ไทเฮาเงียบ แต่เป็นลู่จิ่งเชินที่กล่าวขึ้นมาเอง “ระยะเวลาสองปี ผู้อื่นกำลังรอการตายของข้า แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่มาถึงจะเป็นข่าวการหายดีของข้า”ชุยอันหรูไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา หลังจากรับพู่กันและกระดาษจากคนสนิทไทเฮา ก็เริ่มเขียนตำรับยาทันทีไทเฮายังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “คิดไม่ถึงว่าอันหรูซ่อนได้ลึกมาก ตระกูลเซียวมีตาแต่ไม่มีแวว ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลพวกเขา น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าคอยดูแลอย่างเดียว ต้องใช้ตำรับยาที่ล้ำเลิศอะไรด้วยกระมัง”ชุยอันหรูตอบอย่างไม่เร่งไม่รีบ “เดิมทีนางก็ไม่ได้มีปัญหาที่หนักหนาอะไร ก็แค่อาศัยที่ตัวเองอายุมากแล้วร้องห่มร้องไห้ ในเวลาสองปีก็ดีขึ้นมานานแล้ว ปัจจุบันไม่ได้ยาล้ำค่าอะไรแล้ว ความแตกต่างที่มากเกินไป จึงทำให้รับไม่ได้ก็เท่านั้นเพคะ”หลังจากมองสีหน้าของลู่จิ่งเชิน ไท่เฮาจับมือของชุยอันหรู“สุขภาพของเด็กคนนี้ก็ฝากเจ้าแล้ว…และข้าจะช่วยเจ้าปิดบังตัวตนที่เป็นลูกศิษย์หมอเทวดาของเจ้าเช่นกัน”“ขอบพระทัยไทเฮา เช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ”“แม่ลูกคู่นั้น รอเจ้าอยู่ที่ประตูวังแล้ว” ไทเฮากล่าว ไม่ได้รั้งให้อยู่ต่อ“เสด็จย่า เหตุใดไม่พูดให้ชัดเจนเล่าพ่ะย่ะค่ะ เพราะฮองเฮาคอ
“ข้าขอเตือนเจ้าสักคำ ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกง”นี่เป็นเสียงของตันเสวียนชุยอันหรูยิ่งรู้สึกสนใจแล้ว ดูเหมือนคำว่านางแพศยาเมื่อครู่ เพราะรู้ว่าตันเสวียนเป็นคนของนาง“เจ้าก็รู้ว่าที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกงหรือ? นายของเจ้าออกเรือนแล้ว ไม่ใช่คนของจวนเจิ้นกั๋วกงอีก ต่อให้หย่าแล้วก็ไม่ควรกลับมาที่นี่ ฮูหยินท่านแม่ทัพไม่รู้ความ เห็นแก่ความดีของท่านกั๋วกงกับท่านแม่ทัพ ไปรับหน่อยนางก็รับกลับมาเลย ช่างไม่รู้กฎเกณฑ์จริงเชียว”คนตระกูลเหลียงที่มา ท่าทางนั่นราวกับย้ายเข้ามาอยู่ในจวนกั๋วกงแล้ว“ได้ยินมาว่า หลังจากรับคืนสินเดิมตอนออกเรือนมาก็เก็บเอาไว้คนเดียว? ในเมื่อกลับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ก็ควรมอบให้ฮูหยินท่านแม่ทัพจัดการจึงจะถูก และยังกล้าเป็นปรปักษ์กับจวนอันหนานโหว ยิ่งไปก่อความวุ่นวายที่หน้าประตูตระกูลหลิน ไม่เหลือทางหนีทีไล่ใดๆ ให้ตัวเองจริงๆ”“หรือไม่ข้าเขียนรายการสินเดิมออกมา รบกวนเจ้านำกลับไปมอบให้ฮูหยินเหลียง?”เสียงของชุยอันหรูเย็นเยือก ทำให้หญิงรับของตระกูลเหลียงสะดุ้งตกใจตอนที่หมุนกายเห็นชุยอันหรู กลับมีความดูถูกแลบผ่านแววตา“ที่แท้คุณหนูกลับมาแล้ว บ่าวรับคำสั่งจากฮูหยินบ้านเรา มาเช
พูดจบ ก็ควงดาบอย่างดุดันอีกครั้ง ก่อนจะฟาดฟันใส่สาวใช้คนแรกนั้น“คุณหนู ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”เบื้องหน้าของสาวใช้มืดมิด ตกใจกลัวจนขาอ่อนไปหมดแล้วได้ยินเพียงเสียง “ผัวะ” ที่หนักแน่น ชุยอันหรูใช้ใบดาบตบหน้าสาวใช้คนนั้นอย่างแรงตันชิงและคนอื่น ๆ ไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าพวกนางเลย“คุณหนู พวกเราสำนึกผิดแล้ว...วันนี้คำพูดและการกระทำของบ่าววู่วามไม่ดูตาม้าตาเรือจริง ๆ ทำให้คุณหนูไม่พอใจ หวังว่าคุณหนูจะเห็นแก่ฮูหยินท่านแม่ทัพ ยกโทษให้พวกเราสักครั้ง”เมื่อสาวใช้รู้ตัวว่ายังไม่ตาย ก็รีบอ้อนวอนขอความเมตตา“ความกรุณาของข้า จะมีให้คนชั้นต่ำเยี่ยงเจ้าใช้ได้ตามสบายอย่างนั้นหรือ?”เหลียงจื่ออวี้พาชุยหลางเดินออกมาจากข้างในด้วยย่างก้าวที่มีพลังในเวลานี้สมาชิกตระกูลเหลียงก็มีเรื่องราวขัดแย้งกัน เดิมทีการปรากฏตัวของเหลียงจื่ออวี้จะต้องถูกความกตัญญูบีบบังคับอย่างแน่นอน แต่คำพูดของนางเมื่อครู่ ดูเหมือนจะแตกต่างจากเมื่อก่อน“อดใจไม่ไหวไปชั่วขณะ จัดการกับสมาชิกตระกูลเหลียงไปหลายคน พี่สะใภ้อย่าต่อว่าเลยนะ” ชุยอันหรูกล่าวเหลียงจื่ออวี้เหลือบมองคนสองคนที่เพิ่งถูกจัดการไป น้ำเสีย
คนรับใช้ของตระกูลเหลียงรู้สึกสิ้นหวัง พวกเขาไม่อยากตายด้วยอุปนิสัยตามปกติของเหลียงฮูหยิน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะคุกเข่าขอโทษเหลียงจื่ออวี้เพื่อช่วยชีวิตคนรับใช้เหล่านี้“ท่านหญิง บ่าวสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ไว้ชีวิตพวกเราในครานี้เถิด...”ชุยอันหรูทำไขสือ “ถ้าพวกเจ้าไม่เลือก ข้าจะเลือกให้เอง พวกเจ้าสกปรกเกินไป ไม่คู่ควรที่จะตายในจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา ไสหัวกลับไปให้เหลียงฮูหยินมาขอโทษแต่โดยดีเถอะ”บรรดาคนรับใช้ของตระกูลเหลียงไม่มีมาดอันทรงพลังในอดีตเหลืออยู่เลย“คุณหนูใหญ่ ได้โปรดช่วยพวกบ่าวด้วย เราแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”พวกเขาเลื่อนสายตาไปยังเหลียงจื่ออวี้ แม้แต่การเรียกขานยังเพิ่มความสนิทสนมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหลียงจื่ออวี้ยังคงนิ่งเฉย ได้ตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเหลียงไปแล้ว“ดังนั้นอันหรูก็ได้ไว้ชีวิตพวกเจ้าแล้ว ให้คนที่ส่งพวกเจ้ามาเบ่งบารมีที่นี่มาขอโทษด้วยตัวเอง”“เรื่องนี้...” สาวใช้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ถ้าไม่สมัครใจ ข้าก็สามารถเปลี่ยนใจได้...”กับพวกที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งประเภทนี้ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีกำลังมากพอจะพึ่งพาได้ ชุยอันหรูไม่รู้สึกเห็นใจเลยสักนิดคนร
ใต้เท้าเหลียงยิ่งฟังยิ่งโมโห“ลูกเนรคุณ หลายปีที่ผ่านมาเลี้ยงดูนางจนโตขนาดนี้ช่างเสียเปล่าจริง ๆ ข้าผิดต่อนางตรงไหน?”“ท่านพี่ไม่รู้หรือ นับตั้งแต่วันที่ข้าก้าวเข้าประตูมา พี่หญิงก็ดูถูกข้า ความดูถูกนี้ย่อมซึมซับเข้าไปในตัวจื่ออวี้ให้เอาเยี่ยงอย่าง...”สีหน้าของใต้เท้าเหลียงดูแย่ลงเรื่อย ๆ“เมื่อวานตกลงกันแล้วว่าจะกลับมาหารือกันว่าจวนกั๋วกงจะจัดการอย่างไรต่อไป ที่นางผิดสัญญาก็ยังไม่มีคำอธิบายใด ๆ วันนี้เจ้าแค่ส่งคนไปเชิญนางถึงเรือน นางก็ร่วมมือกับน้องสาวสามีที่หย่าร้างผู้นั้นก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา เท่ากับทิ้งหน้าพ่อแท้ ๆ อย่างข้าลงไปเหยียบย่ำกับพื้นจริง ๆ”“ช่างเถิด ที่สุดแล้วเป็นแม่เลี้ยงอย่างข้าเองที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ถึงจะได้รับการยอมรับจากทุกคน แต่ในสายตาของนางก็ยังไม่สามารถแทนที่แม่ได้ เดือดร้อนถึงท่านพี่ที่ต้องถูกนางโกรธแค้นไปด้วย”หลายปีที่ผ่านมานี้นางอวี๋ไม่เคยพลาดเรื่องการปลุกปั่นความสัมพันธ์ระหว่างใต้เท้าเหลียงและเหลียงจื่ออวี้“ข้าอยากจะเห็นนักว่า ลูกอกตัญญูคนนี้จะมีความสามารถสักแค่ไหน”ใต้เท้าเหลียงเดินออกไปอย่างเดือดดาล ในขณะที่นางอวี๋แสร้งทำเป็นเดินตามไปพร้อมกั
นางอวี๋มองไปที่คนรับใช้เหล่านั้น อยากให้พวกเขาตายเสียเดี๋ยวนี้“ก็เพราะความมานะบากบั่นของพวกเจ้านั่นแหละ ทำงานก็ไม่สำเร็จ ซ้ำยังต้องให้ข้าไปขอโทษแทนพวกเจ้าด้วยตัวเองอีก”ปากของนางฉาบด้วยความอำมหิต แค่มองก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัวแล้วคนรับใช้หลายคนรู้จักวิธีการของนาง ได้วางแผนรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ในใจแล้ว“ยังไม่รีบถอดป้ายออกอีก อับอายขายหน้ายิ่งนัก”คนของไทเฮากลับไปได้ไม่นาน ผู้อัญเชิญพระราชโองการจากฮ่องเต้ก็มาถึงจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วเช่นกัน“คารวะฮูหยินท่านแม่ทัพ ท่านหญิงอันกั๋ว”เรื่องการพระราชทานบรรดาศักดิ์ของไทเฮา ย่อมแพร่กระจายไปทั่ววังแล้วเป็นธรรมดา“อู๋กงกง มากพิธีไปแล้ว...”เหลียงจื่ออวี้รีบคารวะตอบ“บ่าวรับพระบัญชาให้มาประกาศพระราชโองการ มีรับสั่งให้นางเจียงกับลูกสาวไปด้วยกันขอรับ” อู๋กงกงกล่าวด้วยความสุภาพเป็นอย่างยิ่งนางเจียงที่ได้รับการช่วยเหลือจากชุยอันหรู สองวันมานี้สงสัยมาตลอดว่านางอาศัยอยู่ในโลกมายา แม่สามีที่เคยเห็นนางขัดหูขัดตาไปหมด เห็นบุตรสาวของนางก็ยิ่งขัดหูขัดตา รวมถึงสามีที่กลับมาจากกองทัพแต่ต้องการแต่งงานกับคนอื่น ล้วนถูกดึงออกจากชีวิตของนางไปอ
กลัวแต่ว่างานวิวาห์ที่พวกเขาตั้งใจจัดเตรียม คนที่สามารถมาได้จะมีหร็อมแหร็มบางตาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น“ได้ยินมาว่าหญิงผู้นั้นเป็นคนที่อันหรูได้ช่วยไว้ระหว่างทางไปวังในวันนั้น” นางหยางเอ่ยเตือนความจำอยู่ข้าง ๆฮูหยินผู้เฒ่ากลับเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “คนที่พัวพันอยู่กับนาง ต้องไม่พบเรื่องดีแน่ โชคดีที่ตอนนั้นรั่งเอ๋อร์ไม่ได้เข้าหอกับนางก็ไปที่ด่านชายแดนแล้ว ไม่เช่นนั้นคงนอนในโลงกลับมาเหมือนเจิ้นกั๋วกงกับลูกชาย นางเกิดมาเป็นหม้ายและกำพร้า ต้องนำพาโชคร้ายมาสู่ผู้คนรอบตัวเป็นแน่”ชุยอันหรูไม่ได้ทิ้งสินเดิมใด ๆ ไว้ บังคับให้พวกเขาชดใช้ค่าใช้จ่ายในเวลาสองปี ทั้งยังหยุดการจัดหาสมุนไพรชื่อดังล้ำค่าของตนให้ หลากหลายเรื่องราวล้วนสร้างความเจ็บปวดให้นางหากคำสาปแช่งได้ผล ชุยอันหรูคงตายต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าในหลากหลายรูปแบบไปแล้วนางหยางถอนหายใจ “ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเรื่องของโชคชะตา ท่านแม่ จืออินกำลังจะแต่งเข้ามาแล้ว ในท้องมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเซียวของเรา ร่างกายของท่านแม่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อสองปีก่อนมาก ได้เห็นคนสี่รุ่นอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน จะไปคิดถึงเรื่องที่บั่นทอนจิตใจเหล่านั้นทำไม”แต่ฮู
“คุกเข่าอยู่หน้าประตูหรือ?”ชุยอันหรูไม่รู้สึกแปลกใจ แค่อยากถามดูเท่านั้นเองตันชิงส่ายหัว “ไม่ใช่เจ้าค่ะ หน้าชื่นตาบาน แล้วยังนำข้าวของมามากมายด้วยเจ้าค่ะ”ชุยอันหรูเหลือบมองสีหน้าของเหลียงจื่ออวี้“พี่สะใภ้ นางมาขอโทษท่าน ท่านจัดการเอาเองเถิด”เหลียงจื่ออวี้ครุ่นคิดสักครู่ ก่อนพูดกับตันชิงว่า “ให้นางไสหัวกลับไปพร้อมกับข้าวของเถอะ ข้าตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเหลียงไปแล้ว นางไม่จำเป็นต้องเสแสร้งหรอก”ชุยอันหรูเอ่ยเตือนประโยคหนึ่ง “พี่สะใภ้ ให้นางขอโทษก่อน แล้วค่อยให้นางไสหัวไปก็ยังไม่สาย”“จริงด้วย ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”เมื่อเหลียงจื่ออวี้พูดถึงตระกูลเหลียง ก็ยังคงอารมณ์เสียอยู่นางลุกขึ้น ก้าวออกไปไม่กี่ก้าว แต่ก็ยังหันกลับมา“ข้ากลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดี”หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่านางจะไม่มีความรู้สึกผูกพันกับคนในตระกูลเหลียงมากนัก แต่เพื่อชื่อเสียงของจวนกั๋วกง นางคอยรับมืออย่างละเอียดรอบคอบคล้อยตามจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว หลังจากการระเบิดอารมณ์อย่างกะทันหัน ก็อาจจะสับสนว่าจะทำอย่างไรดี“พี่สะใภ้ ท่านลองคิดดูว่าตอนแรกหญิงผู้นี้คิดจะเอาลูกสาวของนางมาแต่งงานกับพี่ชายของข้าแทน
“ตอนนี้เซียวรั่งแต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ในภายภาคหน้าตระกูลหลินกับตระกูลเวินก็ต้องเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน...”เหลียงจื่ออวี้ก็นึกถึงเรื่องเหล่านี้ นางจึงถามออกมาตรง ๆ“พี่สะใภ้ ข้าย่อมมีวิธีของข้าอยู่แล้ว ท่านมิต้องกังวล ตอนนี้ข้ายังมิอาจอธิบายให้ท่านฟังได้ อย่างไรก็ตามข้ารับปากท่าน สามปีให้หลัง ตอนที่ท่านกับหลางเอ๋อร์กลับมา ผู้คนในเมืองหลวงที่ทำให้ท่านรู้สึกรังเกียจเหล่านั้น หากไม่ตายแล้วก็ต้องหมดสภาพ”เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของชุยอันหรู เหลียงจื่ออวี้ก็รู้ว่านางมิได้โกหกตนยิ่งไปกว่านั้นนางเข้าใจตนเองอย่างชัดเจนแล้ว ภูมิหลังของนาง ความรู้ของนาง และสมองของนาง การอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้ช่วยเหลือสิ่งใดชุยอันหรูได้เลย ในทางตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นภาระของนาง“ข้ารู้แล้ว แต่เจ้าต้องปกป้องตนเองให้ดี หลังจากสามปี เจ้าก็มิจำเป็นต้องไว้ทุกข์อีกแล้ว หากเจอบุรุษที่เหมาะสมก็อย่าพลาดโอกาสเชียว”ตอนนี้ตระกูลชุยมีนางเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติช่วยชุยอันหรูจัดการเรื่องการแต่งงาน“ได้ ข้ารู้”วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เวินจี้หลี่เลิกประชุมเช้าก็เจาะจงไปที่จวนอ๋องอี้ หลังจากเมื่อวานนางเวินไปเอะอะโวยวา
หลังจากชุยอันหรูรับมาแล้ว ก็ตั้งใจอ่านอยู่รอบหนึ่ง“ระวังว่าจวนอ๋องอี้จะไม่ส่งผลดีต่อศิษย์ของหมอเทวดา”ในตอนนั้นนางเข้าใจแล้ว ช่วงที่ศิษย์ของหมอเทวดาเข้ามาเมืองหลวงประจวบเหมาะกับองค์ไทเฮากำลังจะออกจากเมืองหลวงในสายตาของไท่เฟยจวนอ๋องอี้ ก็ยังมิแน่ว่าจะทำเพื่อรักษาลู่จิ่งเชินหากทำเพื่อให้ลู่จิ่งเชินตายเร็วขึ้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ศิษย์ของหมอเทวดาติดต่อกับเขาอย่างแน่นอน วิธีที่ดีที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดก็คือทำให้เขาหายตัวไปนางค่อย ๆ นำจดหมายหย่อนเข้าไปในกระถางธูป และมองดูมันกลายเป็นเถ้าถ่าน“ศิษย์พี่เข้ามาในเมืองหลวงครั้งนี้ เกรงว่าคงต้องเจอปัญหาไม่น้อย”“แน่นอนว่าจะต้องมีคนจำนวนมากแย่งชิงศิษย์ของหมอเทวดา...” ตันจูเอ่ยวิเคราะห์ตันเสวียนนิ่งเงียบ ปกตินางจะมิชอบเอ่ยขัดจังหวะตันชิงกลับเป็นคนซ่อนความในใจไม่อยู่ จึงเอ่ยออกมาตามตรงว่า “หากพูดตามหลักแล้ว คนที่มีความสามารถเช่นศิษย์พี่ของท่านหญิง มิใช่คนมากมายต้องการปกป้องหรอกหรือ? อย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าวันข้างหน้าตนเองและครอบครัวจะไม่เจ็บป่วยหนัก หมอธรรมดาก็ไม่อาจรักษาได้”ชุยอันหรูไม่รีบร้อนอธิบาย ตันจูจึงเอ่ยขึ้น
เซียวรั่งมิได้แสดงท่าทีใดนัก ที่จริงเขาคิดวิธีนี้ออกตั้งแต่ตอนที่อยู่ตระกูลเวินแล้ว แต่มิกล้าพูดเท่านั้นในเวลานี้นางเวินพูดออกมาแล้ว เขาก็มีความหวังเพิ่มขึ้นมาบ้างบางที หากมารดาสามีไปเอะอะโวยวายที่ตระกูลเวินเอง พวกเขาก็คงจะช่วยเหลือตนหลินจืออินก็คิดว่าวิธีนี้ดีเช่นกัน ในตอนนั้นนางก็นึกไม่ออกจริง ๆ“หากข้าคิดได้ พี่ชายของเจ้าจะคิดไม่ออกได้อย่างไร เพียงแต่มิอยากออกหน้าเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรตระกูลเวินก็มิใช่เขาเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ข้ามิเชื่อหรอกว่าท่านพ่อกับท่านพี่จะไม่ช่วยข้า”เป็นจริงตามคาด ท่าทีของนางเวินเป็นไปในทิศทางที่เซียวรั่งคาดไว้ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน บ่าวรับใช้ก็เข้ามา“นายท่าน ฮูหยิน...”“มีอะไรหรือ?”สีหน้าของบ่าวรับใช้ดูแปลกชอบกล คงว่าได้ยินข่าวแปลก ๆ บางอย่างมา“ด้านนอกดูเหมือนมีคนกระจายข่าวว่า อีกไม่กี่วันศิษย์ของหมอเทวดาจะเข้ามาในเมืองหลวง...”“จริงหรือ?” เซียวรั่งแทบจะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ข่าวนี้ช่างมาในเวลาที่เหมาะสม ประจวบเหมาะกับการแก้ปัญหาเร่งด่วนของพวกเขา“มิรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ทุกคนก็พูดต่อๆ กัน อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่เกี่ยว
เซียวรั่งกับหลินจืออินมิได้รับประโยชน์ใด ๆ และมิได้กลับจวนในทันที แต่ไปที่จวนตระกูลหลินนางเวินเห็นสีหน้าของพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะพบเจอปัญหาแล้ว“มีสิ่งใดหรือ? เพราะหน้าที่ต้อนรับคณะราชทูตถูกคนแย่งไปหรือ?”หลินจืออินอธิบายว่า “มิใช่เจ้าค่ะ พวกเราเพิ่งกลับมาจากบ้านท่านยาย...”“อยากให้ลุงเจ้าออกหน้า? เดาว่าเขาคงไม่เห็นด้วย” นางเวินคาดเดาบทสรุปได้แล้ว“ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ก็มิใช่ว่าท่านลุงไม่เต็มใจ แต่เป็นพี่ชายที่ปฏิเสธ...ป้าสะใภ้ก็ไม่พูดสิ่งใดตั้งแต่แรกจนจบ จะต้องไม่อยากช่วยเหลืออย่างแน่นอน”ความขุ่นเคืองของหลินจืออินพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูด“พี่ชายเจ้าผู้นี้กับหรูซวง ได้รับการอบรมสั่งสอนจากป้าสะใภ้เจ้า จึงไม่สนิทสนมกับพวกเราแม้แต่น้อย พวกเราก็มิใช่คนนอก เอาแต่กังวลว่าพวกเราจะทำให้ตระกูลเวินเดือดร้อน ระแวดระวังมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”หลินจืออินรีบคว้าแขนของนาง “ท่านแม่...”ตอนนี้นางเวินถึงนึกขึ้นได้ว่า ยังมีเซียวรั่งอยู่ข้าง ๆนางเปลี่ยนสีหน้าในทันที “เซียวรั่ง เรื่องของวันนี้ เจ้าอย่าโทษลุงเจ้าเลย เรื่องที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้ว ผู้ใดก็มิอาจเปลี่ยนแปลง หากลุงเ
“ถ้าเช่นนั้นท่านลุงกราบทูลฝ่าบาทไปตามตรงว่า เซียวรั่งเป็นคนที่เหมาะสมกว่า ท่านลุงเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี ทำเช่นนี้มิได้หรือเจ้าคะ?” หลินจืออินนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งเวินหรูเฟิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง “ครั้งนี้คนที่ฝ่าบาททรงเลือกเป็นที่แน่นอนแล้วคือหลี่ฉุนจงเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นพระเชษฐาแท้ ๆ ของฮองเฮา เจ้าหวังว่าจะให้ท่านพ่อใช้เหตุผลใดถึงจะทำให้ฝ่าบาททรงเพิกถอนเขา ทั้งยังมิทำให้ฮองเฮาทรงแค้นเคืองตระกูลเวินของพวกเรา?”คราวนี้หลินจืออินอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิงแล้ว นางมองเวินหรูเฟิงด้วยความขุ่นเคือง“ท่านพี่ ท่านดูแคลนพวกเรามากใช่หรือไม่?”เวินหรูเฟิงถึงกับงงงัน เอาความคิดนี้มาจากที่ใด?“น้องสาว เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจผิดบางอย่าง”“ข้ามิได้เข้าใจผิด ข้าออกเรือนท่านก็มิได้มา พวกเรากลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานท่านก็มิได้มา...”หัวข้อสนทนาของหลินจืออิน ถูกโยงไปอีกทิศทางหนึ่ง ในเวลานี้นางเมิ่งเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าพาน้องเขยมาสอบถามถึงจวนแล้ว เจ้ารีบเอ่ยขอโทษก็พอ มิต้องอธิบายให้มากความ”หลังจากนางเอ่ยจบ เริ่มแรกก็ทำเป็นตัวอย่าง “จืออินเอ๋ย สองครั้งนั้นป้าสะใภ้มีธุระก็มิได้ไปเช่นกัน แล
หลินจืออินเอ่ยจบ ทุกคนพากันเงียบสนิทความเงียบของเซียวรั่ง เป็นเพราะเสียอารมณ์กับเรื่องการแต่งงานที่เคยเกือบจะเกิดขึ้นส่วนความเงียบของคนในตระกูลเวิน ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีทางจะตามหาหมอเทวดาได้ มิเช่นนั้นหลายปีมานี้พวกเขาก็คงทนรับทางด้านของไทเฮาไม่ไหวไปนานแล้ว“จืออิน ความคิดนี้ของเจ้าก็ไม่เลว ทว่าพวกเรามิรู้ว่าหมอเทวดาอยู่ที่ใด...” เวินจี้หลี่อธิบายด้วยความอึดอัดใจ“เป็นไปได้อย่างไร ทุกครั้งขอเพียงท่านตาเกิดปัญหา หมอเทวดาก็มักจะมาปรากฏตัว หลายวันก่อนท่านตาทวดร่างกายไม่สบาย ก็มิใช่หมอเทวดาให้คนนำยามาส่งให้ กินยาจนกระทั่งหายจากอาการป่วย...หากพวกท่านหาเขาไม่พบ แล้วเขาจะมาปรากฏตัวอย่างทันเวลาทุกครั้งได้อย่างไร...”คำถามของหลินจืออิน ที่จริงแล้วก็สร้างความสงสัยให้ตระกูลเวินมานานมาก “จืออิน พวกเรามิรู้ที่พำนักของหมอเทวดาจริง ๆ เขาไปมาอย่างไร้ร่องรอยเสมอ เมื่อหลายปีก่อนเคยมาที่จวนมหาราชครูครั้งหนึ่งจริง ๆ นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่ท่านตาเจ้าล้มป่วย จะมีคนนำยามาส่งให้โดยเฉพาะ พวกเราก็ลองสะกดรอยตามคนส่งยา ทว่ากลับไม่ได้เบาะแสใดเลย”ฮูหยินผู้เฒ่าเฮ่อเป็นพยานได้ว่า พวกเขาไม่มีหนทางจริง ๆ
มหาราชครูเวินคิดจะวางมาดน่าเกรงขามตามเดิม ทว่าสำหรับหลานสาวที่เอ็นดูมาตั้งแต่เล็กผู้นี้ คงมิอาจทำได้เสียแล้ว“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องบอกให้ตารู้ว่า เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่...”“หรือเป็นเพราะคำพูดที่อ๋องอี้เอ่ยในราชสำนักวันนี้ ทำให้ฝ่าบาททรงยึดหน้าที่การต้อนรับคณะทูตของเซียวรั่งกลับไป?”เวินจี้หลี่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็รู้ว่าพวกเขาต้องการทำสิ่งใด“ท่านลุงยอดเยี่ยมยิ่งนัก จืออินยังมิทันเอ่ย ท่านก็คาดเดาได้ถูกแล้ว”เวินจี้หลี่ยิ้มจาง ๆ พร้อมเอ่ยว่า “เจ้าหนอเจ้า วันนี้มีเพียงเรื่องเดียวนี้เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเขา เจ้าคิดว่าจะเป็นเรื่องใดได้อีกเล่า?”“ข้าเกิดคิดถึงท่านตาท่านยาย และคิดถึงท่านลุงมิได้หรือเจ้าคะ?”หลินจืออินโผเข้าไปข้างกายเวินจี้หลี่ราวกับผีเสื้อตัวหนึ่ง และคล้องแขนของเขาไว้“ท่านลุงพวกเราทำศึกชนะ การต้อนรับคณะทูตในครั้งนี้ ท่านโหวมิใช่คนที่เหมาะสมที่สุดหรอกหรือ? หากเปลี่ยนให้ผู้อื่นไปคงไม่มีอำนาจโน้มน้าวกระมัง?”นางเมิ่งเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ดื่มชาด้วยท่าทางผ่าเผย ประโยคเดียวก็มิเอ่ยเซียวรั่งมองเห็นท่าทางของนางเมิ่ง ในใจก็นึกถึงสิ่งที่หลินจืออินบอกเขาเมื่อหลายวัน
“จืออิน เจ้ามีวิธีใด?” ในเวลานี้เซียวรั่งรู้สึกเหนื่อยใจความสุขของการมีภรรยาหลายคนที่เขาวาดฝันนอกจากจะไม่เคยได้รับ ทว่าภายใต้การจัดการต่าง ๆ นานาของชุยอันหรู กลับต้องกลายมาเป็นสภาพเช่นทุกวันนี้แม้ว่าเขาจะได้แต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ตอนกลับไปบ้านฝ่ายหญิงก็ได้พบปะคนตระกูลเวิน ทว่าทุกครั้งที่ตนเอ่ยว่าจะไปเยี่ยมเยือนจวนมหาราชครู เวินจี้หลี่ก็จะใช้เหตุผลต่าง ๆ มาคัดค้านเขาเข้าใจดี คนตระกูลเวินดูถูกเขาเพราะเขาเป็นคนทรยศจวนเจิ้นกั๋วกง“ท่านโหว พวกเราไปตระกูลเวินสักครั้งเถิด”คำพูดของหลินจืออิน ประจวบเหมาะกับทำให้จิตใจที่วิตกกังวลของเซียวรั่งได้คลายลงในทันทีเขาถึงกับคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่สรรค์ประทานให้ เรื่องที่เขากลุ้มใจเป็นที่สุดก็คือจะเข้าไปสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเวินอย่างไร นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้หลินจืออินจะช่วยเขาแก้ปัญหา“ตอนนี้หรือ?”น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นเครือฮูหยินผู้เฒ่ากับนางหยางต่างมิกล้าพูดมาก พวกเขาเข้าใจดีว่า หากตีสนิทกับตระกูลเวินได้จริง ๆ ก็จะนำพาผลประโยชน์มาให้พวกเขาได้มากเพียงใด“แน่นอนว่า หากรอจนกระทั่งองค์ชายสามของต้าชิ่งผู้นั้นเสด็จมาถึง ทั้งหมดก็จะไม่
เซียวเสวี่ยหลิงชอบยกยอหลินจืออินอยู่เสมอ ไม่เพียงเพราะตระกูลเวินที่อยู่เบื้องหลังนางเท่านั้น ยังเป็นเพราะนางปรารถนาจะแต่งงานกับหลินชวนมาตลอดแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเป็นจวนป๋อ ทว่ากลับได้รับการเมินเฉย ทำให้นางเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลหลินที่มิใช่ขุนนางใหญ่ยังคงรู้สึกไม่มั่นใจตามเดิมตอนนี้นางเป็นน้องสาวของอันหนานโหวแล้ว ตามหลักแล้วก็ควรมองหาคนที่มีสถานะสูงกว่า ทว่านางยังคงทุ่มเทใจให้กับหลินชวนหลินจืออินลูบคลำท้องของตนเอง “ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว สถานะของนางในเมืองหลวงจะเป็นอย่างไร ข้ามิจำเป็นต้องพูดให้มากความ นางล่วงเกินฮองเฮากลับคิดจะหลีกหนี ทำได้ง่ายเช่นนั้นที่ไหนกัน ถึงแม้จะฝากฝังคนไว้กับไทเฮา แล้วจะอย่างไร? หรือว่าองค์ไทเฮาจะไม่เสด็จกลับมาอีกแล้ว? ภายภาคหน้า ชุยหลางมิต้องการจะรับตำแหน่งต่อหรือ? คนที่นางล่วงเกินเหล่านั้น ก็ไม่คิดจะให้นางชดใช้หรือ?”เซียวเสวี่ยหลิงดูเหมือนก็ตั้งตารอคอย “คนอย่างนาง ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่สามารถทำให้ข้าคลายความโกรธแค้นได้...”ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เซียวรั่งก็กลับมาแล้ว“ท่านโหว เหตุใดวันนี้ถึงกลับจวนมาเร็วเช่นนี้?”หลินจืออินรีบลุกขึ้นและเด