หวังชิงหลูไม่รู้ว่าควรจะไปยังไงต่อ จึงคิดว่างั้นก็ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละเพราะถึงยังไงนางเป็นผู้เสนอการหย่าก่อน ส่วนจ้านเป่ยว่างก็ตอบตกลงอย่างหุนหันพลันแล่น หากพวกเขาหย่ากันจริงๆ เขาคงไม่สามารถหาภรรยาได้อีกมีใครอีกที่ชอบเขา? เว้นแต่เขาจะมองหาแม่ค้าหรือไม่ก็หญิงสาวจากครอบครัวธรรมดาๆ ตราบใดที่ครอบครัวมีอำนาจนั้นย่อมคิดว่าเขาไม่คู่ควร"ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องคืนนี้ก่อน" หวังชิงหลูหลับตาอย่างเหนื่อยหน่าย "พรุ่งนี้ไปตามหาหมอมาให้ บอกว่าข้าไม่สบาย และต้องพักรักษาตัวสักสองสามวัน""เจ้าค่ะ!" หงเอ๋อร์เห็นว่าเดี๋ยวนางก็บอกว่าจะหย่าอย่างเด็ดขาด เดี๋ยวก็บอกว่าอย่าพูดถึงมัน นางจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรเลยไม่กล้าพูดอะไรอีกจ้านเป่ยว่างไปรออยู่ที่หน้าประตูจวนเป่ยหมิงอ๋องในเช้าวันรุ่งขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไปขอพบเซี่ยหลูโม่ ไม่ใช่ซ่งซีซีเมื่อเซี่ยหลูโม่ออกจากจวนก็เห็นเขาจูงม้าอยู่ที่มุมประตูด้วยใบหน้าซีดเซียว จึงเรียกจางต้าจ้วงเข้าไปถามจ้านเป่ยว่างรีบนำม้าเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำการไหว้ "คารวะท่านอ๋องขอรับ""มีอะไร" เซี่ยหลูโม่มองเขาจ้านเป่ยว่างรวบรวมความกล้าแล้วถามว่า "ท่านอ๋อง
ไม่นานข่าวของยี่ฝางก็แพร่กระจายกลับมายังเมืองหลวงศิษย์พี่ผิงกับคนของร้านอวี๋นยี่ต่างเห็นกับตาตัวเองว่าผู้คนระบายความโกรธออกมายังไง และยี่ฝางตายอย่างอนาถยังไงจดหมายนี้ไม่ได้ถูกส่งกลับโดยนกพิราบบิน แต่ถูกส่งไปที่จวนเป่ยหมิงอ๋องด้วยม้าเร็วของร้านอวี๋นยี่ โดยได้อธิบายไว้อย่างละเอียดนี่ก็ยังเป็นศิษย์พี่ผิงที่ตั้งเขียนให้ละเอียดหน่อย เพื่อให้ซีซีดูผู้กระทำความผิดของคดีฆ่าล้างตระกูลซ่งคือยี่ฝาง ซ่งซีซีเกลียดนางเข้ากระดูก แต่เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเมืองลู่เปินเอ่อร์ นางไม่สามารถไปแก้แค้นด้วยตัวเองได้ ดังนั้น ศิษย์พี่ผิงจึงส่งรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับนาง ให้นางใจเย็นลงหน่อยซ่งซีซีอ่านแล้วอ่านอีก นางจำลายมือนี้ได้ นี่เป็นลายมือของศิษย์พี่ผิงหลังจากอ่านจบแล้ว นางก็เหม่อลอยอยู่พักใหญ่ นางถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ร้องไห้ยกใหญ่ในอ้อมแขนของเซี่ยหลูโม่เซี่ยหลูโม่กอดนางไว้ และตบหลังของนางเบา ๆ ในใจก็รู้สึกสงสารเห็นใจมาก ในที่สุดนางก็สามารถร้องไห้อย่างอิสระเช่นนี้ได้สักทีเพียงแต่ เมื่อคนตายไปแล้วความแค้นก็จะหายไป แต่ความเจ็บปวดจะคงอยู่ตลอดชีวิตเซี
ของขวัญเหล่านั้น ก็วางอยู่ในห้องเก็บของ ซ่งซีซีไม่เคยดูเลยแม้แต่แวบเดียวหลังจากกินอาหารเย็นแล้ว ซ่งซีซีก็ถือตะเกียงเข้าไปตามลำพังเซี่ยหลูโม่บอกว่าจะไปกับนาง แต่นางบอกว่าไม่ต้อง นางอยากจะเปิดของขวัญด้วยตัวเอง แม้แต่ เสิ่นว่านจืออยากจะไปเป็นเพื่อนนางก็ถูกปฏิเสธไว้ข้างนอกเช่นกันเซี่ยหลูโม่ไม่วางใจ ก็เลยยกม้านั่งมานั่งอยู่ด้านนอกประตูเป็นเพื่อนนางจางต้าจ้วงได้กลับมารายงานแล้ว บอกว่าหลังจากจ้านเป่ยว่างรู้เรื่องนี้แล้ว ก็เอาหัวโขกกับผนัง มีเลือดออกมามากมายจางต้าจ้วงตกใจมาก เขาเห็นจ้านเป่ยว่างเข้าไปชนกับผนังกับตา เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขารุนแรงกับตัวเองเช่นนี้ จางต้าจ้วงรู้สึกเหมือนเขาต้องการวิ่งเข้าไปชนให้ตายจริง ๆโชคดีที่ตอนที่เขาวิ่งออกไปเท้าก็โซเซนิดหนึ่ง ทำให้แรงลดน้อยลง ไม่อย่างนั้นถ้าชนเข้าไปเต็มแรงจริง ๆ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอนจางต้าจ้วงถามอาจารย์หยูอย่างไม่เข้าใจ "ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้? ถ้าเขาต้องการตายไปกับยี่ฝาง ตอนที่ยี่ฝางถูกจับตัวไป เขาก็ตามนางไปเลย ก็เท่ากับได้สนองความรักของเขาที่มีต่อยี่ฝางไหม่? ทำไมถึงเป็นตอนนี้ ตอนที่ยี่ฝางถูกลงโทษประหารชีวิตแล้ว เขาถึงจะแสวงหาคว
มันเล็กขนาดไหน?มันยาวประมาณนิ้วก้อย แต่บางพอ ๆ กับกระดาษ นางหยิบขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วโยนออกไป มีดบินปักเข้าไปในผนัง และหายไปจนมองไม่เห็นแล้วแน่นอนว่ามีดบินไม่ได้มีความน่ากลัวมากขนาดนี้ แต่เนื่องจากรูปร่างของใบหลิ่วบวกกับความบาง เมื่อใช้กำลังภายในลอยออกไป พลังของมันเลยน่ากลัวมากสิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้ซ่งซีซีรู้สึกประหลาดใจ เพราะแม้แต่นางเด็ดใบไม่หรือกลีบดอกใบลอยออกไปก็สามารถมีพลังเช่นนี้ แน่นอนว่าความรุนแรงค่อนข้างน้อยกว่า มีดบินก็ใช้ได้ดีกว่าดี สามารถเอาชีวิตคนได้นางก็จำได้ว่าลุงสามกับลุงเจ็ดเคยไปเยี่ยมนางที่ภูเขาเหม่ยชาน ในเวลานั้นท่านอาจารย์กำลังยุ่งอยู่กับการคิดค้นอาวุธลับ และนางในเวลานั้นก็กำลังฝึก จึงบ่นกับลุงสามและลุงเจ็ดว่า ถ้ามีอาวุธลับสักอย่างที่เข้ามือและมีความรุนแรงน่าสะพรึงกลัว ก็จะดีมากเลยทันใดนั้น นางก็นึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที รีบหยิบกำไลและเทเข็มสองสามเล่มจากกระบอกออกมา ใส่ลงไปในรูเล็ก ๆ ของทับทิม และเมื่อปิดลง และขยับไพลินก็ได้ยินเพียงเสียงแกร๊กดังขึ้นสองครั้ง เข็มเหล็กก็ลอยออกมา พลังของมันน่ากลัวมาก เข็มเหล็กสองเล่มปักเข้าไปบนคานในเวลาเดียวกันเน
ซ่งซีซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็รับมานางนั่งบนหีบไม้ กำจดหมายไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดออกอ่านลุงเจ็ดไม่ชอบเรียนหนังสือมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาชอบทำงานไม้และกลไก ฝึกศิลปะการต่อสู้ก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก แต่ท่านตามักจะพูดว่าเขาไม่เอาการเอางาน แม้จะเป็นทหาร ก็ต้องเข้าใจตำราการศึก มีกลยุทธ์ ดังนั้นท่านตาจึงใช้ไม้บังคับให้ตั้งใจเรียนหนังสือไม่ใช่ไม่ตั้งใจเรียน แต่เขาไม่มีพรสวรรค์เลย ในเรื่องของการเรียนสุดท้ายแล้วลุงเจ็ดก็ไม่ประสบความสำเร็จ ลายมือที่เขาเขียนก็ไม่สวยเลย เขาเคยพูดว่า ลายมือของเขาโบยบินเหมือนกับมังกรและหงส์ พู่กันก็กวัดแกว่งเหมือนมังกร ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะชื่นชมได้ซ่งซีซีนึกถึงคำพูดนี้ของเขา และมองตัวอักษรที่ไม่เป็นเส้นเหล่านี้ ก็เห็นด้วยกับเขาโชคดีที่สามารถเข้าใจความหมายโดยประมาณได้ เว้นแต่บางคำที่อ่านไม่ออกแล้ว แค่เข้าใจความหมายก็พอในจดหมายได้ระบุวิธีการใช้อาวุธลับเหล่านั้น ก็เหมือนกับตอนที่พวกเขาใช้เมื่อครู่จริง ๆ จำเป็นต้องเอียงเล็กน้อยถึงจะโจมตีตรงเป้าหมายนี่ใช่ว่าเขาจะตั้งใจทำขึ้น เพียงแต่ตอนที่ทำรีบร้อน เพราะสงครามใกล้เข้ามาแล้ว ไม่มีเวลาปรับปรุงให้ดีขึ้น รอสงครา
การตายของยี่ฝาง อันที่จริงก็ไม่ได้ทำให้ซ่งซีซีรู้สึกสบายใจแต่อย่างใดตอนกลางคืนนางนอนบนเตียง เมื่อหลับตา ลมหายใจก็สม่ำเสมอราวกับว่านางหลับสนิทแต่นางไม่ได้หลับด้วยซ้ำเรื่องราวในอดีตปรากฏขึ้นในหัวของนาง ราวกับผีเสื้อที่บินอยู่บนหน้าผาในหุบเขา นางทำยังไงก็จับมันไว้ไม่ได้เมื่อใกล้สว่าง นางถึงจะสะลึมสะลือหลับไปเซี่ยหลูโม่ลืมตาขึ้น อันที่จริงเขาก็ยังนอนไม่หลับ ตอนที่คนนอนหลับ ก็จะผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ แต่ร่างกายของซีซีแข็งทื่อ แค่แสร้งทำเป็นหลับเท่านั้นแต่ตอนนี้ นางหลับไปแล้วจริงๆ เขารู้สึกอึดอัดใจมาก ตั้งแต่อภิเษกกับซีซีจนถึงตอนนี้ ระหว่างพวกเขาก็ถือว่ารักกัน แต่เขารู้ซีซี ปิดหัวใจนางไว้เสมอมา เรื่องอื่นจะพูดยังไงก็ได้ เรื่องสำคัญของประเทศพูดกับเขาไม่หยุด มีเพียงเรื่องความรู้สึกของนาง อารมณ์ของนาง ก็มักเก็บซ่อนไว้ในใจเสมอนางฝังบาดแผลไว้ในใจ แสร้งทำเป็นมีความสุข นางถึงขนาดไม่กล้าแสดงความสุขออกมาจากใจด้วยซ้ำ นางคิดว่านางไม่มีคุณสมบัติจะมีความสุขอีกต่อไปแล้วไม่ว่ารอยยิ้มของนางจะสดใสแค่ไหน ในแววตาก็มักจะมีร่องรอยของความเศร้าสุดซึ้งซ่อนอยู่ในดวงตาเสมอ ความเศร้านี้ทำให้นางมีสติเป็
วันต่อมาซ่งซีซีลุกขึ้น ก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนางอย่างนั้น ขี่ม้าออกไปข้างนอกกลับกัน จ้านเป่ยว่างบาดเจ็บหนักและลาราชการ หลังจากจักรพรรดิ์ซูชิงเข้าใจที่ไปที่มาแล้ว ก็ตรัสด่าขึ้นว่า "ถ้ารักเดียวใจเดียวจริงๆ ตอนนั้นคงไม่ทำกับซีซีแบบนั้น ตอนนี้กลับทำร้ายตัวเองเพื่อนักโทษเช่นนี้ แม้แต่หน้าที่ก็ไม่สนใจ ชื่อเสียงของจวนแม่ทัพก็ไม่สนใจ ทั้งไม่ซื่อสัตย์ ทั้งเนรคุณ จะส่งเสริมเขาเพื่ออะไรกัน? คนไม่เอาไหนมันก็ไม่เอาไหนจริงๆ "อู๋ต้าปั้นรู้ว่าฝ่าบาทหลายครั้งที่ยังไม่ยอมตัดใจจากจ้านเป่ยว่าง หนึ่งคือเห็นแก่ท่านแม่ทัพใหญ่จ้าน สองคือต้องการใช้เขามาควบคุมกองทัพซวนเจีย สามคือเพราะชั่วขณะหนึ่งก็ไม่สามารถปลดเขาได้ กลัวว่าจะกระทบต่อนายพลชายแดนเฉิงหลิงตอนนี้ข่าวการถอนกำลังของซีจิงได้แพร่กระจายมาแล้ว ดูเหมือนว่าฝ่าบาทก็น่าจะไม่ตามใจเขาอีกต่อไปและวันนี้ขุนนางในราชสำนักร้องเรียนขึ้น อู๋ต้าปั้นตั้งใจรอผู้ตรวจการสวี่ และพูดเรื่องที่ฝ่าบาททรงพิโรธเพราะเรื่องของจ้านเป่ยว่างออกมาโดยไม่ตั้งใจผู้ตรวจการสวี่ถามถึงสาเหตุ อู๋ต้าปั้นก็ไม่ได้พูดออกมา แต่ผู้ตรวจการสวี่ต้องการสืบก็ไม่ยาก ภายในครึ่งวัน เรื่องร
หวังชิงหลูนั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นเวลานาน สุดท้ายก็เลือกที่จะประนีประนอมและถามเขาว่า "สามารถรับปากข้าสองเรื่องได้ไหม ถ้าเจ้ารับปาก ข้าจะไม่หย่า"จ้านเป่ยว่างถอนหายใจเบา ๆ "เจ้าว่ามา"หวังชิงหลูพูดขึ้นว่า "อย่าพูดถึงซ่งซีซีกับยี่ฝางอีก อย่างน้อยต่อหน้าข้าก็อย่าพูดถึงพวกนาง"จ้านเป่ยว่างเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าช้า ๆ "ได้! "หวังชิงหลูกล่าวพูดขึ้นต่อว่า "เรื่องที่สอง เจ้าต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมขึ้นมา กลับไปยังองครักษ์ซวนเท่ ทำหน้าที่รองหัวหน้าของเจ้าต่อไป"จ้านเป่ยว่างมองนาง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ข้าถูกถอดจากตำแหน่งแล้ว จะกลับไปยังองครักษ์ซวนเท่ได้ยังไง? "หวังชิงหลูพูดขึ้นว่า "ข้าจะขอให้พี่สะใภ้ช่วยวิ่งเต้นให้เจ้า ขอเพียงเจ้ารับปากกับข้า หลังจากได้ตำแหน่งคืนมาแล้ว เจ้าจะต้องตั้งใจทำหน้าที่ พยายามให้ได้เลื่อนตำแหน่ง และต่อจากนี้เจ้าต้องเชื่อฟังคำพูดของข้า"จ้านเป่ยว่างส่ายหน้า "ข้าไม่ต้องการให้พี่สะใภ้กังวลเรื่องของข้า อีกทั้งข้าก็เป็นคนที่ฝ่าบาททรงรังเกียจทอดทิ้งแล้ว ถ้าพี่สะใภ้ไปวิ่งเต้นให้ข้าอีก มันจะต้องใช้เงินไม่น้อย และต้องสูญเสียเส้นสายไม่น้อย เส้นสายเหล่านี้เจ้าก็เก็