Share

บทที่ 1136

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
“ร่ำรวย ถึงตาเจ้ามองโลกในแง่ร้ายเมื่อไหร่กันที่?” ไม่รู้ว่าหวังเยว่จางโผล่มาจากไหน ทันใดนั้นเขาก็มายืนอยู่ข้างหลังพวกนาง ทั้งกายสวมอาภรณ์หรูหรา “คนที่ทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเจ้ายังพยายามและกระตือรือร้นถึงเพียงนั้น เจ้ามีทั้งเงิน ความสามารถ และรูปโฉม เรียกได้ว่ามีทุกสิ่งที่สตรีในใต้หล้านี้ล้วนใฝ่ฝันถึง แต่เพราะความล้มเหลวครั้งเดียว กลับหดหู่ไร้ความสุข เจ้าทำถูกต่อผู้พิพากษาที่ให้เจ้ามาเกิดใหม่ในครรภ์ที่ดีเช่นนี้หรือไม่”

เสิ่นว่านจือหันกลับไปมองเขา เงาร่างที่สูงใหญ่ของเขาเกือบจะห่อหุ้มนางไว้ ใบหน้าหล่อเหลายังคงดูอิสระ ผิวสีข้าวสาลีของเขาเปล่งประกายจาง ๆ ภายใต้โคมไฟที่หน้าระเบียง ดวงตาของเขากลมและดำขลับเหมือนลงสี ดูไม่ออกเลยว่าเขาพูดจริงจังหรือประชดประชัน?

“ไป พาเจ้าไปบินสักรอบ” หวังเยว่จางเอื้อมมือไปจับข้อมือของนางไว้โดยตรง กระโดดขึ้นไปในอากาศ ทั้งสองร่างก็เหินไปเหมือนกับเหยียบสายสมแล้วโบยบินไป เสิ่นว่านจือทำอะไรไม่ถูกมาก วิชาตัวเบาของเจ้าห้าหวังดีถึงเพียงนี้เชียว?

นางเข้าใจมาโดยตลอดว่าเจ้าห้าหวังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ล้วนครึ่งๆ กลางๆ

ซ่งซีซีเอียงศีรษะ ศิษย์พี่ห้าไม่เห็นหรือว่านางก็อยู่ต
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1137

    หวังเยว่จางเงียบ หยิบกาสุราขึ้นมาแล้วกระดกอึกใหญ่ จากนั้นเก็บไข่มุกราตรีกลับไป ห่อมันอย่างดีแล้วใส่ลงไปในกล่อง แสงโดยรอบพลันก็หายไป เหลือเพียงพระจันทร์เสี้ยวและดวงดาวมากมายบนท้องฟ้าเสิ่นว่านจือไม่คิดมาก่อนเลยว่าหวังเยว่จางจะมีประสบการณ์ชีวิตเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินซีซีพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนในอดีตมักที่จะชอบไปหอเริงรมย์ ไม่ใช่ไปเพื่อฟังแม่นางเหล่านั้นขับร้อง แต่เป็นเป่าเพลงให้แม่นางทั้งหลายฟัง บุคลิกที่เสเพลนั้นของเขา จะเป็นคุณชายจากจวนป๋อได้อย่างไร?ในขณะที่เขานิ่งเงียบ เสิ่นว่านจือก็จินตนาการบทงิ้วชิงความโปรดปรานในเรือนหลังไปร้อยแปดพันเก้าแล้วเขาบอกว่าตอนที่เขาเกิด เป็นเขาที่ดวงเสริมบิดา เช่นนั้นย่อมต้องได้รับความโปรดปรานอย่างมาก บุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยาคนหนึ่งได้รับความโปรดปราน นั่นก็หมายความว่ากำลังท้าทายท่านแม่ใหญ่และบุตรชายที่เกิดจากฮูหยินเอก ส่วนเรื่องที่ว่ามารดาเล็กเป็นคนแบบไหน ยังไม่รู้ชั่วคราว แต่ก็คิดว่าไม่ใช่คนที่ร้ายกาจอะไร ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถึงขั้นปล่อยให้เจ้าห้าหวังออกมาระเห็ดระเหินอยู่ข้างนอก มีบ้านแต่กลับไปไม่ได้“เป็นฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีไม่ให้เจ้ากลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1138

    หวังเยว่จางกลับไม่พูดแล้ว เพียงร่ำสุราอย่างเงียบๆ ดื่มหมดไปหนึ่งกา ยังคิดที่จะแย่งของเสิ่นว่านจือ เสิ่นว่านจือรู้สึกว่าเขาดื่มมากเกินไปแล้ว จะอย่างไรก็ไม่ยอมให้ ทั้งสองคนจึงเริ่มไล่กันอยู่ที่ชั้นบนสุดของตึกว่างจิงแห่งนี้ บรรยากาศในตอนนี้จึงมิได้อึมครึมเหมือนเมื่อสักครู่อีกสุดท้ายเสิ่นว่านจือก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ซีซี แม้ว่านางจะไม่ได้สัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ แต่เนื่องจากหวังเยว่จางไม่อยากให้คนอื่นรู้ ยังลากนางมานั่งปรับทุกข์ บ่นให้ฟังอย่างกับเป็นสหายสตรีกัน ชาวยุทธ์ ไม่มีใครมาพูดไร้สาระแบบนี้หรอกนะอย่างไรก็ตาม ช่วงไม่กี่วันนี้หวังเยว่จางมักจะไปเตร็ดเตร่แถวจวนป๋อผิงซี ดึงดูดความสนใจของค่ายลาดตระเวนเมื่อลู่เจินนำเรื่องนี้มาบอกแก่ซ่งซีซี ซ่งซีซีก็รู้สึกแปลกๆ เหตุใดศิษย์พี่ห้าจึงมักจะไปเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น? เพราะมีคนรู้จัก?ในคืนนั้นเมื่ออีกฝ่ายกลับมาทานอาหารเย็น นางก็ถามหวังเยว่จาง "ศิษย์พี่ห้า พักนี้ท่านกำลังยุ่งอะไรอยู่?"หวังเยว่จางเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "ก็ไม่ได้ยุ่งอะไร แค่เดินเล่นไปเรื่อย"“ไปเดินเล่นแถวจวนป๋อผิงซีเป็นประจำน่ะหรือ?”ทันใดนั้นหวังเยว่จางก็ตวัดสายตาไปจ้องเส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1139

    หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีก็ลากเสิ่นชิงเหอเข้าไปในห้องหนังสือ ทั้งสองคนขนาบชิดทั้งฝั่งซ้ายและขวา ไม่ให้เขาเหลือหนทางได้ซ่อนตัว ถูกผลักเข้าไปในห้องหนังสือทั้งแบบนี้“ไม่เป็นสุภาพชน ช่างไม่เป็นสุภาพชนเอามากๆ” ตอนนี้เสิ่นชิงเหอเป็นอาจารย์แล้ว คำพูดในบางครั้งที่พูดออกมาจึงไปทางอวดรู้ “อย่าผลักๆ ดันๆ กัน”แต่เสิ่นชิงเหอก็ยังคงถูกกดลงบนเก้าอี้ไม้ ถูกศิษย์น้องและศิษย์น้องหญิงมองมาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น เขาพูดด้วยความโกรธว่า “อยากถามอะไรก็ถามมาตรงๆ”เซี่ยหลูโม่ถามขึ้นก่อน "คำถามแรก ที่พักนี้ศิษย์พี่ห้ามักจะไปเตร็ดเตรแถวจวนป๋อผิงซี เป็นเพราะได้รับคำสั่งใดจากศิษย์อาหรือว่าท่านอาจารย์หรือไม่? หรือว่าสืบเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหวังเบียวได้แล้ว?”ซ่งซีซีถามขึ้นอย่างจริงจังมากกว่า “คำถามที่สอง ข้ารู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าสายตาที่ศิษย์พี่ห้าใช้มองจือจือในคืนนี้มันไม่ปกติเอามากๆ แถมท่านยังไม่ทะเลาะกับจือจือแล้วด้วย นี่ผิดปกติเล็กน้อยจริงๆ ศิษย์พี่ใหญ่ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?"ศิษย์พี่ใหญ่คนนี้มีจุดดีอยู่ข้อหนึ่ง รู้ว่าอะไรควรและไม่ควรพูด มีขอบเขตอยู่ในใจยกตัวอย่างเช่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1140

    เสิ่นชิงเหอเล่าเรื่องที่เหลือออกมาหลังจากที่หวังเจียวเจียวถูกโยนออกไป นักพรตปีศาจก็คิดว่าเขาไม่รอดแล้ว แม้จะยังไม่ตาย แต่เมื่อถึงเวลาก็จะถูกหมาป่าลากไปกิน แทะจนไม่เหลือกระดูกอยู่ดีเขาไม่ได้รู้เลยว่าเหรินหยางอวิ๋นบังเอิญเดินผ่านไปแถวนั้น และได้ยินเสียงร้องแผ่วเบาของเด็กทารกในเวลากลางคืน ด้วยความสนใจที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา คิดว่าตัวเองได้พบกับผีแล้ว จึงมุ่งหน้าตรงไปยังที่มาของเสียงร้องไห้นั้นหลังจากเห็นว่าเป็นหวังเจียวเจียว เขาก็ผิดหวังมากก่อนอื่น นี่ไม่ใช่เด็กทารก แต่เป็นเด็กอายุห้าถึงหกขวบคนหนึ่งเรื่องที่สอง นี่ไม่ใช่ผี แต่เป็นเด็กที่มีขนาดตัวเพียงสามถึงสี่ขวบที่ป่วยหนักและกำลังจะตาย แถมไม่รู้ว่าถูกโยนทิ้งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว เท้าข้างหนึ่งของเขาถูกหนูแทะจนเละ มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดนอกจากนี้ยังมีงูพิษอยู่ใกล้ๆ โชคดีที่หวังเจียวเจียวกำลังจะตายด้วยอาการป่วยและไม่ขยับเขยื้อน งูจึงไม่โจมตีเขาเหตุใดถึงไม่บอกว่าเด็กคนนี้โชคดีมากเล่า? เขากำลังจะตายแล้ว แต่กลับถูกเหรินหยางอวิ๋นพากลับไป ป้อนน้ำข้าวให้เขาดื่มหลายวันติด ถึงให้เขาเปลี่ยนไปกินอาหารยาติดต่อกันสองมื้อ เขาจึงกลับมามีชีวิตอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1141

    เสิ่นชิงเหอกลับไม่รู้เรื่องนี้ “หวังจั่นไม่ได้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์งั้นหรือ หรือว่าคนที่อาจารย์ส่งไปตรวจสอบ ตรวจสอบผิดพลาด?”“ถามอาจารย์หยูก็จะรู้เอง” เซี่ยหลูโม่กล่าวทันทีอาจารย์หยูได้รับเชิญให้มาที่ห้องหนังสือ ถามไถ่ถึงเรื่องจวนป๋อผิงซีในปีนั้น ซึ่งเขาก็ทราบจริงๆ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละครอบครัวของบรรดาขุนนางชั้นสูง ตั้งแต่รุ่นที่สามขึ้นไป เขารู้บ้างเพียงเล็กน้อย ใช่ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“หวังจั่นไม่เคยเป็นจริงๆ ในเวลานั้นท่านผู้เฒ่าป๋อยังป่วยอยู่ ไม่ได้สืบทอดตำแหน่งซื่อจื่อ หลังจากที่เขาคว้าชัยในการรบกลับมา ก็ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เขาเป็นซื่อจื่อ หลังจากที่เขาเป็นซื่อจื่อแล้ว สุขภาพของท่านผู้เฒ่าป๋อก็ค่อยๆ ดีขึ้น ในที่สุดก็หายดี จึงเลื่อนเรื่องสืบทอดบรรดาศักดิ์ออกไป ต่อมาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายท่านผู้เฒ่าป๋อก็ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้หลานชายคนโตหวังเบียวเป็นซื่อซุน ซึ่งเห็นชัดเจนว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นที่นี่ แต่คนนอกไม่รู้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีผู้ที่รู้เรื่องอาจมีแค่ป๋อผิงซีผู้หลักผู้ใหญ่เท่านั้นที่รู้ และฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีคนปัจจุบันก็คงรู้เช่นกัน”เรื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1142

    อาจารย์หยูและหัวหน้าลู่ใช้เส้นสายของตัวเองเพื่อถามไถ่เรื่องราวในอดีตนี้เริ่มต้นจากการสอบถามไปยังญาติผู้ใหญ่ในสายตระกูลป๋อผิงซี ถามแล้ว พวกเขาต่างก็บอกว่าเด็กคนนั้นถูกไฟคลอกตาย บอกว่าฮูหยินหวังจั่นเศร้าใจเพราะเรื่องนี้มาเป็นเวลานานเห็นได้ชัดว่า นี่คือเรื่องที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมด เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เหรินหยางอวิ๋นสืบมาได้ในตอนแรก ซึ่งมันเป็นเพียงส่วนที่ปรากฏให้เห็นภายนอกเท่านั้นจากการสอบสวนทางนี้ จ้านเป่ยว่างและหวังชิงหลูได้แยกทางกันแล้ว ทั้งคู่ต่างสบายดี และการหย่าร้างเป็นไปด้วยดีทั้งสองฝ่ายต่างตกลงกัน ไม่มีข้อพิพาทใดๆ นำสินเดิมกลับคืน ตอนนั้นที่แต่งงานอยากจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจในเมืองหลวงใจแทบขาด แต่ตอนนี้อยากจะทำตัวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ดังนั้นนางจึงบอกนางจีว่า รู้เรื่องที่จวนแม่ทัพประสบปัญหายากลำบาก ดังนั้นจึงไม่ต้องการของชิ้นใหญ่ๆ ไม่เอากองผ้าห่ม กล่อง และหีบใส่ของพวกนั้นไป ต้องการเพียงสิ่งของที่อ่อนนุ่ม เครื่องประดับผ้าไหม เป็นต้น ส่วนทรัพย์สินที่เป็นสินเดิมนั้น นางให้คนนำออกมาก่อนแล้วนางจีไม่ได้ลงมือทำเอง แต่แค่ส่งให้ดูแลบ้านไปเท่านั้นแม่สามีกับหวังชิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1143

    ที่นางลู่จะมาโวยวายถึงที่ ความจริงแล้วก็มีสาเหตุสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะข้างนอกมีข่าวลือมากเกินไป หลายคนรู้ว่าลู่ซื่อชินรับผิดชอบด้านวัตถุดิบตัวยาในร้านขายยาเย่าหวัง ทุกวันมีคนเยอะมากจนเป็นปัญหา ซึ่งปัญหาไม่ได้เกิดจากคนไข้ แต่ทั้งหมดล้วนเกิดจากลู่ซื่อชิน ที่สบประมาทผู้อื่นสิ่งนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร้านขายยาเย่าหวัง คนไข้ถึงกับเบียดเสียดกันเข้าไปไม่ได้เลย ด้วยความจำใจ หมอมหัศจรรย์ดันที่เพิ่งกลับมาจากการเก็บยาได้ประกาศด้วยตัวเองว่า ลู่ซื่อชินจะถูกไล่ออกจาก นับจากนี้ไปเขาจะไม่ได้เป็นคนของร้านขายยาเย่าหวังอีกอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ในที่สุดตระกูลฝางก็ตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่ง ลู่ซูเหรินแม่ของเจ้าสิบเอ็ดฝางพึงพอใจมาก และฝ่ายหญิงก็เห็นพ้องต้องกัน แค่รอเจ้าสิบเอ็ดฝางยอมรับก็สามารถทำการหมั้นหมายได้แล้วพวกเขาไม่รู้เลยว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ครอบครัวของฝ่ายหญิงก็ส่งแม่สื่อมาถึงที่ ขอยกเลิกเรื่องนี้ ให้ถือว่าไม่เคยคุยกันเรื่องการแต่งงานของลูกๆ ในอดีตทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อดื่มชาและพูดคุยลู่ซูเหรินโกรธมากจนนางต้องบึ่งกลับไปบ้านเดิม ให้ผู้อาวุโสของตระกูลลู่ทวงความเป็นธรรมให้ผู้อาว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1144

    ตอนนี้อวิ๋นเซียงเยว่ไม่สนใจเรื่องอื้อฉาวของครอบครัว แต่นางก็ตกใจเพราะคำข่มขู่ของซ่งซีซี กลั้นน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ และภายใต้การชี้บอกของซ่งซีซี จึงพาแม่ พี่สะใภ้ ป้าๆ น้าๆ เดินไปที่ห้องโถงของจวนป๋อผิงซีในจวนป๋อผิงซี หวังเชียงยังไม่เลิกงาน มีเพียงนางหลานที่เป็นคนนำเหล่าสาวใช้และหญิงรับใช้มาเผชิญหน้ากับพวกนางหลายคนนางไม่เคยเผชิญกับการต่อสู้เช่นนี้ ดังนั้นจึงส่งคนไปเชิญหวังชิงหลู แต่หวังชิงหลูได้ยินว่าซ่งซีซีมา นางยิ่งไม่เต็มใจที่จะออกมาในท้ายที่สุด นางจีก็รู้เรื่อง ออกมาควบคุมสถานการณ์แม้ว่าจะมีไข้สูงก็ตามเมื่อซ่งซีซีเห็นนาง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร ไม่ได้เจอนางแค่ไม่กี่วัน นางซูบผอมไปมาก สีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแดงก่ำเพราะพิษไข้ แค่เดินยังต้องมีคนช่วยพยุง ท่าทางอิดโรยอ่อนแอมากในอดีตซ่งซีซีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางจี ตอนนี้เมื่อรู้ว่านางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของศิษย์พี่ห้า ก็ยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับนางมากขึ้น เมื่อเห็นว่านางไม่สบายขนาดนี้ ยังต้องออกมาจัดการเรื่องยุ่งเหยิงของหวังชิงหลู จึงพูดว่า “ถ้าคุณหนูสามไม่ออกมา งั้นก็เชิญฮูหยินผู้เฒ่าออกมาเถอะ จะให้คนป่วยออกมากำกับดูแลได้อย่างไ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1480

    ฉีฮูหยินใหญ่เข้าเฝ้าในวัง ครานี้นางมาโดยได้รับคำสั่งจากเจ้ากรมฉี เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัดเจน เมื่อฮองเฮาทรงได้ยินว่าบิดาทรงตัดสินใจจะวางตัวเป็นกลาง ก็มิอาจระงับโทสะได้ ตรัสเย็นชา “แต่ก่อนให้ข้าช่วยสนับสนุนตระกูลฉี ข้าก็มิเคยปฏิเสธ บัดนี้เมื่อข้าต้องการให้พวกท่านช่วยบ้าง กลับถอยหนีไปหมดสิ้น ข้าช่างไม่เข้าใจเลยจริงๆ หากองค์ชายใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลฉีจะไม่ได้รับผลดีเลยหรือ? หรือบิดามั่นใจว่าต่อจากนี้ตระกูลฉีจะราบรื่นไร้ปัญหา?” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างใจเย็น “ความหมายของบิดา คือเพียงอยากเป็นขุนนางผู้ภักดี มิอาจข้องเกี่ยวเรื่องนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฮ่องเต้” “ช่างน่าขันนัก!” ฮองเฮาทรงหัวร่อเยาะ “เปรอะเปื้อนมลทินไปทั้งตัว บัดนี้ยังมีหน้ามาอ้างตนว่าเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์? เหตุใดจึงไม่พูดเช่นนี้ให้เร็วกว่านี้เล่า? เช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องแต่งเข้าวังมา ปล่อยให้ข้าดิ้นรนต่อสู้เพียงลำพัง” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าว “แม้บิดาจะมีความผิดพลาดในเรื่องส่วนตัว แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในกรมขุนนาง ก็รับใช้แผ่นดินและฮ่องเต้โดยซื่อสัตย์ ไม่เคยขายตำแหน่งขุนนางหรือรับสินบน” ฮองเฮาทรงแค่นเสียง “ทำหรือไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1479

    ฮองเฮาเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้เสียเมื่อไร? แม้แต่ฮ่องเต้ทรงกริ้วพระนางอย่างที่สุด ก็เพียงแค่ทรงตำหนิเล็กน้อย หรือไม่ก็ทรงมีรับสั่งกักบริเวณพระนางเท่านั้น “เซี่ยหลูโม่เป็นตัวอะไร? เขาถึงได้กล้าถึงเพียงนี้! บังอาจมาทำอวดดีต่อหน้าข้า! ข้าเห็นว่าเขาสร้างผลงานไว้ จึงเป็นห่วงเรื่องเชื้อสายของเขา เขาคิดว่าข้าไม่มีเรื่องใดให้ทำ นอกจากยุ่งเรื่องของเขารึ? เขาไม่ชอบก็แล้วไป ยังมีคนที่ชอบอีกมาก!” ฮองเฮาทรงกริ้วจนปวดพระเศียร ไม่เคยพบผู้ใดที่ไม่รู้คุณคนเช่นนี้มาก่อน ความน้อยพระทัยของพระนางทำให้หลานเจี่ยนกูกูงุนงงนัก เดิมทีเรื่องนี้ก็แค่หาข้ออ้างเพื่อบีบให้พระชายาอ๋องต้องยอมเข้าวังมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเชื้อสายของจวนอ๋องจริงๆ แล้วล่ะ? หลานเจี่ยนกูกูคิดว่าฮองเฮาทรงหาข้อแก้ตัวให้พระองค์เองเพราะทรงโกรธ แต่ข้อแก้ตัวเช่นนี้ดูจะไร้ความจำเป็นไปมาก เพียงทำให้พระองค์เองขุ่นเคืองยิ่งขึ้นเท่านั้น นางจึงเอ่ยปลอบ “พระนางอย่าได้กริ้วไปเพคะ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นการหาพระชายารองให้เขาจริงๆ นี่เพคะ” ฮองเฮาทรงตวัดพระเนตรมองนางด้วยความไม่พอพระทัย ก่อนตรัสด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1478

    เซี่ยหลูโม่เห็นเขามีท่าทางอิดโรย ประกอบกับอู๋ต้าปั้นก็ได้นำฎีกากลับไปแล้ว จึงกล่าวว่า “น้องมีเรื่องหนึ่งขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถาม “เรื่องอันใด?” เซี่ยหลูโม่ดวงตาสงบนิ่งเย็นชา “น้องอยากไปตำหนักฉางชุนสักคราพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเข้าใจทันทีว่าเป็นเรื่องอันใด เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง ถึงขั้นเกือบทำให้ผู้ตรวจการสวี่ต้องสิ้นชีพ จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ต้องการเผชิญหน้า จึงรับสั่งให้เขาไปตามต้องการ เซี่ยหลูโม่ถวายบังคมลา มุ่งหน้าสู่ตำหนักฉางชุนทันที ฮองเฮาทรงทราบถึงเจตนาของเขา จึงให้คนไปเชิญเข้ามา นางเห็นว่าซ่งซีซีปฏิเสธการแต่งตั้งพระชายารองให้เซี่ยหลูโม่ เป็นเพราะซ่งซีซีขี้หึงและเห็นแก่ตัว ทว่าชายใดเล่าจะคิดเช่นนั้น แม้จะกล่าวคำโตเพียงใด ก็ไม่อาจกลบซ่อนสันดานดิบของบุรุษได้ แม้ฮ่องเต้จะทรงอุทิศพระองค์เพื่อราชกิจ ไม่เสด็จเยือนฝ่ายในบ่อยนัก แต่ก็ยังมีสนมมากมายถึงสามวังหกตำหนัก เมื่อเจอคนถูกพระทัย ก็ยังทรงพลิกป้ายให้เข้าพบเดือนละสามสี่ครั้ง ฉีฮองเฮาทรงเห็นว่าไม่มีแมวตัวใดไม่ชอบกินปลา รวมถึงเซี่ยหลูโม่เองก็เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1477

    เซี่ยหลูโม่เอ่ยขึ้น "แล้วเสด็จพี่มีแผนการอย่างไร?" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสตอบ "เดิมที หากข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามเดือน ข้าจะตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พร้อมตั้งขุนนางที่ไว้ใจได้อีกสองสามคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการ ส่วนองค์ชายรอง จะถูกส่งไปประจำอยู่ที่หนานเจียง และปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เช่นนี้จะช่วยลดอำนาจของตระกูลฉีลงได้" เซี่ยหลูโม่เอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าน้องจะไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญนี้" เขาเข้าใจดีว่า หากเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ย่อมต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับจักรพรรดิ์ซูชิง และสิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ คำสั่งห้ามให้เขามีทายาท เช่นนั้น แม้เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ สุดท้ายก็ต้องคืนตำแหน่งจักรพรรดิ์ให้กับราชวงศ์ จักรพรรดิ์ซูชิงมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาแล้วถอนพระปัสสาสะเบาๆ "เรื่องมากมายก็มิอาจปิดบังไปจากเจ้าได้ ข้าเคยคิดจะให้เจ้าสาบานว่า เจ้าจะไม่มีบุตร ไม่มีทายาท ข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าทำได้เพียงเท่านี้" เซี่ยหลูโม่เข้าใจความหมายของจักรพรรดิ์ซูชิง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ การมีหรือไม่มีบุตร ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเพียงลำพัง ซีซีมีสิทธิ์ที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1476

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนสีพระพักตร์จะค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น "หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสามปี แต่ก่อนหน้านี้ หมอหลวงเคยบอกว่า ข้าน่าจะอยู่ได้หนึ่งปี ทว่าผ่านไปไม่นาน กลับเหลือเพียงแค่หกเดือน ข้าคิดว่า คำของหมอทั้งหลาย เมื่อมาถึงตัวข้า ก็ควรจะต้องลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ เช่นนั้น หนึ่งปีครึ่งที่เหลือ อาจจะไม่ได้มีจริงด้วยซ้ำ" "เสด็จพี่ อย่าทรงคิดในแง่ร้าย..." จักรพรรดิ์ซูชิงยกพระหัตถ์ขึ้นปราม "เจ้าฟังข้าก่อน บัดนี้ ข้ามีสติแจ่มชัด มิได้เลอะเลือน เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ต้องรีบจัดการ แต่ปัญหาคือ ข้าไม่กล้าตั้งใคร ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่จะเติบโตขึ้นปกครองแผ่นดิน มหาเสนาบดีแก่ชราลงแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะฝากบ้านเมืองไว้ในมือใครได้ นอกจากเจ้า" เซี่ยหลูโม่มิได้เอ่ยสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่า ความไว้วางใจและความระแวงของเสด็จพี่ล้วนเกิดขึ้นโดยไร้หลักการ มันมักมาเป็นระยะๆ "ข้า มีพระโอรสสามองค์ เดิมทีมีองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทโดยธรรมชาติ ตำแหน่งรัชทายาทจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่องค์ชายใหญ่ เขาธรรมดาเกินไป ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนัก แต่เขา ขี้เกียจ หยิ่งยะโส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1475

    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกลับต้องพบว่า ดูหรือไม่ดู ก็ไม่ต่างกันเลย เพียงเห็นว่าหมอมหัศจรรย์ดันคีบเข็มไว้ในซอกนิ้วทั้งห้า แล้วในพริบตาเดียว เข็มสี่เล่ม ก็ปักลงจุดได้อย่างแม่นยำ พวกเขาแทบมองเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาของมือหนึ่งข้างเท่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับแม่นยำและมั่นคง ราวกับว่าทุกอย่างจบลงในพริบตาเดียว ทั้งสี่จุด แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่การจะหา จุดฝังเข็ม ให้ถูกต้อง และปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำโดยไม่ลังเลนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่หมอมหัศจรรย์ดันกลับทำได้ในพริบตาเดียว หลังจากฝังเข็มแล้ว เขาจึงให้จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยซูซื่อตันเพื่อบรรเทาอาการปวด ผลของยาระงับปวดชัดเจนมาก สีพระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นทันตา ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ หมอมหัศจรรย์ดันถอนเข็มออก ก่อนจะเขียนตำรับยา จากนั้นจึงหยิบยาดันเสวี่ยออกมาจากหีบยา แล้วกล่าวว่า "ทุกคนต่างคิดว่ายาดันเสวี่ย ใช้เพียงเพื่อบำรุงชีพจร แต่แท้จริงแล้ว มันช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงอวัยวะทั้งห้า ได้ด้วย ต่อไป ฮ่องเต้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ยานี้จึงจำเป็นต้องช่วยคุ้มครอง ตับและไต โดยปกติ ควรเสวยทุกเจ็ดวันหนึ่งเม็ด แต่บัดน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1474

    จักรพรรดิ์ซูชิง ทรงเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนมีพระบัญชาให้จัดเตรียมห้องพักในตำหนักข้างเคียงของตำหนักเฉียนหยาง พร้อมทั้งส่งแพทย์จากสำนักหมอหลวงมาคอยดูแลหมอมหัศจรรย์ดัน พร้อมกันนั้น ทรงมีพระบัญชาให้จางฉีเหวินและฉีกุ้ยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของหมอมหัศจรรย์ดัน คอยติดตามดูแลเขาตลอดเวลา พระองค์ทรงทราบดีว่าจางฉีเหวินเป็นศิษย์ของเสิ่นว่านจือ การให้เขาคุ้มครองหมอมหัศจรรย์ดัน ก็เพื่อให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกวางใจ แต่เพื่อให้พระองค์เองก็วางใจได้เช่นกัน จึงทรงส่งฉีกุ้ยไปด้วยอีกคน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังมีพระบัญชาให้สำนักหมอหลวงปฏิบัติตามคำสั่งของหมอมหัศจรรย์ดันเป็นอันดับแรก อำนาจนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว พระองค์หวังให้สำนักหมอหลวงเป็นฝ่ายจัดหายา หมอมหัศจรรย์ดันมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ขอเพียงมีคนทำตามคำสั่งก็เพียงพอแล้ว แต่จากการที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงส่งจางฉีเหวินและฉีกุ้ยไป อาจมองออกได้ว่า พระองค์มิได้ไว้วางพระทัยผู้คนจากฝ่ายใน บัดนี้ พระองค์และหมอมหัศจรรย์ดัน มีชะตาเดียวกัน หากหมอมหัศจรรย์ดันตาย พระองค์ก็ตาย หากหมอมหัศจรรย์ดันมีชีวิตอยู่ พระองค์ก็อาจอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามปี สามปีไม่ยาว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1473

    ณ ตำหนักเฉียนหยาง อู๋ย่วนเจิ้งและหมอหลวงหลินยืนอยู่ด้านข้างเซี่ยหลูโม่กับอู๋ต้าปั้นก็อยู่ข้างเตียง ต่างเฝ้ารอให้หมอมหัศจรรย์ดันตรวจชีพจร หลังจากตรวจชีพจรแล้วหมอมหัศจรรย์ดันถามถึงบันทึกชีพจรในอดีตและสูตรยาที่ใช้รักษาก่อนหน้านี้ หมอหลวงหลิน นำบันทึกมาให้เขา พลางกล่าวด้วยท่าทีเคารพ “หมอดัน โปรดตรวจดูเถิด” ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าเรียกเขาว่าหมอมหัศจรรย์อีกแล้ว เพราะสำนักหมอหลวงก็เคยผ่านการกวาดล้างครั้งใหญ่เช่นกัน หมอมหัศจรรย์ดันรับบันทึกมา เปิดดูทีละหน้า ภายในตำหนักเงียบสนิท มีเพียงเสียงกระดาษที่เขาพลิกเท่านั้นที่ดังขึ้น ทุกคนกลั้นหายใจ นี่คือความหวังสุดท้าย หากหมอมหัศจรรย์ดันบอกว่าพระอาการมีเวลาเพียงสามเดือน เช่นนั้นก็เหลือเวลาเพียงสามเดือนจริงๆ จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ดวงตาหดเล็กลง ฝ่าพระหัตถ์ชื้นไปด้วยเหงื่อ พระองค์กำลังรอคอยคำพิพากษาครั้งสุดท้าย หมอมหัศจรรย์ดัน ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว อ่านจนครบทุกหน้า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเอ่ยถาม “บันทึกชีพจรระบุว่ามีอาการปวดต่อเนื่องกว่าหนึ่งเดือน กลางคืนมิอาจข่มพระเนตร และแทบไม่อาจเสวยได้เลย” นี่เป็นเพียงการกล่าวยืนย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1472

    ซ่งซีซีกล่าว “หากหมอมหัศจรรย์ดันยอมเข้าวังมา ก็ย่อมจะทำเต็มกำลังแน่นอนเพคะ” ไทเฮาทรงนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นน้ำพระเนตรก็ร่วงเงียบๆ “แม้จะทำสุดความสามารถ แต่ก็ยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ ขอเพียงสามารถยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ให้จัดการเรื่องรากฐานแผ่นดินให้เรียบร้อย” เห็นพระนางหลั่งน้ำตาซ่งซีซีก็พลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเสด็จแม่กล่าวว่า ไทเฮาเป็นสตรีที่มีจิตใจเข้มแข็งนัก หยาดน้ำตาของพระองค์มีค่ามาก ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ก็ไม่เคยยอมหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว นางไม่รู้ว่าควรปลอบพระทัยอย่างไร และก็นึกได้ว่า สิ่งที่ไทเฮาต้องการตอนนี้ คงไม่ใช่คำปลอบโยน นางจึงทำได้เพียงเฝ้าอยู่เคียงข้างอย่างเงียบๆ เซี่ยหลูโม่เดินทางไปยังร้านขายยาเย่าหวัง และได้พบกับหมอมหัศจรรย์ดัน วันนี้หลังจากมีพระบัญชาเรียกเข้าวัง อาจารย์หยูก็มาที่ร้านขายยาเย่าหวังเพื่อแจ้งข่าว ดังนั้นหมอมหัศจรรย์ดันจึงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ครั้งนี้ เขาไม่ได้พาศิษย์ไปด้วย แต่เดินทางกับเซี่ยหลูโม่เพียงลำพัง ชิงเชวี่ยและหงเชวี่ยอยากตามไปด้วย แต่ถูกเขาดุไล่ให้กลับไป บนรถม้าเซี่ยหลูโม่รับปากกับเขาว่าจะปกป้องท่านให้ปลอด

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status