“เช่นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเจ้าหรือ?” นางเวินแสร้งถาม“หลายปีนี้ข้าใจกว้างกับพวกเขามากพอแล้ว ปัจจุบันข้าจึงจะเป็นหัวหน้าตระกูลของสกุลเซียว” เซียวรั่งตัดสินใจนางหยางเสริมจากข้างๆ หนึ่งประโยค “เฮ้อ ก่อนหน้านี้ตอนที่อันหรูอยู่ ข้าก็เคยบอกนางแล้ว อย่าสนับสนุนคนในตระกูลติดนิสัยได้อะไรมาง่ายๆ โดยไม่ต้องลงแรง ปรากฏว่าสองปีนี้ นางอาศัยที่ตัวเองมีทรัพย์สินเยอะ จะเลี้ยงคนพวกนี้ให้ได้”เซียวรั่งเสริมได้อย่างเหมาะสมหนึ่งประโยค “จืออินมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลที่มีฐานะ และยิ่งมีความดีความชอบในสนามรบ ผู้หญิงเจ้าเล่ห์แสนกลเยี่ยงนาง ช่างไม่รู้จักประมาณตนจริงๆ”เป็นอย่างที่คิด ใช้ได้ผลกับนางเวินมาก“นางที่เป็นคนรุ่นหลังของพ่อค้า ในสมองมีแต่เงินเหม็นๆ พวกนั้น เทียบกับจืออินของเรา นางก็คู่ควรหรือ!”หลินชวนก็สมทบ “นั่นสิ ปัจจุบันจวนเจิ้นกั๋วกงเหลือแต่เปลือกนอก นางเหลียงก็มีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย ชุยอันหรูยังเคยหักหน้าฝ่าบาท ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าผู้หญิงสองคนที่โง่เขลาจะสามารถอวดดีไปถึงเมื่อไร”แม้แต่หลินจืออินก็ไม่ได้โต้แย้งหลังจากหารือกัน ทั้งสองตระกูลกำหนดวันแต่งงานไว้ในอีกห้าวันห
แม้เหล่าคนรับใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังทำตามเหลียงจื่ออวี้ที่นั่งรถม้ามาได้สักระยะถูกขวางทาง เมื่อกลับถึงจวนกั๋วกง ชุยอันหรูไม่พูดอะไรสักคำ ก็วิ่งเข้าไปกอดนางเอาไว้“พี่สะใภ้ ท่านไม่สนใจข้าแล้วหรือ?”เหลียงจื่ออวี้ระงับอารมณ์ ไม่ให้ตัวเองปล่อยโฮออกมาต่อหน้าชุยหลาง“พาหลางเอ๋อร์ออกไปก่อน…”ชุยอันหรูปล่อยเหลียงจื่ออวี้แล้วสั่งมองดูชุยหลางตามคนรับใช้ออกไปอย่างรู้ความ ชุยอันหรูลากเหลียงจื่ออวี้เข้าไปในห้อง ค้นเจอหนังสือสั่งเสียที่เหลียงจื่ออวี้เขียนเสร็จ จากใต้หมอนของนาง“พี่สะใภ้ ต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ?”นางไม่ได้อ่านเนื้อหา คืนให้เหลียงจื่ออวี้โดยตรงความเศร้าโศกในแววตาเหลียงจื่ออวี้นั้น เข้มข้นจนปัดไม่ออก ราวกับภูเขาที่สูงทะลุเมฆหมอกได้ฝังรากไว้ตรงนั้นแล้ว“พวกเขาบอกว่า ปัจจุบันข้าจึงจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงที่สุดของจวนเจิ้นกั๋วกง ข้าคือฮูหยินท่านแม่ทัพ และยังมีบรรดาศักดิ์ พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ก็เป็นเรื่องที่สมควร…ข้ารู้ จุดประสงค์ของพวกเขาไม่เพียงเท่านี้ และยังได้คืบจะเอาศอกแน่นอน”“อย่างไรข้าก็เป็นลูกสาวของพวกเขา ไม่สามารถหลุดพ้น มีเพียงข้าตายแล้ว อีกทั้งตายในจวนของพว
เซียวรั่งรู้สึกเพียงมีลมเย็นพัดผ่านหน้าหน้าผากของตัวเองเห็นได้ชัดว่าชุยอันหรูกำลังยิ้ม เขากลับรู้สึกได้ถึงความเย้ยหยันเข้มข้นในนั้น“ในเมื่อคืนเงิน เหตุใดจึงจงใจใช้เหรียญทองแดงเหล่านี้? ไม่เต็มใจ หรือจวนโหวตกอับถึงขั้นต้องไปรวบรวมเหรียญทองแดงเพื่อใช้หนี้?”น่าเสียดาย ชุยอันหรูมีแผนในใจแล้ว “เด็กๆ เงินที่เป็นก้อนตรวจนับเข้าบัญชีโดยตรง ส่วนเหรียญทองแดง นำไปบริจาคให้กรมกลาโหม ซื้ออาหาร หญ้าและอาวุธส่งไปที่ด่านชายแดนในนามของข้า!”ลูกไม้ตื้นๆ ของเซียวรั่งไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย เส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผาก ทำได้เพียงเปลี่ยนประเด็น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านย่าไม่ได้รับบัวหิมะทันเวลา อาการป่วยกำเริบอีกแล้ว…”ในเมื่อเซียวรั่งรนหาที่เอง ชุยอันหรูก็ไม่เคยคิดจะให้เขาเอาเปรียบ“ทำไม ข้าอกตัญญูมิใช่หรือ? ย่าของท่านอาการป่วยกำเริบ เหตุใดเจ้าไม่ดูแลอยู่ข้างๆ ล่ะ?”ตันชิงยืนคอยอยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะในเวลาที่เหมาะสม“เขาย่อมไม่รู้ ขณะที่คุณหนูปูที่นอนบนพื้นในห้องฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อดูแลนาง เขากำลังร่วมหลับนอนกับแม่นางตระกูลหลิน!”อย่างไรเซียวรั่งก็คิดไม่ถึง แผนการที่คาดการณ์ไว้ไม่เพียงไม่ได้ผลใดๆ และยัง
สำหรับชื่อเสียงของอ๋องอี้ ชุยอันหรูไม่ได้ประหลาดใจการจัดฉากอยู่เบื้องหลังตลอดหลายปีของไท่เฟย และยังมีท่านนั้นในจวนอ๋องอี้ยืนยันหลายครั้งว่า อ๋องอี้พูดไม่ดีกับไท่เฟยต่อหน้าผู้คนหลายครั้ง มีชื่อเสียงเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ“พี่สะใภ้ ตอนนี้ท่านเชื่อว่าหลินจืออินเป็นวีรสตรี เป็นยอดหญิงหรือไม่?”ชุยอันหรูเอ่ยปากอย่างเรียบเฉยระหว่างคิ้วของนางไม่มีความกังวลอะไร การทรยศของเซียวรั่ง ไม่ได้ทำให้นางปฏิเสธตัวเอง“ย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว คนที่ห่วงใยใต้ฟ้าจริงๆ จะไม่มองผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว ต่อให้มีความคิด ก็รู้ว่าควรควบคุมอย่างไร นางใช้ข้ออ้างถูกพิษกับเจ้า ก็ไม่กลัวว่าเวลาพูดโกหกจะกระทบต่อลูกในท้องเลย”เหลียงจื่ออวี้กล่าวจบ ก็เข้าใจเจตนาของชุยอันหรูแล้ว“เจ้าบอกว่า อ๋องอี้ถูกปรักปรำหรือ?”ชุยอันหรูกล่าว “ไท่เฟยไม่ใช่มารดาผูให้กำเนิดเขา เป็นแค่มารดาเลี้ยง ไม่เคยเลี้ยงดูเขา มีสิทธิ์อะไรมาตำหนิเขาว่าอกตัญญู?”เหลียงจื่ออวี้พยักหน้า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล”“พี่สะใภ้ พรุ่งนี้พวกเราต้องเข้าวังกันแต่เช้า วันนี้พักผ่อนเร็วหน่อยนะ”“เข้าวังอีกแล้วหรือ?”“ไทเฮามีใจดูแล พวกเราทำเฉยไม่ได้ อีกทางเรื่อง
“ไทเฮาทรงมีความห่วงใย จัดการอย่างรอบคอบ หม่อมฉันขอบพระทัยไว้ในที่นี้เพคะ”ไทเฮาโบกมือแล้วกล่าว “ข้าได้สั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของทหารคนนั้นแล้ว เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดอันหนานโหวแต่แรก ไม่เกี่ยวข้องกับพ่อลูกเจิ้นกั๋วกง วันข้างหน้า ต่อให้เอาเรื่องก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา”ชุยอันหรูไม่ได้ห่วงเรื่องนี้ ต่อให้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบิดาและพี่ชายจริงๆ นางก็ไม่เคยคิดปล่อยผ่าน“ข้าจะบอกเรื่องนี้กับฝ่าบาทตามความจริง และคอยเร่งรัดให้เขาจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นกลาง ก็ถือว่าเป็นการเตือนอันหนานโหว ลูกสาวของวีรบุรุษพิทักษ์ชาติ ไม่ใช่คนที่เพิ่งมีศักดิ์มีตำแหน่งอย่างเขาสามารถรังแกได้ตามใจชอบ”คำพูดของไทเฮา ที่จริงก็กำลังเตือนด้วยความหวังดีในอนาคต เมื่อไรที่ความดีความชอบด้านทางทหารของเซียวรั่งก้าวหน้าไปอีกขั้น ค่อยๆ เข้ามาแทนที่เจิ้นกั๋วกง จะไม่มีใครสนใจเรื่องเหลวไหลที่เขาทำอีก“แก้ปัญหาเรื่องของเจ้าเรียบร้อยแล้ว รีบขอบพระทัยไทเฮาสิ…” ชุยอันหรูเร่งเร้าหญิงผู้นั้นจึงจะโขกศีรษะอย่างนึกขึ้นได้ ใช้ราชอำนาจมาจัดการเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ของนาง นางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันสีหน้าไทเฮาเป็นธรรมช
ในแววตาชุยอันหรูเปล่งแสงลึกลับ คนที่นางจะคิดบัญชีด้วย จะมีเพียงคนตระกูลเซียวได้อย่างไร “หม่อมฉันจะไม่ทำให้ไทเฮาผิดหวังเพคะ”“ไม่รู้ว่าลูกศิษย์ของหมอเทวดาท่านนี้ จะสามารถเข้าเมืองหลวงเมื่อไร?”สำหรับคำพูดของชุยอันหรู ไทเฮาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ“ถึงแล้วเพคะ”เมื่อได้ยินชุยอันหรูตอบอย่างมั่นใจ ไทเฮาก็ดีใจทันที“จริงหรือ?”“หม่อมฉันไม่กล้าโกหกไทเฮาเพคะ สมัยเด็กหมอเทวดาอาศัยอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วกง เคยสอนหม่อมฉันหลายปี…”ไทเฮาเงียบแล้ว สายตาคือความตกตะลึงพรึงเพริด“เจ้า?”ไทเฮาไม่เคยคิดถึงคำตอบนี้มาก่อนในสายตาไทเฮา ผู้หญิงคนนี้เพิ่งอายุยี่สิบปี ร่างกายถูกปกคลุมด้วยความเศร้าโศกที่สูญเสียคนในครอบครัว สายตากลับเปล่งประกาย ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนทะลุชั้นเมฆหลังจากยืนยันความจริงจังกับชุยอันหรู ไทเฮาพบว่าเรื่องราวน่าสนใจมากขึ้นแล้วเซียวรั่งทรยศคู่ครองเพราะหมอหญิงคนหนึ่ง แต่ปรากฏว่าคนที่เขาทิ้ง คือลูกศิษย์หมอเทวดาที่ทุกคนพยายามตามหา“เช่นนั้นอย่าถอนพิษที่เชินเอ๋อร์กินในวันนั้น…”“หม่อมฉันเป็นคนปรุงเองเพคะ อย่างไรอาจารย์ก็ไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว ยาลูกกลอนมีระยะเวลาในการเก็บรักษา…ตอนนั
ไทเฮาเงียบ แต่เป็นลู่จิ่งเชินที่กล่าวขึ้นมาเอง “ระยะเวลาสองปี ผู้อื่นกำลังรอการตายของข้า แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่มาถึงจะเป็นข่าวการหายดีของข้า”ชุยอันหรูไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา หลังจากรับพู่กันและกระดาษจากคนสนิทไทเฮา ก็เริ่มเขียนตำรับยาทันทีไทเฮายังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “คิดไม่ถึงว่าอันหรูซ่อนได้ลึกมาก ตระกูลเซียวมีตาแต่ไม่มีแวว ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลพวกเขา น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าคอยดูแลอย่างเดียว ต้องใช้ตำรับยาที่ล้ำเลิศอะไรด้วยกระมัง”ชุยอันหรูตอบอย่างไม่เร่งไม่รีบ “เดิมทีนางก็ไม่ได้มีปัญหาที่หนักหนาอะไร ก็แค่อาศัยที่ตัวเองอายุมากแล้วร้องห่มร้องไห้ ในเวลาสองปีก็ดีขึ้นมานานแล้ว ปัจจุบันไม่ได้ยาล้ำค่าอะไรแล้ว ความแตกต่างที่มากเกินไป จึงทำให้รับไม่ได้ก็เท่านั้นเพคะ”หลังจากมองสีหน้าของลู่จิ่งเชิน ไท่เฮาจับมือของชุยอันหรู“สุขภาพของเด็กคนนี้ก็ฝากเจ้าแล้ว…และข้าจะช่วยเจ้าปิดบังตัวตนที่เป็นลูกศิษย์หมอเทวดาของเจ้าเช่นกัน”“ขอบพระทัยไทเฮา เช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ”“แม่ลูกคู่นั้น รอเจ้าอยู่ที่ประตูวังแล้ว” ไทเฮากล่าว ไม่ได้รั้งให้อยู่ต่อ“เสด็จย่า เหตุใดไม่พูดให้ชัดเจนเล่าพ่ะย่ะค่ะ เพราะฮองเฮาคอ
“ข้าขอเตือนเจ้าสักคำ ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกง”นี่เป็นเสียงของตันเสวียนชุยอันหรูยิ่งรู้สึกสนใจแล้ว ดูเหมือนคำว่านางแพศยาเมื่อครู่ เพราะรู้ว่าตันเสวียนเป็นคนของนาง“เจ้าก็รู้ว่าที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกงหรือ? นายของเจ้าออกเรือนแล้ว ไม่ใช่คนของจวนเจิ้นกั๋วกงอีก ต่อให้หย่าแล้วก็ไม่ควรกลับมาที่นี่ ฮูหยินท่านแม่ทัพไม่รู้ความ เห็นแก่ความดีของท่านกั๋วกงกับท่านแม่ทัพ ไปรับหน่อยนางก็รับกลับมาเลย ช่างไม่รู้กฎเกณฑ์จริงเชียว”คนตระกูลเหลียงที่มา ท่าทางนั่นราวกับย้ายเข้ามาอยู่ในจวนกั๋วกงแล้ว“ได้ยินมาว่า หลังจากรับคืนสินเดิมตอนออกเรือนมาก็เก็บเอาไว้คนเดียว? ในเมื่อกลับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ก็ควรมอบให้ฮูหยินท่านแม่ทัพจัดการจึงจะถูก และยังกล้าเป็นปรปักษ์กับจวนอันหนานโหว ยิ่งไปก่อความวุ่นวายที่หน้าประตูตระกูลหลิน ไม่เหลือทางหนีทีไล่ใดๆ ให้ตัวเองจริงๆ”“หรือไม่ข้าเขียนรายการสินเดิมออกมา รบกวนเจ้านำกลับไปมอบให้ฮูหยินเหลียง?”เสียงของชุยอันหรูเย็นเยือก ทำให้หญิงรับของตระกูลเหลียงสะดุ้งตกใจตอนที่หมุนกายเห็นชุยอันหรู กลับมีความดูถูกแลบผ่านแววตา“ที่แท้คุณหนูกลับมาแล้ว บ่าวรับคำสั่งจากฮูหยินบ้านเรา มาเช
“ตอนนี้เซียวรั่งแต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ในภายภาคหน้าตระกูลหลินกับตระกูลเวินก็ต้องเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน...”เหลียงจื่ออวี้ก็นึกถึงเรื่องเหล่านี้ นางจึงถามออกมาตรง ๆ“พี่สะใภ้ ข้าย่อมมีวิธีของข้าอยู่แล้ว ท่านมิต้องกังวล ตอนนี้ข้ายังมิอาจอธิบายให้ท่านฟังได้ อย่างไรก็ตามข้ารับปากท่าน สามปีให้หลัง ตอนที่ท่านกับหลางเอ๋อร์กลับมา ผู้คนในเมืองหลวงที่ทำให้ท่านรู้สึกรังเกียจเหล่านั้น หากไม่ตายแล้วก็ต้องหมดสภาพ”เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของชุยอันหรู เหลียงจื่ออวี้ก็รู้ว่านางมิได้โกหกตนยิ่งไปกว่านั้นนางเข้าใจตนเองอย่างชัดเจนแล้ว ภูมิหลังของนาง ความรู้ของนาง และสมองของนาง การอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้ช่วยเหลือสิ่งใดชุยอันหรูได้เลย ในทางตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นภาระของนาง“ข้ารู้แล้ว แต่เจ้าต้องปกป้องตนเองให้ดี หลังจากสามปี เจ้าก็มิจำเป็นต้องไว้ทุกข์อีกแล้ว หากเจอบุรุษที่เหมาะสมก็อย่าพลาดโอกาสเชียว”ตอนนี้ตระกูลชุยมีนางเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติช่วยชุยอันหรูจัดการเรื่องการแต่งงาน“ได้ ข้ารู้”วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เวินจี้หลี่เลิกประชุมเช้าก็เจาะจงไปที่จวนอ๋องอี้ หลังจากเมื่อวานนางเวินไปเอะอะโวยวา
หลังจากชุยอันหรูรับมาแล้ว ก็ตั้งใจอ่านอยู่รอบหนึ่ง“ระวังว่าจวนอ๋องอี้จะไม่ส่งผลดีต่อศิษย์ของหมอเทวดา”ในตอนนั้นนางเข้าใจแล้ว ช่วงที่ศิษย์ของหมอเทวดาเข้ามาเมืองหลวงประจวบเหมาะกับองค์ไทเฮากำลังจะออกจากเมืองหลวงในสายตาของไท่เฟยจวนอ๋องอี้ ก็ยังมิแน่ว่าจะทำเพื่อรักษาลู่จิ่งเชินหากทำเพื่อให้ลู่จิ่งเชินตายเร็วขึ้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ศิษย์ของหมอเทวดาติดต่อกับเขาอย่างแน่นอน วิธีที่ดีที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดก็คือทำให้เขาหายตัวไปนางค่อย ๆ นำจดหมายหย่อนเข้าไปในกระถางธูป และมองดูมันกลายเป็นเถ้าถ่าน“ศิษย์พี่เข้ามาในเมืองหลวงครั้งนี้ เกรงว่าคงต้องเจอปัญหาไม่น้อย”“แน่นอนว่าจะต้องมีคนจำนวนมากแย่งชิงศิษย์ของหมอเทวดา...” ตันจูเอ่ยวิเคราะห์ตันเสวียนนิ่งเงียบ ปกตินางจะมิชอบเอ่ยขัดจังหวะตันชิงกลับเป็นคนซ่อนความในใจไม่อยู่ จึงเอ่ยออกมาตามตรงว่า “หากพูดตามหลักแล้ว คนที่มีความสามารถเช่นศิษย์พี่ของท่านหญิง มิใช่คนมากมายต้องการปกป้องหรอกหรือ? อย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าวันข้างหน้าตนเองและครอบครัวจะไม่เจ็บป่วยหนัก หมอธรรมดาก็ไม่อาจรักษาได้”ชุยอันหรูไม่รีบร้อนอธิบาย ตันจูจึงเอ่ยขึ้น
เซียวรั่งมิได้แสดงท่าทีใดนัก ที่จริงเขาคิดวิธีนี้ออกตั้งแต่ตอนที่อยู่ตระกูลเวินแล้ว แต่มิกล้าพูดเท่านั้นในเวลานี้นางเวินพูดออกมาแล้ว เขาก็มีความหวังเพิ่มขึ้นมาบ้างบางที หากมารดาสามีไปเอะอะโวยวายที่ตระกูลเวินเอง พวกเขาก็คงจะช่วยเหลือตนหลินจืออินก็คิดว่าวิธีนี้ดีเช่นกัน ในตอนนั้นนางก็นึกไม่ออกจริง ๆ“หากข้าคิดได้ พี่ชายของเจ้าจะคิดไม่ออกได้อย่างไร เพียงแต่มิอยากออกหน้าเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรตระกูลเวินก็มิใช่เขาเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ข้ามิเชื่อหรอกว่าท่านพ่อกับท่านพี่จะไม่ช่วยข้า”เป็นจริงตามคาด ท่าทีของนางเวินเป็นไปในทิศทางที่เซียวรั่งคาดไว้ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน บ่าวรับใช้ก็เข้ามา“นายท่าน ฮูหยิน...”“มีอะไรหรือ?”สีหน้าของบ่าวรับใช้ดูแปลกชอบกล คงว่าได้ยินข่าวแปลก ๆ บางอย่างมา“ด้านนอกดูเหมือนมีคนกระจายข่าวว่า อีกไม่กี่วันศิษย์ของหมอเทวดาจะเข้ามาในเมืองหลวง...”“จริงหรือ?” เซียวรั่งแทบจะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ข่าวนี้ช่างมาในเวลาที่เหมาะสม ประจวบเหมาะกับการแก้ปัญหาเร่งด่วนของพวกเขา“มิรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ทุกคนก็พูดต่อๆ กัน อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่เกี่ยว
เซียวรั่งกับหลินจืออินมิได้รับประโยชน์ใด ๆ และมิได้กลับจวนในทันที แต่ไปที่จวนตระกูลหลินนางเวินเห็นสีหน้าของพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะพบเจอปัญหาแล้ว“มีสิ่งใดหรือ? เพราะหน้าที่ต้อนรับคณะราชทูตถูกคนแย่งไปหรือ?”หลินจืออินอธิบายว่า “มิใช่เจ้าค่ะ พวกเราเพิ่งกลับมาจากบ้านท่านยาย...”“อยากให้ลุงเจ้าออกหน้า? เดาว่าเขาคงไม่เห็นด้วย” นางเวินคาดเดาบทสรุปได้แล้ว“ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ก็มิใช่ว่าท่านลุงไม่เต็มใจ แต่เป็นพี่ชายที่ปฏิเสธ...ป้าสะใภ้ก็ไม่พูดสิ่งใดตั้งแต่แรกจนจบ จะต้องไม่อยากช่วยเหลืออย่างแน่นอน”ความขุ่นเคืองของหลินจืออินพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูด“พี่ชายเจ้าผู้นี้กับหรูซวง ได้รับการอบรมสั่งสอนจากป้าสะใภ้เจ้า จึงไม่สนิทสนมกับพวกเราแม้แต่น้อย พวกเราก็มิใช่คนนอก เอาแต่กังวลว่าพวกเราจะทำให้ตระกูลเวินเดือดร้อน ระแวดระวังมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”หลินจืออินรีบคว้าแขนของนาง “ท่านแม่...”ตอนนี้นางเวินถึงนึกขึ้นได้ว่า ยังมีเซียวรั่งอยู่ข้าง ๆนางเปลี่ยนสีหน้าในทันที “เซียวรั่ง เรื่องของวันนี้ เจ้าอย่าโทษลุงเจ้าเลย เรื่องที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้ว ผู้ใดก็มิอาจเปลี่ยนแปลง หากลุงเ
“ถ้าเช่นนั้นท่านลุงกราบทูลฝ่าบาทไปตามตรงว่า เซียวรั่งเป็นคนที่เหมาะสมกว่า ท่านลุงเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี ทำเช่นนี้มิได้หรือเจ้าคะ?” หลินจืออินนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งเวินหรูเฟิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง “ครั้งนี้คนที่ฝ่าบาททรงเลือกเป็นที่แน่นอนแล้วคือหลี่ฉุนจงเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นพระเชษฐาแท้ ๆ ของฮองเฮา เจ้าหวังว่าจะให้ท่านพ่อใช้เหตุผลใดถึงจะทำให้ฝ่าบาททรงเพิกถอนเขา ทั้งยังมิทำให้ฮองเฮาทรงแค้นเคืองตระกูลเวินของพวกเรา?”คราวนี้หลินจืออินอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิงแล้ว นางมองเวินหรูเฟิงด้วยความขุ่นเคือง“ท่านพี่ ท่านดูแคลนพวกเรามากใช่หรือไม่?”เวินหรูเฟิงถึงกับงงงัน เอาความคิดนี้มาจากที่ใด?“น้องสาว เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจผิดบางอย่าง”“ข้ามิได้เข้าใจผิด ข้าออกเรือนท่านก็มิได้มา พวกเรากลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานท่านก็มิได้มา...”หัวข้อสนทนาของหลินจืออิน ถูกโยงไปอีกทิศทางหนึ่ง ในเวลานี้นางเมิ่งเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าพาน้องเขยมาสอบถามถึงจวนแล้ว เจ้ารีบเอ่ยขอโทษก็พอ มิต้องอธิบายให้มากความ”หลังจากนางเอ่ยจบ เริ่มแรกก็ทำเป็นตัวอย่าง “จืออินเอ๋ย สองครั้งนั้นป้าสะใภ้มีธุระก็มิได้ไปเช่นกัน แล
หลินจืออินเอ่ยจบ ทุกคนพากันเงียบสนิทความเงียบของเซียวรั่ง เป็นเพราะเสียอารมณ์กับเรื่องการแต่งงานที่เคยเกือบจะเกิดขึ้นส่วนความเงียบของคนในตระกูลเวิน ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีทางจะตามหาหมอเทวดาได้ มิเช่นนั้นหลายปีมานี้พวกเขาก็คงทนรับทางด้านของไทเฮาไม่ไหวไปนานแล้ว“จืออิน ความคิดนี้ของเจ้าก็ไม่เลว ทว่าพวกเรามิรู้ว่าหมอเทวดาอยู่ที่ใด...” เวินจี้หลี่อธิบายด้วยความอึดอัดใจ“เป็นไปได้อย่างไร ทุกครั้งขอเพียงท่านตาเกิดปัญหา หมอเทวดาก็มักจะมาปรากฏตัว หลายวันก่อนท่านตาทวดร่างกายไม่สบาย ก็มิใช่หมอเทวดาให้คนนำยามาส่งให้ กินยาจนกระทั่งหายจากอาการป่วย...หากพวกท่านหาเขาไม่พบ แล้วเขาจะมาปรากฏตัวอย่างทันเวลาทุกครั้งได้อย่างไร...”คำถามของหลินจืออิน ที่จริงแล้วก็สร้างความสงสัยให้ตระกูลเวินมานานมาก “จืออิน พวกเรามิรู้ที่พำนักของหมอเทวดาจริง ๆ เขาไปมาอย่างไร้ร่องรอยเสมอ เมื่อหลายปีก่อนเคยมาที่จวนมหาราชครูครั้งหนึ่งจริง ๆ นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่ท่านตาเจ้าล้มป่วย จะมีคนนำยามาส่งให้โดยเฉพาะ พวกเราก็ลองสะกดรอยตามคนส่งยา ทว่ากลับไม่ได้เบาะแสใดเลย”ฮูหยินผู้เฒ่าเฮ่อเป็นพยานได้ว่า พวกเขาไม่มีหนทางจริง ๆ
มหาราชครูเวินคิดจะวางมาดน่าเกรงขามตามเดิม ทว่าสำหรับหลานสาวที่เอ็นดูมาตั้งแต่เล็กผู้นี้ คงมิอาจทำได้เสียแล้ว“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องบอกให้ตารู้ว่า เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่...”“หรือเป็นเพราะคำพูดที่อ๋องอี้เอ่ยในราชสำนักวันนี้ ทำให้ฝ่าบาททรงยึดหน้าที่การต้อนรับคณะทูตของเซียวรั่งกลับไป?”เวินจี้หลี่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็รู้ว่าพวกเขาต้องการทำสิ่งใด“ท่านลุงยอดเยี่ยมยิ่งนัก จืออินยังมิทันเอ่ย ท่านก็คาดเดาได้ถูกแล้ว”เวินจี้หลี่ยิ้มจาง ๆ พร้อมเอ่ยว่า “เจ้าหนอเจ้า วันนี้มีเพียงเรื่องเดียวนี้เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเขา เจ้าคิดว่าจะเป็นเรื่องใดได้อีกเล่า?”“ข้าเกิดคิดถึงท่านตาท่านยาย และคิดถึงท่านลุงมิได้หรือเจ้าคะ?”หลินจืออินโผเข้าไปข้างกายเวินจี้หลี่ราวกับผีเสื้อตัวหนึ่ง และคล้องแขนของเขาไว้“ท่านลุงพวกเราทำศึกชนะ การต้อนรับคณะทูตในครั้งนี้ ท่านโหวมิใช่คนที่เหมาะสมที่สุดหรอกหรือ? หากเปลี่ยนให้ผู้อื่นไปคงไม่มีอำนาจโน้มน้าวกระมัง?”นางเมิ่งเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ดื่มชาด้วยท่าทางผ่าเผย ประโยคเดียวก็มิเอ่ยเซียวรั่งมองเห็นท่าทางของนางเมิ่ง ในใจก็นึกถึงสิ่งที่หลินจืออินบอกเขาเมื่อหลายวัน
“จืออิน เจ้ามีวิธีใด?” ในเวลานี้เซียวรั่งรู้สึกเหนื่อยใจความสุขของการมีภรรยาหลายคนที่เขาวาดฝันนอกจากจะไม่เคยได้รับ ทว่าภายใต้การจัดการต่าง ๆ นานาของชุยอันหรู กลับต้องกลายมาเป็นสภาพเช่นทุกวันนี้แม้ว่าเขาจะได้แต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ตอนกลับไปบ้านฝ่ายหญิงก็ได้พบปะคนตระกูลเวิน ทว่าทุกครั้งที่ตนเอ่ยว่าจะไปเยี่ยมเยือนจวนมหาราชครู เวินจี้หลี่ก็จะใช้เหตุผลต่าง ๆ มาคัดค้านเขาเข้าใจดี คนตระกูลเวินดูถูกเขาเพราะเขาเป็นคนทรยศจวนเจิ้นกั๋วกง“ท่านโหว พวกเราไปตระกูลเวินสักครั้งเถิด”คำพูดของหลินจืออิน ประจวบเหมาะกับทำให้จิตใจที่วิตกกังวลของเซียวรั่งได้คลายลงในทันทีเขาถึงกับคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่สรรค์ประทานให้ เรื่องที่เขากลุ้มใจเป็นที่สุดก็คือจะเข้าไปสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเวินอย่างไร นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้หลินจืออินจะช่วยเขาแก้ปัญหา“ตอนนี้หรือ?”น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นเครือฮูหยินผู้เฒ่ากับนางหยางต่างมิกล้าพูดมาก พวกเขาเข้าใจดีว่า หากตีสนิทกับตระกูลเวินได้จริง ๆ ก็จะนำพาผลประโยชน์มาให้พวกเขาได้มากเพียงใด“แน่นอนว่า หากรอจนกระทั่งองค์ชายสามของต้าชิ่งผู้นั้นเสด็จมาถึง ทั้งหมดก็จะไม่
เซียวเสวี่ยหลิงชอบยกยอหลินจืออินอยู่เสมอ ไม่เพียงเพราะตระกูลเวินที่อยู่เบื้องหลังนางเท่านั้น ยังเป็นเพราะนางปรารถนาจะแต่งงานกับหลินชวนมาตลอดแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเป็นจวนป๋อ ทว่ากลับได้รับการเมินเฉย ทำให้นางเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลหลินที่มิใช่ขุนนางใหญ่ยังคงรู้สึกไม่มั่นใจตามเดิมตอนนี้นางเป็นน้องสาวของอันหนานโหวแล้ว ตามหลักแล้วก็ควรมองหาคนที่มีสถานะสูงกว่า ทว่านางยังคงทุ่มเทใจให้กับหลินชวนหลินจืออินลูบคลำท้องของตนเอง “ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว สถานะของนางในเมืองหลวงจะเป็นอย่างไร ข้ามิจำเป็นต้องพูดให้มากความ นางล่วงเกินฮองเฮากลับคิดจะหลีกหนี ทำได้ง่ายเช่นนั้นที่ไหนกัน ถึงแม้จะฝากฝังคนไว้กับไทเฮา แล้วจะอย่างไร? หรือว่าองค์ไทเฮาจะไม่เสด็จกลับมาอีกแล้ว? ภายภาคหน้า ชุยหลางมิต้องการจะรับตำแหน่งต่อหรือ? คนที่นางล่วงเกินเหล่านั้น ก็ไม่คิดจะให้นางชดใช้หรือ?”เซียวเสวี่ยหลิงดูเหมือนก็ตั้งตารอคอย “คนอย่างนาง ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่สามารถทำให้ข้าคลายความโกรธแค้นได้...”ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เซียวรั่งก็กลับมาแล้ว“ท่านโหว เหตุใดวันนี้ถึงกลับจวนมาเร็วเช่นนี้?”หลินจืออินรีบลุกขึ้นและเด