“คุกเข่าอยู่หน้าประตูหรือ?”ชุยอันหรูไม่รู้สึกแปลกใจ แค่อยากถามดูเท่านั้นเองตันชิงส่ายหัว “ไม่ใช่เจ้าค่ะ หน้าชื่นตาบาน แล้วยังนำข้าวของมามากมายด้วยเจ้าค่ะ”ชุยอันหรูเหลือบมองสีหน้าของเหลียงจื่ออวี้“พี่สะใภ้ นางมาขอโทษท่าน ท่านจัดการเอาเองเถิด”เหลียงจื่ออวี้ครุ่นคิดสักครู่ ก่อนพูดกับตันชิงว่า “ให้นางไสหัวกลับไปพร้อมกับข้าวของเถอะ ข้าตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเหลียงไปแล้ว นางไม่จำเป็นต้องเสแสร้งหรอก”ชุยอันหรูเอ่ยเตือนประโยคหนึ่ง “พี่สะใภ้ ให้นางขอโทษก่อน แล้วค่อยให้นางไสหัวไปก็ยังไม่สาย”“จริงด้วย ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”เมื่อเหลียงจื่ออวี้พูดถึงตระกูลเหลียง ก็ยังคงอารมณ์เสียอยู่นางลุกขึ้น ก้าวออกไปไม่กี่ก้าว แต่ก็ยังหันกลับมา“ข้ากลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดี”หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่านางจะไม่มีความรู้สึกผูกพันกับคนในตระกูลเหลียงมากนัก แต่เพื่อชื่อเสียงของจวนกั๋วกง นางคอยรับมืออย่างละเอียดรอบคอบคล้อยตามจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว หลังจากการระเบิดอารมณ์อย่างกะทันหัน ก็อาจจะสับสนว่าจะทำอย่างไรดี“พี่สะใภ้ ท่านลองคิดดูว่าตอนแรกหญิงผู้นี้คิดจะเอาลูกสาวของนางมาแต่งงานกับพี่ชายของข้าแทน
ในใจนางบอกว่าข้าก็ไม่ได้อยากเป็นแม่ของเจ้าหรอก เจ้าน่าจะตายไปพร้อมกับแม่แท้ ๆ ของเจ้าคนนั้นตั้งนานแล้ว“จื่ออวี้ ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็เป็นแม่เลี้ยงของเจ้า เลี้ยงดูเจ้ามาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ เหตุใดเจ้าต้องทำให้ผู้ใหญ่ลำบากเพราะคนรับใช้เพียงไม่กี่คนด้วย? พวกเจ้าให้ข้ามาขอโทษ ข้าก็มาแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วที่ไม่ให้ข้าเข้าไป ยังมีเหตุผลอะไรอีก?”กลอุบายของนางอวี๋โบราณมาก หลายปีที่ผ่านมามีเพียงใต้เท้าเหลียงเท่านั้นที่ตกหลุมพรางของนาง“นางอวี๋ เจ้าไม่ใช่ภรรยาเอกที่สองที่แต่งงานกับพ่อหม้าย แต่เป็นอนุภรรยาที่เลื่อนขั้นเป็นภรรยาเอก เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาให้ข้าเรียกเจ้าว่าแม่? ส่วนที่บอกว่าเลี้ยงดูข้า หมายความว่ายึดสินเดิมของแม่ข้าไว้ ตัดทอนค่ากินอยู่ของข้าแต่กลับปล่อยตามใจลูกสาวของตัวเจ้าเองอย่างนั้นหรือ?”เหลียงจื่ออวี้บังคับตัวเองให้เชิดไว้ก่อนหน้านี้มีเจิ้นกั๋วกง มีท่านซื่อจื่ออยู่ด้วย ด้วยชื่อเสียงอันเลื่องลือของบุคคลทั้งสองนี้ ก็สามารถจัดการกับผู้ที่สมคบคิดวางแผนร้ายได้อยู่หมัดบัดนี้มีเพียงหญิงหม้ายอย่างนางผู้เดียว ที่ต้องปกป้องลูกชายและน้องสาวสามีให้ดี การอ่อนแอกับใครก็ตามมีแต่จะทำให้พว
เหลียงจื่ออวี้คลับคล้ายว่าจะเข้าใจแต่ก็ไม่แจ่มชัด ความวุ่นวายในช่วงเวลานี้ทำให้นางเหนื่อยล้าทั้งกายและใจคนในครอบครัวเดิมสร้างเรื่องไม่หยุดหย่อน ครั้งหนึ่งนางเคยตัดสินใจลาตาย“ก่อนหน้านี้แม้ว่าท่านพ่อกับท่านพี่จะมีตำแหน่งสูงและมากด้วยอำนาจ แต่ก็ไม่เคยดูถูกคนอื่นเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการใช้อำนาจหน้าที่หาผลประโยชน์ส่วนตัว กับความสัมพันธ์กับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักก็ล้วนเป็นมิตรภาพของสุภาพชน เวลานี้พวกเขาเพิ่งล่วงลับไปได้ไม่นาน คนเหล่านี้ก็ทนรอไม่ไหวที่จะฉวยโอกาสซ้ำเติมขนาดนี้เชียวหรือ?” เหลียงจื่ออวี้ไม่อาจเข้าใจได้เลยชุยอันหรูยกตัวอย่างง่าย ๆ เพื่ออธิบายให้นางฟัง“พี่สะใภ้ แม่แท้ ๆ ของท่านก่อนจากไปได้ทำอะไรผิดต่อนางอวี๋ไว้หรือ? นางก็ยังแย่งพ่อของท่านไปแล้วอยู่ดี หลังจากแม่แท้ ๆ ของท่านจากไป ก็กลัวว่าท่านจะมีชีวิตที่ดีอีก มีเพียงการเหยียบย่ำท่านลงไปเท่านั้น ถึงจะสามารถมองเห็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบของนางได้อย่างชัดเจน”เหลียงจื่ออวี้เข้าใจเป็นอย่างดี แต่ก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้ไม่คู่ควรชุยอันหรูพยักหน้า “เรื่องของคนอกตัญญู อย่าเอามาตรฐานของคนทั่วไปมาเปรียบเทียบเลย ไม่มีใครกำหนดไว้ว่าค
หลินจื้อหย่วนได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป“ใช่ ๆ ๆ มีพวกท่านอยู่ที่นี่ ข้ากับฮูหยินก็สบายใจ สุขภาพของท่านพ่อน่าจะดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม?”สีหน้าของเวินจี้หลี่ก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน พลางเดินต่อไปข้างหน้า“อาการป่วยเมื่อสองครั้งก่อนหน้านี้ โชคดีที่มีหมอเทวดาออกมือช่วย ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาคงไม่สามารถจินตนาการได้จริง ๆ”“ว่ากันว่าหมอเทวดาท่านนี้ชอบทำตัวลึกลับ แม้แต่ไทเฮาตามหาตัวมานานหลายปี ต้องการให้มาช่วยตรวจอาการป่วยให้อ๋องอี้ ก็ไม่เคยหาตัวพบเลย แต่ดันปรากฏตัวขึ้นเองเพื่อมาช่วยตรวจอาการป่วยให้ท่านพ่อ แสดงให้เห็นว่าท่านพ่อเป็นคนดีผีคุ้ม”ท่าทีของหลินจื้อหย่วนก็ผ่อนคลายลงมากเช่นกัน“ไม่ใช่หมอเทวดามาปรากฏตัวด้วยตัวเอง แค่มีคนมาส่งยาที่เขาจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แต่แบบนี้ก็นับว่ายากพอตัวแล้ว ท่านพ่อป่วยครั้งสุดท้ายเมื่อปีก่อน จนบัดนี้ก็ยังไม่เคยป่วยอีกเลย”เวินจี้หลี่ช่วยแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ความรู้สึกเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจในสายตานั้น ไม่อาจปกปิดไว้ได้“เพราะถึงอย่างไรท่านพ่อก็เป็นมหาราชครูในราชวงศ์ปัจจุบัน แม้ว่าตอนนี้จะไม่ค่อยได้ประชุมเช้าแล้วก็ตาม แต่ลูกศิษย์
องค์ไทเฮาทรงชื่นชมความโปร่งใสของนางมากที่สุด ถึงแม้ว่าอายุยังน้อย แต่หลักการมากมายก็ไม่ต้องคอยแนะนำแล้ว“ข้าสามารถไว้วางใจมอบคนให้เจ้าได้แล้ว แต่เพื่อชื่อเสียงอันดีงามของเจ้า ก็ไม่สามารถให้เจ้าเข้าวังตรวจอาการป่วยให้เขาได้บ่อยครั้งนัก วันนี้ข้าได้ให้เขาไปรอเจ้าที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งในเมือง หลังจากที่พวกเจ้าได้พบกันแล้ว ก็หาทางตกลงกันให้ได้ว่าต่อไปจะพบกันเพื่อตรวจอาการด้วยวิธีไหน”องค์ไทเฮารู้สึกว่าการแลกตำแหน่งท่านหญิงกับสุขภาพหลานชายของตน มันคือการได้เปรียบเป็นอย่างมากเมื่อหลี่ฮองเฮาเข้ามา ก็ข่มใจตัวเองไว้ ให้คนอื่นมองไม่ออกว่าสุขหรือเศร้า“ชุยเหลียงซื่อ ถวายบังคมฮองเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ”หลี่ฮองเฮามองพิจารณาครู่หนึ่ง พบว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ชุยอันหรู และไทเฮาก็ไม่อยู่ด้วย“ขอบพระทัยฮองเฮา”“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?”เหลียงจื่ออวี้ตอบกลับอย่างนอบน้อม “ไทเฮาให้หม่อมฉันมาต้อนรับพระองค์ที่นี่ก่อนเพคะ...”“ไม่ยุติธรรมกับฮูหยินท่านแม่ทัพเลยที่ต้องมาทำอะไรเหมือนนางกำนัล ถึงอย่างไรท่านหญิงอันกั๋วก็เพิ่งหย่าร้าง ไทเฮาจะปลอบใจนางอีกสักสองสามคำก็สมควรแล้ว แม้ว่าเจิ้นกั๋วกงและซื
หลี่ฮองเฮาพยายามควบคุมการแสดงออกของนางอย่างสุดความสามารถ นางกำนัลข้างกายของนางก็ไม่อาจสอดปากต่อหน้าไทเฮาไปเรื่อยได้เช่นกันไทเฮายกถ้วยชาขึ้นอย่างสบาย ๆ จากนั้นก็เอนพิงไปด้านหลังอย่างผ่อนคลายเป็นธรรมชาติชุยอันหรูยิ่งมองหลี่ฮองเฮาอย่างจริงใจ ด้วยท่าทางขอความรู้อย่างกระตือรือร้น“หากเป็นข้า ย่อมรอให้เจ้าสาวคนใหม่เข้าจวนก่อน แล้วค่อยหาโอกาสกราบทูลฝ่าบาทในภายหลัง แต่ไรมา ฝ่าบาทก็ทรงให้ความสำคัญต่อเจิ้นกั๋วกงมาตลอด แต่เพราะผลงานทางทหารของอันหนานโหว ทำให้จำต้องรับปากเรื่องพระราชทานสมรส เจ้าก็ควรจะเข้าใจพระองค์”คำพูดเหลวไหลที่ดูเปี่ยมไปด้วยเหตุผลของฮองเฮา เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งของผู้เหนือกว่าชุยอันหรูคุกเข่าลงกับพื้นเสียเลย ด้วยท่าทางน้อมรับอย่างจริงจัง“ฮองเฮาโปรดทรงอภัย ยามนั้นหม่อมฉันคิดว่านั่นต้องมิใช่พระประสงค์ที่แท้จริงของฝ่าบาทเป็นแน่ หากไม่ทำสิ่งใดเลย แล้วปล่อยให้ต้องทรงเห็นคนในครอบครัวที่เหลืออยู่ของท่านพ่อและพี่ชายผู้สละชีวิตเพื่อประเทศชาติถูกขุนนางผู้มีผลงานที่เพิ่งทรงแต่งตั้งเหยียดหยามดูแคลนจะทรงเสียพระทัยสักเพียงใด หม่อมฉันจึงคิดแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาทเท่านั้นเพคะ”“บ
“ฮองเฮามิได้มาสักพักแล้ว อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าสักครู่เถิด”“…เพคะ”ไทเฮาทรงใส่ใจมาก เตรียมรถม้าแยกไว้ให้เหลียงจื่ออวี้เป็นพิเศษที่หน้าประตูวังอีกคัน เพราะชุยอันหรูยังต้องไปตรวจอาการให้ลู่จิ่งเชินอีก“พี่สะใภ้ ท่านกลับจวนไปก่อน ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ”“ได้ เช่นนั้นเจ้าระวังหน่อย”อันที่จริงแล้ว เหลียงจื่ออวี้ก็เป็นห่วงเช่นกันว่า หากพวกนางไม่อยู่ทั้งสองคน แล้วคนตระกูลเหลียงมาก่อปัญหาอีก เหล่าข้ารับใช้จะรับมือไม่ไหวชุยอันหรูนั่งรถม้าไปที่ภัตตาคารที่ไทเฮาบอกนางก่อนหน้า ‘ภัตตาคารหลั่นเพ่ย’สภาพแวดล้อมของที่นี่งามสง่า ดังนั้นการเลือกลูกค้าจึงจุกจิกอยู่บ้างเช่นกัน บรรดาคนหยาบกระด้างเสเพลพวกนั้น ย่อมไม่มีโอกาสจะขึ้นชั้นบนแม้แต่น้อยลู่จิ่งเชินอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นบนสุด ทอดตามองทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างไม่เร่งร้อนทว่า ใจของซวีหวยกับรั่วกู่กลับไม่สงบอยู่บ้าง เพราะพวกเขาประจักษ์ต่อสายตาตนเองแล้ว หลังจากลู่จิ่งเชินกินยาของชุยอันหรูเข้าไปอาการก็ดีขึ้น วันนี้จึงแทบอดรนทนไม่ไหวอยากให้ชุยอันหรูรักษาขั้นต่อไปให้ท่านอ๋องของพวกเขา“ทำให้ท่านอ๋องรอนานแล้ว”ในยามที่ซวีหวยและรั่วกู่เห็นชุยอันหรู
ซวีหวยพูดกับรั่วกู่เบาๆ อยู่ด้านข้างว่า “ทั้งหมด…ครึ่งราคา…คนเต็มไปหมด…”รั่วกู่ก็นึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นได้แล้วเช่นกัน ดูท่าท่านหญิงผู้นี้ไม่เคยคิดจะกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อรักษาหน้าตาใดๆ“วันหลังก็มาพบกันที่นี่เถิด ประมาณเวลานานเท่าใดจึงต้องตรวจอีกครั้ง เรื่องนี้ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า”“ที่นี่มองเห็นทัศนียภาพได้กว้าง สะดวกในการชมความครึกครื้นในเมืองที่สุด มิสู้เป็นอีกสามวันข้างหลังเถิด”ลู่จิ่งเชินก็อยากเห็นเช่นกันว่า ในวันที่หลินจืออินออกเรือนจะเกิดเรื่องวุ่นวายได้สักเท่าใดกันแน่“ก็ดี น้อมรับคำสั่งท่านหมอ”“รู้ว่าท่านหญิงเป็นห่วงคนที่บ้าน ข้าได้ให้ห้องครัวเตรียมกล่องอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านหญิงสามารถนำกลับไปให้ซื่อจื่อน้อยและฮูหยินท่านแม่ทัพได้”เมื่อเห็นชุยอันหรูลุกขึ้น ลู่จิ่งเชินก็กล่าวขึ้นอีกครั้งแม้แต่ตันชิงกับตันจูก็งุนงงไปแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่าอาหารของภัตตาคารหลั่นเพ่ยไม่เคยอนุญาตให้นำออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารกล่องอะไรเลย“ขอบคุณท่านอ๋องมาก…”“วางใจเถิด ไม่มีพิษ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็ต้องการทักษะการแพทย์ซึ่งไร้ผู้เปรียบได้ของเจ้า”“ข้าไม่ได้แคลงใจในตัวท่านอ๋อง…”ล
“ตอนนี้เซียวรั่งแต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ในภายภาคหน้าตระกูลหลินกับตระกูลเวินก็ต้องเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน...”เหลียงจื่ออวี้ก็นึกถึงเรื่องเหล่านี้ นางจึงถามออกมาตรง ๆ“พี่สะใภ้ ข้าย่อมมีวิธีของข้าอยู่แล้ว ท่านมิต้องกังวล ตอนนี้ข้ายังมิอาจอธิบายให้ท่านฟังได้ อย่างไรก็ตามข้ารับปากท่าน สามปีให้หลัง ตอนที่ท่านกับหลางเอ๋อร์กลับมา ผู้คนในเมืองหลวงที่ทำให้ท่านรู้สึกรังเกียจเหล่านั้น หากไม่ตายแล้วก็ต้องหมดสภาพ”เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของชุยอันหรู เหลียงจื่ออวี้ก็รู้ว่านางมิได้โกหกตนยิ่งไปกว่านั้นนางเข้าใจตนเองอย่างชัดเจนแล้ว ภูมิหลังของนาง ความรู้ของนาง และสมองของนาง การอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้ช่วยเหลือสิ่งใดชุยอันหรูได้เลย ในทางตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นภาระของนาง“ข้ารู้แล้ว แต่เจ้าต้องปกป้องตนเองให้ดี หลังจากสามปี เจ้าก็มิจำเป็นต้องไว้ทุกข์อีกแล้ว หากเจอบุรุษที่เหมาะสมก็อย่าพลาดโอกาสเชียว”ตอนนี้ตระกูลชุยมีนางเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติช่วยชุยอันหรูจัดการเรื่องการแต่งงาน“ได้ ข้ารู้”วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เวินจี้หลี่เลิกประชุมเช้าก็เจาะจงไปที่จวนอ๋องอี้ หลังจากเมื่อวานนางเวินไปเอะอะโวยวา
หลังจากชุยอันหรูรับมาแล้ว ก็ตั้งใจอ่านอยู่รอบหนึ่ง“ระวังว่าจวนอ๋องอี้จะไม่ส่งผลดีต่อศิษย์ของหมอเทวดา”ในตอนนั้นนางเข้าใจแล้ว ช่วงที่ศิษย์ของหมอเทวดาเข้ามาเมืองหลวงประจวบเหมาะกับองค์ไทเฮากำลังจะออกจากเมืองหลวงในสายตาของไท่เฟยจวนอ๋องอี้ ก็ยังมิแน่ว่าจะทำเพื่อรักษาลู่จิ่งเชินหากทำเพื่อให้ลู่จิ่งเชินตายเร็วขึ้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ศิษย์ของหมอเทวดาติดต่อกับเขาอย่างแน่นอน วิธีที่ดีที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดก็คือทำให้เขาหายตัวไปนางค่อย ๆ นำจดหมายหย่อนเข้าไปในกระถางธูป และมองดูมันกลายเป็นเถ้าถ่าน“ศิษย์พี่เข้ามาในเมืองหลวงครั้งนี้ เกรงว่าคงต้องเจอปัญหาไม่น้อย”“แน่นอนว่าจะต้องมีคนจำนวนมากแย่งชิงศิษย์ของหมอเทวดา...” ตันจูเอ่ยวิเคราะห์ตันเสวียนนิ่งเงียบ ปกตินางจะมิชอบเอ่ยขัดจังหวะตันชิงกลับเป็นคนซ่อนความในใจไม่อยู่ จึงเอ่ยออกมาตามตรงว่า “หากพูดตามหลักแล้ว คนที่มีความสามารถเช่นศิษย์พี่ของท่านหญิง มิใช่คนมากมายต้องการปกป้องหรอกหรือ? อย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าวันข้างหน้าตนเองและครอบครัวจะไม่เจ็บป่วยหนัก หมอธรรมดาก็ไม่อาจรักษาได้”ชุยอันหรูไม่รีบร้อนอธิบาย ตันจูจึงเอ่ยขึ้น
เซียวรั่งมิได้แสดงท่าทีใดนัก ที่จริงเขาคิดวิธีนี้ออกตั้งแต่ตอนที่อยู่ตระกูลเวินแล้ว แต่มิกล้าพูดเท่านั้นในเวลานี้นางเวินพูดออกมาแล้ว เขาก็มีความหวังเพิ่มขึ้นมาบ้างบางที หากมารดาสามีไปเอะอะโวยวายที่ตระกูลเวินเอง พวกเขาก็คงจะช่วยเหลือตนหลินจืออินก็คิดว่าวิธีนี้ดีเช่นกัน ในตอนนั้นนางก็นึกไม่ออกจริง ๆ“หากข้าคิดได้ พี่ชายของเจ้าจะคิดไม่ออกได้อย่างไร เพียงแต่มิอยากออกหน้าเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรตระกูลเวินก็มิใช่เขาเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ข้ามิเชื่อหรอกว่าท่านพ่อกับท่านพี่จะไม่ช่วยข้า”เป็นจริงตามคาด ท่าทีของนางเวินเป็นไปในทิศทางที่เซียวรั่งคาดไว้ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน บ่าวรับใช้ก็เข้ามา“นายท่าน ฮูหยิน...”“มีอะไรหรือ?”สีหน้าของบ่าวรับใช้ดูแปลกชอบกล คงว่าได้ยินข่าวแปลก ๆ บางอย่างมา“ด้านนอกดูเหมือนมีคนกระจายข่าวว่า อีกไม่กี่วันศิษย์ของหมอเทวดาจะเข้ามาในเมืองหลวง...”“จริงหรือ?” เซียวรั่งแทบจะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ข่าวนี้ช่างมาในเวลาที่เหมาะสม ประจวบเหมาะกับการแก้ปัญหาเร่งด่วนของพวกเขา“มิรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ทุกคนก็พูดต่อๆ กัน อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่เกี่ยว
เซียวรั่งกับหลินจืออินมิได้รับประโยชน์ใด ๆ และมิได้กลับจวนในทันที แต่ไปที่จวนตระกูลหลินนางเวินเห็นสีหน้าของพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะพบเจอปัญหาแล้ว“มีสิ่งใดหรือ? เพราะหน้าที่ต้อนรับคณะราชทูตถูกคนแย่งไปหรือ?”หลินจืออินอธิบายว่า “มิใช่เจ้าค่ะ พวกเราเพิ่งกลับมาจากบ้านท่านยาย...”“อยากให้ลุงเจ้าออกหน้า? เดาว่าเขาคงไม่เห็นด้วย” นางเวินคาดเดาบทสรุปได้แล้ว“ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ก็มิใช่ว่าท่านลุงไม่เต็มใจ แต่เป็นพี่ชายที่ปฏิเสธ...ป้าสะใภ้ก็ไม่พูดสิ่งใดตั้งแต่แรกจนจบ จะต้องไม่อยากช่วยเหลืออย่างแน่นอน”ความขุ่นเคืองของหลินจืออินพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูด“พี่ชายเจ้าผู้นี้กับหรูซวง ได้รับการอบรมสั่งสอนจากป้าสะใภ้เจ้า จึงไม่สนิทสนมกับพวกเราแม้แต่น้อย พวกเราก็มิใช่คนนอก เอาแต่กังวลว่าพวกเราจะทำให้ตระกูลเวินเดือดร้อน ระแวดระวังมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”หลินจืออินรีบคว้าแขนของนาง “ท่านแม่...”ตอนนี้นางเวินถึงนึกขึ้นได้ว่า ยังมีเซียวรั่งอยู่ข้าง ๆนางเปลี่ยนสีหน้าในทันที “เซียวรั่ง เรื่องของวันนี้ เจ้าอย่าโทษลุงเจ้าเลย เรื่องที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้ว ผู้ใดก็มิอาจเปลี่ยนแปลง หากลุงเ
“ถ้าเช่นนั้นท่านลุงกราบทูลฝ่าบาทไปตามตรงว่า เซียวรั่งเป็นคนที่เหมาะสมกว่า ท่านลุงเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี ทำเช่นนี้มิได้หรือเจ้าคะ?” หลินจืออินนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งเวินหรูเฟิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง “ครั้งนี้คนที่ฝ่าบาททรงเลือกเป็นที่แน่นอนแล้วคือหลี่ฉุนจงเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นพระเชษฐาแท้ ๆ ของฮองเฮา เจ้าหวังว่าจะให้ท่านพ่อใช้เหตุผลใดถึงจะทำให้ฝ่าบาททรงเพิกถอนเขา ทั้งยังมิทำให้ฮองเฮาทรงแค้นเคืองตระกูลเวินของพวกเรา?”คราวนี้หลินจืออินอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิงแล้ว นางมองเวินหรูเฟิงด้วยความขุ่นเคือง“ท่านพี่ ท่านดูแคลนพวกเรามากใช่หรือไม่?”เวินหรูเฟิงถึงกับงงงัน เอาความคิดนี้มาจากที่ใด?“น้องสาว เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจผิดบางอย่าง”“ข้ามิได้เข้าใจผิด ข้าออกเรือนท่านก็มิได้มา พวกเรากลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานท่านก็มิได้มา...”หัวข้อสนทนาของหลินจืออิน ถูกโยงไปอีกทิศทางหนึ่ง ในเวลานี้นางเมิ่งเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าพาน้องเขยมาสอบถามถึงจวนแล้ว เจ้ารีบเอ่ยขอโทษก็พอ มิต้องอธิบายให้มากความ”หลังจากนางเอ่ยจบ เริ่มแรกก็ทำเป็นตัวอย่าง “จืออินเอ๋ย สองครั้งนั้นป้าสะใภ้มีธุระก็มิได้ไปเช่นกัน แล
หลินจืออินเอ่ยจบ ทุกคนพากันเงียบสนิทความเงียบของเซียวรั่ง เป็นเพราะเสียอารมณ์กับเรื่องการแต่งงานที่เคยเกือบจะเกิดขึ้นส่วนความเงียบของคนในตระกูลเวิน ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีทางจะตามหาหมอเทวดาได้ มิเช่นนั้นหลายปีมานี้พวกเขาก็คงทนรับทางด้านของไทเฮาไม่ไหวไปนานแล้ว“จืออิน ความคิดนี้ของเจ้าก็ไม่เลว ทว่าพวกเรามิรู้ว่าหมอเทวดาอยู่ที่ใด...” เวินจี้หลี่อธิบายด้วยความอึดอัดใจ“เป็นไปได้อย่างไร ทุกครั้งขอเพียงท่านตาเกิดปัญหา หมอเทวดาก็มักจะมาปรากฏตัว หลายวันก่อนท่านตาทวดร่างกายไม่สบาย ก็มิใช่หมอเทวดาให้คนนำยามาส่งให้ กินยาจนกระทั่งหายจากอาการป่วย...หากพวกท่านหาเขาไม่พบ แล้วเขาจะมาปรากฏตัวอย่างทันเวลาทุกครั้งได้อย่างไร...”คำถามของหลินจืออิน ที่จริงแล้วก็สร้างความสงสัยให้ตระกูลเวินมานานมาก “จืออิน พวกเรามิรู้ที่พำนักของหมอเทวดาจริง ๆ เขาไปมาอย่างไร้ร่องรอยเสมอ เมื่อหลายปีก่อนเคยมาที่จวนมหาราชครูครั้งหนึ่งจริง ๆ นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่ท่านตาเจ้าล้มป่วย จะมีคนนำยามาส่งให้โดยเฉพาะ พวกเราก็ลองสะกดรอยตามคนส่งยา ทว่ากลับไม่ได้เบาะแสใดเลย”ฮูหยินผู้เฒ่าเฮ่อเป็นพยานได้ว่า พวกเขาไม่มีหนทางจริง ๆ
มหาราชครูเวินคิดจะวางมาดน่าเกรงขามตามเดิม ทว่าสำหรับหลานสาวที่เอ็นดูมาตั้งแต่เล็กผู้นี้ คงมิอาจทำได้เสียแล้ว“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องบอกให้ตารู้ว่า เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่...”“หรือเป็นเพราะคำพูดที่อ๋องอี้เอ่ยในราชสำนักวันนี้ ทำให้ฝ่าบาททรงยึดหน้าที่การต้อนรับคณะทูตของเซียวรั่งกลับไป?”เวินจี้หลี่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็รู้ว่าพวกเขาต้องการทำสิ่งใด“ท่านลุงยอดเยี่ยมยิ่งนัก จืออินยังมิทันเอ่ย ท่านก็คาดเดาได้ถูกแล้ว”เวินจี้หลี่ยิ้มจาง ๆ พร้อมเอ่ยว่า “เจ้าหนอเจ้า วันนี้มีเพียงเรื่องเดียวนี้เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเขา เจ้าคิดว่าจะเป็นเรื่องใดได้อีกเล่า?”“ข้าเกิดคิดถึงท่านตาท่านยาย และคิดถึงท่านลุงมิได้หรือเจ้าคะ?”หลินจืออินโผเข้าไปข้างกายเวินจี้หลี่ราวกับผีเสื้อตัวหนึ่ง และคล้องแขนของเขาไว้“ท่านลุงพวกเราทำศึกชนะ การต้อนรับคณะทูตในครั้งนี้ ท่านโหวมิใช่คนที่เหมาะสมที่สุดหรอกหรือ? หากเปลี่ยนให้ผู้อื่นไปคงไม่มีอำนาจโน้มน้าวกระมัง?”นางเมิ่งเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ดื่มชาด้วยท่าทางผ่าเผย ประโยคเดียวก็มิเอ่ยเซียวรั่งมองเห็นท่าทางของนางเมิ่ง ในใจก็นึกถึงสิ่งที่หลินจืออินบอกเขาเมื่อหลายวัน
“จืออิน เจ้ามีวิธีใด?” ในเวลานี้เซียวรั่งรู้สึกเหนื่อยใจความสุขของการมีภรรยาหลายคนที่เขาวาดฝันนอกจากจะไม่เคยได้รับ ทว่าภายใต้การจัดการต่าง ๆ นานาของชุยอันหรู กลับต้องกลายมาเป็นสภาพเช่นทุกวันนี้แม้ว่าเขาจะได้แต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ตอนกลับไปบ้านฝ่ายหญิงก็ได้พบปะคนตระกูลเวิน ทว่าทุกครั้งที่ตนเอ่ยว่าจะไปเยี่ยมเยือนจวนมหาราชครู เวินจี้หลี่ก็จะใช้เหตุผลต่าง ๆ มาคัดค้านเขาเข้าใจดี คนตระกูลเวินดูถูกเขาเพราะเขาเป็นคนทรยศจวนเจิ้นกั๋วกง“ท่านโหว พวกเราไปตระกูลเวินสักครั้งเถิด”คำพูดของหลินจืออิน ประจวบเหมาะกับทำให้จิตใจที่วิตกกังวลของเซียวรั่งได้คลายลงในทันทีเขาถึงกับคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่สรรค์ประทานให้ เรื่องที่เขากลุ้มใจเป็นที่สุดก็คือจะเข้าไปสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเวินอย่างไร นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้หลินจืออินจะช่วยเขาแก้ปัญหา“ตอนนี้หรือ?”น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นเครือฮูหยินผู้เฒ่ากับนางหยางต่างมิกล้าพูดมาก พวกเขาเข้าใจดีว่า หากตีสนิทกับตระกูลเวินได้จริง ๆ ก็จะนำพาผลประโยชน์มาให้พวกเขาได้มากเพียงใด“แน่นอนว่า หากรอจนกระทั่งองค์ชายสามของต้าชิ่งผู้นั้นเสด็จมาถึง ทั้งหมดก็จะไม่
เซียวเสวี่ยหลิงชอบยกยอหลินจืออินอยู่เสมอ ไม่เพียงเพราะตระกูลเวินที่อยู่เบื้องหลังนางเท่านั้น ยังเป็นเพราะนางปรารถนาจะแต่งงานกับหลินชวนมาตลอดแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเป็นจวนป๋อ ทว่ากลับได้รับการเมินเฉย ทำให้นางเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลหลินที่มิใช่ขุนนางใหญ่ยังคงรู้สึกไม่มั่นใจตามเดิมตอนนี้นางเป็นน้องสาวของอันหนานโหวแล้ว ตามหลักแล้วก็ควรมองหาคนที่มีสถานะสูงกว่า ทว่านางยังคงทุ่มเทใจให้กับหลินชวนหลินจืออินลูบคลำท้องของตนเอง “ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว สถานะของนางในเมืองหลวงจะเป็นอย่างไร ข้ามิจำเป็นต้องพูดให้มากความ นางล่วงเกินฮองเฮากลับคิดจะหลีกหนี ทำได้ง่ายเช่นนั้นที่ไหนกัน ถึงแม้จะฝากฝังคนไว้กับไทเฮา แล้วจะอย่างไร? หรือว่าองค์ไทเฮาจะไม่เสด็จกลับมาอีกแล้ว? ภายภาคหน้า ชุยหลางมิต้องการจะรับตำแหน่งต่อหรือ? คนที่นางล่วงเกินเหล่านั้น ก็ไม่คิดจะให้นางชดใช้หรือ?”เซียวเสวี่ยหลิงดูเหมือนก็ตั้งตารอคอย “คนอย่างนาง ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่สามารถทำให้ข้าคลายความโกรธแค้นได้...”ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เซียวรั่งก็กลับมาแล้ว“ท่านโหว เหตุใดวันนี้ถึงกลับจวนมาเร็วเช่นนี้?”หลินจืออินรีบลุกขึ้นและเด