จู่ๆ สีหน้าของแม่ลูกทั้งคู่เปลี่ยนไป พวกนางต่างรู้ดีว่าต้าหลี่ซื่อชิงคนปัจจุบันคือผู้ใด ก็คือเซี่ยหลูโม่องค์หญิงใหญ่ดูกล่องสมุดบัญชีแล้วพูดว่า "ในเมื่อหัวหน้าจ้าวได้หลอกลวงพวกเจ้าพร้อมกัน งั้นสมุดบัญชีนี้พวกเจ้าต้องตรวจสอบมาก่อน เจียอี้ก็ต้องหานักบัญชีมาตรวจสอบให้ดีๆ พวกเจ้าทิ้งสมุดบัญชีไว้ที่นี่ก่อน รอเราตรวจสอบเสร็จแล้วค่อยไปหาพวกเจ้าที่จวนเพื่อเทียบกัน หากได้หลักฐานแล้ว จะแจ้งความหรือสอบสวนก็ดำเนินตามความต้องการเลย"ซ่งซีซีจิบน้ำชาคำนึง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ท่านป้า ข้าเป็นคนใจร้อน สมุดบัญชีก็อยู่นี่แล้ว พวกท่านรีบหานักบัญชีมา หาให้เยอะๆ หากไม่เพียงพอ ข้าจะส่งคนไปที่จวนโหวผิงหยาง ให้นักบัญชีที่จวนโหวผิงหยางก็มาด้วย คืนนี้ช่วยจัดการสักหน่อย แล้วพรุ่งนี้ก็รวบรวมรายการบัญชีออกมาได้แล้วนี่""ไปจวนโหวผิงหยางไม่ได้!" ท่านหญิงเจียอี้ยืนขึ้นและพูดด้วยใบหน้าซีดเซียวตอนนี้แม่สามีและสามีของนางไม่ชอบนางมากพอแล้ว หากพวกเขารู้เรื่องนี้อีก ไม่รู้ว่าจะดูหมิ่นนางอย่างไรเลยท่าทางไม่แยแสของแม่สามีนางทนมามากพอแล้วดวงตาขององค์หญิงใหญ่เยือกเย็นราวกับมีดคม "อะไรนะ? คำก็ท่านป้าสองคำก็ท่านป้า กลับไม
ในพริบตา ผู้คนมากกว่าสิบคนพุ่งเข้ามา ภายใต้คำสั่งขององค์หญิงใหญ่ พวกเขาก็เดินไปที่สมุดบัญชีสนมฮุ่ยไทเฟยใจร้อนมาก “องค์หญิงใหญ่ เจ้าคิดจะทำอะไร ก็แค่ตรวจสอบสมุดบัญชีอย่างเปิดเผยก็จบเรื่อง ทำไมต้องซ่อนมันเอาไว้ล่ะ?”องค์หญิงใหญ่มองดูที่นิ้วของตนเอง แล้วเหลือบมองไปที่สนมฮุ่ยไทเฟยอย่างสบายๆ “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าไม่ได้ลงไม้ลงมือที่นี่”“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาตรวจพร้อมกัน ตรวจพร้อมก็รู้แล้วนี่ว่าได้ลงไม้ลงมืออะไรหรือไม่”“ฮ่าๆ!” องค์หญิงใหญ่ส่งเสียงในจมูกของนาง แต่ก็เป็นการเยาะเย้ย “ไม่ต้องรบกวนพวกเจ้าหรอก ในเมื่อพวกเจ้าได้ตรวจสอบมาแล้ว งั้นก็ถึงตาเราแล้ว”ท่านหญิงเจียอี้ตะโกนอย่างเคร่งเครียด "ยังมัวแต่ยืนอยู่ที่นั่นไปทำไม ขนออกไปสิ"ซ่งซีซีถือแส้ในมือข้างหนึ่ง แล้วโยนถ้วยชาใส่บุคคลหนึ่งในนั้นแล้วตีเขาที่หน้าผากพอดี จากนั้นบุคคลนั้นล้มลงกับพื้นและเป็นลมไปซ่งซีซีก้าวไปข้างหน้า และแส้ฟาดไปในกลางอากาศ ได้เกิดเสียง "เพี๊ยะๆ" ออกมา จากนั้นแส้ก็เฆี่ยนตีองครักษ์หลายสิบคนเหล่านั้น พวกเขาไม่ได้ยืนเรียงกันเป็นแถว แต่ก็ถูกเฆี่ยนตีทั้งหมด"ข้าจะดูว่าใครจะกล้าขนมัน!" ซ่งซีซียืนอยู่หน้ากล่อ
เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนาง องค์หญิงใหญ่ก็รู้สึกหมั่นไส้จากก้นบึ้งของหัวใจ ใบหน้านี้คล้ายกับหน้าแม่ของนางไม่มีผิดเลยล้วนเป็นผู้หญิต่ำช้ารอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งซีซียังยิ้มกว้าง "เรามาตรวจบัญชีอย่างเปิดเผย ไม่ทราบว่าทำไมท่านป้าต้องใช้กำลังเช่นนี้ หรือว่าในนั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่จริงๆ หรือ รอตรวจสอบบัญชีที่จวนโหวผิงหยางแล้ว เสด็จแม่ ท่านต้องจัดงานเลี้ยงสักหน่อย เพื่อเชิญชวนทุกคนมาพิจารณาเรื่องนี้"เจียอี้ตะเบ็ง "เจ้าเอาแต่พูดพล่อยๆ จะมีเรื่องแอบแฝงอะไร ที่ผ่านมาไม่ได้ส่งสมุดบัญชีให้สนมฮุ่ยไทเฟยดูหรือไง""ช่างบังเอิญจริงๆ สมุดบัญชีที่เจ้าส่งไปที่พระราชวังแตกต่างไปจากสมุดบัญชีที่ข้าพบในร้านจินโดยสิ้นเชิง" ซ่งซีซีมองดูเจียอี้ และเสียงของนางก็เข้มงวด "สมุดบัญชีที่เจ้าส่งไปนั้นขาดทุน แต่สมุดบัญชีที่ร้านจินกลับทำกำไร เจ้าว่ามันไม่มีอะไรแอบแฝงหรือ?"เจียอี้รู้สึกหงุดหงิดมาก "เจ้าส่งเสียงดังโวยวายทำไม ที่นี่คือจวนองค์หญิง มิใช่จวนจวนเสนาบดีกั๋วกงหรือจวนอ๋องของเจ้า"ใบหน้าของซ่งซีซีเต็มไปด้วยความเย็นชา "จวนองค์หญิงแล้วทำไม หรือว่าจวนองค์หญิงไม่ใช้เหตุผลเหรอ ในเมื่อเช่นนี้ ดูเหมือนว่าไม่จำเ
สองชั่วยามเต็มๆ พอดีเลย ข้างนอกมืดมากแล้ว และอากาศก็ยิ่งหนาวเย็นลงอีกนักบัญชีที่มีเคราเข้ามารายงานว่า "ทูลองค์หญิงใหญ่ ได้ตรวจสอบบัญชีหมดแล้ว ยอดที่ทำออกมานั้นตรงกับยอดของพระชายาไม่มีผิดขอรับ""ช่างบังอาจ!" องค์หญิงใหญ่ทุบถ้วยอีกใบ ส่งเสียงดังกราวซึ่งทำให้สนมฮุ่ยไทเฟยตกใจและตื่นขึ้นมาทันที มองดูเจ้าองค์หญิงใหญ่ที่โกรธแค้นด้วยสายตาที่ลุกลี้ลุกลนองค์หญิงใหญ่พูดอย่างปรี๊ดแตก "คนใช้ชั่ว กลับรายงานบัญชีเท็จและยักยอกเงินของสนมฮุ่ยไทเฟยและท่านหญิงเจียอี้ ข้าจะลงโทษเขาอย่างหนักแน่นอน"ซ่งซีซีปล่อยสนมฮุ่ยไทเฟย แล้วพูดว่า "ตรวจชัดเจนแล้วก็ดี ในเมื่อหัวหน้าจ้าวทุจริต เรื่องนี้ก็ไม่ต้องให้องค์หญิงใหญ่ออกหน้าแล้ว ข้าจะส่งเขาไปที่หอต้าหลี่ และให้เขาคายเงินที่เขาโกงออกมาทั้งหมด""ซีซี!" น้ำเสียงขององค์หญิงใหญ่อ่อนโยนกว่ามาก และนางก็ถอนหายใจ "ท่านพี่ของเจ้าก็มีส่วนผิดเช่นกัน นางดูแลคนได้ไม่ดีนัก และมีคนยักยอกเงินไปมากมายขนาดนี้นางยังไม่รู้เรื่อง หัวหน้าจ้าวก็เป็นคนของจวนโหวผิงหยาง หากเรื่องนี้ไปกันใหญ่ มันจะเป็นผลเสียต่อทั้งจวนโหวผิงหยางและท่านพี่เจ้านะ เอาอย่างนี้ เจ้าเอาคนนั้นมาให้ข้า ข้าจะให
ท่ามกลางแสงสว่างจ้า ซ่งซีซีนับตัวเงิน เป็นยอดที่ร้านจินทำกำไรมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีผิด แม้แต่เศษเงินก็ให้ครบเมื่อเห็นว่าท่าทีที่นางนับเงินอย่างจริงจังนั้น ท่านหญิงเจียอี้เกลียดชังจนกัดฟันกรอดแต่เมื่อคิดว่ามันจบเรื่องแล้ว ก็ยังถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ใครจะรู้ว่า ซ่งซีซีกล่าวเสริมว่า "พรุ่งนี้ข้าจะขายร้านนี้ต่อ และข้าจะเผยข่าวว่าร้านนี้เป็นท่านป้าและท่านพี่เป็นคนดำเนินกิจการ ด้วยชื่อเสียงของทั้งสองท่าน คนที่มาดูร้านเพราะได้ยินชื่อของพวกท่านต้องเยอะแน่นอน ข้าจะกำหนดราคาพื้นฐานไว้สองแสนห้าหมื่นตำลึง เป็นยังไงบ้าง?"ใบหน้าของเจียอี้เปลี่ยนไปทันที "อะไรนะ เจ้าจะบอกคนนอกว่าข้ากับท่านแม่เป็นเจ้าของร้านหรือ ไม่ได้การ"ชื่อเสียงร้านจินจะเป็นยังไงบ้าง? ประการแรก ร้านจินคัดลอกรูปแบบจากร้านอื่น และประการที่สอง วัสดุที่ใช้นั้นหยาบกระด้าง หากแพร่กระจายไป มันจะทำลายชื่อเสียงของนางและท่านแม่ด้วย นางแค่ต้องการหาเงิน และนางไม่ต้องการที่จะยอมรับว่าร้านจินเป็นของนางซ่งซีซีอุทานว่า "ก็จริง ท่านพี่ไม่ได้เป็นคนดำเนินกิจการจริงๆ งั้นหัวหน้าจ้าวเป็นคนของจวนโหวผิงหยาง งั้นบอกคนนอกว่าเป็นร้านของจ
ซ่งซีซีเอนหลังเก้าอี้ นางตัวสูงและขายาว ดังนั้นจึงดูมีออร่าเป็นพิเศษเมื่อนั่งแบบนี้รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของนาง และดวงตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางดีใจมากที่สนมฮุ่ยไทเฟยไม่ได้ถูกองค์หญิงใหญ่หลอก แม้ว่าคำพูดของนางจะฟังดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจมากนักก็ตามองค์หญิงใหญ่ใช้วิธียั่วยุไม่ได้ผล จึงยิ้ม "คนใดมีความสามารถคนๆ นั้นก็ดูแลบ้าย ไม่มีผิด ทำไมข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่ารังเกียจนางที่เป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานมาล่ะ บอกว่าไม่คู่ควรกับโม่เอ๋อ นี่แค่กี่วังเอง ก็ถูกนางซื้อเป็นพวกแล้ว มีฝีมือจริงๆ สนมฮุ่ยไทเฟย ข้ากังวลว่าต่อไปเจ้าอยู่จวนอ๋อง จะโดนนางหลอกเอาได้"ซ่งซีซีพูดอย่างเย็นชาออกมา "จบกันแค่นี้แหละ ที่เหลือจะทำตามที่ข้าพูด ขอตัวก่อน""เดี๋ยวก่อน!" องค์หญิงใหญ่ตะโกนอย่างเฉียบขาด "ซ่งซีซี อย่ามากเกินไป"ทันทีที่นางตะโกนนั้น สนมฮุ่ยไทเฟยตัวสั่นโดยสัญชาตญาณจู่ๆ ซ่งซีซีก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรง "จะมากเกินไปอะไร เรื่องบางเรื่องข้าไม่อยากพูดให้ชัดเจน เพราะไม่อยากให้เจ้าต้องหน้าแตกจนไม่น่าดู ในเมื่อเจ้าไม่กลัวโดนฉีกหน้า งั้นผู้หญิงที่เคยหย่ามาอย่างข้าจะกลัวทำไม หัวหน้าจ้าวไม่ได
นับเงินอีกแล้ว ตัวเงินไม่พอ ก็ใช้แท่งทองคำมาแทนดูเหมือนว่าองค์หญิงใหญ่จะมีเงินเก็บเยอะอยู่ การหาเงินมากกว่าสองแสนตำลึงนั้นจึงไม่นับว่าเป็นเรื่องยากก่อนหน้านี้ก็ประเมินนางต่ำเกินไปแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางได้เลี้ยงดูทหารประจำจวนและคนรับใช้หลายร้อยคน ยังมักจะจัดงานเลี้ยงด้วย สวมเสื้อผ้าที่หรูหรา เครื่องประดับราคาแพง และของกินของใช้ล้วนเป็นของดีทั้งนั้นเพียงเห็นท่าทางที่นางออกเงินนั้นราวกับหัวใจของนางกำลังจะมีเลือดไหลอยู่ ซ่งซีซีคิดว่าเงินก้อนนี้คงเข้าถึงจุดอ่อนของนางแล้วครั้งนี้พวกนางแตกคอกันจริงๆแต่ได้คืนสิ่งที่สมควรได้รับและเงินที่ถูกโกงนั้น อย่างน้อยก็ไม่ได้เสียเปรียบ ส่วนเรื่องที่แตกคอกับนาง มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว ความสามัคคีอันเสแสร้งนี้เช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาต่อกลับจวน!เมื่อสองแม่ลูกองค์หญิงใหญ่เฝ้าดูการจากไปของนาง ไม่มีความสุภาพเหมือนตอนที่นางมาแม้แต่น้อย และหลังตรงของนางก็แสดงความรู้สึกครอบงำ"ซ่งซีซี!" องค์หญิงใหญ่กัดฟันกรอด เวลานี้ตนเองทำอะไรไม่ได้นางเลยเจียอี้ยังรู้สึกเจ็บปวดใจมาก "น้ำพักน้ำแรงที่นางพยายามมาหลายมีนี้เสียเปล่าไปหมด ทั้งหมดเป็นเพราะนั
เซี่ยหลูโม่และจางต้าจ้วงเป็นผู้นำทาง และรถม้าก็ตามอยู่ข้างหลังอย่างช้าๆสนมฮุ่ยไทเฟยจับมือซ่งซีซี และมีความสุขมากจนไม่รู้จะอธิบายยังไง "ข้าไม่คาดคิดจริงๆ ว่าเจ้าจะทำให้พวกนางคืนเงินทั้งหมดได้ คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ข้ารู้จักองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างดี นางดูใจดีกับทุกคน แต่จริงๆ แล้วเนางกลับเป็นคนเผด็จการมาก"ซ่งซีซีค่อยๆ ดึงมือของนางออกแล้วพูดว่า "ถ้ารู้ว่านางเป็นคนยังไงต่อไปก็สุงสิงกับนางให้น้อยลงก็ได้"สนมฮุ่ยไทเฟยตอบกลับว่าอืม หลังจากคิดดูอีกทีแล้วก็รู้สึกเป็นห่วง "แค่กังวลว่าหลังจากแตกคอกับนางแล้ว ต่อไปนางจะพูดจาให้ร้ายเราเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกฮูหยิน เพื่อทำลายชื่อเสียงของเรา""แค่นี้มีอะไรต้องกังวล" ซ่งซีซีกล่าวอย่างใจเย็น"แน่นอนว่าเจ้าไม่ต้องห่วง ชื่อเสียงของเจ้าเสียตั้งแต่แรกแล้ว แต่ข้าเพิ่งออกจากวัง จะเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ได้"ซ่งซีซีชายตาแลดูนางแวบหนึ่ง เมื่อพูดคุยกับคนของตนเองก็พูดแทงใจดำทุกคำเลยสนมฮุ่ยไทเฟยตระหนักได้ว่านางพูดอะไรผิด และรีบแก้ตัวว่า "นั่นไม่ใช่อย่างนั้นนะ นี่ไง เซียนหนิงกำลังหาคู่ครองอยู่ องค์หญิงใหญ่ได้ไปมาหาสู่กับตระกูลชั้นสูงมากมายอย่างใกล้ชิด กลัวว่า
แม้ว่าจะไม่ถูกต้องตามระเบียบ แต่ก่อนที่นางจีจะกลับไป ซ่งซีซีก็สั่งให้คนไปซื้อโจ๊กเนื้อบดสองหม้อ โดยอ้างว่าเป็นของชาวบ้านที่ต้องการขอบคุณฮูหยินจีสำหรับการแจกจ่ายโจ๊กตลอดหลายปีที่ผ่านมา และตอนนี้ต้องการตอบแทนบุญคุณครั้งนี้นางจีร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ นางหวังว่าลูกๆ จะได้ดื่มโจ๊กอุ่นๆ สักคำ แม้เพียงนิดเดียวหลังออกจากหอต้าหลี่ ซ่งซีซีครุ่นคิดแล้วสั่งให้อาจารย์หยูไปเล่าถึงเรื่องที่ชาวบ้านบริจาคโจ๊กให้เป็นที่แพร่หลายเดิมทีผู้คนยังจดจำความมีน้ำใจของนางจีที่แจกจ่ายโจ๊กได้ แต่ช่วงนี้เรื่องราวนั้นเริ่มเงียบหายไปตอนนี้จึงเหมาะที่จะใช้โอกาสนี้จุดกระแสเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งอาจารย์หยูจึงแต่งเรื่องเล็กน้อย โดยเล่าว่าชาวบ้านที่มอบโจ๊กเดิมทีเป็นคนเร่ร่อนชานเมืองหลวงที่อดอยากจนเกือบตาย ดื่มโจ๊กที่โรงทานหลายวันติดต่อกัน และก่อนออกจากเมืองหลวง โรงทานยังมอบเสบียงให้เขาห่อหนึ่งแม้ปัจจุบันชีวิตของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นนัก แต่เมื่อได้ยินว่าผู้มีพระคุณของเขาประสบเคราะห์ เขาจึงรีบเดินทางมาที่เมืองหลวงและซื้อโจ๊กอุ่นๆ สองหม้อมาส่งที่เรือนจำ พร้อมร้องขอให้นำไปให้ผู้มีพระคุณเซี่ยหรูหลิงซึ่งดูแลเรือนจำ เ
นางถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”หงเชวี่ยตอบว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอาการยังพอรับได้ แต่ถ้าหวังชิงหลูไข้สูงไม่ลด ก็อาจเป็นอันตรายได้ นางเครียดเกินไป ตอนที่พบนาง นางจับมือข้าไว้แน่น ถามว่าตัวเองจะตายหรือไม่ พูดแต่เรื่องเพ้อเจ้อ เดี๋ยวโทษคนนั้น เดี๋ยวโทษคนนี้ บางครั้งก็โทษตัวเองที่ตัดสินใจผิดพลาดหลายอย่าง”ซ่งซีซีไม่ได้พูดอะไร นางไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของผู้อื่น เพียงแต่หวังว่านางจะไม่ทำให้ฮูหยินจีลำบากไปกว่านี้หากหวังชิงหลูเสียชีวิตในเรือนจำ จะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนในตระกูลหวัง ซึ่งจะเพิ่มภาระทางจิตใจให้กับฮูหยินจีอย่างแน่นอน“หงเชวี่ย อีกสองวันเจ้าไปดูพวกเขาอีกทีนะ”หงเชวี่ยพยักหน้า “เจ้าค่ะ”ซ่งซีซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อีกสองวันเจ้าไป ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”นางอยากพูดคุยกับฮูหยินจีตามลำพัง เพราะในที่สิ้นหวังเช่นเรือนจำนั้น หากไม่มีแม้แต่คนพูดคุย มีเพียงเสียงร้องไห้ที่ไม่สิ้นสุด วันเวลาก็จะยืดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ เนื่องจากฝ่าบาททรงพระประชวรและงดราชกิจ นางจึงต้องไปพบเสนาบดีมู่เพื่อแจ้งเรื่องจินชางหมิงเปล
เนื่องจากฝ่าบาททรงส่งชีกุ้ยไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอก งานดูแลเรือนจำจึงถูกมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของหอต้าหลี่ดูแล และผู้ที่รับหน้าที่นี้คือเซี่ยหรูหลิงไม่นานนัก เซี่ยหรูหลิงก็เดินทางมาที่จวนเป่ยหมิงอ๋องเพื่อพบซ่งซีซี บอกว่ามีเรื่องที่เขาตัดสินใจไม่ได้ และขอให้ซ่งซีซีช่วยแนะนำซ่งซีซีรีบกินข้าวเพียงสองสามคำแล้วออกมาพบเขา เพราะกังวลว่าอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮูหยินจีและเด็กๆแต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่เซี่ยหรูหลิงกล่าว นางก็พบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูทั้งสองคนหลังจากถูกส่งตัวเข้าเรือนจำก็วิตกกังวลทุกวัน อีกทั้งอาหารยังแย่ยิ่งกว่าอาหารที่เคยให้สุนัขกิน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มอาเจียนและท้องเสียก่อนหน้านี้ ซ่งซีซีเคยให้ยากับฮูหยินจี ซึ่งรวมถึงยาสำหรับอาการท้องเสียและปวดท้องเพราะไม่ชินสภาพแวดล้อม ยาทำให้อาการดีขึ้น แต่เพราะต้องกินอาหารแบบนั้นต่อไป อาการจึงกลับมาแย่ลงอีก และหวังชิงหลูก็มีไข้สูงฮูหยินผู้เฒ่าร้องขออย่างน่าสงสารให้ช่วยหาหมอ เซี่ยหรูหลิงไม่กล้าตัดสินใจ จึงออกมาขอคำปรึกษาจากซ่งซีซีซ่งซีซีถามว่า “แล้วคนอื่นล่ะ? มีอาการเหมือนกันหรือไม่?”“เดิมที
แต่ครั้งนี้เมื่อเข้าไปในวัง กลับไม่ได้พบฝ่าบาท อู๋ต้าปั้นออกมาแจ้งข่าวว่า วันนี้ฝ่าบาทไอจนมีเลือดปนและเกือบหมดสติ ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาซ่งซีซีรีบถาม “เป็นเพราะพระวรกายอ่อนแอ หรือถูกลอบวางยาพิษ?”คำถามนี้ชัดเจนว่าแฝงด้วยความระแวง หากเป็นสถานการณ์ปกติหรือคนอื่น ซ่งซีซีคงไม่กล้าถามแต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป อีกทั้งคนที่นางเผชิญหน้าอยู่คืออู๋ต้าปั้น นางจึงถามอู๋ต้าปั้นถอนหายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “หมอหลวงวินิจฉัยว่าไม่ได้ถูกวางยาพิษ แต่เพราะฝ่าบาททรงวิตกกังวลอย่างหนัก พักผ่อนน้อยและเบื่ออาหาร อีกทั้งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ทรงติดเชื้อและไอมาแล้วหลายวัน แม้จะดื่มยามาหลายวันแต่ไม่ได้ผล วันนี้ไอไม่หยุดจนกระทั่งมีเลือดปนและแทบหายใจไม่ออก”เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่การวางยาพิษ ซ่งซีซีก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย หากเป็นการวางยาพิษ ก็หมายความว่ามีคนแฝงตัวเข้ามาในวังแล้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยากลำบากยิ่งขึ้นการไอเป็นเลือดอาจเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ได้ ซ่งซีซีจึงยังไม่จากไป แต่เฝ้ารออยู่ด้านนอกเพื่อรอหมอหลวงออกมาแจ้งสถานการณ์นอกจากซ่งซีซีแล้ว ยังมีขุนนางอีกหลายคนที่รอเพื่อกราบทูลเรื่อ
ซ่งซีซีนั่งกลับลงบนเก้าอี้ กล่าวว่า “เรื่องที่พวกเจ้าทุจริตนั้น ฝ่าบาททรงทราบดีแล้ว ตอนนี้ที่ทรงให้ข้าสอบสวนเป็นการส่วนตัว ก็เพื่อมอบโอกาสให้พวกเจ้า หากพูดความจริง หัวของเจ้าจะยังปลอดภัย หากให้ข้อมูลที่มีค่าเพิ่มเติม อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปทำงานนอกเมือง ยังสามารถโลดแล่นในวงราชการได้”เกาหมิงอวี้ที่มีประสบการณ์ในราชสำนักมานานย่อมรู้ดีว่าให้ข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น หมายถึงการขายเจ้านายและผู้ใต้บังคับบัญชาเขาไม่มีข้อสงสัยในคำพูดของซ่งซีซีด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ช่วงนี้อู๋เยว่และคนของเขาตรวจสอบทางน้ำอยู่เสมอ สองคือ ซ่งซีซีออกหน้ามาสอบสวนด้วยตัวเอง หากไม่มีพระราชโองการจากฝ่าบาท นางไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จะส่งใครมาทรมานเขาก็ได้แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีวิเคราะห์เขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และคาดการณ์ความคิดของเขาไปก่อนแล้ว“พวกเจ้าทุจริตทั้งระบบ ท่าทีของจินชางหมิงเป็นอย่างไร?”เกาหมิงอวี้ครุ่นคิดก่อนตอบว่า “จะว่าไปจริงๆ แล้ว เขาเป็นคนเริ่มเปิดทางให้เราทุจริต โดยอ้างว่าเป็นค่าเหนื่อยของเรา เมื่อเริ่มต้นแล้ว เราลองเบิกเงินเกินมาเล็กน้อย เขาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นเรากล้าขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเขาเตือนเ
หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่สองวัน ซ่งซีซีตัดสินใจลงมือกับเกาหมิงอวี้ รองหัวหน้ากรมจัดการแม่น้ำเกาหมิงอวี้อายุสามสิบห้าปี รับราชการในกรมโยธามาแล้วห้าปี เขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวไร่ชาวนา เมื่อยังเยาว์วัยพ่อแม่เสียชีวิต เพื่อให้เขาได้เรียนในสำนักที่ดีที่สุด เขาดูดทรัพย์สมบัติของพี่น้องจนหมดสิ้นหลังสอบจอหงวนได้ เขาเข้ารับราชการ และกลายเป็นคนโลภเงินอย่างที่สุด ขี้เหนียวอย่างยิ่งยวด ทอดทิ้งพี่น้องที่เคยเลี้ยงดูเขาไปเหมือนของไร้ค่า และไม่ติดต่อพวกเขาอีกเลยยังไม่หมดแค่นั้น เขาอ้างความหึงหวงเป็นเหตุผลในการหย่ากับภรรยาคนแรก แล้วแต่งงานกับบุตรสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาคืออธิการสำนักไป๋หยุน ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ลูกสาวคนเดียวของอาจารย์แต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเขาคือคนไร้ค่าและทรยศทว่าคนไร้ค่าเช่นนี้กลับใช้งานได้ดี เพราะความโลภ โกรธ หลง และความเห็นแก่ตัวของเขา มีจุดอ่อนที่สามารถกดดันจนยอมพูดทุกอย่างคืนนั้น ซ่งซีซีสั่งให้กุ้นเอ๋อร์จับตัวเขามายังเรือนทางตะวันตกของเมือง ขังเขาไว้หนึ่งคืน ให้เขาหวาดกลัวและหิวโหย จากนั้นค่อยสอบสวนในวันถัดไปเกาห
จักรพรรดิซูชิงมีราชโองการให้อู๋เยว่พาคนไปควบคุมงานโดยตรง ทว่า จินชางหมิงรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว พาอู๋เยว่ไปตรวจสอบผลสำเร็จด้วยตนเองหลังจากเริ่มงานมาเป็นเวลานาน อ่างเก็บน้ำก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์คุณภาพของอ่างเก็บน้ำนั้นยอดเยี่ยม เขื่อนที่สร้างขึ้นมั่นคงดั่งกำแพงทองหลังจากตรวจสอบอ่างเก็บน้ำแล้ว ก็ไปตรวจสอบทางน้ำ ทุกพื้นที่ได้ขุดลอกเสร็จเรียบร้อย ส่วนเขื่อนที่เสียหายก่อนหน้านี้ก็ได้รับการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงแล้วอู๋เยว่ยังส่งคนไปพูดคุยกับคนงานก่อสร้างทางน้ำ ชายฉกรรจ์แต่ละคนที่ผิวคล้ำแดด ดูซื่อๆ ขัดเขินเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าขุนนางส่วนใหญ่ถามอะไรก็ตอบสิ่งนั้น หากให้พวกเขาบอกความไม่พอใจอะไร พวกเขามักลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่าอาหารสามารถปรับปรุงได้ไหม โดยเฉพาะเพิ่มหมูติดมันให้หน่อยอู๋เยว่คิดว่าคนเหล่านี้เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีความเคียดแค้นในแววตาเขายังพาคนไปดูที่พักชั่วคราวของคนงานก่อสร้างเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระท่อมไม้และกระท่อมหญ้าแฝก ภายในมีเพียงที่นอนใหญ่ที่รองรับคนได้เจ็ดแปดคน ดูรกเล็กน้อยในกระท่อมไม่มีอาวุธ เครื่องมือที่ต้องใช้ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในค
ซ่งซีซีแทบจะหัวเสียจนอกแตกตาย นางรู้สึกว่าเส้นผมสีขาวกำลังจะงอกออกมาบนหน้าผาก ไม่แปลกใจเลยที่ขุนนางในราชสำนักแต่ละคนดูแก่ก่อนวัย หรือแม้แต่เสนาบดีมู่ที่อายุเพียงหกสิบกว่า ผมก็หงอกไปกว่าครึ่งนางไปหาเสนาบดีมู่ด้วยความขุ่นเคือง หวังว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้างและกล่าวบางคำสนับสนุนนางต่อหน้าฮ่องเต้เสนาบดีมู่ยิ้มพลางมองนาง "แค่นี้ก็ถึงกับโกรธเลยหรือ?"ซ่งซีซีตอบ "มิกล้าโกรธเจ้าค่ะ แต่เรื่องนี้ชะลอความคืบหน้า และข้ากลัวว่าจะทำให้ผู้ต้องสงสัยตื่นตัว จนถูกชิงโอกาสไป ฝ่าบาทไม่ไว้ใจข้าเลย"เสนาบดีมู่ย้อนถาม "เขาไม่เชื่อเจ้าอย่างสมบูรณ์ก็เป็นเรื่องปกติ ต่อให้เป็นเจ้า หากคนใต้บัญชาไม่ได้ยกหลักฐานมาสนับสนุนคำพูด เจ้าจะเชื่อพวกเขาโดยไม่ตรวจสอบหรือ?"ซ่งซีซีกล่าว "แต่เขาไม่มีหลักฐานว่าท่านอ๋องมีความทะเยอทะยานใดๆ แต่เขาก็ยังระแวงทุกทางมิใช่หรือ?""ก็เพราะไม่มีหลักฐาน เขาจึงระแวง หากมีหลักฐาน เขาคงลงมือไปนานแล้ว" เสนาบดีมู่ถอนหายใจเบาๆ "ความจริงแล้ว หลายเรื่องไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด โดยเฉพาะการตัดสินใจสำคัญในราชสำนัก ต้องผ่านการหารือและอภิปรายหลายครั้ง บางเรื่องใช้เวลาเป็นปีจึงจะเดินหน้าได้ อีก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างแม่น้ำได้เกณฑ์แรงงานจากในและรอบๆ เมืองหลวง โดยเป็นกลุ่มคนงานและแรงงานหนักกลุ่มเดียวกันหน่วยงานด้านแม่น้ำทั้งหมดอยู่ภายใต้การนำของจินชางหมิง เขาใช้ข้ออ้างเรื่องการซ่อมแซมแม่น้ำและโครงการระบายน้ำเข้ายึดครองภูเขาและที่ดินจำนวนไม่น้อยบ้านเรือนถูกสร้างขึ้นอย่างกระจัดกระจายในพื้นที่เหล่านี้ โดยไม่ได้จัดเป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ คนงานแม่น้ำและแรงงานบางส่วนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เส้นทางแม่น้ำที่พวกเขาครอบครองกระจัดกระจายไปในทุกทิศ เมื่ออาจารย์หยูทำเครื่องหมายและเชื่อมจุดบนแผนที่ พบว่าพื้นที่เหล่านี้โอบล้อมพระราชวังหลวงไว้เหมือนตาข่ายที่กางปิดหากพวกเขาเป็นทหารลับของนกต่อ การเฝ้าประตูเมืองจะไร้ประโยชน์ เพราะพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด และเมื่อไม่มีงานทำ พวกเขาก็สำรวจภูมิประเทศจนคุ้นเคย แม้แต่ค่ายลาดตระเวนหรือทหารรักษาการณ์อาจยังไม่รู้จักเส้นทางในเมืองหลวงดีเท่าพวกเขาซ่งซีซีมองดูแผนที่ด้วยความตระหนก แต่ก็ยังตั้งคำถามว่า "พวกเขาได้รับที่ดินเหล่านี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากกรมโยธาธิการและฝ่าบาทใช่หรือไม่?""ถูกต้อง แต่ถ้าใช้เพื่อการซ่อมแซมแม่น้ำและระบายน้ำ ก