ในแววตาชุยอันหรูเปล่งแสงลึกลับ คนที่นางจะคิดบัญชีด้วย จะมีเพียงคนตระกูลเซียวได้อย่างไร “หม่อมฉันจะไม่ทำให้ไทเฮาผิดหวังเพคะ”“ไม่รู้ว่าลูกศิษย์ของหมอเทวดาท่านนี้ จะสามารถเข้าเมืองหลวงเมื่อไร?”สำหรับคำพูดของชุยอันหรู ไทเฮาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ“ถึงแล้วเพคะ”เมื่อได้ยินชุยอันหรูตอบอย่างมั่นใจ ไทเฮาก็ดีใจทันที“จริงหรือ?”“หม่อมฉันไม่กล้าโกหกไทเฮาเพคะ สมัยเด็กหมอเทวดาอาศัยอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วกง เคยสอนหม่อมฉันหลายปี…”ไทเฮาเงียบแล้ว สายตาคือความตกตะลึงพรึงเพริด“เจ้า?”ไทเฮาไม่เคยคิดถึงคำตอบนี้มาก่อนในสายตาไทเฮา ผู้หญิงคนนี้เพิ่งอายุยี่สิบปี ร่างกายถูกปกคลุมด้วยความเศร้าโศกที่สูญเสียคนในครอบครัว สายตากลับเปล่งประกาย ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนทะลุชั้นเมฆหลังจากยืนยันความจริงจังกับชุยอันหรู ไทเฮาพบว่าเรื่องราวน่าสนใจมากขึ้นแล้วเซียวรั่งทรยศคู่ครองเพราะหมอหญิงคนหนึ่ง แต่ปรากฏว่าคนที่เขาทิ้ง คือลูกศิษย์หมอเทวดาที่ทุกคนพยายามตามหา“เช่นนั้นอย่าถอนพิษที่เชินเอ๋อร์กินในวันนั้น…”“หม่อมฉันเป็นคนปรุงเองเพคะ อย่างไรอาจารย์ก็ไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว ยาลูกกลอนมีระยะเวลาในการเก็บรักษา…ตอนนั
ไทเฮาเงียบ แต่เป็นลู่จิ่งเชินที่กล่าวขึ้นมาเอง “ระยะเวลาสองปี ผู้อื่นกำลังรอการตายของข้า แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่มาถึงจะเป็นข่าวการหายดีของข้า”ชุยอันหรูไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา หลังจากรับพู่กันและกระดาษจากคนสนิทไทเฮา ก็เริ่มเขียนตำรับยาทันทีไทเฮายังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “คิดไม่ถึงว่าอันหรูซ่อนได้ลึกมาก ตระกูลเซียวมีตาแต่ไม่มีแวว ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลพวกเขา น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าคอยดูแลอย่างเดียว ต้องใช้ตำรับยาที่ล้ำเลิศอะไรด้วยกระมัง”ชุยอันหรูตอบอย่างไม่เร่งไม่รีบ “เดิมทีนางก็ไม่ได้มีปัญหาที่หนักหนาอะไร ก็แค่อาศัยที่ตัวเองอายุมากแล้วร้องห่มร้องไห้ ในเวลาสองปีก็ดีขึ้นมานานแล้ว ปัจจุบันไม่ได้ยาล้ำค่าอะไรแล้ว ความแตกต่างที่มากเกินไป จึงทำให้รับไม่ได้ก็เท่านั้นเพคะ”หลังจากมองสีหน้าของลู่จิ่งเชิน ไท่เฮาจับมือของชุยอันหรู“สุขภาพของเด็กคนนี้ก็ฝากเจ้าแล้ว…และข้าจะช่วยเจ้าปิดบังตัวตนที่เป็นลูกศิษย์หมอเทวดาของเจ้าเช่นกัน”“ขอบพระทัยไทเฮา เช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ”“แม่ลูกคู่นั้น รอเจ้าอยู่ที่ประตูวังแล้ว” ไทเฮากล่าว ไม่ได้รั้งให้อยู่ต่อ“เสด็จย่า เหตุใดไม่พูดให้ชัดเจนเล่าพ่ะย่ะค่ะ เพราะฮองเฮาคอ
“ข้าขอเตือนเจ้าสักคำ ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกง”นี่เป็นเสียงของตันเสวียนชุยอันหรูยิ่งรู้สึกสนใจแล้ว ดูเหมือนคำว่านางแพศยาเมื่อครู่ เพราะรู้ว่าตันเสวียนเป็นคนของนาง“เจ้าก็รู้ว่าที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกงหรือ? นายของเจ้าออกเรือนแล้ว ไม่ใช่คนของจวนเจิ้นกั๋วกงอีก ต่อให้หย่าแล้วก็ไม่ควรกลับมาที่นี่ ฮูหยินท่านแม่ทัพไม่รู้ความ เห็นแก่ความดีของท่านกั๋วกงกับท่านแม่ทัพ ไปรับหน่อยนางก็รับกลับมาเลย ช่างไม่รู้กฎเกณฑ์จริงเชียว”คนตระกูลเหลียงที่มา ท่าทางนั่นราวกับย้ายเข้ามาอยู่ในจวนกั๋วกงแล้ว“ได้ยินมาว่า หลังจากรับคืนสินเดิมตอนออกเรือนมาก็เก็บเอาไว้คนเดียว? ในเมื่อกลับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ก็ควรมอบให้ฮูหยินท่านแม่ทัพจัดการจึงจะถูก และยังกล้าเป็นปรปักษ์กับจวนอันหนานโหว ยิ่งไปก่อความวุ่นวายที่หน้าประตูตระกูลหลิน ไม่เหลือทางหนีทีไล่ใดๆ ให้ตัวเองจริงๆ”“หรือไม่ข้าเขียนรายการสินเดิมออกมา รบกวนเจ้านำกลับไปมอบให้ฮูหยินเหลียง?”เสียงของชุยอันหรูเย็นเยือก ทำให้หญิงรับของตระกูลเหลียงสะดุ้งตกใจตอนที่หมุนกายเห็นชุยอันหรู กลับมีความดูถูกแลบผ่านแววตา“ที่แท้คุณหนูกลับมาแล้ว บ่าวรับคำสั่งจากฮูหยินบ้านเรา มาเช
พูดจบ ก็ควงดาบอย่างดุดันอีกครั้ง ก่อนจะฟาดฟันใส่สาวใช้คนแรกนั้น“คุณหนู ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”เบื้องหน้าของสาวใช้มืดมิด ตกใจกลัวจนขาอ่อนไปหมดแล้วได้ยินเพียงเสียง “ผัวะ” ที่หนักแน่น ชุยอันหรูใช้ใบดาบตบหน้าสาวใช้คนนั้นอย่างแรงตันชิงและคนอื่น ๆ ไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าพวกนางเลย“คุณหนู พวกเราสำนึกผิดแล้ว...วันนี้คำพูดและการกระทำของบ่าววู่วามไม่ดูตาม้าตาเรือจริง ๆ ทำให้คุณหนูไม่พอใจ หวังว่าคุณหนูจะเห็นแก่ฮูหยินท่านแม่ทัพ ยกโทษให้พวกเราสักครั้ง”เมื่อสาวใช้รู้ตัวว่ายังไม่ตาย ก็รีบอ้อนวอนขอความเมตตา“ความกรุณาของข้า จะมีให้คนชั้นต่ำเยี่ยงเจ้าใช้ได้ตามสบายอย่างนั้นหรือ?”เหลียงจื่ออวี้พาชุยหลางเดินออกมาจากข้างในด้วยย่างก้าวที่มีพลังในเวลานี้สมาชิกตระกูลเหลียงก็มีเรื่องราวขัดแย้งกัน เดิมทีการปรากฏตัวของเหลียงจื่ออวี้จะต้องถูกความกตัญญูบีบบังคับอย่างแน่นอน แต่คำพูดของนางเมื่อครู่ ดูเหมือนจะแตกต่างจากเมื่อก่อน“อดใจไม่ไหวไปชั่วขณะ จัดการกับสมาชิกตระกูลเหลียงไปหลายคน พี่สะใภ้อย่าต่อว่าเลยนะ” ชุยอันหรูกล่าวเหลียงจื่ออวี้เหลือบมองคนสองคนที่เพิ่งถูกจัดการไป น้ำเสีย
คนรับใช้ของตระกูลเหลียงรู้สึกสิ้นหวัง พวกเขาไม่อยากตายด้วยอุปนิสัยตามปกติของเหลียงฮูหยิน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะคุกเข่าขอโทษเหลียงจื่ออวี้เพื่อช่วยชีวิตคนรับใช้เหล่านี้“ท่านหญิง บ่าวสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ไว้ชีวิตพวกเราในครานี้เถิด...”ชุยอันหรูทำไขสือ “ถ้าพวกเจ้าไม่เลือก ข้าจะเลือกให้เอง พวกเจ้าสกปรกเกินไป ไม่คู่ควรที่จะตายในจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา ไสหัวกลับไปให้เหลียงฮูหยินมาขอโทษแต่โดยดีเถอะ”บรรดาคนรับใช้ของตระกูลเหลียงไม่มีมาดอันทรงพลังในอดีตเหลืออยู่เลย“คุณหนูใหญ่ ได้โปรดช่วยพวกบ่าวด้วย เราแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”พวกเขาเลื่อนสายตาไปยังเหลียงจื่ออวี้ แม้แต่การเรียกขานยังเพิ่มความสนิทสนมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหลียงจื่ออวี้ยังคงนิ่งเฉย ได้ตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเหลียงไปแล้ว“ดังนั้นอันหรูก็ได้ไว้ชีวิตพวกเจ้าแล้ว ให้คนที่ส่งพวกเจ้ามาเบ่งบารมีที่นี่มาขอโทษด้วยตัวเอง”“เรื่องนี้...” สาวใช้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ถ้าไม่สมัครใจ ข้าก็สามารถเปลี่ยนใจได้...”กับพวกที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งประเภทนี้ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีกำลังมากพอจะพึ่งพาได้ ชุยอันหรูไม่รู้สึกเห็นใจเลยสักนิดคนร
ใต้เท้าเหลียงยิ่งฟังยิ่งโมโห“ลูกเนรคุณ หลายปีที่ผ่านมาเลี้ยงดูนางจนโตขนาดนี้ช่างเสียเปล่าจริง ๆ ข้าผิดต่อนางตรงไหน?”“ท่านพี่ไม่รู้หรือ นับตั้งแต่วันที่ข้าก้าวเข้าประตูมา พี่หญิงก็ดูถูกข้า ความดูถูกนี้ย่อมซึมซับเข้าไปในตัวจื่ออวี้ให้เอาเยี่ยงอย่าง...”สีหน้าของใต้เท้าเหลียงดูแย่ลงเรื่อย ๆ“เมื่อวานตกลงกันแล้วว่าจะกลับมาหารือกันว่าจวนกั๋วกงจะจัดการอย่างไรต่อไป ที่นางผิดสัญญาก็ยังไม่มีคำอธิบายใด ๆ วันนี้เจ้าแค่ส่งคนไปเชิญนางถึงเรือน นางก็ร่วมมือกับน้องสาวสามีที่หย่าร้างผู้นั้นก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา เท่ากับทิ้งหน้าพ่อแท้ ๆ อย่างข้าลงไปเหยียบย่ำกับพื้นจริง ๆ”“ช่างเถิด ที่สุดแล้วเป็นแม่เลี้ยงอย่างข้าเองที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ถึงจะได้รับการยอมรับจากทุกคน แต่ในสายตาของนางก็ยังไม่สามารถแทนที่แม่ได้ เดือดร้อนถึงท่านพี่ที่ต้องถูกนางโกรธแค้นไปด้วย”หลายปีที่ผ่านมานี้นางอวี๋ไม่เคยพลาดเรื่องการปลุกปั่นความสัมพันธ์ระหว่างใต้เท้าเหลียงและเหลียงจื่ออวี้“ข้าอยากจะเห็นนักว่า ลูกอกตัญญูคนนี้จะมีความสามารถสักแค่ไหน”ใต้เท้าเหลียงเดินออกไปอย่างเดือดดาล ในขณะที่นางอวี๋แสร้งทำเป็นเดินตามไปพร้อมกั
นางอวี๋มองไปที่คนรับใช้เหล่านั้น อยากให้พวกเขาตายเสียเดี๋ยวนี้“ก็เพราะความมานะบากบั่นของพวกเจ้านั่นแหละ ทำงานก็ไม่สำเร็จ ซ้ำยังต้องให้ข้าไปขอโทษแทนพวกเจ้าด้วยตัวเองอีก”ปากของนางฉาบด้วยความอำมหิต แค่มองก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัวแล้วคนรับใช้หลายคนรู้จักวิธีการของนาง ได้วางแผนรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ในใจแล้ว“ยังไม่รีบถอดป้ายออกอีก อับอายขายหน้ายิ่งนัก”คนของไทเฮากลับไปได้ไม่นาน ผู้อัญเชิญพระราชโองการจากฮ่องเต้ก็มาถึงจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วเช่นกัน“คารวะฮูหยินท่านแม่ทัพ ท่านหญิงอันกั๋ว”เรื่องการพระราชทานบรรดาศักดิ์ของไทเฮา ย่อมแพร่กระจายไปทั่ววังแล้วเป็นธรรมดา“อู๋กงกง มากพิธีไปแล้ว...”เหลียงจื่ออวี้รีบคารวะตอบ“บ่าวรับพระบัญชาให้มาประกาศพระราชโองการ มีรับสั่งให้นางเจียงกับลูกสาวไปด้วยกันขอรับ” อู๋กงกงกล่าวด้วยความสุภาพเป็นอย่างยิ่งนางเจียงที่ได้รับการช่วยเหลือจากชุยอันหรู สองวันมานี้สงสัยมาตลอดว่านางอาศัยอยู่ในโลกมายา แม่สามีที่เคยเห็นนางขัดหูขัดตาไปหมด เห็นบุตรสาวของนางก็ยิ่งขัดหูขัดตา รวมถึงสามีที่กลับมาจากกองทัพแต่ต้องการแต่งงานกับคนอื่น ล้วนถูกดึงออกจากชีวิตของนางไปอ
กลัวแต่ว่างานวิวาห์ที่พวกเขาตั้งใจจัดเตรียม คนที่สามารถมาได้จะมีหร็อมแหร็มบางตาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น“ได้ยินมาว่าหญิงผู้นั้นเป็นคนที่อันหรูได้ช่วยไว้ระหว่างทางไปวังในวันนั้น” นางหยางเอ่ยเตือนความจำอยู่ข้าง ๆฮูหยินผู้เฒ่ากลับเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “คนที่พัวพันอยู่กับนาง ต้องไม่พบเรื่องดีแน่ โชคดีที่ตอนนั้นรั่งเอ๋อร์ไม่ได้เข้าหอกับนางก็ไปที่ด่านชายแดนแล้ว ไม่เช่นนั้นคงนอนในโลงกลับมาเหมือนเจิ้นกั๋วกงกับลูกชาย นางเกิดมาเป็นหม้ายและกำพร้า ต้องนำพาโชคร้ายมาสู่ผู้คนรอบตัวเป็นแน่”ชุยอันหรูไม่ได้ทิ้งสินเดิมใด ๆ ไว้ บังคับให้พวกเขาชดใช้ค่าใช้จ่ายในเวลาสองปี ทั้งยังหยุดการจัดหาสมุนไพรชื่อดังล้ำค่าของตนให้ หลากหลายเรื่องราวล้วนสร้างความเจ็บปวดให้นางหากคำสาปแช่งได้ผล ชุยอันหรูคงตายต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าในหลากหลายรูปแบบไปแล้วนางหยางถอนหายใจ “ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเรื่องของโชคชะตา ท่านแม่ จืออินกำลังจะแต่งเข้ามาแล้ว ในท้องมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเซียวของเรา ร่างกายของท่านแม่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อสองปีก่อนมาก ได้เห็นคนสี่รุ่นอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน จะไปคิดถึงเรื่องที่บั่นทอนจิตใจเหล่านั้นทำไม”แต่ฮู
นางมองออกว่าอารมณ์ของเซียวรั่งใกล้จะระเบิดแล้วเซียวรั่งได้พยายามควบคุมอารมณ์ของตนอย่างที่สุดแล้ว ท่องอยู่ในใจตลอดว่าวันนี้เป็นวันมงคลของเขา…“นำทาง...”เขาต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีจึงสามารถทำให้ตนสงบลง แล้วกัดฟันกล่าวสองคำนี้ออกมาแม่สื่อไม่กล้าลังเล เวลาล้ำค่าอย่างยิ่ง หากพลาดฤกษ์ดีไป ผู้ที่จะเอาโทษนางก็มิได้มีแค่จวนอันหนานโหวแล้วคิดไม่ถึงว่า เมื่อพวกเขาเดินไปถึงถนนสายหลักอีกสาย ก็ถูกผู้คนที่แน่นขนัดชนิดสายน้ำไม่อาจไหลผ่านได้ขวางไว้แล้ว ทว่าที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นอิสตรีเป็นร้านค้าของชุยอันหรูเช่นกัน เพียงแต่ที่นี่จำหน่ายอาภรณ์ตัดสำเร็จและผ้า มีทั้งที่ลดครึ่งราคา กับสินค้าราคาพิเศษ ที่ประกาศลดราคาลงร้อยละเก้าสิบเป็นช่วงเวลาสั้นๆอารมณ์ที่เซียวรั่งกดลงไป ราวสุราที่ไม่เชื่อฟัง ที่คอยหาโอกาสตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง“ดันเข้าไปโดยตรงเลย…” ยามนี้ ในเสียงของทุ้มต่ำของเซียวรั่ง ได้มีเพลิงโทสะค่อยๆ ปะทุขึ้นมาแล้วแม่สื่อรีบเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านโหว ผู้ที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นอิสตรี หากขบวนเกี้ยวพุ่งชนเข้าไปเช่นนี้ จะต้องมีคนได้รับบาดเจ็บแน่ หากเกิดเลือดตกยางออกในวันแต่งงานก็คงจะไม่เป็นมงคล…มิสู้
ในตอนที่เซียวร่างขี่ม้ารูปร่างสูงใหญ่ออกเดินทางจากจวนอันหนานโหวนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าที่แสร้งป่วยมาหลายวันแต่ไม่มีผู้เหลียวแลได้กำชับเป็นพิเศษว่า “รั่งเอ๋อร์ จำไว้ว่าตอนรับจืออินกลับมา จะต้องผ่านประตูจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย ให้นังหญิงที่คิดว่าตัวเองถูกสองคนนั้นได้เห็นถึงความเบิกบานรุ่งเรืองของจวนอันหนานโหวเรา ให้พวกนางหนึ่งแม่หม้าย หนึ่งลูกกำพร้า เฝ้าจวนเจิ้นกั๋วกงที่ตกต่ำอย่างอิจฉาตาร้อนไปเถอะ”เดิมเซียวรั่งก็คิดเช่นนี้ ความไม่พอใจที่เขามีต่อชุยอันหรูเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ตามการกระทำต่างๆ ในหลายวันนี้ของนาง“ท่านย่า อีกไม่ช้าความเย่อหยิ่งของพวกนางก็จะถูกเหยียบไว้บนพื้นแล้วขอรับ”เมื่อหลินจืออินแต่งเข้ามาอย่างเป็นทางการ เขาก็จะถือว่ากลายเป็นหลานเขยของตระกูลเวินอย่างเป็นทางการเช่นกัน ไม่ว่าท่านมหาราชครูเวินกับอัครมหาเสนาบดีเวินจะไม่พอใจเขาเพราะเรื่องก่อนหน้าเพียงใด เพื่อเห็นแก่หน้าของหลินจืออิน ก็ต้องดูแลเขาอยู่บ้าง“ไปเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าอย่างพึงพอใจขบวนรับเจ้าสาวตีฆ้องร้องป่าวไปตลอดทาง ทว่าผู้คนที่อยู่ริมถนนกลับมีไม่มากนัก เรื่องนี้ทำให้เซียวรั่งประหลาดใจอยู่บ้างถนนที่มุ่งไปสู่จวน
เซียวเสวี่ยหลิงด้านหนึ่งกล่าววาจา อีกด้านก็จินตนาการว่าเมื่อใดหลินชวนจะมาขอตนแต่งงานเพราะตระกูลเซียวตั้งใจหลบเลี่ยง สามวันมานี้จึงสุขสงบอย่างไม่คาดคิด แม้แต่ตระกูลเหลียงก็หยุดก่อเรื่องอย่างผิดปกติกาลเวลามิเคยหยุดยั้งเพราะความอาลัย ยิ่งไม่รอคอยเพราะผู้ใดมิทันเตรียมการในวันมงคล ตระกูลเซียวและตระกูลหลินต่างก็คึกคักเป็นพิเศษไม่ว่าภายนอกจะโพนทะนาจนเซียวรั่งกลายเป็นคนเช่นใด แต่เหล่าทหารคนสนิทในอดีตของเขาย่อมต้องมาร่วมความครึกครื้นด้วยเนื่องจากบารมีของตระกูลเวิน หลังจากขบคิดอย่างหนัก ขุนนางใหญ่บางคนในราชสำนักก็มุ่งหน้ามาร่วมงานด้วยเช่นกันส่วนทางตระกูลหลิน ไม่เพียงเวินจี้หลี่ที่มา แม้แต่ท่านมหาราชครูเวินที่สามารถเข้าร่วมประชุมเช้าตามอารมณ์ได้ก็มาด้วยเช่นกันหลินจื้อหย่วนไม่อาจปิดบังความยินดีของตน ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้วันนี้ชื่อเสียงของบุตรสาวตนจะไม่ดีแต่ในอนาคตก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านสามีได้อย่างมีความมั่นใจเช่นกัน“ท่านพ่อตา ท่านพี่ เชิญด้านใน หากจืออินรู้ว่าพวกท่านล้วนมาส่งเจ้าสาว ไม่แน่อาจร้องไห้จนเครื่องประทินโฉมเลอะหมดก็ได้…”“เช่นนั้นจะให้ทำอย่างไร ให้พวกเรากลั
ในตอนที่นางหยางและเซียวเสวี่ยหลิงจากไปนั้น ทุลักทุเลเป็นอย่างมาก ท่าทางสำรวม สง่างามในยามปกติของนางหยางก็หลุดร่อนไปหมดสิ้น แม้แต่ยามเดินก็เริ่มโซเซชุยอันหรูอารมณ์ดีอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าคนตระกูลเซียวจะส่งตัวเองมาให้นางระบายโทสะถึงที่นางนำกล่องอาหารที่ลู่จิ่งเชินมอบให้ออกมา เรียกชุยหลางมา บอกว่าเป็นรางวัลที่ช่วงนี้เขารู้ความเป็นเด็กดี เหลียงจื่ออวี้รู้สึกถอนใจมาก เดิมคิดจะเป็นผู้หนุนหลังเป็นความมั่นใจให้ชุยอันหรู แต่ผลกลับเป็นว่า ทุกครั้งที่มีปัญหาล้วนต้องให้ชุยอันหรูมาจัดการนางแอบตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า หากยังแตะต้องตระกูลอื่นไม่ได้ เช่นนั้นก็เริ่มลงมือกับตระกูลเหลียงก่อนหากพวกเขายังกล้ามาพูดจาไร้สาระอีก นางจะไม่ทำตัวอ่อนแออีกต่อไปแล้วเมื่อนางหยางกับเซียวเสวี่ยหลิงกลับไปถึงจวนอันหนานโหว ก็พูดเรื่องนี้กับเซียวรั่ง“พวกท่านไปหานางทำไมกัน?”หนนี้เซียวรั่งกลับมิได้กล่าวโทษชุยอันหรูในทันที แต่กลับสอบถามออกมาประโยคหนึ่งก่อน“บัวหิมะที่ท่านย่าของเจ้าต้องการ ข้าเปลี่ยนคนไปซื้อหลายครั้ง แต่ขอเพียงร้านยาได้ยินว่าเป็นคนจากจวนอันหนานโหวก็จะปฏิเสธไม่ยอมขายทันที ต่อมาถึงขนาดปฏิเสธไม่ขา
“ฮูหยินใหญ่ ท่านมักทำตัวอ่อนแอคล้ายไม่มีพิษภัยต่อผู้ใด จะแกล้งเขลาทำไม่รู้ก็ดี จะล้อเล่นกับหัวใจคนก็ช่าง ท่านเพียงต้องการให้คนรู้สึกว่าข้าใจร้าย เอาความกับบางเรื่องไม่ยอมปล่อย เช่นนี้ก็จะสามารถช่วยกู้ชื่อเสียงตระกูลเซียวของท่านกลับมาได้บ้างมิใช่หรือ?”“เพียงแต่วิธีการเช่นนี้ ไม่ฉลาดเลยจริงๆ บัดนี้ ลูกชายของท่านได้เป็นท่านโหวแล้ว ท่านเป็นถึงฮูหยินใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ลูกไม้ที่บรรดาสาวน้อยใช้เพื่อแย่งชิงบุรุษกันแล้วล่ะ”ในที่สุดเกราะป้องกันของนางหยางพังทลาย ตัวตนของนางถูกชุยอันหรูใช้วิธีที่เรียบง่ายโผงผาง ทว่ามีประสิทธิภาพและเป็นความจริงสรุปย่อออกมา นางรู้สึกว่าในเสี้ยววินาทีนั้น การเสแสร้งทั้งหมดของตนได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว“ชุยอันหรู เจ้ากล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับท่านแม่ของข้าได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไร นางก็คือผู้อาวุโสของเจ้า!”เซียวเสวี่ยหลิงก็คิดคำตำหนิที่ใช้ได้ไม่ออกเช่นกัน จึงได้แต่ยกความอาวุโสมาข่มคน“แล้วเหตุใดคนอกตัญญู ที่กินใช้ของของข้ามาสองปีแบบเจ้า ถึงได้กล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับข้าเล่า?”“ก็อาศัยที่เจ้าเหยียดหยามท่านแม่ข้าเมื่อครู่ ข้าก็ไม่อาจทน”เซียวเสวี่ยหลิงคิดเ
คำพูดไม่แยแสสิ่งใดนี้ของนาง ทำให้แม้แต่เซียวเสวี่ยหลิงได้ฟังแล้วก็รู้สึกบาดหู“ชุยอันหรู เจ้ามันก็แค่ได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านหญิงเท่านั้น เหตุใดจึงพูดจาร้ายกาจเช่นนี้ออกมาได้?”นางหยางถือโอกาสคว้าเซียวเสวี่ยหลิงไว้ จากนั้นก็เริ่มสวมบทบาทของตนอีกครั้ง “เสวี่ยหลิง อย่าได้ทะเลาะกับอันหรู พวกเราไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น…เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นตระกูลเซียวของเราที่ทำผิดต่อนางก่อน ขอเพียงวันนี้ นางยอมรับปากผ่อนปรนให้ร้านยาขายบัวหิมะให้ตระกูลเซียวเราเพื่อต่อชีวิตท่านย่าของเจ้า ต่อให้พูดไม่น่าฟังกว่านี้ พวกเราก็ต้องยอมรับมันนะ”ในที่สุด เหลียงจื่ออวี้ก็เข้าใจเป้าหมายของอีกฝ่ายแล้ว นางก็มิได้อดทนต่อไปอีก ปกป้องชุยอันหรูไว้ด้านหลังทันที“ข้าว่านะ ฮูหยินใหญ่ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เหตุใดท่านจึงได้ไร้ซึ่งความละอายเยี่ยงนี้ นางเพียงประกาศออกไปว่า จะไม่ใช้สินเดิมของตัวเองช่วยจ่ายเงินให้พวกท่านอีก เป็นเถ้าแก่ร้านยาทั้งหลายที่มีคุณธรรม ไม่เต็มใจจะทำการค้ากับจวนโหวของพวกท่านเอง เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับอันหรูกัน?”นางหยางจึงบีบน้ำตาออกมาสองสามหยดเสียเลย “ไม่ว่าฮูหยินท่านแม่ทัพจะติเตียนอย่างไร ข้าก็ไม่กล
ชุยอันหรูเดินผ่านกลุ่มคน ตรงไปยืนเคียงข้างเหลียงจื่ออวี้ที่หน้าประตูใหญ่เมื่อนางหยางเห็นนางเดินเข้ามา ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุภาพเหมาะสมอย่างยิ่งว่า “อันหรู ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีความแค้น นี่ก็เป็นเรื่องสมควร ผู้ใดใช้ให้เขาทำเรื่องบัดซบเช่นนั้นออกมาล่ะ แต่ถึงอย่างไรท่านแม่ก็อายุมากแล้ว อาการป่วยของท่าน ยังเป็นเจ้าใช้เวลาดูแลมาสองปีจึงได้ดีขึ้นอีก เจ้าก็คงทำใจดูท่านผู้เฒ่าที่อายุมากขนาดนี้เช่นนางไม่ได้รับการรักษาไม่ได้กระมัง?”คำพูดของนางหยาง ไม่เหมือนกับผู้อื่นในตระกูลเซียว นางถ่อมตัวมาก และยังยอมรับว่าเป็นความผิดของเซียวรั่งทั้งหมดเพียงแต่ท่าทางเช่นนี้ของนาง ไม่ได้ผลกับชุยอันหรูนานแล้ว“ฮูหยินใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง เพราะวันนั้นที่ข้าสามารถรวบรวมความกล้าเข้าวังทูลขอพระราชโองการหย่าจากฝ่าบาทได้ ก็เป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่ามอบความกล้าให้ข้า เป็นนางที่เตือนข้าด้วยวาจาเชือดเฉือนว่า หากไม่พอใจการพระราชทานสมรสและมีปัญญา ก็จงเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท นางที่มีพลังมากขนาดนั้นจะล้มป่วยได้อย่างไร?”นางหยางถูกพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็สูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย “อันหรู ข้ารู้ว่าเจ้ายั
ซวีหวยพูดกับรั่วกู่เบาๆ อยู่ด้านข้างว่า “ทั้งหมด…ครึ่งราคา…คนเต็มไปหมด…”รั่วกู่ก็นึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นได้แล้วเช่นกัน ดูท่าท่านหญิงผู้นี้ไม่เคยคิดจะกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อรักษาหน้าตาใดๆ“วันหลังก็มาพบกันที่นี่เถิด ประมาณเวลานานเท่าใดจึงต้องตรวจอีกครั้ง เรื่องนี้ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า”“ที่นี่มองเห็นทัศนียภาพได้กว้าง สะดวกในการชมความครึกครื้นในเมืองที่สุด มิสู้เป็นอีกสามวันข้างหลังเถิด”ลู่จิ่งเชินก็อยากเห็นเช่นกันว่า ในวันที่หลินจืออินออกเรือนจะเกิดเรื่องวุ่นวายได้สักเท่าใดกันแน่“ก็ดี น้อมรับคำสั่งท่านหมอ”“รู้ว่าท่านหญิงเป็นห่วงคนที่บ้าน ข้าได้ให้ห้องครัวเตรียมกล่องอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านหญิงสามารถนำกลับไปให้ซื่อจื่อน้อยและฮูหยินท่านแม่ทัพได้”เมื่อเห็นชุยอันหรูลุกขึ้น ลู่จิ่งเชินก็กล่าวขึ้นอีกครั้งแม้แต่ตันชิงกับตันจูก็งุนงงไปแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่าอาหารของภัตตาคารหลั่นเพ่ยไม่เคยอนุญาตให้นำออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารกล่องอะไรเลย“ขอบคุณท่านอ๋องมาก…”“วางใจเถิด ไม่มีพิษ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็ต้องการทักษะการแพทย์ซึ่งไร้ผู้เปรียบได้ของเจ้า”“ข้าไม่ได้แคลงใจในตัวท่านอ๋อง…”ล
“ฮองเฮามิได้มาสักพักแล้ว อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าสักครู่เถิด”“…เพคะ”ไทเฮาทรงใส่ใจมาก เตรียมรถม้าแยกไว้ให้เหลียงจื่ออวี้เป็นพิเศษที่หน้าประตูวังอีกคัน เพราะชุยอันหรูยังต้องไปตรวจอาการให้ลู่จิ่งเชินอีก“พี่สะใภ้ ท่านกลับจวนไปก่อน ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ”“ได้ เช่นนั้นเจ้าระวังหน่อย”อันที่จริงแล้ว เหลียงจื่ออวี้ก็เป็นห่วงเช่นกันว่า หากพวกนางไม่อยู่ทั้งสองคน แล้วคนตระกูลเหลียงมาก่อปัญหาอีก เหล่าข้ารับใช้จะรับมือไม่ไหวชุยอันหรูนั่งรถม้าไปที่ภัตตาคารที่ไทเฮาบอกนางก่อนหน้า ‘ภัตตาคารหลั่นเพ่ย’สภาพแวดล้อมของที่นี่งามสง่า ดังนั้นการเลือกลูกค้าจึงจุกจิกอยู่บ้างเช่นกัน บรรดาคนหยาบกระด้างเสเพลพวกนั้น ย่อมไม่มีโอกาสจะขึ้นชั้นบนแม้แต่น้อยลู่จิ่งเชินอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นบนสุด ทอดตามองทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างไม่เร่งร้อนทว่า ใจของซวีหวยกับรั่วกู่กลับไม่สงบอยู่บ้าง เพราะพวกเขาประจักษ์ต่อสายตาตนเองแล้ว หลังจากลู่จิ่งเชินกินยาของชุยอันหรูเข้าไปอาการก็ดีขึ้น วันนี้จึงแทบอดรนทนไม่ไหวอยากให้ชุยอันหรูรักษาขั้นต่อไปให้ท่านอ๋องของพวกเขา“ทำให้ท่านอ๋องรอนานแล้ว”ในยามที่ซวีหวยและรั่วกู่เห็นชุยอันหรู