ตอนนี้อวิ๋นเซียงเยว่ไม่สนใจเรื่องอื้อฉาวของครอบครัว แต่นางก็ตกใจเพราะคำข่มขู่ของซ่งซีซี กลั้นน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ และภายใต้การชี้บอกของซ่งซีซี จึงพาแม่ พี่สะใภ้ ป้าๆ น้าๆ เดินไปที่ห้องโถงของจวนป๋อผิงซีในจวนป๋อผิงซี หวังเชียงยังไม่เลิกงาน มีเพียงนางหลานที่เป็นคนนำเหล่าสาวใช้และหญิงรับใช้มาเผชิญหน้ากับพวกนางหลายคนนางไม่เคยเผชิญกับการต่อสู้เช่นนี้ ดังนั้นจึงส่งคนไปเชิญหวังชิงหลู แต่หวังชิงหลูได้ยินว่าซ่งซีซีมา นางยิ่งไม่เต็มใจที่จะออกมาในท้ายที่สุด นางจีก็รู้เรื่อง ออกมาควบคุมสถานการณ์แม้ว่าจะมีไข้สูงก็ตามเมื่อซ่งซีซีเห็นนาง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร ไม่ได้เจอนางแค่ไม่กี่วัน นางซูบผอมไปมาก สีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแดงก่ำเพราะพิษไข้ แค่เดินยังต้องมีคนช่วยพยุง ท่าทางอิดโรยอ่อนแอมากในอดีตซ่งซีซีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางจี ตอนนี้เมื่อรู้ว่านางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของศิษย์พี่ห้า ก็ยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับนางมากขึ้น เมื่อเห็นว่านางไม่สบายขนาดนี้ ยังต้องออกมาจัดการเรื่องยุ่งเหยิงของหวังชิงหลู จึงพูดว่า “ถ้าคุณหนูสามไม่ออกมา งั้นก็เชิญฮูหยินผู้เฒ่าออกมาเถอะ จะให้คนป่วยออกมากำกับดูแลได้อย่างไ
เมื่อนางจีเห็นนางร้องไห้อย่างสิ้นหวัง ก็เห็นใจในความทุกข์ของนางที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ในใจรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักนางรู้ว่าถ้าหากเซียงเยว่ไม่ถูกบีบจนสิ้นหวัง นางคงไม่มาโวยวายให้เป็นที่ขายหน้าถึงที่นี่สีหน้าของนางเข้มขึ้นพูดว่า “ไปพาคุณหนูสามออกมา ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม”จิ่นซิ่วพาหญิงรับใช้อีกหลายคนไปที่นั่น ทันทีที่พวกนางออกไป นางจีมองไปที่อวิ๋นเซียงเยว่แล้วพูดว่า “เจ้ามาที่นี่ เพื่อให้คำอธิบายกับตัวเอง ดังนั้นไม่ว่านางจะพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือเรื่องโกหก เจ้าจงใช้ความรู้สึกของตัวเองแยกแยะผิดถูกก็พอ เมื่อแยกแยะได้แล้ว เจ้าจะมีคำอธิบายสำหรับตัวเอง และรู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไรต่อ”อวิ๋นเซียงเยว่เช็ดน้ำตา เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียว นางไม่ได้สวยมาก แต่ก็มีความหยิ่งในตัวเอง “ขอบคุณป๋อผิงซีฮูหยินมากเจ้าค่ะ”นางเหลียงยังอธิบายให้นางจีและซ่งซีซีฟังอีกว่า พวกนางรู้สึกเสียใจกับลูกสาว บวกกับที่มีญาติมามากมาย เพราะต้องการความยุติธรรมจริงๆพวกนางไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างลู่ซื่อชินกับหวังชิงหลู ต่อมาเซียงเยว่ก็รู้เรื่อง กลับมาบอกที่บ้าน ทางบ้านพูดโน้มน้าวว่ามันเป็นเพียงควา
หวังชิงหลูหลบสายตา ทำเช่นไรก็ไม่ยอมนั่งลงสนทนา เพียงแค่กล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้นเป็นเรื่องผิดพลาดเพราะความเมา ข้ามองผิดเห็นเขาเป็นเจ้าสิบเอ็ดฝาง แต่เขาสติแจ่มชัด เขารู้ว่าข้าเป็นใคร ดังนั้นแม้ข้าจะมีความผิด แต่เขาทำผิดมากกว่า”“สิ่งที่เขาบอกข้า ไม่เหมือนกัน เขาบอกว่าแม้เจ้าจะดื่มมาก แต่ไม่ได้เมา รู้ว่าเขาเป็นใคร ตอนที่พวกเจ้าอยู่ด้วยกัน เจ้ายังเรียกชื่อเขา” อวิ๋นเซียงเยว่กลั้นน้ำตาสุดชีวิต แต่น้ำเสียงยังคงสั่นเทา“เขาโกหก” หวังชิงหลูสีหน้าลำบากสับสน รีบมองซ่งซีซี จากนั้นก็ร้องตะโกน “เขาโกหก เขากล้ามาหาข้าเพื่อเผชิญหน้าหรือ? ตอนนั้นข้าร้องเรียกก็คือเจ้าสิบเอ็ดฝาง”ซ่งซีซีแม้ไม่มีประสบการณ์วินิจฉัยคดี แต่ผ่านเรื่องราวมากมาย นางยังจำได้ว่าตอนนั้นคนที่นางเรียกคือเจ้าสิบเอ็ดฝาง พิสูจน์ว่าตอนนั้นนางไม่ได้เมามายเพียงนั้น ไม่ถึงขั้นแยกเจ้าสิบเอ็ดฝางและลู่ซื่อชินไม่ออกอวิ๋นเซียงเยว่พลันกล่าวสิ่งใดไม่ออก แต่นางเหลียงแม่ของนางนั้นสมองยังแจ่มชัด หัวเราะเสียงเย็น “ไม่ใช่เมาจนเหลวเป็นโคลนหรือ? เหตุใดจึงยังจำได้ว่าคนที่ตัวเองเรียกชื่อผู้ใด? หากเมาเพียงสามส่วน เช่นนั้นเจ้าก็รู้แน่ชัด คนผู้นั้นไ
คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนล้วนตกตะลึงครอบครัวที่นางเหลียงพามาต่างก็ไม่รู้จักเด็กที่กล่าวถึง แม้แต่อวิ๋นเซียงเยว่ก็ไม่รู้ ดังนั้นคนที่ตกตะลึงมากที่สุดก็คือนาง นางไม่กล้าเชื่อจนเดินถอยหลังไปสองเจ้า แทบจะแตกสลายแล้วความจริงตอนแรกนางเหลียงไม่แน่ใจ แต่หลังร้านขายยาเย่าหวังเกิดเรื่อง ตอนที่นางส่งคนไปสืบหวังชิงหลู หาหมอท่านนั้นเจอ หมอท่านนั้นและสามีนางมีมิตรไมตรีต่อกันพอดีเมื่อถามว่าเหตุใดหวังชิงหลูอยู่ที่ตระกูลจ้านจึงรักษาเด็กเอาไว้ไม่ได้ ท่านหมอบอกสาเหตุกับนาง หนึ่งในการคาดเดา เป็นเพราะหวังชิงหลูเคยตกเลือดจนทำให้เกิดการบาดเจ็บท่านหมอไม่รู้ว่าภายในมีเรื่องราวมากมาย คิดว่าสตรีรักษาเด็กในครรภ์ไม่ได้เป็นเรื่องปกติทั่วไป อาการตกเลือดหารักษาไม่ดี ก็จะทำร้ายร่างกายแต่นางเหลียงไม่รู้ว่าหวังชิงหลูเคยมีลูกกับเจ้าสิบเอ็ดฝางหรือไม่ มือของนางยื่นเข้าไปไม่ถึงตระกูลฝาง จึงไม่อาจตรวจสอบได้ดังนั้นเรื่องทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดาของนางนางเห็นท่าทางหวังชิงหลูกำเริบเสินสานเพียงนี้ ดังนั้นจึงพูดสิ่งที่นางคาดเดาทำเหมือนเป็นเรื่องจริงออกมา เพียงเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้นาง เพื่อไม่ให้นางพูดพร่ำไปเรื่อยเปื่อย อ
ซ่งซีซีส่งคนไปร้านขายยาเย่าหวังเชิญหงเชวี่ยมาบาดแผลที่หน้าผาไม่ลึกมา เลือดหยุดไหลอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ก่อให้เกิดผลร้ายแรงใดแต่นางก็ยังเป็นไข้ตัวร้อนอยู่หลายวัน เดิมทีร่างกายอ่อนแอมากอยู่แล้ว โมโหอีก ตอนนี้ไฟเข้าแทรกหัวใจ อาเจียนเลือดสดออกมา คนก็หมดสติไปมุมหางตานางมีน้ำตาไหลออกมาตลอด ซ่งซีซีช่วยเช็ดให้นาง ไม่ว่าจะเช็ดอย่างไร น้ำตานั้นก็เหมือนกับไหลไม่หมด“หงเชวี่ย อาการเป็นเช่นไร?” ซ่งซีซีถามหลังจากหงเชวี่ยตรวจชีพจรหงเชวี่ยถอนหายใจ “ฮูหยินไข้สูงมาหลายวัน เมื่อครู่ลูบหลังให้นาง ปอดมีปัญหา อีกทั้งนางลมปราณตับติดขัด เลือดลมติดชะงัก ยาก่อนหน้านี้เบาเกินไป เดิมควบคุมไม่อยู่ ขั้นแรกให้กินยาที่มีฤทธิ์แรงเพื่อล้างตับและดับไฟ ปรับลมในปอด รอให้หายดีแล้ว ค่อยๆ บำรุงกลับมา แต่ห้ามกังวลมากเกินไปอีก”กล่าวจบ หงเชวี่ยเรียกนางออกไป กระซิบกล่าว “ลมปราณตับติดขัดรุนแรงมาก นี่เกิดจากอารมณ์โกรธ ไม่รู้นางซ่อนเรื่องใดไว้ ไม่ยอมพูด ตัวเองเก็บเอาไว้จนอึดอัด”ซ่งซีซีรู้ว่ากังวลใจเรื่องหวังเบียวเกี่ยวข้องกับคดีสมรู้ร่วมคิด ส่งผลกระทบต่อครอบครัว ตอนที่นางส่งเซียนเกอเอ๋อร์ออกไปฝึกยุทธกับกุ้นเอ๋อร์ ศิษย์น้อ
เสิ่นว่านจือวันนี้ไปตระกูลฝาง ลุงลู่ป่วยแล้ว แล้วก็เชิญชิงเชวี่ยแห่งร้านขายยาเย่าหวังไปด้วยค่ำแล้วนางยังไม่ได้จากไป เรื่องของหวังชิงหลูจากข้างนอกลอยเข้ามาเช่นกัน แต่ฮูหยินของฝางเทียนสวีแยกันแล้ว ห้ามบอกให้อาสะใภ้รองรู้แต่ก็ซ่อนไว้ได้ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพงก็ช่างเถอะ ยังต้องท้องลูกนอกสมรสด้วย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางไม่ได้เป็นสามีของหวังชิงหลูอีกต่อไป ได้รับผลกระทบหนักมากถึงเช่นไร เรื่องก็เกิดขึ้นตอนอยู่ที่ตระกูลฝางมีคนบอกว่า เจ้าสิบเอ็ดฝางไม่ได้เรื่องด้านทางนั้นใช่หรือไม่ จึงตัดใจให้หวังชูหลูมีชู้? มิฉะนั้นเวลานั้นเหตุใดอยู่บนสนามรบไม่นาน ก็เกิดเรื่องเช่นนี้แล้วมีคนบอกว่าหวังชิงหนูไม่อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน ควรไปขังไว้ในกรงหมูยังมีคนบอกว่าลู่ซื่อชินไร้ยางอาย ลูกพี่ลูกน้องไม่สนใจเรื่องความรัก ตระกูลฝางใจดีเก็บเขาไว้ เขายังไม่รู้จักยางอาย เรียกง่ายๆ ว่าไม่ใช่คนคำพูดเหล่านี้พูดไปพูดมา ลู่ซื่อชินและหวังชิงหลูเป็นผู้สมควรโดนลงโทษ เจ้าสิบเอ็ดฝางเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์หลังจากจ้านเป่ยว่างถูกคนกล่าวถึงสองสามครั้ง คิดว่าครอบครัวพวกเขาต่อให้เกิดเร
น้ำตาของหวังชิงหลูไหลไม่หยุด “แต่เขาไม่มีอนาคต เขาไปเป็นทหารตัวเล็กๆ ต่อไปข้าจะพบผู้คนได้เช่นไร? ข้าไม่อยากให้ตัวเองน้อยเนื้อต่ำใจ ตอนนั้นซ่งซีซีกับเขาแยกทางกัน ยังขอราชโองการโดยเฉพาะ เห็นได้ว่าตัดสินใจแยกทางแล้ว ข้าจะแพ้นางได้เช่นไร?”หงเอ๋อร์ในใจนางคิดว่าเจอหน้าผู้คนไม่ได้เช่นนี้ กลับไม่กล้ากล่าวออกมา เพียงกล่าวว่า “เรื่องเหล่านี้จะมาเปรียบเทียบกันได้เช่นไร? แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนแย่กว่าพระชายาเป่ยจิ้งอ๋อง แต่ก็มีคนที่ดีกว่านางมาก เทียบกับนางได้ แต่เทียบกับคนอื่นได้หารือ?”หวังชิงหลูน้ำท่วมปาก “ก่อนหน้านี้เหตุใดเจ้าไม่บอกเช่นนี้กับข้า?”“ก่อนหน้านี้บ่าวพูด ท่านก็ฟังไม่เข้าหู” หงเอ๋อร์ปิดผ้าม่าน กล่าว “คนขับ ไปเถอะ”หวังชิงหลูพิงเก้าอี้ผ้าปักสีแดง ภายในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้นประหลาด จู่ๆ นางก็นึกได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงไม่มีใครต้องการนางแล้วจริงๆนางไม่อาจเป็นเหมือนซ่งซีซี ผ่านการหย่าร้างแล้ว ยังสามารถได้สามีอย่างชินอ๋องที่หน้าตาหล่อเหลาและเก่งสงครามทันใดนั้นนางก็จับมือของหงเอ๋อร์เอาไว้ ถามด้วยใบหน้าซีดเผือด “หงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าจากนี้ไปจ้านเป็นว่างจะถูกเขาผสมความดีความชอบกองทัพด้
แต่ว่า รายงานของพ่อบ้านทำให้นางประหลาดใจกิจการที่นางขายทิ้ง มีคนรับช่วงต่ออย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังให้ราคาสูง ถึงขั้นสูงกว่าราคาตลาดหนึ่งถึงสองส่วนนางดูแลครอบครัวมาตั้งหลายปี เรื่องซื้อขายกิจการเคยทำมาหลายต่อหลายครั้ง โดยพื้นฐานแล้วมักเดินไปตามแนวโน้ม มีหนึ่งถึงสองห้องที่เคยทดลองได้ราคาสูงเล็กน้อย แต่ทุกอย่างที่ขายไปเมื่อเร็วๆ นี้กลับได้ราคาสูงขึ้นมา นางจึงรู้สึกสงสัยอย่างมากนางถึงขั้นสงสัย พระชายารู้ว่านางขายเปลี่ยนกิจการใช่หรือไม่ นึกว่านางร้อนเงิน ดังนั้นจึงให้ราคาสูงนางถามสัญญาการซื้อขายจากพ่อบ้าน เห็นชื่อของผู้ซื้อบ้านคือกู่เสี้ยวเฟิง นางไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน“จวนเป่ยหมิงอ๋องมีพ่อบ้านชื่อกู่เสี้ยวเฟิงหรือไม่?” นางจีถามพ่อบ้าน“ไม่เคยได้ยินมาก่อน”“แล้วผู้ซื้อรายนี้คือใคร?” นางจีกังวลในใจ ซื้อกิจการที่นางขายในราคาสูงกว่าตลาดนี้ เกรงว่าจะมีปัญหาตามทีแต่คิดให้ละเอียด ทุกอย่างล้วนเป็นโฉนดสีชาด ลงทะเบียนเรียบร้อย มีพยาน สัญญาถูกต้อง จะมีปัญหาใดตามมาได้เล่า?”“เอาล่ะ อย่าเพิ่งสนใจเลย ที่เหลือก็ไม่ต้องขายแล้ว ป้องกันท่านแม่ตกใจ” นางจีกล่าวเรื่องขายกิจการ นางปิดบังฮูหยิน