“หนู...” หล่อนอึกอักพูดไม่ออก สมองมโนไปไกลแสนไกลเหลือเกิน
“เอาล่ะ เธอไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะไปประกาศกับคนงานทุกคนในไร่ชาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา ส่วนเธอเก็บเรื่องสัญญาเอาไว้เป็นความลับล่ะ ฉันไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปให้แม้แต่มดหรือหนูรู้ทั้งนั้น”
“เอ่อ... แล้วถ้าคนงานในไร่สงสัยล่ะคะ เพราะ... ว่าพ่อเลี้ยงกับหนูเราไม่เคย... เอ่อ...”
หล่อนยังพูดไม่ทันจบ เขาก็แทรกขึ้นอย่างเข้าใจความหมายของคำพูดที่ยังไม่ได้เล็ดลอดออกมาจากปากอิ่ม
“ใครจะสงสัยก็ช่างปะไร ในเมื่อคนที่ฉันต้องการให้เชื่อสนิทใจก็คือณิชา”
หล่อนก้มหน้าหลบสายตาของเคลวินอีกครั้ง
“ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะพ่อเลี้ยง”
“ดี”
“เอ่อ... งั้นหนูขอตัวกลับที่พักก่อนนะคะ”
“ไปเถอะ แล้วอย่าลืมล่ะว่าตอนนี้เธอได้รับจ้างแต่งงานกับฉันเรียบร้อยแล้ว”
“ค่ะ... หนูไม่ลืมค่ะ” หล่อนตอบรับเสียงแผ่วเบา ราวกับเสียงของลมหายใจ
“งั้นไปเถอะ เดินกลับห้องดีๆ ล่ะ”
“ขอบ... คุณค่ะพ่อเลี้ยง”
หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง แข้งขาแทบไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวเดินออกไป
น้ำตาหยดแหมะอาบแก้ม เมื่อหันหลังให้กับเขาได้สำเร็จ หัวใจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน
ต่อจากนี้ไป ชีวิตของหล่อนก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว จากเด็กสาวในปกครองที่แอบรักเขา โชคชะตากลับเล่นตลกให้ต้องร่วมหอลงโรงกับเขาด้วยพันธสัญญาระยะสั้น
หกเดือน...
มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาจากแก้มนวลหลายครั้ง ขณะก้าวเท้าออกไปจากบ้านไม้หลังมหึมาของเคลวิน มุ่งหน้าตรงไปยังเรือนพักของตัวเองอย่างเลื่อนลอย
หกเดือนต่อจากนี้ไป หล่อนจะกลายเป็นเครื่องมือที่เคลวินใช้ร่างกายฟาดฟันเอาคืนคนเคยรักอย่างณิชา ผู้หญิงที่เคลวินทั้งรักทั้งหวงแหนมากกว่าลมหายใจของตัวเอง
ดวงใจสาวคล้ายกับกำลังถูกมีดแหลมจากเงื้อมมือของผู้ชายที่ตัวเองรักทิ่มแทงไม่ยั้ง
หล่อนเจ็บเหลือเกิน...
ลายเซ็นของเด็กสาวที่เขาอุปการะเอาไว้เพราะสงสารที่หล่อนต้องกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กอยู่ในกระดาษสีขาว และมันก็คือหนังสือสัญญาจ้างแต่งงานในระยะเวลาหกเดือน
วูบหนึ่งในใจก็อดรู้สึกสงสารเด็กสาวไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้โง่งมจนมองไม่เห็นแววตาเศร้าหมองในดวงตากลมโตคู่นั้นของหล่อน แต่ไฟแค้นที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายในอก ทำให้เขาเลือกที่จะเห็นแก่ตัว
เฌอปรางเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นณิชา เพราะถึงแม้ว่าหน้าตาของเด็กสาวจะไม่ได้สวยจัดชนิดที่ผู้ชายต้องตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นเหมือนณิชา แต่เฌอปรางมีความน่ารัก สดใน และความเป็นธรรมชาติอยู่ในตัวเองมากมาย
หากเปรียบเทียบระหว่างสองสาวต่างวัยกับแสงตะวัน เฌอปรางก็เหมือนแสงอาทิตย์อบอุ่นในยามเช้า ในขณะที่ณิชาคือแสงแดดยามเที่ยงวันที่ร้อนแรงแผดเผา
และที่สำคัญที่สุด เฌอปรางเด็กกว่าณิชามาก อย่างน้อยๆ เขาก็มั่นใจว่า แผนการเอาคืนในครั้งนี้ของตนเอง ก็สามารถทำให้ณิชาเจ็บๆ คันๆ หัวใจได้ไม่ยาก
“ผมจะทำให้คุณรู้ว่า... คุณต่างหากที่ถูกเท ณิชา”
เคลวินเอนศีรษะพิงกับพนักเก้าอี้ ดวงตาคมกริบค่อยๆ ปิดลง ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้งในวินาทีต่อมา เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังกังวานขึ้น
“เจ้าชาร์ล...?”
หนุ่มหล่อเจ้าของไร่ชาพึมพำด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกดรับสายตาของเพื่อนสนิท
“เป็นไงบ้างวะไอ้เคน นายโอเคขึ้นหรือยัง”
เสียงแสดงความเป็นห่วงของชาร์ลีดังตามสายโทรศัพท์มาเข้าหู เคลวินแค่นยิ้มหยัน
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่วะ”
“ยังจะมาปากแข็งอีก ฉันรู้เรื่องของคุณณิชาจากไอ้แม็กแล้วนะโว้ย เสียใจด้วยนะเพื่อน”
เคลวินเงียบไปเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่พยายามซ่อนเอาไว้ทำให้เขาเจ็บแปลบในอก
“ฉันสบายดี ไม่มีปัญหาอะไร พวกนายสบายใจได้”
“อย่ามาปากแข็งหน่อยเลยไอ้เคน นายกำลังอยู่ในสภาวะเจ็บปวด แต่กำลังพยายามปกปิดมันอยู่”
“ก็อย่างที่บอกไง ฉันสบายดี นายไม่ต้องเป็นห่วง ณิชาก็แค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิตฉันเท่านั้น ไม่มีก็ไม่ใช่ว่าจะหายใจต่อไปไม่ได้สักหน่อย”
ชาร์ลีรู้ดีว่าเพื่อนรักไม่ได้รู้สึกสบายดีอย่างที่พยายามแสดงออกมา
“ฉันเป็นกำลังใจให้เสมอนะ ไอ้แม็กกับไอ้อเล็กมันก็เป็นห่วงนายเหมือนกัน นี่กำลังรวมก๊วนกันอยู่ว่าจะขึ้นไปหานายที่เชียงรายเร็วๆ นี้”
“จริงหรือ”
“จริงสิวะ แต่ไม่รู้จะครบแก๊งหรือเปล่านะ เพราะตอนนี้เมียไอ้แม็กมันท้องแก่น่ะ ถ้าขาดก็น่าจะขาดมันคนหนึ่งแหละ”
“ฉันเข้าใจ ไม่มีปัญหาหรอก เอาที่พวกนายสะดวกก็แล้วกัน”
“โอเค งั้นจะรีบไปด่วนจี๋เลย”
เคลวินหัวเราะเสียงเลือดเย็นออกมา “ดีจะได้มาร่วมงานแต่งงานของฉันด้วย”
“แต่งงาน?!”
“ใช่ นายตกใจอะไรวะไอ้ชาร์ล”
“ก็จะไม่ให้ฉันตกใจได้ยังไงวะ ในเมื่อคุณณิชากำลังจะแต่งงานในวันพรุ่งนี้กับเศรษฐีฝรั่ง ส่วนแก... ซึ่งเป็นคนรักเก่าก็ประกาศว่ากำลังจะแต่งงาน... นี่มันเรื่องตลกอะไรกันวะ”
หากชาร์ลีอยู่ตรงหน้าของเคลวินตอนนี้ คงได้เห็นกรามแกร่งของเพื่อนขบกันแน่นจนเป็นสันนูนเป่ง มือใหญ่ที่วางบนโต๊ะไม้ก็กำแน่นเป็นกำปั้นไม่ต่างกัน
“ไม่ใช่เรื่องตลก แต่มันคือเรื่องจริง”
“เรื่องจริง?”
ชาร์ลีต้องตั้งสติอยู่พักใหญ่ กว่าจะสามารถทำให้สมองที่แตกกระเจิงไปกลับคืนมาได้
“นายแต่งกับใครวะ ไอ้เคน”
“เฌอปราง”
“ฮะ... เด็กเฌอปราง?!”
“ไอ้ชาร์ล นายจะตะเบ็งเสียงทำไมนักหนาวะ หนวกหูว่ะ”
เคลวินบ่นเสียงหงุดหงิด
“ก็ถ้านายมาเป็นฉัน นายก็คงตกใจไม่ต่างจากฉันหรอกโว้ยไอ้เคน” ชาร์ลีบ่น ก่อนจะถามต่อ
“สรุปผู้หญิงที่นายกำลังจะแต่งงานด้วยคือเด็กเฌอปราง เด็กที่แกอุปการะมาตั้งแต่สิบขวบ ถูกต้องไหม”
“อืม”
“พระเจ้า ไอ้เคน นี่นายกำลังทำบ้าอะไรเนี่ย”
“ฉันก็กำลังทำในสิ่งที่ควรทำยังไงล่ะ” เคลวินไม่ได้สะทกสะท้านกับคำตะโกนโหวกเหวกของชาร์ลีที่ดังมาตามสายโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย
“ฉันเดานะ นายบังคับเด็ก ใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้บังคับ แต่ฉันตกลงกันด้วยเหตุผล และเฌอปรางก็ยอมรับข้อเสนอของฉันอย่างเต็มใจ”
“ไอ้บ้า ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเด็กสาวอายุแค่สิบแปด จะยอมแต่งงานกับนาย เพียงเพราะข้อเสนอไม่กี่ข้อน่ะ”
“นายรู้แล้วหรือว่าข้อเสนอที่ฉันตกลงกับเฌอปรางมีอะไรบ้าง”
“ยัง” ชาร์ลีตอบสั้นๆ ก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันรู้จักนิสัยนายดี นายไม่มีทางหยิบยื่นข้อเสนอที่นายเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้กับเด็กเฌอปรางอย่างแน่นอนจริงไหม”
“ถูกต้อง” เคลวินตอบรับหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่นิดเดียว “มันเป็นธรรมดาของผู้ที่เหนือกว่าอยู่แล้ว นายก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฉันหรอกไอ้ชาร์ล”
“แต่ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะเอาเปรียบเด็กอายุแค่สิบแปด แล้วก็หลอกใช้เธอมาเป็นเครื่องมือแก้แค้นแฟนเก่าก็แล้วกัน”
เคลวินหน้าเครียดขึ้นเมื่อถูกเพื่อนตำหนิ “หลังจากจบสัญญาหกเดือน เฌอปรางจะได้เงินจากฉันเก้าล้านบาท เป็นไงล่ะ ฉันใจกว้างจนนายคิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ ไอ้ชาร์ล”
“นี่นายยอมทุ่มเงินเก้าล้านบาท เพียงเพื่อเอาคืนคุณณิชาอย่างนั้นหรือ”
ดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินวาวโรจน์ ไฟแค้นลุกโชนในนั้นมากมาย
“ฉันยอมเสียเงินมากกว่านี้อีก หากมันแลกกับการทำให้ณิชากระอักเลือดออกมาได้”
“นายรักคุณณิชามาก ก็เลยแค้นมากใช่ไหม”
เคลวินไม่ได้ตอบเพื่อนสนิท เขานั่งนิ่ง จมอยู่กับเพลิงแค้นจนหัวใจร้อนรุ่ม
“ฉันมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะถามนาย ไอ้เคน”
“อะไร”
“นายจ้างเด็กเฌอปรางมาแต่งงานด้วยแค่เพียงในนาม ฉันเข้าใจถูกต้องใช่ไหม”
ริมฝีปากหยักสวยของเคลวินบิดเบี้ยวก่อนจะมีรอยยิ้มหยันผุดพรายขึ้น
“ผิด”
“นี่อย่าบอกนะว่านาย...”
เคลวินไม่คิดจะรอให้ชาร์ลีพูดจบประโยค เขาแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงหยันโลก
“นายคงไม่คิดว่าฉันจ่ายเงินเก้าล้านบาทให้เฌอปรางมานอนหลับสบายๆ บนเตียงของฉันหรอกนะ”
“เฮ้ย... นั่นเด็กสิบแปดนะเพื่อน”
ชาร์ลีพยายามเตือนสติเพื่อนรัก เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าผู้หญิงคนเดียวที่เคลวินรักคือณิชา และเคลวินก็ไม่มีทางรักเฌอปรางได้“แล้วไง”“ก็ไม่แล้วไงหรอก นายควรจะมีมนุษยธรรมบ้าง ปล่อยเด็กมันไป อย่าไปฝืนใจให้เด็กทำเรื่องอย่างว่าโดยไม่เต็มใจเลย หรือถ้านายเกรงว่าจะไม่คุ้มกับเงินที่ต้องเสียไป นายก็ให้เด็กมันทำงานบ้าน ทำอาหารอะไรแบบนี้แทนก็ได้”“หึ คำจำกัดความของคำว่า ‘เมีย’ ในสมองของฉันก็คือ ผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่บนเตียง ไม่ใช่ผู้หญิงที่เอามาทำงานบ้าน หรือทำอาหาร”“ไอ้เคนนรก”คำด่าทอของชาร์ลีไม่ได้มีผลใดๆ ต่อความคิดของเคลวินเลย เขายังคงไม่ไยดีความรู้สึกของใครนอกจากความแค้นที่กำลังแผดเผาอยู่ในอก“ผู้หญิงไม่ว่าจะเด็กสาวหรือว่าหญิงสาว หล่อนเหล่านั้นล้วนถูกสร้างมาให้ทำหน้าที่สร้างความบันเทิงเริงใจให้กับผู้ชาย ดังนั้นเฌอปรางเองก็ไม่มีข้อยกเว้น”“ไหนนายบอกว่าจะไม่กินไก่วัดยังไงล่ะวะ”“นั่นมันก่อนที่ณิชาจะเชือดหัวใจของฉันด้วยความร่านของเธอ” เสียงของเคลวินกระด้างมาก“ส่วนนายไอ้ชาร์ล เลิกออกความคิดเห็นอะไรได้แล้ว เพราะขนาดเฌอปรางเอง ยังไม่เห็นพูด บ่น หรือแสดงความไม่พอใจอะไรเลย”ชาร์ลีถอนใจเฮือกใหญ่ “ที่ฉั
เฌอปราง อิสเรศ เด็กสาววัยสิบแปดปีบริบูรณ์ ดวงหน้าขาวเนียนรูปหัวใจ สองพวงแก้มที่ผุดผ่องสดใสจนเห็นเส้นเลือดฝอยภายใน มีลักยิ้มบุ๋มน่ามองยามเจ้าตัวแย้มยิ้ม เรือนร่างอรชรถูกซ่อนเร้นเอาไว้ใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่ ความสูงหนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ดเซนติเมตร ทำให้หล่อนดูตัวเล็กมากหากยืนอยู่ใกล้ผู้ชายสูงสง่าอย่าง เคลวิน แม็กคลาเรน เจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือและในประเทศไทยเด็กสาวคือลูกสาวของคนงานในไร่ที่เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ ทำให้เป็นกำพร้า และก็ต้องตกมาอยู่ในการดูแลของเคลวินตั้งแต่อายุสิบขวบ ระยะเวลาแปดปีเต็มที่ผ่านมา ความเอาใจใส่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อที่มีให้นั้น ทำให้เด็กสาวอย่างหล่อนซาบซึ้งใจนัก และมันก็ทำให้หัวใจไร้เดียงสารู้จักคำว่ารักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสนามหญ้าหลังบ้านไม้สักหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงเคลวิน แม็กคลาเรน คือสถานที่ที่หล่อนมักจะมานั่งทอดอารมณ์ และมองดวงอาทิตย์ที่กำลังปีนป่ายขึ้นจากขอบฟ้าเสมอ แต่หลายวันมานี่มันต่างไปจากเดิม เมื่อสนามหญ้าหลังบ้านไม่ได้เป็นที่ส่วนตัวของหล่อนอีกต่อไปแล้วเรือนกายสูงสง่าล่ำสันของพ่อเลี้ยงเคลวินกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้สีขาวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต
“พ่อเลี้ยงคะ... หนูไม่รู้จะช่วยพ่อเลี้ยงยังไง แต่หนูอยากให้พ่อเลี้ยงเข้มแข็งไว้นะคะ”หล่อนคิดว่าเขาจะแสดงความเจ็บปวดออกมา แต่กลับไม่มีให้เห็นเลย เพราะแววตาของเคลวินตอนนี้มีแต่กองไฟ และมันก็คือไฟแค้นที่น่ากลัว“ถูกต้อง ฉันเจ็บปวด แต่ในความเจ็บปวดนั้นมันอัดแน่นไปด้วยความแค้น”“เอ่อ...”“แล้วฉันก็ต้องการให้เธอช่วย”หล่อนคิดไม่ออกว่าเคลวินจะให้หล่อนช่วยเหลืออะไร ในเมื่อไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนัก“ถ้าหนูทำได้ หนูยินดีช่วยพ่อเลี้ยงทุกอย่างค่ะ”หล่อนเห็นริมฝีปากหยักสวยของเคลวินบิดเบี้ยว ก่อนที่เขาจะยิ้มเย้ยหยันออกมา“เธอช่วยฉันได้แน่นอน เฌอปราง”“เอ่อ... แล้วพ่อเลี้ยงจะให้หนูช่วยยังไงเหรอคะ”ไฟร้ายในดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินลุกโชนจนน่าหวั่นใจแทนณิชา“ฉันต้องการจ้างเธอมาแต่งงานด้วย”“คะ?!”หล่อนต้องหูฝาดไปแน่ หรือไม่ก็... อาจจะได้ยินผิดไป ไม่มีทางที่เคลวินจะมีความคิดบ้าคลั่งแบบนี้หรอก“ฉันต้องการแก้แค้นณิชา ด้วยการจ้างเธอมาแต่งงานด้วย”คราวนี้หล่อนรู้แล้วล่ะว่าตัวเองหูไม่ได้ฝาดเฝื่อน แต่สิ่งที่ได้ยินมันดังออกมาจากปากหยักสวยของเคลวินจริงๆดวงตากลมโตเบิกโพลง กลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อเผยอกว้างด้วยค
“นั่งลงสิ”ท่าทางเป็นการเป็นงานของเคลวิน ทำให้เส้นประสาทของเฌอปรางตึงเครียดยิ่งขึ้นหล่อนค่อยๆ หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้นวมนุ่มที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะทำงานไม้ของเคลวินมือเล็กประสานกันบนตัก ภายในอุ้งมือชุ่มชื้นด้วยหยาดเหงื่อที่ขยันผุดพรายขึ้นมาเพราะความหวาดหวั่นที่กำลังเต้นระริกอยู่ภายในอกจนล้นปรี่หล่อนค่อยๆ เงยหน้ามองเขา และก็ได้เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง เส้นผมสีเข้มของเขาหล่นลงมาปรกละที่บริเวณหน้าผาก แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจมันนัก เพราะมือใหญ่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการดึงกระดาษสีขาวที่ถูกเย็บรวมกันสองสามแผ่นออกจากซองสีน้ำตาลเข้มตรงหน้า“เอาล่ะ ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องสัญญา”เขาเงยหน้าขึ้นจากกระดาษสีขาวที่วางอยู่เบื้องหน้า ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องมายังหล่อน มีแววตำหนิอยู่ในนั้นกลายๆ“ความจริงฉันก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้หรอกนะ แต่ในเมื่อเธอคือคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นเมียจ้างของฉัน ฉันก็เลยคิดว่า ยังไงก็ต้องตกลงทำความเข้าใจกันเอาไว้เสียก่อน เพราะฉันไม่ใช่คนที่ชอบมานั่งทะเลาะกับผู้ร่วมงานภายหลัง”ผู้ร่วมงาน...เฌอปรางสะท้อนในอกยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าสำหรับเคลวิน นอกจากฐ