ด้านนอกประตูไม้ มีเสียงร้องครวญครางดังขึ้นไม่หยุด ซึ่งทำให้ยี่ฝางตกใจจนแทบจะเป็นลมนางรู้ว่าพวกเขาได้รับการลงโทษแบบไหนกัน เพราะนางเคยใช้วิธีลงโทษนี้กับหัวหน้าทหาร... ไม่สิ องค์ชายของเมืองซีจิงการถูกตอน ตัดมันทั้งเป็น และดูมันกลิ้งไปบนพื้นเหมือนกับแมลงที่กำลังบิดตัวหากเขายอมส่งเสียงร้องครวญครางแค่เสียงเดียวก็ได้ คงไม่ถูกทรมานเขาต่อไป แต่เขายังกัดฟัน และปฏิเสธที่จะร้อง ดังนั้นทหารทั้งหมดจึงไปปัสสาวะตามบาดแผลและร่างกายของเขา จากนั้นก็ฟันร่างกายของเขาทีละครั้ง มองดูเลือดผสมกับปัสสาวะเมื่อก่อนตอนที่นางคิดถึงฉากนี้ ยี่ฝางก็รู้สึกสะใจแต่ตอนนี้พอนึกถึงฉากนั้น นางรู้แต่หวาดกลัวไปหมดซูลันจีหยิบกริชออกมา นางกรีดร้อ "อย่า อย่าเข้ามา"ซูลันจีโน้วตัวไปตัดเชือกที่อยู่รอบตัวของนาง เมื่อเห็นนางขดตัวกลมด้วยความกลัว ในใจโกรธถึงที่สุดแล้วรัชทายาทกลับถูกสัตว์ร้ายที่ขี้ขลาดอย่างนางทรมานเชือกถูกตัดออก และมือใหญ่ของเขาก็คว้าผมของนางไว้ ก่อนที่ลากนางออกไปความหนาวเย็นและความเจ็บปวดบนหนังศีรษะล้วนเข้ามาปกคลุมนาง นางน้ำตาคลอเบ้า เมื่อถูกลากออกไปนั้น ซูลันจีจับผมนางโดยทิ้งนางออกไปอย่างแรงมันเป็
และเมื่อนางคิดว่าพวกเขาจะทรมานนางต่อไป นางก็ถูกลากกลับไปที่บ้านไม้ และทุกคนก็ถูกลากกลับไปที่บ้านไม้กองไฟถูกจุดขึ้นในบ้านไม้ เนื่องจากมีลมพัดมาจากทุกทิศทุกทาง ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยที่พวกเขาได้รับมาได้แต่จากไฟถ่านนี้เท่านั้น ดังนั้นทุกคนต่างคลานไปทางไฟถ่านโดยหวังว่าจะขจัดความหนาวเย็นและความเจ็บปวดบนตัวออกกางเกงของยี่ฝางถูกถอดออกหมดแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่ต้นขาของนางทำให้นางไม่สามารถขยับขาได้ เนื่องจากในห้องอบอุ่นขึ้นมาหน่อยแล้ว เลือดจึงยังคงไหลอย่างช้าๆ และมีกองเลือดอยู่ใต้ร่างกายของนางแต่ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเจ็บมาก เลยไม่มีใครมองมาที่นาง มีเพียงเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่มีคนเข้ามา ป้อนยาให้นางชามหนึ่ง ยาที่ผสมกับกลิ่นปัสสาวะทำให้นางเกือบจะอาเจียนออกมาอีกครั้งนางไม่ได้อาเจียนเพราะกลัวว่าจะถูกฉี่อีก นางรู้สึกว่าเมื่อตกอยู่ในกำมือของซูลันจีแล้ว นางไม่มีทางรอดชีวิตได้ หากให้ยาพิษแก่นาง ก็เท่ากับให้นางตาย นางก็จะตายอย่างสบายๆ ก็ไดีหลังจากดื่มยาแล้ว องค์ชายสามคนนั้นก็เข้ามาใช้กำลังต่อยนาง ที่ใบหน้าและร่างกายมีบาดแผลไปทั่ว แต่เขาไม่ได้ใช้มีดมาฟันนาง นอกจากใบ
พวกซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือกำลังนั่งข้างๆ กองไฟเพื่อให้เพิ่มความอุ่นให้ร่างกาย และเม้มริมฝีปากที่แห้งแตก "มีหลักฐานใดที่ว่า นางอยู่ในกองทหารที่ล่าถอยของแคว้นซาหรือ""เปล่า แต่เมื่อสงครามเริ่มขึ้นนั้น นางก็ไล่ตามกลุ่มทหารของเมืองซีจิงไป จากนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย"เสิ่นว่านจือพูดอย่างเย็นชา "ถ้าอย่างนั้นก็ลองค้นหากองศพทั่วเมืองดูสิว่ามีนางหรือเปล่า""นางจะไม่ตาย" แววตาของจ้านเป่ยว่างฉายแววความโกรธ "เจ้าอย่าไปสาปแช่งนาง ต่างก็เป็นสมาชิกของกองทัพเป่ยหมิง เจ้าจะสาปแช่งสหายร่มกองของเจ้าได้อย่างไร"เสิ่นว่านจือพลิกฝ่ามือของนางแล้วพูดออกมาว่า "สงครมจบลงแล้ว ข้าไม่เป็นทหารอีกเลย อย่าพูดว่าข้ากับนางเป็นสหายร่มกองกัน นางไม่มีค่าพอ"จ้านเป่ยว่างโกรธมากจนไม่อยากพูดกับนาง เขามองไปที่ซ่งซีซี ก่อนพูดอย่างจริงจัง "เป็นข้าที่ทำผิดต่อเจ้า มันไม่เกี่ยวอะไรกับยี่ฝาง ถ้าทหารคนอื่นถูกจับ เจ้าจะไปช่วยชีวิตคนคนนั้นหรือไม่?"ซ่งซีซีถามกลับว่า "ถ้าเป็นทหารคนอื่นถูกจับ เจ้าจะปล่อยให้ทหารตั้งสองหมื่นคนเสี่ยงชีวิตเพื่อไล่ล่ากองทัพที่กำลังล่าถอยของศัตรูหรือไม่"จ้านเป่ยว่างพูดไม่ออกในทันที "นี่..."ซ่งซีซีกล
เมื่อจ้านเป่ยว่างได้ยินเช่นนี้ เขาก็โกรธจัด เขาคว้ามือของนาง แล้วเดินออกไปข้างๆ "ซ่งซีซี เจ้ารู้ว่านางถูกจับแต่ไม่ยอมไปช่วยเหลือนาง เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้ารู้ใช่ไหมว่านางอยู่ที่ไหน"เสิ่นว่านจือเฆี่ยนแส้ออไปเพื่อบังคับให้จ้านเป่ยว่างปล่อยมือของซ่งซีซี จากนั้นเขาก็ถอยออกไปก้าวหนึ่งเสิ่นว่านจือเดินเจ้าไปหาพร้อมกับน้ำเสียงเย็นชา "หากมีอะไรจะพูด ก็ให้รักษาระยะห่างเอาไว้ด้วย อย่าใกล้ชิดซีซีของเรามากเกินไป"จ้านเป่ยว่างเกลียดชังเสิ่นว่านจือสุดๆ เลย แต่เนื่องจากทักษะการต่อสู้ที่เก่งของนาง และนางไม่ใช่ลูกน้องภายใต้บังตับบัญชาของเขา เลยจัดการได้ยาก เขาจึงต้องอดทนไว้ แล้วถามซ่งซีซีต่อไป "เจ้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหนใช่ไหม?"ซ่งซีซีส่ายหัว "ข้าไม่รู้ นางอาจจะอยู่ในทะเลทราย บนทุ่งหญ้า หรือไม่ก็ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา แต่ไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหน เราจะปล่อยให้กองทัพซวนเจียทั้งหมดไปตามหานางคนเดียวไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป""แล้วเราจะรออะไรที่นี่ รอให้พวกเขาส่งคนกลับมาหรือ?" จ้านเป่ยว่างโกรธมากจนยืนตัวไม่นิ่งอีกเลยดวงตาของซ่งซีซียังคงสงบ "ใช่ รอให้พวกเขาส่งคนกลับมา"จ้านเป่ยว่างมองนางด้วยความประหลาดใจ "เ
ซ่งซีซีมองดูไฟค่อยๆ ตัดลง จากนั้นจึงเติมฟืนลงไปสองสามฟืน นางมองดูไฟกลืนกินฟืนแห้งอย่างรวดเร็ว ไฟได้รุนแรงขึ้น ภาพที่สะท้อนในดวงตาของนางคือ ภาพที่นางกลับมาบ้านท่านพ่อแม่ของนางจากจวนแม่ทัพ และมองเห็นศพเต็มบ้าน มีเลือดเต็มพื้นความเจ็บปวดอันหนักหน่วงจากใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทำให้นางหายใจลำบากด้วยนางจะไม่อยากให้ยี่ฝางตายได้ยังไง? แต่การปล่อยให้นางตาย อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในแก้แค้นนางคิดเช่นนั้น ซูลันจีก็คงคิดเช่นนั้นเช่นกันดังนั้น นางคิดว่าซูลันจีจะไม่ฆ่ายี่ฝาง ที่ผู้บังคับบัญชาให้นางนำกองทัพมารออยู่ที่นี่ อาจเพราะซูลันจีได้ส่งคนไปส่งข่าวให้ผู้บังคับบัญชาแล้วผู้บังคับบัญชาเคยบอกว่า ที่เมืองอีลี่มีสายลับของตัวเอง ดังนั้นก็คงมีสายลับที่ซีม่อนเช่นกันปล่อยให้พวกเขารออยู่ที่นี่เป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และยังเป็นความต้องการของซูลันจีด้วยพอตกดึก ทุกคนต่างก็ทั้งเหนื่อย ง่วงนอน และหิวโหด มันไม่ได้หนาวเพราะมีเชื้อฟืนมากพอที่จะให้กองไฟมีไฟอยู่คนจากทางด้านหลังส่งอาหารมาให้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ข้าวผัด แต่ก็สามารถให้ทหารอิ่มท้องได้ในสนามรบ ไม่สนว่ามันคืออาหารอะไร กินได้หมดแหละแม่ทัพ
จ้านเป่ยว่างมองนางอย่างอึ้งๆ เขาไม่ทันพูดอะไรอีก ก็ถูกนางพูดตัดหน้าไปก่อนใช่สิ นางเป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย และเป็นแม่ทัพชั้นห้าในราชสำนัก คำพูดที่นางพูดอย่างเบาๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยพลังงานคนที่เขานำมาไม่เยอะเท่าไร เลยหวังว่ากองทัพซวนเจียจะไปกับเขาด้วยผู้คนของเขาเหนื่อยล้ามากแล้ว แต่กองทัพซวนเจียก็พักอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เขาคิดว่าหากพวกเขาเผชิญหน้ากับกองทัพเมืองซีจิงหรือชนเผ่าเร่ร่อน กองทัพซวนเจียก็สามารถต่อสู้ได้เขากระซิบว่า "ข้าต้องการนำกองทัพซวนเจียไปด้วย ถือว่าข้าขอร้องเจ้า ซีซี เมื่อก่อนเป็นข้าที่ทำผิดกับเจ้า เจ้าสามารถลงโทษข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ แต่เรารอมาเกือบสองวันแล้ว ยี่ฝางรอไม่ได้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดนาง เมื่อตามหานางเจอ เราสองคนยอมมาขาโทษต่อหน้าเจ้า"ใบหน้าที่ซูบผอมของซ่งซีซีเผยสีหน้าเย็นชา "มันไม่เกี่ยวอะไรกับความแค้นส่วนตัว กองทัพซวนเจียไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว"จ้านเป่ยว่างกำมัดแน่นแล้วพูดว่า "ซ่งซีซี ข้าก้มหน้ามาขอร้องเจ้าแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก"เสิ่นว่านจือเยาะเย้ย "เจ้าก้มหน้าให้แล้วแล้วไงเล่า ท่าทางที่เจ้าขอร้องคนอื่นนี่ดูจริงใจจริงๆ สินะ
สีหน้าของจ้านเป่ยว่างเปลี่ยนไปทันที "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาอยู่บนภูเขา? พวกเขาต้องการคำอธิบายอะไรกัน"ซ่งซีซีเดินออกไปสองสามก้าว จ้านเป่ยว่างเดินตามนางไปอย่างง่อยๆ เมื่อซ่งซีซียืนนิ่ง เขาก็มองดูนางอย่างเงียบๆลมพัดเสียงดัง และเสียงของซ่งซีซีก็เบามาก "ถ้าเจ้าสงบสติอารมณ์แล้วค่อยตั้งใจฟังดู เจ้าจะได้ยินเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงลม"จ้านเป่ยว่างสงบลงเพื่อตั้งใจฟัง แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงลมทักษะการต่อสู้ของเขาสู้ซ่งซีซีไม่ได้ และความแข็งแกร่งภายในกำลังยิ่งต้อยกว่า จะได้ยินการเคลื่อนไหวบนภูเขาได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าลมพัดแรงเช่นนี้ ต้องฟังเสียงหายใจของคนเกือบแสนคนด้วยเขารู้สึกว่าซ่งซีซีกำลังเล่นฝีมืออะไรอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธ "บอกข้าสิ พวกเขาต้องการคำอธิบายอะไร""ใช้สมองของเจ้าไปคิดดูสิ ทำไมผู้คนตั้งหนึ่งแสนคนอยู่บนภูเขาไม่ยอมล่าถอย ทำไมพวกเขาถึงต้องจับยี่ฝาง แล้วทำไมพวกเขาถึงไปสนามรบเขตหนานเจียงหลังจากทำสัญญาสันติภาพแล้วล่ะ"หลังจากซ่งซีซีพูดจบ นางก็เดินกลับโดยปล่อยให้จ้านเป่ยว่างยืนอยู่ที่นั่นตามลำพังด้วยใบหน้าซีดเซียวพระอาทิตย์อัสดงสะท้อนใบหน้าที่มืดมนและห
เมื่อฟ้ามืด กองทัพก็ลงมาจากภูเขาทันทีที่กองทัพเริ่มเคลื่อนไหว พวกซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือก็รู้เรื่องแล้ว จากนั้นมองหน้ากันซ่งซีซียืนขึ้นและออกคำสั่งว่า "กองทัพทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม และต้องเก็บอาวุธไว้ในมือ"กองทัพซวนเจียทั้งหมดยืนขึ้น ถือโล่และอาวุธไว้ในมือ จากนั้นตั้งแถวอย่างรวดเร็วทหารของเมืองซีจิงเดินทัพอย่างรวดเร็ว กลุ่มทหารลงมาจากภูเขาและแบ่งออกเป็นสามแถว เดินเคียงข้างกันคนข้างหน้าถือคบเพลิง ห่างทุกๆ สิบคนก็มีคนถือคบเพลิงเพื่อส่องสว่างถนนบนภูเขามีน้ำแข็ง ตามหลักแล้ว หากเดินเร็วจะลื่นล้มได้ง่าย พอมีคนลื่นต้องทำให้ทั้งกลุ่มต้องลื่นไปด้วยแต่พวกเขากลับเดินอย่างมั่นคง เห็นได้ชัดว่ารองเท้าของพวกเขาทำมาเป็นพิเศษประเทศเมืองซีจิงร่ำรวยและทรงเจริญ ความแข็งแกร่งทางการเงินก็เผยให้เห็นอย่างดีในขณะนี้พวกเขาใช้การกระทำเพื่อให้ชาวซางเห็นว่าหากมีสงครามขนาดใหญ่กับเมืองซีจิง ชาวซางจะไม่ได้เป้นฝ่ายได้เปรียบแน่ในไม่ช้า ทหารของเมืองซีจิงตั้งหนึ่งแสนนายก็ยืนอยู่บนทุ่งหญ้าและเผชิญหน้ากับกองทัพซวนเจียแต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยืนนิ่งๆจ้านเป่ยว่างรีบวิ่งเข้าไปตะโกนว่า "พวกเจ้าพายี่ฝางไปที