ชาร์ลีพยายามเตือนสติเพื่อนรัก เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าผู้หญิงคนเดียวที่เคลวินรักคือณิชา และเคลวินก็ไม่มีทางรักเฌอปรางได้
“แล้วไง”
“ก็ไม่แล้วไงหรอก นายควรจะมีมนุษยธรรมบ้าง ปล่อยเด็กมันไป อย่าไปฝืนใจให้เด็กทำเรื่องอย่างว่าโดยไม่เต็มใจเลย หรือถ้านายเกรงว่าจะไม่คุ้มกับเงินที่ต้องเสียไป นายก็ให้เด็กมันทำงานบ้าน ทำอาหารอะไรแบบนี้แทนก็ได้”
“หึ คำจำกัดความของคำว่า ‘เมีย’ ในสมองของฉันก็คือ ผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่บนเตียง ไม่ใช่ผู้หญิงที่เอามาทำงานบ้าน หรือทำอาหาร”
“ไอ้เคนนรก”
คำด่าทอของชาร์ลีไม่ได้มีผลใดๆ ต่อความคิดของเคลวินเลย เขายังคงไม่ไยดีความรู้สึกของใครนอกจากความแค้นที่กำลังแผดเผาอยู่ในอก
“ผู้หญิงไม่ว่าจะเด็กสาวหรือว่าหญิงสาว หล่อนเหล่านั้นล้วนถูกสร้างมาให้ทำหน้าที่สร้างความบันเทิงเริงใจให้กับผู้ชาย ดังนั้นเฌอปรางเองก็ไม่มีข้อยกเว้น”
“ไหนนายบอกว่าจะไม่กินไก่วัดยังไงล่ะวะ”
“นั่นมันก่อนที่ณิชาจะเชือดหัวใจของฉันด้วยความร่านของเธอ” เสียงของเคลวินกระด้างมาก
“ส่วนนายไอ้ชาร์ล เลิกออกความคิดเห็นอะไรได้แล้ว เพราะขนาดเฌอปรางเอง ยังไม่เห็นพูด บ่น หรือแสดงความไม่พอใจอะไรเลย”
ชาร์ลีถอนใจเฮือกใหญ่ “ที่ฉันเตือนก็เพราะหวังดีหรอกนะไอ้เคน ความแค้นน่ะถ้านายมัวแต่ถือเอาไว้ในมือ มันก็เผามือนายไหม้เกรียม แต่ถ้านายปล่อยวางลง ทุกอย่างมันก็จะผ่านพ้นไป เชื่อฉันเถอะ อย่าไปยุ่งกับคุณณิชาอีกเลย คิดในแง่ดีสิว่า นายก็เอาคุณณิชาจนเบื่อแล้วเหมือนกัน”
แม้ว่าคำเตือนของชาร์ลีมันคือความจริง แต่เขายังไม่ใช่นักบวช ยังไม่ใช่พระ ที่จะสามารถปล่อยวางความแค้นลงได้เมื่อได้รับฟังคำตักเตือน
“ขอบใจว่ะ แต่ฉันตัดสินใจแล้ว”
ชาร์ลีถอนใจแรงๆ อดรู้สึกเป็นกังวลกับเพื่อนรักอย่างเคลวินไม่ได้ เขากลัวจริงๆ ว่าอนาคตจะเกิดปัญหาตามมา
“ฉันขอให้นายโชคดีกับการตัดสินใจครั้งนี้ก็แล้วกัน อ้อ ฉันหวังว่านายจะไม่ใจร้ายกับเด็กเฌอปรางมากเกินไป”
“ถ้าเฌอปรางเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสั่งของฉัน ไม่มีทางที่ฉันจะทำร้ายเธอ”
“โอเค งั้นแค่นี้นะ นายพักผ่อนเถอะ”
“ขอบใจนะที่โทรมาหา นายก็พักผ่อนเช่นกัน”
เคลวินวางสายจากชาร์ลี ดวงตาของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดกว้างอยู่ ความมืดด้านนอกตัวบ้านช่างไม่ต่างจากความมืดมิดที่กำลังกัดกินหัวใจของเขาอยู่ในขณะนี้เลย
มือใหญ่กำแน่นจนเป็นกำปั้น กรามกระด้างมีไรหนวดขึ้นพองามขบกันจนขึ้นสันนูนเป่ง
เช้าวันต่อมา เคลวินเรียกหล่อนมาหาแต่เช้าตรู่ เพียงเพราะว่าเขาต้องการประกาศต่อหน้าคนงานทุกคนในไร่ชา รวมถึงบรรดาคนรับใช้ในบ้าน ว่าเด็กสาวในอุปการะของเขาอย่างหล่อน ตอนนี้ได้เลื่อนขั้นมาเป็นเมียของเขาเรียบร้อยแล้ว
ดวงหน้าของหล่อนร้อนผ่าวด้วยความอับอายและอดสู เมื่อสายตาทุกคู่ของผู้คนเบื้องหน้าต่างจับจ้องมองมาที่หล่อนอย่างเหลือเชื่อ
บางคนยิ้มแย้มแสดงความยินดีกับหล่อน ในขณะที่อีกหลายต่อหลายคนพากันเหยียดหยามหล่อนทางสายตา คงเพราะคิดว่าหล่อนใช้เต้าไต่จึงได้เลื่อนขั้นมาเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างเคลวินนั่นเอง
หล่อนไม่โกรธเคืองพวกเขาหรอกที่คิดแบบนี้ เพราะพวกเขามีสิทธิ์ที่จะคิด ในเมื่อสถานะของหล่อนเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันโดยไม่มีวี่แววเตือนล่วงหน้ามาก่อน
สิ่งที่หล่อนทำได้ในตอนนี้ก็คือ... พยายามยิ้มเอาไว้ ยิ้มสู้กับสายตาดูถูกดูแคลนหลายต่อหลายคู่ที่จ้องมองมา
“ต่อจากนี้ไป พวกคุณจะต้องปฏิบัติกับเฌอปราง เหมือนที่พวกคุณปฏิบัติต่อผม หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจ และไม่ก่อปัญหาใดๆ ให้ผมต้องเดือดเนื้อร้อนใจ”
“ครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะ แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”
น้ำเสียงของเคลวินเย็นชาไร้ความรู้สึกเหลือเกิน หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา และก็พบว่าใบหน้าหล่อเข้มก็ดูกระด้างเย็นชาไม่ต่างจากน้ำเสียงเลย
หัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยความหดหู่ห่อเหี่ยว รู้สึกเหมือนกับกำลังก้าวเท้าลงไปในนรกทีละก้าวไม่มีผิด
“ส่วนเธอ... ไปที่ห้องพัก และเก็บข้าวเก็บของที่จำเป็น ย้ำนะว่าที่จำเป็นเท่านั้น มาไว้ที่ห้องของฉัน”
“เอ่อ...”
“เรียกแจ่มกับจิตไปช่วยด้วยก็ได้”
เคลวินหมายถึงสาวใช้สองคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน
“ค่ะ พ่อเลี้ยง”
แววตาที่เขาจ้องมองมานั่น เย็นชา ไร้ความรู้สึก ราวกับหล่อนคือวัตถุชิ้นหนึ่งที่เขาจำต้องเก็บมาไว้ข้างกายไม่มีผิด
หล่อนอยากเดินหนีเขาไปให้ไกล เพราะไม่อยากเจ็บกว่านี้อีกแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางไปไหนได้ไกล เพราะหัวใจดวงน้อยตกเป็นทาสรักทาสสวาทของเขามาเนิ่นนาน
น้ำใสๆ เอ่อล้นคลอสองหน่วยตา จนต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่มันให้จางหายไป และทันทีที่เขาเดินหันหลังจากไปอย่างไร้ความไยดี หัวใจก็เต็มไปด้วยความเวิ้งว้างว่างเปล่า
เฌอปรางกลั้นใจเดินจากมา น้ำตาที่พยายามซ่อนเอาไว้หยดแหมะอาบสองพวงแก้ม
รู้ทั้งรู้ว่าเคลวินเป็นผู้ชายจำพวกที่ผู้หญิงอ่อนต่อโลกเช่นหล่อนไม่ควรเข้าไปพัวพันหรืออยู่ชิดใกล้ เพราะเขาอันตรายไม่ต่างจากไฟนรก
ไม่มีหัวใจ...
ใช่... หัวใจของเคลวินอยู่ที่ผู้หญิงที่ชื่อณิชาทั้งดวง และเขาไม่มีทางทวงกลับคืนมาได้
หล่อนก็เป็นได้แค่เพียงเครื่องมือที่เขาใช้ฟาดฟันเอาคืนณิชาเพื่อที่จะทวงคนรักเก่ากลับคืนมา
ระยะเวลาหกเดือนในสัญญาจ้างแต่งงาน มันคงไม่แตกต่างอะไรจากการนอนหลับบนเปลวเพลิง
“น้องปราง”
หลังมือเล็กรีบยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง เมื่อมีเสียงหนึ่งดังด้านข้างค่อนไปทางด้านหลัง เมื่อน้ำตาแห้งจากสองแก้ม หล่อนจึงหมุนตัวกลับไปยังต้นเสียง และก็เห็นเขา
“พี่นัท”
ใบหน้าของดนัทธ์เต็มไปด้วยความผิดหวัง หล่อนรู้ดีว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร
“พี่นัท... มีอะไรกับปรางเหรอคะ”
ดนัทธ์รวบรวมสติอยู่เล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจพูดทุกอย่างที่คิดอยู่ในหัวออกมา
“พี่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าน้องปราง... จะกลายมาเป็นนายหญิงของไร่ชา”
“ปราง...”
“น้องปรางก็รู้ใช่ไหมว่าพ่อเลี้ยงไม่มีทางรักน้องปราง พ่อเลี้ยงรักคุณณิชา และถ้าพี่คาดการณ์ไม่พลาด ที่พ่อเลี้ยงเลือกแต่งงานกับน้องปราง ก็เพราะต้องการเอาคืนคุณณิชาเท่านั้น”
ทุกคำที่ดนัทธ์พูดมันคือความจริงทุกอย่าง เคลวินทำทุกอย่างลงไปเพราะต้องการเอาคืนณิชาเท่านั้น แต่หล่อนก็ไม่อาจจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปได้
“ปรางไม่รู้หรอกค่ะ รู้เพียงแต่ว่า... ปรางต้องตอบแทนบุญคุณของพ่อเลี้ยง”
“น้องปราง...” ดนัทธ์คว้ามือเล็กของเฌอปรางมากุมเอาไว้ ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“พี่รู้ว่าน้องปรางรู้ดีว่าพี่คิดยังไงกับน้องปราง ใช่ไหมครับ”
“ปราง... เอ่อ...” เฌอปรางก้มหน้าหลบสายตาของผู้ชายที่กำลังยืนกุมมือของหล่อนอยู่ด้วยความรู้สึกอึดอัด
“น้องปรางจะต้องเจ็บปวด เพราะพ่อเลี้ยงจะต้องเขี่ยน้องปรางทิ้งในไม่ช้า”
“ปราง... ทราบดีค่ะ” หล่อนช้อนตาขึ้นมองคู่สนทนา และก็ไม่อาจจะซ่อนน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว
“ถ้าน้องปรางรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงยอมล่ะ พี่ไม่อยากเห็นน้องปรางเจ็บปวดนะครับ”
“ก็อย่างที่ปรางบอกพี่นัท พ่อเลี้ยงมีบุญคุณกับปรางมาก ปรางต้องตอบแทนค่ะ”
“แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องตอบแทนด้วยเนื้อตัวและศักดิ์ศรีความเป็นคนนี่ น้องปรางไปกับพี่นะ พี่จะพาน้องปรางหนีไปอยู่ที่อื่น เราจะไปอยู่ด้วยกัน”
“พี่นัท...”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกจากอุ้งมือใหญ่ของดนัทธ์
“ปราง... ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะน้องปราง”
ดนัทธ์เต็มไปด้วยความเสียใจ ดวงตาของเขามีความเจ็บปวดที่เพิ่มทวีมากยิ่งขึ้น
เฌอปรางหลบสายตาคาดคั้นของดนัทธ์
“หรือว่าน้องปราง... รักพ่อเลี้ยง”
“ปราง... ไม่...”
เฌอปราง อิสเรศ เด็กสาววัยสิบแปดปีบริบูรณ์ ดวงหน้าขาวเนียนรูปหัวใจ สองพวงแก้มที่ผุดผ่องสดใสจนเห็นเส้นเลือดฝอยภายใน มีลักยิ้มบุ๋มน่ามองยามเจ้าตัวแย้มยิ้ม เรือนร่างอรชรถูกซ่อนเร้นเอาไว้ใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่ ความสูงหนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ดเซนติเมตร ทำให้หล่อนดูตัวเล็กมากหากยืนอยู่ใกล้ผู้ชายสูงสง่าอย่าง เคลวิน แม็กคลาเรน เจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือและในประเทศไทยเด็กสาวคือลูกสาวของคนงานในไร่ที่เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ ทำให้เป็นกำพร้า และก็ต้องตกมาอยู่ในการดูแลของเคลวินตั้งแต่อายุสิบขวบ ระยะเวลาแปดปีเต็มที่ผ่านมา ความเอาใจใส่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อที่มีให้นั้น ทำให้เด็กสาวอย่างหล่อนซาบซึ้งใจนัก และมันก็ทำให้หัวใจไร้เดียงสารู้จักคำว่ารักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสนามหญ้าหลังบ้านไม้สักหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงเคลวิน แม็กคลาเรน คือสถานที่ที่หล่อนมักจะมานั่งทอดอารมณ์ และมองดวงอาทิตย์ที่กำลังปีนป่ายขึ้นจากขอบฟ้าเสมอ แต่หลายวันมานี่มันต่างไปจากเดิม เมื่อสนามหญ้าหลังบ้านไม่ได้เป็นที่ส่วนตัวของหล่อนอีกต่อไปแล้วเรือนกายสูงสง่าล่ำสันของพ่อเลี้ยงเคลวินกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้สีขาวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต
“พ่อเลี้ยงคะ... หนูไม่รู้จะช่วยพ่อเลี้ยงยังไง แต่หนูอยากให้พ่อเลี้ยงเข้มแข็งไว้นะคะ”หล่อนคิดว่าเขาจะแสดงความเจ็บปวดออกมา แต่กลับไม่มีให้เห็นเลย เพราะแววตาของเคลวินตอนนี้มีแต่กองไฟ และมันก็คือไฟแค้นที่น่ากลัว“ถูกต้อง ฉันเจ็บปวด แต่ในความเจ็บปวดนั้นมันอัดแน่นไปด้วยความแค้น”“เอ่อ...”“แล้วฉันก็ต้องการให้เธอช่วย”หล่อนคิดไม่ออกว่าเคลวินจะให้หล่อนช่วยเหลืออะไร ในเมื่อไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนัก“ถ้าหนูทำได้ หนูยินดีช่วยพ่อเลี้ยงทุกอย่างค่ะ”หล่อนเห็นริมฝีปากหยักสวยของเคลวินบิดเบี้ยว ก่อนที่เขาจะยิ้มเย้ยหยันออกมา“เธอช่วยฉันได้แน่นอน เฌอปราง”“เอ่อ... แล้วพ่อเลี้ยงจะให้หนูช่วยยังไงเหรอคะ”ไฟร้ายในดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินลุกโชนจนน่าหวั่นใจแทนณิชา“ฉันต้องการจ้างเธอมาแต่งงานด้วย”“คะ?!”หล่อนต้องหูฝาดไปแน่ หรือไม่ก็... อาจจะได้ยินผิดไป ไม่มีทางที่เคลวินจะมีความคิดบ้าคลั่งแบบนี้หรอก“ฉันต้องการแก้แค้นณิชา ด้วยการจ้างเธอมาแต่งงานด้วย”คราวนี้หล่อนรู้แล้วล่ะว่าตัวเองหูไม่ได้ฝาดเฝื่อน แต่สิ่งที่ได้ยินมันดังออกมาจากปากหยักสวยของเคลวินจริงๆดวงตากลมโตเบิกโพลง กลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อเผยอกว้างด้วยค
“นั่งลงสิ”ท่าทางเป็นการเป็นงานของเคลวิน ทำให้เส้นประสาทของเฌอปรางตึงเครียดยิ่งขึ้นหล่อนค่อยๆ หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้นวมนุ่มที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะทำงานไม้ของเคลวินมือเล็กประสานกันบนตัก ภายในอุ้งมือชุ่มชื้นด้วยหยาดเหงื่อที่ขยันผุดพรายขึ้นมาเพราะความหวาดหวั่นที่กำลังเต้นระริกอยู่ภายในอกจนล้นปรี่หล่อนค่อยๆ เงยหน้ามองเขา และก็ได้เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง เส้นผมสีเข้มของเขาหล่นลงมาปรกละที่บริเวณหน้าผาก แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจมันนัก เพราะมือใหญ่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการดึงกระดาษสีขาวที่ถูกเย็บรวมกันสองสามแผ่นออกจากซองสีน้ำตาลเข้มตรงหน้า“เอาล่ะ ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องสัญญา”เขาเงยหน้าขึ้นจากกระดาษสีขาวที่วางอยู่เบื้องหน้า ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องมายังหล่อน มีแววตำหนิอยู่ในนั้นกลายๆ“ความจริงฉันก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้หรอกนะ แต่ในเมื่อเธอคือคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นเมียจ้างของฉัน ฉันก็เลยคิดว่า ยังไงก็ต้องตกลงทำความเข้าใจกันเอาไว้เสียก่อน เพราะฉันไม่ใช่คนที่ชอบมานั่งทะเลาะกับผู้ร่วมงานภายหลัง”ผู้ร่วมงาน...เฌอปรางสะท้อนในอกยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าสำหรับเคลวิน นอกจากฐ
“หนู...” หล่อนอึกอักพูดไม่ออก สมองมโนไปไกลแสนไกลเหลือเกิน“เอาล่ะ เธอไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะไปประกาศกับคนงานทุกคนในไร่ชาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา ส่วนเธอเก็บเรื่องสัญญาเอาไว้เป็นความลับล่ะ ฉันไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปให้แม้แต่มดหรือหนูรู้ทั้งนั้น”“เอ่อ... แล้วถ้าคนงานในไร่สงสัยล่ะคะ เพราะ... ว่าพ่อเลี้ยงกับหนูเราไม่เคย... เอ่อ...”หล่อนยังพูดไม่ทันจบ เขาก็แทรกขึ้นอย่างเข้าใจความหมายของคำพูดที่ยังไม่ได้เล็ดลอดออกมาจากปากอิ่ม“ใครจะสงสัยก็ช่างปะไร ในเมื่อคนที่ฉันต้องการให้เชื่อสนิทใจก็คือณิชา”หล่อนก้มหน้าหลบสายตาของเคลวินอีกครั้ง“ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะพ่อเลี้ยง”“ดี”“เอ่อ... งั้นหนูขอตัวกลับที่พักก่อนนะคะ”“ไปเถอะ แล้วอย่าลืมล่ะว่าตอนนี้เธอได้รับจ้างแต่งงานกับฉันเรียบร้อยแล้ว”“ค่ะ... หนูไม่ลืมค่ะ” หล่อนตอบรับเสียงแผ่วเบา ราวกับเสียงของลมหายใจ“งั้นไปเถอะ เดินกลับห้องดีๆ ล่ะ”“ขอบ... คุณค่ะพ่อเลี้ยง”หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง แข้งขาแทบไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวเดินออกไปน้ำตาหยดแหมะอาบแก้ม เมื่อหันหลังให้กับเขาได้สำเร็จ หัวใจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรม