อันหวินหลูยังคงนวดต่อไปและถามเบาๆ "องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้แม่ทัพซูตกลงที่จะถอนกำลังทหารกลับแล้ว ท่านวางแผนจะทำอะไรกับเซี่ยงผิงเพคะ"“อยากขอร้องให้เมตตากับนางหรือ”อันหวินหลูลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "นางมีเจตนาที่จะสังหารองค์หญิง ไม่อาจให้อภัยได้ แต่ขุนนางหญิงมีน้อยอยู่แล้ว ถึงยังไงเซี่ยงผิงยังมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไป ส่วนข้าคงไม่มีโอกาสก้าวไปอีกขั้นแล้ว องค์หญิงใหญ่ยอมให้โอกาสนางอีกครั้งหีือไม่?”ดวงตาขององค์หญิงใหญ่เหลิ่งอวี่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง "นางไม่มีโอกาสแล้ว"“นางแค่ต้องการล้างแค้นให้รัชทายาทด้วย…”“อันหวินหลู!” องค์หญิงใหญ่เหลิ่งอวี่ผลักมือของนางออกไปและเตือนอย่างเอาความว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าตำแหน่งของนางยากที่จะมีผู้หญิงคนอื่นจะดำรงได้ ก็ยิ่งไม่ควรขอร้องให้นาง พวกเจ้ากว่าจะมีทุกวันนี้ได้ก็ใช่ว่าเรื่องง่าย ไม่กล้าทำผิดแม้แต่น้อย แค่ความผิดเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจถูกจับผิดให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ โดยเฉพาะนาง นางควรระวัดระวังยิ่งกว่าใครอีก ก่อนจะตั้งสินใจทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน ต้องคำนึงถึงว่าขุนนางหญิงเป็นยาก อย่าให้คนอื่นมาดูถูกได้ แต่นางกลับไปไกล เอาแต่คิดเรื่องการแก้แค้น ถึง
ยี่ฝางตกใจมาก นางไม่เคยลืมหมู่บ้านทั้งสองแห่งนี้เลยนางหายใจเข้าลึกๆ วางข้อศอกลงบนพื้น แล้วคลานไปข้างหน้า "ไม่ ไม่ ข้าจะไม่ไป พวกเจ้าจะพาข้ากลับไปที่เมืองหลวงของซีจิงมิใช่หรือ?""แน่นอนว่าจะพาเจ้ากลับไป" อันหวินหลูพูดอย่างเย็นชา "เอาแค่หัวของเจ้ากลับไปก็พอ ไม่เสียแรง"ยี่ฝางตกใจจนตัวสั่น และคว้ารั้วเหล็กด้วยมือสองข้างอย่างยากลำบาก "ไม่ ขอร้องล่ะ อย่าส่งข้าไปหมู่บ้านสุราชิง พวกเจ้าพาข้าไปเมืองหลวง ฆ่าข้าต่อหน้าสุสานของรัชทายาทเลย"ใบหน้าของอันหวินหลูเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "เจ้ามีสิทธิ์ใดไปสุสานของรัชทายาทตอนเป็นๆ ยี่ฝาง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่ คิดว่าสามีขี้ขลาดของเจ้าจะมาช่วยเจ้าหรือ อย่าฝันไปเลย เขาไม่มาหรอก""ไม่ เจ้าเข้าใจผิด" ยี่ฝางกลอกตาไปมาอย่างประหม่า "ข้าสำนึกผิดจริงๆ ข้าไม่ควรใช้วิธีที่โหดร้ายเช่นนี้กับชาวบ้านในเมืองลู่เปินเอ่อร์ ข้าทำผิดแล้ว ข้าก้มหัวกราบให้ ไม่ขอร้องให้พวกเจ้ายกโทษให้ข้า แค่ขอให้พาข้ากลับไปที่สุสานของรัชทายาท และให้ข้าไปกล่วขอโทษด้วยตนเอง""มันน่าขำจริงๆ" อันหวินหลูมองเหยียดลง ทำลายคำหลอกลวงของนาง "เราได้รับรายงานว่าจ้านเป่ยว่างไม
อันหวินหลูถือโคมไฟแล้วเดินไปทาง ฮั่วหย้าถิง เซี่ยงผิง ด้านนอกเซี่ยงผิงไม่ได้ถูกควบคุมตัวไว้ แต่นางก็รู้ด้วยว่าชะตากรรมที่กำลังรอนาง อยู่คือยังไงกันนางไม่กลัวตาย ตราบใดที่เห็นยี่ฝางถูกหั่นเป็นชิ้นๆ นางก็เต็มใจที่จะตาย"ข้าบอกนางไปแล้ว นางกลัวมาก" อันหวินหลูมองไปที่ฮั่วหย้าถิง จากนั้นเหลือบมองเซี่ยงผิงเรียบๆ"เป็นการดีที่จะปล่อยให้นางสัมผัสกับความกลัวก่อนตาย" ฮั่วหย้าถิงกล่าว"นางตายแล้ว งั้นข้าก็ตายหลับตาได้" เซี่ยงผิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และน้ำตาก็ไหลออกมาราวกับแม่น้ำที่ไหลล้นตลิ่งฮั่วหย้าถิงกล่าวว่า "แต่เดิมเจ้าไม่ต้องตาย เรื่องการฆ่ายี่ฝางมันเป็นเรื่องต้องทำอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับทำเรื่องโง่ๆ ไปก่อน"เซี่ยงผิงปาดน้ำตา "ข้าไม่เสียใจเลย แม้ว่าให้ข้าเลือกอีกครั้ง ข้าก็ยังจะทำเช่นนี้"ความโกรธแวบขึ้นมาในดวงตาของอันหวินหลู "เจ้ายังพูดแบบนั้นอยู่เหรอ? เจ้าไม่สำนึกผิด ทำไมต้องยอมรับความผิดต่อหน้าองค์หญิงใหญ่เล่า แล้วบอกว่าเจ้าเสียใจ"ลมยามค่ำคืนพัดเสื้อผ้าของเซี่ยงผิง และทำเอาผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาและปลายจมูกของนางเป็นสีแดง แต่มีความเกลียดชังและไม่ยอมอย่างลึกซึ้งในก้นตา "ข้าไม่ต้องก
ดวงตาที่โกรธแค้นและแสดงความเกลียดชังนั้นรวมตัวกันเป็นเปลวไฟ ดูเหมือนว่าเปลวไฟจะลุกไหม้ได้ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนถูกย่างบนกองไฟความหวาดกลัวปกคลุมหน้าอกของนาง เกือบจะบีบหัวใจของนางจนแตกออกไปได้เสียงตะโกนของพวกเขาสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า "ฆ่านาง ฆ่าปีศาจตัวนี้ เพื่อสังเวยดวงวิญญาณของชาวบ้านที่ถูกสังหารหมู่ในสวรรค์"ยี่ฝางตกใจมากจนฉี่ราดมีขี้ออกด้วย นางซุกตัวอยู่ในรถนักโทษ ไม่กล้าที่จะลืมตามองดูพวกเขา แต่ได้ยินเสียงเรียกร้องให้ฆ่าไปทั่วซูลันซือยกแขนขึ้นแล้วตะโกนว่า "ชาวบ้านทั้งหลายถอยออกไปก่อน และช่วยเปิดทางให้พวกเราด้วย เราจะส่งเพชฌฆาตคนนี้ไปที่หลุมศพต้าเกิง เมื่อไปถึงที่นั่น ข้าจะปล่อยนางออกมาแล้วแต่ทุกคนจะจัดการเลย...แต่มีข้อหนึ่ง ต้องเก็บศีรษะของนางกลับเมืองหลวงเพื่อรายงานให้ฝ่าบาท ดังนั้นทุกคนสามารถตัดเนื้อบนตัวของนางออกทีละชิ้นได้ แต่ห้ามสับศีรษะของนาง ไม่งั้นฝ่าบาทจะจำนางไม่ได้"ทุกคนรอคอยวันนี้มานานมากแล้วจริงๆแม้ว่าทุกคนโมโหจนตาแดง แต่ไหนๆ นักโทษก็ถูกส่งมาแล้ว ไม่ต้องรีบร้อนเช่นนี้ รอให้นำตัวไปที่หลุมศพต้าเกิงก่อนแล้วค่อยจัดการกับนาง เพื่อถวายดวงวิญญาณของบุคคลที่เสีย
นั่นเป็นสุสานขนาดใหญ่ สูงเท่าเนินเขา มีป้ายหลุมศพขนาดใหญ่สลักชื่อไว้มากมายความกลัวของยี่ฝางถึงจุดสูงสุด และนางส่งเสียงกรีดร้องและขอความช่วยเหลือองครักษ์คนหนึ่งเปิดประตูรถนักโทษ จากนั้นคว้าผมของนางเพื่อดึงนางออกมา และโยนนางลงไปที่พื้น ยี่ฝางรู้สึกว่าร่างกายสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด และขดตัวพลางคลานไปด้านข้างองครักษ์รีบคว้าผมของนางและลากไปที่หลุมศพขนาดใหญ่ด้านหน้า เขากดนางไว้ที่หน้าหลุมศพ ชี้ไปที่ชื่อบนนั้นแล้วคำรามว่า "ชื่อพวกนี้ เจ้าอ่านได้หรือไม่ ล้วนเป็นคนที่ถูกเจ้าฆ่าตาย"ยี่ฝางส่ายหัวด้วยความตื่นตระหนก "ไม่ ไม่ใช่ข้า…"ก่อนที่นางจะพูดจบ ชาวบ้านที่ขุ่นเคืองก็รุมเข้าไปหานางเสียงร้องโอดโอยของยี่ฝางดังมาจากฝูงชนและก้องอยู่ในหุบเขา ทำให้นกบินกระจายออกไปด้วยความตกใจเมฆสีดำรวมตัวกันจากทุกทิศทุกทาง ปกคลุมท้องฟ้าให้ตกอยู่ในความมืดทันที และทันใดนั้นฟ้าร้องก็คำรามเสียงดัง กลืนกินเสียงกรีดร้องของยี่ฝางเลือดไหลออกมาจากฝูงชนเหมือนลำธารเล็กๆพวกเซี่ยงผิงและอันหวินหลูที่อยู่ข้างนอกนั้นไม่รู้ว่าพวกเขาปฏิบัติต่อยี่ฝางอย่างไร แต่จากงเสียงร้องโอดโอยและคราบเลือดบนมีด ขวาน และจอบที่ร่วงหล่นจ
เขาหายเฮือกใหญ่ ราวกับมีมือใหญ่บีบหัวใจของเขาเอาไว้ ทำให้เขาหายใจไม่ออกเลย"เจ้าเป็นอะไร" หวังชิงหลูถูกปลุกให้ตื่นขึ้น จากนั้นก็เห็นเขาลุกขึ้นนั่งและมีท่าทางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงถามอย่างหงุดหงิดว่า "เจ้าฝันร้ายอีกแล้วหรือ?"ช่วงนี้เขาฝันร้ายบ่อยๆ และไม่รู้ว่าได้ทำสิ่งเลวร้ายไปมากขนาดไหนเชียวสิ่งที่ทำให้หวังชิงหลูรำคาญมากที่สุดก็คือหลายครั้งที่เขาฝันร้ายมักจะเรียกชื่อยี่ฝางเมื่อเห็นเขาเงียบและเอาแต่กุมหน้าอกและหายใจเฮือกใหญ่ นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชาว่า "ฝันถึงยี่ฝางอีกแล้วหรือ? ฝันว่านางตายหรือเปล่า?""นางตายแล้ว" จ้านเป่ยว่างพึมพำโดยไม่รู้ว่าบนใบหน้านั้นเป็นน้ำตาหรือเหงื่อบนกันเชียว "เหมือนจริงมาก ข้าฝันว่านางถูกชาวบ้านฟันจนตาย ตายอย่างอนาถ ขนาดศีรษะถูกตัดออกด้วย มีเลือดออกเต็มพื้น และร่างกายถูกฟันจนไม่น่ามอง"เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ในกลางดึกเช่นนี้ หวังชิงหลูก็รู้สึกชาที่หนังศีรษะและดุว่า "เอาล่ะ นางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็เป็นเรื่องของนาง เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย รีบเข้านอนได้แล้ว"จ้านเป่ยว่างลุกจากเตียงด้วยเท้าเปล่า "เจ้านอนเถอะ ข้าจะไปนอนที่ห้องหนังสือ"หวังชิ
จ้านเป่ยว่างไม่ได้สนใจนาง กลับเดินโซเซขึ้นไปบนบันไดหินแล้วผลักประตูเข้าไปข้างในมืดสนิท และเขาคลำหาอยู่นานกว่าจะพบไม้จุดไฟและจุดตะเกียง แสงไฟสลัวๆ ส่องสว่างทุกสิ่งในเรืองมงคลที่นี่เรียบง่ายมาก โต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องเรือนล้วนเป็นของธรรมดาๆ ทั้งสิ้น ของล้ำค่าจริงๆ คือประตูและหน้าต่าง นางใช้ไม้เหล็กเพื่อเสริมความแข็งเขาแค่นั่งอยู่ที่นี่อย่างว่างเปล่า ปล่อยให้หวังชิงหลูสาปแช่งอยู่ข้างนอกหวังชิงหลูด่าอยู่พักหนึ่ง แต่เขาก็ยังคงเพิกเฉย หวังชิงหลูจึงพูดด้วยความโกรธว่า "ในเมื่อเจ้าเอาแต่หวนนึกถึงคนอดีต งั้นเราสองคนก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากัน หย่ากันเถอะ"คำว่า "หย่า" กระทบจิตใจของเขาและพาเขากลับมาจากความทรงจำที่สิ้นหวังเขาเงยหน้าขึ้น และแสงไม่สามารถส่องเข้าถึงดวงตาของเขา "หย่า?""หย่าเลย!" หวังชิงหลูโยนร่มและตะเกียงออกไปแล้วตากฝนเข้าไปด้วยท่าทางบ้าคลั่ง "ไหนๆ ข้าก็หย่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่สนใจว่าจะมีครั้งที่สอง จ้านเป่ยว่าง ในใจของเจ้าไม่มีข้า และข้าก็ไม่ชอบเจ้า เจ้าสิบเอ็ดฝางยังไม่ได้แต่งงาน เขาต่างหากที่เป็นสามีของข้า ข้าจะไปหาเขา"จ้านเป่ยว่างอึ้งไปพักหนึ่ง "เจ้าสิบเอ็ดฝางงั้นเหรอ
ชีวิตของหวังชิงหลูแย่มากในช่วงนี้จ้านเป่ยว่างไม่มีความก้าวหน้า และทำงานได้ไม่ดี ฝ่าบาทเอือมระอาเขา แต่ช่วงนี้มีคนไปโรงงานเย็บปักซู่เจินจริงๆหมินซู่เจิน ผู้หญิงที่นางดูถูกมาก แม้กระทั่งตั้งชื่อโรงงานด้วยชื่อของนาง หลังจากที่นางเสียชีวิตและพี่สะใภ้ยืนยันว่าการตายของนางหมินเกี่ยวข้องกับนาง ดังนั้นโรงงานเย็บปักซู่เจินจึงเหมือนกับเข็มที่ทิ่มเข้าไปอยู่ในลำคอของนาง กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ทำให้รู้สึกอึดอัดมากนอกจากนี้ยังมีจ้านเส้าฮวน ซึ่งถูกจวนโหวไล่ออกจากบ้าน เดิมทีนางควรทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่กลับหยิ่งมาก ชอบหาเรื่องที่ที่ นางไม่ชอบขี้หน้าอีกฝ่ายมากทีเดียวบัดนี้อยากจะหาสามีใหม่แล้ว น่าขำจริงๆ แต่ก่อนจ้านเส้าฮวนชอบพูดว่าผู้หญิงถูกหย่า ว่าซ่งซีซีเสร็จก็มาว่านางต่อ บัดนี้จ้านเส้าฮวนเองก็กลายเป็นผู้หญิงถูกหย่าด้วย ไม่ จ้านเส้าฮวนเป็นอนุที่ถูกหย่า นางไม่แม้แต่เป็นภรรยาเอกมาด้วยซ้ำแต่กลับมาตีวัวกระทบคราดต่อหน้านางไปวันๆ บอกว่าพี่สะใภ้ก็เมหือนแม่ ควรจะหาคู่ครองใหม่ให้นางทว่าจ้านเส้าฮวนเป็นคนชอบฝันกลางวัน ยังคิดจะแต่งงานเข้าตระกูลชั้นสูง ต่อให้เป็นอนุภรรยาก็ได้ แต่ต้องเป็นตระกูลชั้น