฝ่าพระหัตถ์ชื้นไปด้วยเหงื่อ พระองค์กำลังรอคอยคำพิพากษาครั้งสุดท้าย หมอมหัศจรรย์ดัน ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว อ่านจนครบทุกหน้า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเอ่ยถาม “บันทึกชีพจรระบุว่ามีอาการปวดต่อเนื่องกว่าหนึ่งเดือน กลางคืนมิอาจข่มพระเนตร และแทบไม่อาจเสวยได้เลย” นี่เป็นเพียงการกล่าวยืนย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1472

    ซ่งซีซีกล่าว “หากหมอมหัศจรรย์ดันยอมเข้าวังมา ก็ย่อมจะทำเต็มกำลังแน่นอนเพคะ” ไทเฮาทรงนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นน้ำพระเนตรก็ร่วงเงียบๆ “แม้จะทำสุดความสามารถ แต่ก็ยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ ขอเพียงสามารถยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ให้จัดการเรื่องรากฐานแผ่นดินให้เรียบร้อย” เห็นพระนางหลั่งน้ำตาซ่งซีซีก็พลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเสด็จแม่กล่าวว่า ไทเฮาเป็นสตรีที่มีจิตใจเข้มแข็งนัก หยาดน้ำตาของพระองค์มีค่ามาก ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ก็ไม่เคยยอมหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว นางไม่รู้ว่าควรปลอบพระทัยอย่างไร และก็นึกได้ว่า สิ่งที่ไทเฮาต้องการตอนนี้ คงไม่ใช่คำปลอบโยน นางจึงทำได้เพียงเฝ้าอยู่เคียงข้างอย่างเงียบๆ เซี่ยหลูโม่เดินทางไปยังร้านขายยาเย่าหวัง และได้พบกับหมอมหัศจรรย์ดัน วันนี้หลังจากมีพระบัญชาเรียกเข้าวัง อาจารย์หยูก็มาที่ร้านขายยาเย่าหวังเพื่อแจ้งข่าว ดังนั้นหมอมหัศจรรย์ดันจึงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ครั้งนี้ เขาไม่ได้พาศิษย์ไปด้วย แต่เดินทางกับเซี่ยหลูโม่เพียงลำพัง ชิงเชวี่ยและหงเชวี่ยอยากตามไปด้วย แต่ถูกเขาดุไล่ให้กลับไป บนรถม้าเซี่ยหลูโม่รับปากกับเขาว่าจะปกป้องท่านให้ปลอด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1471

    ซ่งซีซีคุกเข่าอยู่เพียงชั่วครู่ แต่กลับรู้สึกเหมือนผ่านไปชั่วชีวิต ในที่สุด ก็ได้ยินเสียงถอนพระปัสสาสะเบาๆ ของจักรพรรดิ์ซูชิง ก่อนที่พระองค์จะแย้มพระสรวล “เจ้าเด็กนี่ เหตุใดถึงกลายเป็นคนเอาแต่ใจไปเสียแล้ว?” ซ่งซีซีรู้สึกคลายความกังวลลงเล็กน้อย แรกเริ่มนั้น นางทั้งโกรธและรู้สึกอัดอั้น จึงกล่าวคำนั้นออกไปโดยไม่ยั้งคิด แต่หลังจากนั้น สิ่งที่กล่าวไปมีส่วนที่เหมือนเป็นการเดิมพัน นางหวาดกลัวอยู่ในใจ เพราะไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า เมื่อจักรพรรดิ์ที่ใกล้สิ้นพระชนม์แล้วตัดสินใจอย่างโหดเหี้ยม จะเป็นเช่นไร เพียงแต่ เมื่อจักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถามคำนั้นออกมา ไม่ว่านางจะชี้แจงอย่างไร ก็คงไร้ความหมาย มีเพียงการใช้วิธีดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนี้เท่านั้น ที่อาจจะได้ผล “ลุกขึ้นเถิด” จักรพรรดิ์ซูชิง ตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมาก ใบหน้าซูบซีดเหลืองซีดนั้นมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏ “เจ้านี่นะ ยังเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด ปากเจ้าไม่เคยยอมเสียเปรียบเลย ถามเพียงคำเดียว กลับเล่นงานข้าเสียยกใหญ่ จริงๆ แล้ว ข้าก็จนใจจะทำอย่างไรกับเจ้าได้” พระองค์ทอดพระเนตรมองซ่งซีซีแววพระเนตรล้ำลึก “เจ้าล่ะ ไปถือสากอะไรกับคนใกล้ตาย? ไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1470

    ซ่งซีซีไม่ชอบให้นำบิดาของนางมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นัก เพราะไม่ว่าฮ่องเต้จะตรัสสิ่งใด ก็ล้วนไม่เกี่ยวกับบิดาของนางเลย ไม่มีความจำเป็นต้องเน้นย้ำถึงความจงรักภักดีของบิดาต่อแผ่นดิน เพื่อนำมาเป็นกรอบบังคับคำตอบที่นางจะกล่าวต่อไป แต่เห็นได้ชัดว่า นางจะชอบหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ฮ่องเต้จะใส่พระทัย นางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฮ่องเต้มีเรื่องใดจะถามก็ตรัสเถิด หม่อมฉันฟังอยู่” ความเจ็บปวดเสียดลึกถึงกระดูก ทำให้จักรพรรดิ์ซูชิงไม่เลือกที่จะลองหยั่งเชิงเหมือนเคย แต่รับสั่งตรงไปตรงมาแทน “เจ้าน่าจะเป็นผู้ที่รู้จักเซี่ยหลูโม่ดีที่สุด เจ้าคิดว่า หากข้าสวรรคต แล้วเขาได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน จะสังหารฮ่องเต้องค์เยาว์แล้วตั้งตนเป็นจักรพรรดิ์หรือไม่?” ซ่งซีซีใจหายวาบ โทสะพลันแล่นขึ้นมาปรากฏในดวงตาเซี่ยหลูโม่ผ่านพ้นจากความเป็นความตายในหนานเจียงกลับมาอย่างยากลำบาก มิควรถูกกล่าวหาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ นางรู้สึกเจ็บแทนเขา น้ำเสียงจึงเย็นเยียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และพูดเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ฮ่องเต้ ข้ากับเซี่ยหลูโม่เป็นสามีภรรยากันเพียงสามปี จะนับได้อย่างไรว่าเป็นผู้ที่รู้จักเขาดีที่สุด? ผู้ที่รู้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status