Share

บทที่ 1061

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
อันหวินหลูยังคงนวดต่อไปและถามเบาๆ "องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้แม่ทัพซูตกลงที่จะถอนกำลังทหารกลับแล้ว ท่านวางแผนจะทำอะไรกับเซี่ยงผิงเพคะ"

“อยากขอร้องให้เมตตากับนางหรือ”

อันหวินหลูลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "นางมีเจตนาที่จะสังหารองค์หญิง ไม่อาจให้อภัยได้ แต่ขุนนางหญิงมีน้อยอยู่แล้ว ถึงยังไงเซี่ยงผิงยังมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไป ส่วนข้าคงไม่มีโอกาสก้าวไปอีกขั้นแล้ว องค์หญิงใหญ่ยอมให้โอกาสนางอีกครั้งหีือไม่?”

ดวงตาขององค์หญิงใหญ่เหลิ่งอวี่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง "นางไม่มีโอกาสแล้ว"

“นางแค่ต้องการล้างแค้นให้รัชทายาทด้วย…”

“อันหวินหลู!” องค์หญิงใหญ่เหลิ่งอวี่ผลักมือของนางออกไปและเตือนอย่างเอาความว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าตำแหน่งของนางยากที่จะมีผู้หญิงคนอื่นจะดำรงได้ ก็ยิ่งไม่ควรขอร้องให้นาง พวกเจ้ากว่าจะมีทุกวันนี้ได้ก็ใช่ว่าเรื่องง่าย ไม่กล้าทำผิดแม้แต่น้อย แค่ความผิดเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจถูกจับผิดให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ โดยเฉพาะนาง นางควรระวัดระวังยิ่งกว่าใครอีก ก่อนจะตั้งสินใจทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน ต้องคำนึงถึงว่าขุนนางหญิงเป็นยาก อย่าให้คนอื่นมาดูถูกได้ แต่นางกลับไปไกล เอาแต่คิดเรื่องการแก้แค้น ถึง
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
เวธกา วรรธวริฐ
จบดื้อๆแบบนี้เหรอ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1062

    ยี่ฝางตกใจมาก นางไม่เคยลืมหมู่บ้านทั้งสองแห่งนี้เลยนางหายใจเข้าลึกๆ วางข้อศอกลงบนพื้น แล้วคลานไปข้างหน้า "ไม่ ไม่ ข้าจะไม่ไป พวกเจ้าจะพาข้ากลับไปที่เมืองหลวงของซีจิงมิใช่หรือ?""แน่นอนว่าจะพาเจ้ากลับไป" อันหวินหลูพูดอย่างเย็นชา "เอาแค่หัวของเจ้ากลับไปก็พอ ไม่เสียแรง"ยี่ฝางตกใจจนตัวสั่น และคว้ารั้วเหล็กด้วยมือสองข้างอย่างยากลำบาก "ไม่ ขอร้องล่ะ อย่าส่งข้าไปหมู่บ้านสุราชิง พวกเจ้าพาข้าไปเมืองหลวง ฆ่าข้าต่อหน้าสุสานของรัชทายาทเลย"ใบหน้าของอันหวินหลูเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "เจ้ามีสิทธิ์ใดไปสุสานของรัชทายาทตอนเป็นๆ ยี่ฝาง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่ คิดว่าสามีขี้ขลาดของเจ้าจะมาช่วยเจ้าหรือ อย่าฝันไปเลย เขาไม่มาหรอก""ไม่ เจ้าเข้าใจผิด" ยี่ฝางกลอกตาไปมาอย่างประหม่า "ข้าสำนึกผิดจริงๆ ข้าไม่ควรใช้วิธีที่โหดร้ายเช่นนี้กับชาวบ้านในเมืองลู่เปินเอ่อร์ ข้าทำผิดแล้ว ข้าก้มหัวกราบให้ ไม่ขอร้องให้พวกเจ้ายกโทษให้ข้า แค่ขอให้พาข้ากลับไปที่สุสานของรัชทายาท และให้ข้าไปกล่วขอโทษด้วยตนเอง""มันน่าขำจริงๆ" อันหวินหลูมองเหยียดลง ทำลายคำหลอกลวงของนาง "เราได้รับรายงานว่าจ้านเป่ยว่างไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1063

    อันหวินหลูถือโคมไฟแล้วเดินไปทาง ฮั่วหย้าถิง เซี่ยงผิง ด้านนอกเซี่ยงผิงไม่ได้ถูกควบคุมตัวไว้ แต่นางก็รู้ด้วยว่าชะตากรรมที่กำลังรอนาง อยู่คือยังไงกันนางไม่กลัวตาย ตราบใดที่เห็นยี่ฝางถูกหั่นเป็นชิ้นๆ นางก็เต็มใจที่จะตาย"ข้าบอกนางไปแล้ว นางกลัวมาก" อันหวินหลูมองไปที่ฮั่วหย้าถิง จากนั้นเหลือบมองเซี่ยงผิงเรียบๆ"เป็นการดีที่จะปล่อยให้นางสัมผัสกับความกลัวก่อนตาย" ฮั่วหย้าถิงกล่าว"นางตายแล้ว งั้นข้าก็ตายหลับตาได้" เซี่ยงผิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และน้ำตาก็ไหลออกมาราวกับแม่น้ำที่ไหลล้นตลิ่งฮั่วหย้าถิงกล่าวว่า "แต่เดิมเจ้าไม่ต้องตาย เรื่องการฆ่ายี่ฝางมันเป็นเรื่องต้องทำอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับทำเรื่องโง่ๆ ไปก่อน"เซี่ยงผิงปาดน้ำตา "ข้าไม่เสียใจเลย แม้ว่าให้ข้าเลือกอีกครั้ง ข้าก็ยังจะทำเช่นนี้"ความโกรธแวบขึ้นมาในดวงตาของอันหวินหลู "เจ้ายังพูดแบบนั้นอยู่เหรอ? เจ้าไม่สำนึกผิด ทำไมต้องยอมรับความผิดต่อหน้าองค์หญิงใหญ่เล่า แล้วบอกว่าเจ้าเสียใจ"ลมยามค่ำคืนพัดเสื้อผ้าของเซี่ยงผิง และทำเอาผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาและปลายจมูกของนางเป็นสีแดง แต่มีความเกลียดชังและไม่ยอมอย่างลึกซึ้งในก้นตา "ข้าไม่ต้องก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1064

    ดวงตาที่โกรธแค้นและแสดงความเกลียดชังนั้นรวมตัวกันเป็นเปลวไฟ ดูเหมือนว่าเปลวไฟจะลุกไหม้ได้ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนถูกย่างบนกองไฟความหวาดกลัวปกคลุมหน้าอกของนาง เกือบจะบีบหัวใจของนางจนแตกออกไปได้เสียงตะโกนของพวกเขาสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า "ฆ่านาง ฆ่าปีศาจตัวนี้ เพื่อสังเวยดวงวิญญาณของชาวบ้านที่ถูกสังหารหมู่ในสวรรค์"ยี่ฝางตกใจมากจนฉี่ราดมีขี้ออกด้วย นางซุกตัวอยู่ในรถนักโทษ ไม่กล้าที่จะลืมตามองดูพวกเขา แต่ได้ยินเสียงเรียกร้องให้ฆ่าไปทั่วซูลันซือยกแขนขึ้นแล้วตะโกนว่า "ชาวบ้านทั้งหลายถอยออกไปก่อน และช่วยเปิดทางให้พวกเราด้วย เราจะส่งเพชฌฆาตคนนี้ไปที่หลุมศพต้าเกิง เมื่อไปถึงที่นั่น ข้าจะปล่อยนางออกมาแล้วแต่ทุกคนจะจัดการเลย...แต่มีข้อหนึ่ง ต้องเก็บศีรษะของนางกลับเมืองหลวงเพื่อรายงานให้ฝ่าบาท ดังนั้นทุกคนสามารถตัดเนื้อบนตัวของนางออกทีละชิ้นได้ แต่ห้ามสับศีรษะของนาง ไม่งั้นฝ่าบาทจะจำนางไม่ได้"ทุกคนรอคอยวันนี้มานานมากแล้วจริงๆแม้ว่าทุกคนโมโหจนตาแดง แต่ไหนๆ นักโทษก็ถูกส่งมาแล้ว ไม่ต้องรีบร้อนเช่นนี้ รอให้นำตัวไปที่หลุมศพต้าเกิงก่อนแล้วค่อยจัดการกับนาง เพื่อถวายดวงวิญญาณของบุคคลที่เสีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1065

    นั่นเป็นสุสานขนาดใหญ่ สูงเท่าเนินเขา มีป้ายหลุมศพขนาดใหญ่สลักชื่อไว้มากมายความกลัวของยี่ฝางถึงจุดสูงสุด และนางส่งเสียงกรีดร้องและขอความช่วยเหลือองครักษ์คนหนึ่งเปิดประตูรถนักโทษ จากนั้นคว้าผมของนางเพื่อดึงนางออกมา และโยนนางลงไปที่พื้น ยี่ฝางรู้สึกว่าร่างกายสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด และขดตัวพลางคลานไปด้านข้างองครักษ์รีบคว้าผมของนางและลากไปที่หลุมศพขนาดใหญ่ด้านหน้า เขากดนางไว้ที่หน้าหลุมศพ ชี้ไปที่ชื่อบนนั้นแล้วคำรามว่า "ชื่อพวกนี้ เจ้าอ่านได้หรือไม่ ล้วนเป็นคนที่ถูกเจ้าฆ่าตาย"ยี่ฝางส่ายหัวด้วยความตื่นตระหนก "ไม่ ไม่ใช่ข้า…"ก่อนที่นางจะพูดจบ ชาวบ้านที่ขุ่นเคืองก็รุมเข้าไปหานางเสียงร้องโอดโอยของยี่ฝางดังมาจากฝูงชนและก้องอยู่ในหุบเขา ทำให้นกบินกระจายออกไปด้วยความตกใจเมฆสีดำรวมตัวกันจากทุกทิศทุกทาง ปกคลุมท้องฟ้าให้ตกอยู่ในความมืดทันที และทันใดนั้นฟ้าร้องก็คำรามเสียงดัง กลืนกินเสียงกรีดร้องของยี่ฝางเลือดไหลออกมาจากฝูงชนเหมือนลำธารเล็กๆพวกเซี่ยงผิงและอันหวินหลูที่อยู่ข้างนอกนั้นไม่รู้ว่าพวกเขาปฏิบัติต่อยี่ฝางอย่างไร แต่จากงเสียงร้องโอดโอยและคราบเลือดบนมีด ขวาน และจอบที่ร่วงหล่นจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1066

    เขาหายเฮือกใหญ่ ราวกับมีมือใหญ่บีบหัวใจของเขาเอาไว้ ทำให้เขาหายใจไม่ออกเลย"เจ้าเป็นอะไร" หวังชิงหลูถูกปลุกให้ตื่นขึ้น จากนั้นก็เห็นเขาลุกขึ้นนั่งและมีท่าทางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงถามอย่างหงุดหงิดว่า "เจ้าฝันร้ายอีกแล้วหรือ?"ช่วงนี้เขาฝันร้ายบ่อยๆ และไม่รู้ว่าได้ทำสิ่งเลวร้ายไปมากขนาดไหนเชียวสิ่งที่ทำให้หวังชิงหลูรำคาญมากที่สุดก็คือหลายครั้งที่เขาฝันร้ายมักจะเรียกชื่อยี่ฝางเมื่อเห็นเขาเงียบและเอาแต่กุมหน้าอกและหายใจเฮือกใหญ่ นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชาว่า "ฝันถึงยี่ฝางอีกแล้วหรือ? ฝันว่านางตายหรือเปล่า?""นางตายแล้ว" จ้านเป่ยว่างพึมพำโดยไม่รู้ว่าบนใบหน้านั้นเป็นน้ำตาหรือเหงื่อบนกันเชียว "เหมือนจริงมาก ข้าฝันว่านางถูกชาวบ้านฟันจนตาย ตายอย่างอนาถ ขนาดศีรษะถูกตัดออกด้วย มีเลือดออกเต็มพื้น และร่างกายถูกฟันจนไม่น่ามอง"เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ในกลางดึกเช่นนี้ หวังชิงหลูก็รู้สึกชาที่หนังศีรษะและดุว่า "เอาล่ะ นางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็เป็นเรื่องของนาง เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย รีบเข้านอนได้แล้ว"จ้านเป่ยว่างลุกจากเตียงด้วยเท้าเปล่า "เจ้านอนเถอะ ข้าจะไปนอนที่ห้องหนังสือ"หวังชิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1067

    จ้านเป่ยว่างไม่ได้สนใจนาง กลับเดินโซเซขึ้นไปบนบันไดหินแล้วผลักประตูเข้าไปข้างในมืดสนิท และเขาคลำหาอยู่นานกว่าจะพบไม้จุดไฟและจุดตะเกียง แสงไฟสลัวๆ ส่องสว่างทุกสิ่งในเรืองมงคลที่นี่เรียบง่ายมาก โต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องเรือนล้วนเป็นของธรรมดาๆ ทั้งสิ้น ของล้ำค่าจริงๆ คือประตูและหน้าต่าง นางใช้ไม้เหล็กเพื่อเสริมความแข็งเขาแค่นั่งอยู่ที่นี่อย่างว่างเปล่า ปล่อยให้หวังชิงหลูสาปแช่งอยู่ข้างนอกหวังชิงหลูด่าอยู่พักหนึ่ง แต่เขาก็ยังคงเพิกเฉย หวังชิงหลูจึงพูดด้วยความโกรธว่า "ในเมื่อเจ้าเอาแต่หวนนึกถึงคนอดีต งั้นเราสองคนก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากัน หย่ากันเถอะ"คำว่า "หย่า" กระทบจิตใจของเขาและพาเขากลับมาจากความทรงจำที่สิ้นหวังเขาเงยหน้าขึ้น และแสงไม่สามารถส่องเข้าถึงดวงตาของเขา "หย่า?""หย่าเลย!" หวังชิงหลูโยนร่มและตะเกียงออกไปแล้วตากฝนเข้าไปด้วยท่าทางบ้าคลั่ง "ไหนๆ ข้าก็หย่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่สนใจว่าจะมีครั้งที่สอง จ้านเป่ยว่าง ในใจของเจ้าไม่มีข้า และข้าก็ไม่ชอบเจ้า เจ้าสิบเอ็ดฝางยังไม่ได้แต่งงาน เขาต่างหากที่เป็นสามีของข้า ข้าจะไปหาเขา"จ้านเป่ยว่างอึ้งไปพักหนึ่ง "เจ้าสิบเอ็ดฝางงั้นเหรอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1068

    ชีวิตของหวังชิงหลูแย่มากในช่วงนี้จ้านเป่ยว่างไม่มีความก้าวหน้า และทำงานได้ไม่ดี ฝ่าบาทเอือมระอาเขา แต่ช่วงนี้มีคนไปโรงงานเย็บปักซู่เจินจริงๆหมินซู่เจิน ผู้หญิงที่นางดูถูกมาก แม้กระทั่งตั้งชื่อโรงงานด้วยชื่อของนาง หลังจากที่นางเสียชีวิตและพี่สะใภ้ยืนยันว่าการตายของนางหมินเกี่ยวข้องกับนาง ดังนั้นโรงงานเย็บปักซู่เจินจึงเหมือนกับเข็มที่ทิ่มเข้าไปอยู่ในลำคอของนาง กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ทำให้รู้สึกอึดอัดมากนอกจากนี้ยังมีจ้านเส้าฮวน ซึ่งถูกจวนโหวไล่ออกจากบ้าน เดิมทีนางควรทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่กลับหยิ่งมาก ชอบหาเรื่องที่ที่ นางไม่ชอบขี้หน้าอีกฝ่ายมากทีเดียวบัดนี้อยากจะหาสามีใหม่แล้ว น่าขำจริงๆ แต่ก่อนจ้านเส้าฮวนชอบพูดว่าผู้หญิงถูกหย่า ว่าซ่งซีซีเสร็จก็มาว่านางต่อ บัดนี้จ้านเส้าฮวนเองก็กลายเป็นผู้หญิงถูกหย่าด้วย ไม่ จ้านเส้าฮวนเป็นอนุที่ถูกหย่า นางไม่แม้แต่เป็นภรรยาเอกมาด้วยซ้ำแต่กลับมาตีวัวกระทบคราดต่อหน้านางไปวันๆ บอกว่าพี่สะใภ้ก็เมหือนแม่ ควรจะหาคู่ครองใหม่ให้นางทว่าจ้านเส้าฮวนเป็นคนชอบฝันกลางวัน ยังคิดจะแต่งงานเข้าตระกูลชั้นสูง ต่อให้เป็นอนุภรรยาก็ได้ แต่ต้องเป็นตระกูลชั้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1069

    หวังชิงหลูไม่รู้ว่าควรจะไปยังไงต่อ จึงคิดว่างั้นก็ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละเพราะถึงยังไงนางเป็นผู้เสนอการหย่าก่อน ส่วนจ้านเป่ยว่างก็ตอบตกลงอย่างหุนหันพลันแล่น หากพวกเขาหย่ากันจริงๆ เขาคงไม่สามารถหาภรรยาได้อีกมีใครอีกที่ชอบเขา? เว้นแต่เขาจะมองหาแม่ค้าหรือไม่ก็หญิงสาวจากครอบครัวธรรมดาๆ ตราบใดที่ครอบครัวมีอำนาจนั้นย่อมคิดว่าเขาไม่คู่ควร"ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องคืนนี้ก่อน" หวังชิงหลูหลับตาอย่างเหนื่อยหน่าย "พรุ่งนี้ไปตามหาหมอมาให้ บอกว่าข้าไม่สบาย และต้องพักรักษาตัวสักสองสามวัน""เจ้าค่ะ!" หงเอ๋อร์เห็นว่าเดี๋ยวนางก็บอกว่าจะหย่าอย่างเด็ดขาด เดี๋ยวก็บอกว่าอย่าพูดถึงมัน นางจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรเลยไม่กล้าพูดอะไรอีกจ้านเป่ยว่างไปรออยู่ที่หน้าประตูจวนเป่ยหมิงอ๋องในเช้าวันรุ่งขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไปขอพบเซี่ยหลูโม่ ไม่ใช่ซ่งซีซีเมื่อเซี่ยหลูโม่ออกจากจวนก็เห็นเขาจูงม้าอยู่ที่มุมประตูด้วยใบหน้าซีดเซียว จึงเรียกจางต้าจ้วงเข้าไปถามจ้านเป่ยว่างรีบนำม้าเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำการไหว้ "คารวะท่านอ๋องขอรับ""มีอะไร" เซี่ยหลูโม่มองเขาจ้านเป่ยว่างรวบรวมความกล้าแล้วถามว่า "ท่านอ๋อง

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1478

    เซี่ยหลูโม่เห็นเขามีท่าทางอิดโรย ประกอบกับอู๋ต้าปั้นก็ได้นำฎีกากลับไปแล้ว จึงกล่าวว่า “น้องมีเรื่องหนึ่งขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถาม “เรื่องอันใด?” เซี่ยหลูโม่ดวงตาสงบนิ่งเย็นชา “น้องอยากไปตำหนักฉางชุนสักคราพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเข้าใจทันทีว่าเป็นเรื่องอันใด เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง ถึงขั้นเกือบทำให้ผู้ตรวจการสวี่ต้องสิ้นชีพ จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ต้องการเผชิญหน้า จึงรับสั่งให้เขาไปตามต้องการ เซี่ยหลูโม่ถวายบังคมลา มุ่งหน้าสู่ตำหนักฉางชุนทันที ฮองเฮาทรงทราบถึงเจตนาของเขา จึงให้คนไปเชิญเข้ามา นางเห็นว่าซ่งซีซีปฏิเสธการแต่งตั้งพระชายารองให้เซี่ยหลูโม่ เป็นเพราะซ่งซีซีขี้หึงและเห็นแก่ตัว ทว่าชายใดเล่าจะคิดเช่นนั้น แม้จะกล่าวคำโตเพียงใด ก็ไม่อาจกลบซ่อนสันดานดิบของบุรุษได้ แม้ฮ่องเต้จะทรงอุทิศพระองค์เพื่อราชกิจ ไม่เสด็จเยือนฝ่ายในบ่อยนัก แต่ก็ยังมีสนมมากมายถึงสามวังหกตำหนัก เมื่อเจอคนถูกพระทัย ก็ยังทรงพลิกป้ายให้เข้าพบเดือนละสามสี่ครั้ง ฉีฮองเฮาทรงเห็นว่าไม่มีแมวตัวใดไม่ชอบกินปลา รวมถึงเซี่ยหลูโม่เองก็เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1477

    เซี่ยหลูโม่เอ่ยขึ้น "แล้วเสด็จพี่มีแผนการอย่างไร?" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสตอบ "เดิมที หากข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามเดือน ข้าจะตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พร้อมตั้งขุนนางที่ไว้ใจได้อีกสองสามคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการ ส่วนองค์ชายรอง จะถูกส่งไปประจำอยู่ที่หนานเจียง และปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เช่นนี้จะช่วยลดอำนาจของตระกูลฉีลงได้" เซี่ยหลูโม่เอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าน้องจะไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญนี้" เขาเข้าใจดีว่า หากเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ย่อมต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับจักรพรรดิ์ซูชิง และสิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ คำสั่งห้ามให้เขามีทายาท เช่นนั้น แม้เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ สุดท้ายก็ต้องคืนตำแหน่งจักรพรรดิ์ให้กับราชวงศ์ จักรพรรดิ์ซูชิงมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาแล้วถอนพระปัสสาสะเบาๆ "เรื่องมากมายก็มิอาจปิดบังไปจากเจ้าได้ ข้าเคยคิดจะให้เจ้าสาบานว่า เจ้าจะไม่มีบุตร ไม่มีทายาท ข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าทำได้เพียงเท่านี้" เซี่ยหลูโม่เข้าใจความหมายของจักรพรรดิ์ซูชิง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ การมีหรือไม่มีบุตร ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเพียงลำพัง ซีซีมีสิทธิ์ที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1476

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนสีพระพักตร์จะค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น "หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสามปี แต่ก่อนหน้านี้ หมอหลวงเคยบอกว่า ข้าน่าจะอยู่ได้หนึ่งปี ทว่าผ่านไปไม่นาน กลับเหลือเพียงแค่หกเดือน ข้าคิดว่า คำของหมอทั้งหลาย เมื่อมาถึงตัวข้า ก็ควรจะต้องลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ เช่นนั้น หนึ่งปีครึ่งที่เหลือ อาจจะไม่ได้มีจริงด้วยซ้ำ" "เสด็จพี่ อย่าทรงคิดในแง่ร้าย..." จักรพรรดิ์ซูชิงยกพระหัตถ์ขึ้นปราม "เจ้าฟังข้าก่อน บัดนี้ ข้ามีสติแจ่มชัด มิได้เลอะเลือน เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ต้องรีบจัดการ แต่ปัญหาคือ ข้าไม่กล้าตั้งใคร ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่จะเติบโตขึ้นปกครองแผ่นดิน มหาเสนาบดีแก่ชราลงแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะฝากบ้านเมืองไว้ในมือใครได้ นอกจากเจ้า" เซี่ยหลูโม่มิได้เอ่ยสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่า ความไว้วางใจและความระแวงของเสด็จพี่ล้วนเกิดขึ้นโดยไร้หลักการ มันมักมาเป็นระยะๆ "ข้า มีพระโอรสสามองค์ เดิมทีมีองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทโดยธรรมชาติ ตำแหน่งรัชทายาทจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่องค์ชายใหญ่ เขาธรรมดาเกินไป ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนัก แต่เขา ขี้เกียจ หยิ่งยะโส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1475

    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกลับต้องพบว่า ดูหรือไม่ดู ก็ไม่ต่างกันเลย เพียงเห็นว่าหมอมหัศจรรย์ดันคีบเข็มไว้ในซอกนิ้วทั้งห้า แล้วในพริบตาเดียว เข็มสี่เล่ม ก็ปักลงจุดได้อย่างแม่นยำ พวกเขาแทบมองเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาของมือหนึ่งข้างเท่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับแม่นยำและมั่นคง ราวกับว่าทุกอย่างจบลงในพริบตาเดียว ทั้งสี่จุด แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่การจะหา จุดฝังเข็ม ให้ถูกต้อง และปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำโดยไม่ลังเลนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่หมอมหัศจรรย์ดันกลับทำได้ในพริบตาเดียว หลังจากฝังเข็มแล้ว เขาจึงให้จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยซูซื่อตันเพื่อบรรเทาอาการปวด ผลของยาระงับปวดชัดเจนมาก สีพระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นทันตา ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ หมอมหัศจรรย์ดันถอนเข็มออก ก่อนจะเขียนตำรับยา จากนั้นจึงหยิบยาดันเสวี่ยออกมาจากหีบยา แล้วกล่าวว่า "ทุกคนต่างคิดว่ายาดันเสวี่ย ใช้เพียงเพื่อบำรุงชีพจร แต่แท้จริงแล้ว มันช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงอวัยวะทั้งห้า ได้ด้วย ต่อไป ฮ่องเต้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ยานี้จึงจำเป็นต้องช่วยคุ้มครอง ตับและไต โดยปกติ ควรเสวยทุกเจ็ดวันหนึ่งเม็ด แต่บัดน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1474

    จักรพรรดิ์ซูชิง ทรงเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนมีพระบัญชาให้จัดเตรียมห้องพักในตำหนักข้างเคียงของตำหนักเฉียนหยาง พร้อมทั้งส่งแพทย์จากสำนักหมอหลวงมาคอยดูแลหมอมหัศจรรย์ดัน พร้อมกันนั้น ทรงมีพระบัญชาให้จางฉีเหวินและฉีกุ้ยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของหมอมหัศจรรย์ดัน คอยติดตามดูแลเขาตลอดเวลา พระองค์ทรงทราบดีว่าจางฉีเหวินเป็นศิษย์ของเสิ่นว่านจือ การให้เขาคุ้มครองหมอมหัศจรรย์ดัน ก็เพื่อให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกวางใจ แต่เพื่อให้พระองค์เองก็วางใจได้เช่นกัน จึงทรงส่งฉีกุ้ยไปด้วยอีกคน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังมีพระบัญชาให้สำนักหมอหลวงปฏิบัติตามคำสั่งของหมอมหัศจรรย์ดันเป็นอันดับแรก อำนาจนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว พระองค์หวังให้สำนักหมอหลวงเป็นฝ่ายจัดหายา หมอมหัศจรรย์ดันมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ขอเพียงมีคนทำตามคำสั่งก็เพียงพอแล้ว แต่จากการที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงส่งจางฉีเหวินและฉีกุ้ยไป อาจมองออกได้ว่า พระองค์มิได้ไว้วางพระทัยผู้คนจากฝ่ายใน บัดนี้ พระองค์และหมอมหัศจรรย์ดัน มีชะตาเดียวกัน หากหมอมหัศจรรย์ดันตาย พระองค์ก็ตาย หากหมอมหัศจรรย์ดันมีชีวิตอยู่ พระองค์ก็อาจอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามปี สามปีไม่ยาว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1473

    ณ ตำหนักเฉียนหยาง อู๋ย่วนเจิ้งและหมอหลวงหลินยืนอยู่ด้านข้างเซี่ยหลูโม่กับอู๋ต้าปั้นก็อยู่ข้างเตียง ต่างเฝ้ารอให้หมอมหัศจรรย์ดันตรวจชีพจร หลังจากตรวจชีพจรแล้วหมอมหัศจรรย์ดันถามถึงบันทึกชีพจรในอดีตและสูตรยาที่ใช้รักษาก่อนหน้านี้ หมอหลวงหลิน นำบันทึกมาให้เขา พลางกล่าวด้วยท่าทีเคารพ “หมอดัน โปรดตรวจดูเถิด” ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าเรียกเขาว่าหมอมหัศจรรย์อีกแล้ว เพราะสำนักหมอหลวงก็เคยผ่านการกวาดล้างครั้งใหญ่เช่นกัน หมอมหัศจรรย์ดันรับบันทึกมา เปิดดูทีละหน้า ภายในตำหนักเงียบสนิท มีเพียงเสียงกระดาษที่เขาพลิกเท่านั้นที่ดังขึ้น ทุกคนกลั้นหายใจ นี่คือความหวังสุดท้าย หากหมอมหัศจรรย์ดันบอกว่าพระอาการมีเวลาเพียงสามเดือน เช่นนั้นก็เหลือเวลาเพียงสามเดือนจริงๆ จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ดวงตาหดเล็กลง ฝ่าพระหัตถ์ชื้นไปด้วยเหงื่อ พระองค์กำลังรอคอยคำพิพากษาครั้งสุดท้าย หมอมหัศจรรย์ดัน ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว อ่านจนครบทุกหน้า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเอ่ยถาม “บันทึกชีพจรระบุว่ามีอาการปวดต่อเนื่องกว่าหนึ่งเดือน กลางคืนมิอาจข่มพระเนตร และแทบไม่อาจเสวยได้เลย” นี่เป็นเพียงการกล่าวยืนย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1472

    ซ่งซีซีกล่าว “หากหมอมหัศจรรย์ดันยอมเข้าวังมา ก็ย่อมจะทำเต็มกำลังแน่นอนเพคะ” ไทเฮาทรงนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นน้ำพระเนตรก็ร่วงเงียบๆ “แม้จะทำสุดความสามารถ แต่ก็ยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ ขอเพียงสามารถยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ให้จัดการเรื่องรากฐานแผ่นดินให้เรียบร้อย” เห็นพระนางหลั่งน้ำตาซ่งซีซีก็พลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเสด็จแม่กล่าวว่า ไทเฮาเป็นสตรีที่มีจิตใจเข้มแข็งนัก หยาดน้ำตาของพระองค์มีค่ามาก ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ก็ไม่เคยยอมหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว นางไม่รู้ว่าควรปลอบพระทัยอย่างไร และก็นึกได้ว่า สิ่งที่ไทเฮาต้องการตอนนี้ คงไม่ใช่คำปลอบโยน นางจึงทำได้เพียงเฝ้าอยู่เคียงข้างอย่างเงียบๆ เซี่ยหลูโม่เดินทางไปยังร้านขายยาเย่าหวัง และได้พบกับหมอมหัศจรรย์ดัน วันนี้หลังจากมีพระบัญชาเรียกเข้าวัง อาจารย์หยูก็มาที่ร้านขายยาเย่าหวังเพื่อแจ้งข่าว ดังนั้นหมอมหัศจรรย์ดันจึงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ครั้งนี้ เขาไม่ได้พาศิษย์ไปด้วย แต่เดินทางกับเซี่ยหลูโม่เพียงลำพัง ชิงเชวี่ยและหงเชวี่ยอยากตามไปด้วย แต่ถูกเขาดุไล่ให้กลับไป บนรถม้าเซี่ยหลูโม่รับปากกับเขาว่าจะปกป้องท่านให้ปลอด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1471

    ซ่งซีซีคุกเข่าอยู่เพียงชั่วครู่ แต่กลับรู้สึกเหมือนผ่านไปชั่วชีวิต ในที่สุด ก็ได้ยินเสียงถอนพระปัสสาสะเบาๆ ของจักรพรรดิ์ซูชิง ก่อนที่พระองค์จะแย้มพระสรวล “เจ้าเด็กนี่ เหตุใดถึงกลายเป็นคนเอาแต่ใจไปเสียแล้ว?” ซ่งซีซีรู้สึกคลายความกังวลลงเล็กน้อย แรกเริ่มนั้น นางทั้งโกรธและรู้สึกอัดอั้น จึงกล่าวคำนั้นออกไปโดยไม่ยั้งคิด แต่หลังจากนั้น สิ่งที่กล่าวไปมีส่วนที่เหมือนเป็นการเดิมพัน นางหวาดกลัวอยู่ในใจ เพราะไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า เมื่อจักรพรรดิ์ที่ใกล้สิ้นพระชนม์แล้วตัดสินใจอย่างโหดเหี้ยม จะเป็นเช่นไร เพียงแต่ เมื่อจักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถามคำนั้นออกมา ไม่ว่านางจะชี้แจงอย่างไร ก็คงไร้ความหมาย มีเพียงการใช้วิธีดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนี้เท่านั้น ที่อาจจะได้ผล “ลุกขึ้นเถิด” จักรพรรดิ์ซูชิง ตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมาก ใบหน้าซูบซีดเหลืองซีดนั้นมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏ “เจ้านี่นะ ยังเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด ปากเจ้าไม่เคยยอมเสียเปรียบเลย ถามเพียงคำเดียว กลับเล่นงานข้าเสียยกใหญ่ จริงๆ แล้ว ข้าก็จนใจจะทำอย่างไรกับเจ้าได้” พระองค์ทอดพระเนตรมองซ่งซีซีแววพระเนตรล้ำลึก “เจ้าล่ะ ไปถือสากอะไรกับคนใกล้ตาย? ไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1470

    ซ่งซีซีไม่ชอบให้นำบิดาของนางมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นัก เพราะไม่ว่าฮ่องเต้จะตรัสสิ่งใด ก็ล้วนไม่เกี่ยวกับบิดาของนางเลย ไม่มีความจำเป็นต้องเน้นย้ำถึงความจงรักภักดีของบิดาต่อแผ่นดิน เพื่อนำมาเป็นกรอบบังคับคำตอบที่นางจะกล่าวต่อไป แต่เห็นได้ชัดว่า นางจะชอบหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ฮ่องเต้จะใส่พระทัย นางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฮ่องเต้มีเรื่องใดจะถามก็ตรัสเถิด หม่อมฉันฟังอยู่” ความเจ็บปวดเสียดลึกถึงกระดูก ทำให้จักรพรรดิ์ซูชิงไม่เลือกที่จะลองหยั่งเชิงเหมือนเคย แต่รับสั่งตรงไปตรงมาแทน “เจ้าน่าจะเป็นผู้ที่รู้จักเซี่ยหลูโม่ดีที่สุด เจ้าคิดว่า หากข้าสวรรคต แล้วเขาได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน จะสังหารฮ่องเต้องค์เยาว์แล้วตั้งตนเป็นจักรพรรดิ์หรือไม่?” ซ่งซีซีใจหายวาบ โทสะพลันแล่นขึ้นมาปรากฏในดวงตาเซี่ยหลูโม่ผ่านพ้นจากความเป็นความตายในหนานเจียงกลับมาอย่างยากลำบาก มิควรถูกกล่าวหาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ นางรู้สึกเจ็บแทนเขา น้ำเสียงจึงเย็นเยียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และพูดเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ฮ่องเต้ ข้ากับเซี่ยหลูโม่เป็นสามีภรรยากันเพียงสามปี จะนับได้อย่างไรว่าเป็นผู้ที่รู้จักเขาดีที่สุด? ผู้ที่รู้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status