“พ่อเลี้ยงคะ... หนูไม่รู้จะช่วยพ่อเลี้ยงยังไง แต่หนูอยากให้พ่อเลี้ยงเข้มแข็งไว้นะคะ”
หล่อนคิดว่าเขาจะแสดงความเจ็บปวดออกมา แต่กลับไม่มีให้เห็นเลย เพราะแววตาของเคลวินตอนนี้มีแต่กองไฟ และมันก็คือไฟแค้นที่น่ากลัว
“ถูกต้อง ฉันเจ็บปวด แต่ในความเจ็บปวดนั้นมันอัดแน่นไปด้วยความแค้น”
“เอ่อ...”
“แล้วฉันก็ต้องการให้เธอช่วย”
หล่อนคิดไม่ออกว่าเคลวินจะให้หล่อนช่วยเหลืออะไร ในเมื่อไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนัก
“ถ้าหนูทำได้ หนูยินดีช่วยพ่อเลี้ยงทุกอย่างค่ะ”
หล่อนเห็นริมฝีปากหยักสวยของเคลวินบิดเบี้ยว ก่อนที่เขาจะยิ้มเย้ยหยันออกมา
“เธอช่วยฉันได้แน่นอน เฌอปราง”
“เอ่อ... แล้วพ่อเลี้ยงจะให้หนูช่วยยังไงเหรอคะ”
ไฟร้ายในดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินลุกโชนจนน่าหวั่นใจแทนณิชา
“ฉันต้องการจ้างเธอมาแต่งงานด้วย”
“คะ?!”
หล่อนต้องหูฝาดไปแน่ หรือไม่ก็... อาจจะได้ยินผิดไป ไม่มีทางที่เคลวินจะมีความคิดบ้าคลั่งแบบนี้หรอก
“ฉันต้องการแก้แค้นณิชา ด้วยการจ้างเธอมาแต่งงานด้วย”
คราวนี้หล่อนรู้แล้วล่ะว่าตัวเองหูไม่ได้ฝาดเฝื่อน แต่สิ่งที่ได้ยินมันดังออกมาจากปากหยักสวยของเคลวินจริงๆ
ดวงตากลมโตเบิกโพลง กลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อเผยอกว้างด้วยความตื่นตกใจ
“ฉันต้องการทำให้ณิชารู้ว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย กับสิ่งที่ณิชาทำลงไป”
“พ่อเลี้ยง... หนู...”
“ฉันรู้ว่าเธอตกใจมาก แต่ฉันมองไม่เห็นใครแล้วที่จะสวมบทบาทเมียของฉันได้แนบเนียนเท่ากับเธอ”
“หนู...”
“ถ้าเป็นเธอ ณิชาจะต้องไม่สงสัย เพราะเธออยู่ในไร่กับฉัน”
หล่อนจะทำยังไงดี...?
“หนูคิดว่า... ทางนี้มันไม่น่าจะทำให้อะไรดีขึ้นได้นะคะพ่อเลี้ยง”
หล่อนพยายามที่จะปฏิเสธอ้อมๆ แต่เคลวินไม่เห็นด้วย เขายังยืนยันคำเดิม
“ทางนี้แหละ ที่มันจะทำให้ณิชารู้ว่า แท้จริงแล้วคนที่จะต้องกระอักออกมาเป็นเลือดไม่ใช่ฉัน แต่เป็นตัวของณิชาเอง”
น้ำเสียงของเคลวินอัดแน่นไปด้วยความคั่งแค้น จากนั้นเขาก็จ้องหน้าหล่อนและถามหาคำตอบ
“ว่าไงล่ะ เธอตกลงไหม”
“หนู...”
“ฉันไม่บังคับนะ แต่ฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ”
เฌอปรางก้มหน้าลงมองมือเล็กของตัวเองที่ประสานกันเอาไว้บนตัก สมองกำลังสับสนอลหม่านราวกับถูกพายุพัดเข้าถล่ม
ถ้าหล่อนปฏิเสธ แล้วเคลวินจะเกลียดหล่อนไหม?
แล้วถ้าหล่อนตอบตกลงล่ะ หล่อนจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองที่จะต้องถลำลึกมากยิ่งขึ้น
“ฉันรอคำตอบอยู่นะ เฌอปราง”
หล่อนค่อยๆ ช้อนตาขึ้นสบประสานกับดวงตาสีน้ำตาลสุดสวยของเคลวิน
หล่อนไม่ต้องการทำให้เคลวินผิดหวัง
“ค่ะ หนูตกลงค่ะ”
ริมฝีปากหยักสวยของเคลวินแย้มเผยอเป็นรอยยิ้ม พร้อมกับเสียงขอบคุณที่ดังเล็ดลอดออกมา
“ขอบใจมากนะเฌอปรางที่ให้ความร่วมมือกับฉัน”
“เอ่อ... แล้วหนูต้องทำยังไงบ้างคะพ่อเลี้ยง”
“ไม่มีอะไรยากหรอก เราก็แค่แต่งงานกัน ทำให้ณิชารู้ว่าคนที่เป็นฝ่ายถูกทิ้งน่ะไม่ใช่ฉัน”
“เอ่อ...”
หล่อนก้มหน้าลงมองมือตัวเอง ก่อนจะกลั้นใจถามออกไป
“แล้วเรื่อง... เอ่อ... ห้องนอนล่ะคะ”
เขาเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่น้ำเสียงกระด้างจะดังกังวานออกมาให้ได้ยิน
“คำว่าแต่งงานของฉันคือการแต่งงานจริงๆ และก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ”
หล่อนลืมตัวช้อนตามองเขา พวงแก้มนวลเป็นสีระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องความสัมพันธ์ทางกายที่อาจจะเกิดขึ้นจริงๆ เมื่อการแต่งงานเดินทางมาถึง
“ตะ... แต่พ่อเลี้ยงแค่จ้างหนูแต่งงานไม่ใช่เหรอคะ”
“จ้างแต่งงานก็คือฉันจะจ่ายเงินก้อนหนึ่งซึ่งมันมากพอที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตหลังจากที่ไม่มีฉันได้อย่างสบาย ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ทางกาย ฉันเป็นผู้ชายเต็มตัว และแน่นอนว่าฉันต้องการมันจากเมียตัวเอง”
หล่อนหน้าแดงจัดยิ่งขึ้น หัวใจเต้นแรงระรัว นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมีโอกาสมานั่งต่อรองกับเคลวินในเรื่องแบบนี้
“เอ่อ...”
“หรือว่าเธอมีเรื่องขัดข้องล่ะ”
“หนู... เอ่อ... หนูไม่มีอะไรขัดข้องค่ะ”
“ดีมาก งั้นเดี๋ยววันนี้ตอนเย็นมาเซ็นสัญญาจ้างงานนะ ฉันจะร่างเอาไว้รอเธอ”
“สัญญาจ้างงาน?”
ใบหน้าหล่อจัดของเคลวินเปื้อนรอยยิ้มบางๆ ท่าทางของเขาดูผ่อนคลาย ต่างจากหล่อนอย่างสิ้นเชิง
เขาทำเหมือนกับว่ากำลังเจรจาเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ทางกายอย่างนั้นแหละ
เฌอปรางอดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ แต่ก็จำต้องเก็บซ่อนเอาไว้ให้ลึกที่สุด
“ถูกต้อง เราต้องทำสัญญากันเอาไว้ เพราะในอนาคต อาจจะมีคนหนึ่งคนใดผิดสัญญาขึ้น จะได้ไม่ต้องมีปัญหากันไงล่ะ”
“ค่ะ”
หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากตอบรับเขาออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“ขอบใจเธอนะเฌอปรางที่ยอมช่วยเหลือฉัน”
เขาส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ฉันขอตัวไปร่างสัญญาก่อน แล้วเย็นนี้เจอกันหลังอาหารมื้อค่ำ”
“เอ่อ... ค่ะ พ่อเลี้ยง”
เขาส่งยิ้มให้หล่อนอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวเดินจากไปด้วยท่าทางสง่างามตามบุคลิกประจำตัว
น้ำใสๆ ไหลคลอสองหน่วยตาของเฌอปราง เมื่อเหลือหล่อนอยู่เพียงลำพังภายในสนามหญ้าหลังบ้าน
แสงจากดวงตะวันในวันนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนเช่นทุกวันอีกแล้ว
หล่อนไม่ได้รังเกียจที่จะเป็นภรรยาของเคลวิน แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนเสียใจ คือการได้เป็นภรรยาจ้างที่ต้องจากไปเมื่อสัญญาจ้างงานสิ้นสุดลง
หากเลือกได้ หล่อนต้องการที่จะอยู่กับเขาในฐานะเดิม เด็กในอุปการะแบบนี้ไปชั่วชีวิต เพราะมันทำให้หล่อนสามารถมองเขา เห็นเขาได้ทุกวันเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา
มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำอุ่นๆ ที่ไหลออกมาจากดวงตา กลีบปากอิ่มสั่นสะท้านเมื่อก้อนสะอื้นเล็ดลอดผ่านออกไป
แต่หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก ในเมื่อมันคือความต้องการของเคลวิน ผู้ชายที่เปรียบประดุจเจ้าของลมหายใจ
แกรก...
เสียงกิ่งไม้แห้งหักดังแว่วมาในหู ทำให้เฌอปรางต้องรีบจัดการกับหยาดน้ำตาบนแก้มนวล และเมื่อแน่ใจว่ามันแห้งดีแล้ว จึงหันไปมองยังต้นเสียง
“พี่นัท”
ดนัทธ์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปี เขาคือลูกชายของหัวหน้าคนงานในไร่ชาของเคลวิน
ดนัทธ์ได้ทุนจากเคลวินให้ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ และก็เพิ่งกลับมาอยู่ที่ไร่ชาได้เกือบๆ สองปีแล้ว
“พี่ไม่นึกว่าจะเจอน้องปรางที่นี่”
ดนัทธ์เดินมานั่งบนเก้าอี้ไม้สีขาวตัวเดิมที่เคลวินเพิ่งลุกจากไป เขาเป็นผู้ชายผิวขาว ปากแดง และมีหน้าตาหล่อเหลาถอดแบบมาจากหนุ่มเกาหลีไม่มีผิด
“เอ่อ... พี่นัทมาเดินเล่นเหรอคะ”
“เปล่าหรอก พี่มาตามหาพ่อเลี้ยงน่ะ พอดีตอนเช้าจะมีคนเข้ามาเก็บใบชาน่ะ”
เด็กสาวฝืนยิ้มสดใส แต่กระนั้นคู่สนทนาก็เหมือนจะสังเกตเห็นความเศร้าในดวงตาของหล่อน
“พ่อเลี้ยงน่าจะอยู่ในบ้านนะคะ”
“อืม ว่าแต่น้องปรางเถอะ เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้หน้าดูเครียดๆ ชอบกล”
“ปะ... เปล่าค่ะ”
“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ปรึกษาพี่ได้นะ พี่ยินดีรับฟังน้องปรางเสมอครับ”
หล่อนเสหลบสายตาที่แสดงความรู้สึกชัดเจนของดนัทธ์ลงมองมือเล็กของตัวเอง
“ขอบคุณพี่นัทค่ะ แต่ปราง... ไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ”
“โอเคครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวเที่ยงๆ พี่จะแวะมาขอน้องปรางกินข้าวด้วยสักมื้อ”
“เอ่อ... ได้ค่ะ”
ดนัทธ์ฉีกยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“พี่ถือว่าน้องปรางรับปากแล้วนะครับ ห้ามเบี้ยวพี่ล่ะ”
“ปรางไม่เบี้ยวพี่นัทหรอกค่ะ”
เฌอปรางฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นโบกลาตอบดนัทธ์ที่กำลังเดินจากไป
ทำไมหล่อนจะไม่รู้ล่ะว่าดนัทธ์คิดอะไรอยู่ แต่หล่อนไม่อาจจะตอบรับความรู้สึกของเขาได้
“นั่งลงสิ”ท่าทางเป็นการเป็นงานของเคลวิน ทำให้เส้นประสาทของเฌอปรางตึงเครียดยิ่งขึ้นหล่อนค่อยๆ หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้นวมนุ่มที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะทำงานไม้ของเคลวินมือเล็กประสานกันบนตัก ภายในอุ้งมือชุ่มชื้นด้วยหยาดเหงื่อที่ขยันผุดพรายขึ้นมาเพราะความหวาดหวั่นที่กำลังเต้นระริกอยู่ภายในอกจนล้นปรี่หล่อนค่อยๆ เงยหน้ามองเขา และก็ได้เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง เส้นผมสีเข้มของเขาหล่นลงมาปรกละที่บริเวณหน้าผาก แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจมันนัก เพราะมือใหญ่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการดึงกระดาษสีขาวที่ถูกเย็บรวมกันสองสามแผ่นออกจากซองสีน้ำตาลเข้มตรงหน้า“เอาล่ะ ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องสัญญา”เขาเงยหน้าขึ้นจากกระดาษสีขาวที่วางอยู่เบื้องหน้า ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องมายังหล่อน มีแววตำหนิอยู่ในนั้นกลายๆ“ความจริงฉันก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้หรอกนะ แต่ในเมื่อเธอคือคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นเมียจ้างของฉัน ฉันก็เลยคิดว่า ยังไงก็ต้องตกลงทำความเข้าใจกันเอาไว้เสียก่อน เพราะฉันไม่ใช่คนที่ชอบมานั่งทะเลาะกับผู้ร่วมงานภายหลัง”ผู้ร่วมงาน...เฌอปรางสะท้อนในอกยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าสำหรับเคลวิน นอกจากฐ
“หนู...” หล่อนอึกอักพูดไม่ออก สมองมโนไปไกลแสนไกลเหลือเกิน“เอาล่ะ เธอไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะไปประกาศกับคนงานทุกคนในไร่ชาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา ส่วนเธอเก็บเรื่องสัญญาเอาไว้เป็นความลับล่ะ ฉันไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปให้แม้แต่มดหรือหนูรู้ทั้งนั้น”“เอ่อ... แล้วถ้าคนงานในไร่สงสัยล่ะคะ เพราะ... ว่าพ่อเลี้ยงกับหนูเราไม่เคย... เอ่อ...”หล่อนยังพูดไม่ทันจบ เขาก็แทรกขึ้นอย่างเข้าใจความหมายของคำพูดที่ยังไม่ได้เล็ดลอดออกมาจากปากอิ่ม“ใครจะสงสัยก็ช่างปะไร ในเมื่อคนที่ฉันต้องการให้เชื่อสนิทใจก็คือณิชา”หล่อนก้มหน้าหลบสายตาของเคลวินอีกครั้ง“ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะพ่อเลี้ยง”“ดี”“เอ่อ... งั้นหนูขอตัวกลับที่พักก่อนนะคะ”“ไปเถอะ แล้วอย่าลืมล่ะว่าตอนนี้เธอได้รับจ้างแต่งงานกับฉันเรียบร้อยแล้ว”“ค่ะ... หนูไม่ลืมค่ะ” หล่อนตอบรับเสียงแผ่วเบา ราวกับเสียงของลมหายใจ“งั้นไปเถอะ เดินกลับห้องดีๆ ล่ะ”“ขอบ... คุณค่ะพ่อเลี้ยง”หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง แข้งขาแทบไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวเดินออกไปน้ำตาหยดแหมะอาบแก้ม เมื่อหันหลังให้กับเขาได้สำเร็จ หัวใจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรม
ชาร์ลีพยายามเตือนสติเพื่อนรัก เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าผู้หญิงคนเดียวที่เคลวินรักคือณิชา และเคลวินก็ไม่มีทางรักเฌอปรางได้“แล้วไง”“ก็ไม่แล้วไงหรอก นายควรจะมีมนุษยธรรมบ้าง ปล่อยเด็กมันไป อย่าไปฝืนใจให้เด็กทำเรื่องอย่างว่าโดยไม่เต็มใจเลย หรือถ้านายเกรงว่าจะไม่คุ้มกับเงินที่ต้องเสียไป นายก็ให้เด็กมันทำงานบ้าน ทำอาหารอะไรแบบนี้แทนก็ได้”“หึ คำจำกัดความของคำว่า ‘เมีย’ ในสมองของฉันก็คือ ผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่บนเตียง ไม่ใช่ผู้หญิงที่เอามาทำงานบ้าน หรือทำอาหาร”“ไอ้เคนนรก”คำด่าทอของชาร์ลีไม่ได้มีผลใดๆ ต่อความคิดของเคลวินเลย เขายังคงไม่ไยดีความรู้สึกของใครนอกจากความแค้นที่กำลังแผดเผาอยู่ในอก“ผู้หญิงไม่ว่าจะเด็กสาวหรือว่าหญิงสาว หล่อนเหล่านั้นล้วนถูกสร้างมาให้ทำหน้าที่สร้างความบันเทิงเริงใจให้กับผู้ชาย ดังนั้นเฌอปรางเองก็ไม่มีข้อยกเว้น”“ไหนนายบอกว่าจะไม่กินไก่วัดยังไงล่ะวะ”“นั่นมันก่อนที่ณิชาจะเชือดหัวใจของฉันด้วยความร่านของเธอ” เสียงของเคลวินกระด้างมาก“ส่วนนายไอ้ชาร์ล เลิกออกความคิดเห็นอะไรได้แล้ว เพราะขนาดเฌอปรางเอง ยังไม่เห็นพูด บ่น หรือแสดงความไม่พอใจอะไรเลย”ชาร์ลีถอนใจเฮือกใหญ่ “ที่ฉั
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าน้องปรางจะได้เลื่อนขั้นมาเป็นคุณนายของไร่ชา”แจ่มที่มาช่วยหล่อนเก็บข้าวของเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ ซึ่งจิตก็เอ่ยสนับสนุนเช่นกัน“นั่นสิ ไม่รู้น้องปรางกับพ่อเลี้ยงไปสปาร์คกันตอนไหน”เฌอปรางทำได้แค่ยิ้มบางๆ และก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของใส่กระเป๋าใบตรงหน้าจิตกับแจ่มสบตากัน ก่อนที่จิตที่ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นจะขยับมานั่งใกล้ๆ กับเฌอปราง และถามขึ้นอีกครั้ง“ถามจริงๆ เถอะน้องปราง มันใช่อย่างที่คนงานในไร่เล่าลือกันหรือเปล่า”“เอ่อ... เล่าลืออะไรเหรอคะพี่จิต”จิตวางมือบนท่อนแขนกลมกลึงที่ขาวสะอาดจนน่าอิจฉาของเฌอปราง“ก็เขาว่ากันว่า ที่พ่อเลี้ยงขยับฐานะให้กับน้องปราง ก็เพราะว่าพ่อเลี้ยงต้องการประชดคนรักเก่าอย่างคุณณิชาน่ะ”“เอ่อ...”มันลำบากและทรมานมากที่จะต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ภายในไม่ให้ไหลทะลักออกมาเปื้อนสองแก้ม“จริงไหมน้องปราง”“นั่นสิ จริงหรือเปล่า”“ไม่... ไม่น่าใช่หรอกค่ะ พ่อเลี้ยงคง... ไม่ทำอย่างนั้นหรอก”เฌอปรางต้องใช้ความพยายามมากมายที่จะบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบไม่สั่นเทา เมื่อโกหกคำโตออกไป“นี่น้องปรางจะบอกว่าที่พ่อเลี้ยงทำแบบนี้ก็เพราะว่ารักน้องปรางอย่างนั้นเหรอ”
ห้องนอนของเคลวินหรูหรา และกว้างใหญ่กว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น โดยแต่ละชิ้นคุมโทนด้วยสีเข้ม ซึ่งก็ไม่แปลกนัก เพราะมันเข้ากับบุคลิกของผู้ชายเย็นชาอย่างเคลวินกระเป๋าใบย่อมที่ภายในมีเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ราคาถูกที่ซื้อหามาตามตลาดนัดวางลงกับพื้น ขณะดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ห้องกว้างอย่างต้องการสำรวจตรวจตราที่ริมหน้าต่างมีโซฟาสีเข้มตัวยาววางอยู่ ด้านหน้าเป็นโต๊ะกระจกเตี้ย ขณะที่ด้านซ้ายของหน้าต่าง ซึ่งห่างออกมาประมาณครึ่งเมตรมีประตูกระจก ซึ่งด้านนอกคือระเบียงไม้ที่ยื่นออกไปนอกตัวบ้าน หล่อนก้าวออกไปยืนที่ริมระเบียง สายลมจากขุนเขาเบื้องหน้าพัดพาเอาความเย็นฉ่ำมาปะทะผิวสาว ด้านล่างต่ำลงไปคือสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่พักผ่อนสุดโปรดของเคลวินนั่นเองเด็กสาวยืนทอดสายตามองไปรอบๆ ตัวอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจเดินกลับเข้ามาภายในห้องนอน สายตาปะทะเข้ากับเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของหน้าต่าง ผ้าปูเตียงเป็นสีเข้มไม่ต่างจากโทนสีของตัวห้องหัวใจสาวเต้นระรัว เพราะอดจินตนาการเรื่องราวบนเตียงกว้างนั้นไม่ได้เคลวินบอกว่าต้องการแต่งงานกับหล่อนจริงๆ และนั่นก็หมายถึงต้องมีเรื่
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณเคลวิน”เชอร์รี่และนกสองสาวประเภทสองเดินยิ้มร่าเข้ามาพบเคลวินเพื่อมารับค่าจ้าง“แล้วตอนนี้เฌอปรางอยู่ไหนล่ะครับ”“ตอนนี้คุณน้องเฌอปรางกำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ อีกสักพักก็น่าจะพร้อมแต่งหน้าทำผมค่ะ”เคลวินยกชาร้อนขึ้นจิบ ก่อนจะหยิบเช็กเงินสดให้กับสองสาวประเภทสอง“นี่ค่าจ้างของพวกคุณ รถรออยู่แล้วที่หน้าบ้าน”“อุ้ย ขอบคุณมากนะคะคุณเคลวิน”สองสาวประเภทสองยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นยอดเงินในกระดาษใบเล็กที่เคลวินส่งให้“ครับ”“เอ่อ... งั้นพวกเราลากลับก่อนนะคะ ถ้ามีงานให้พวกเรารับใช้อีก เรียกใช้ได้เลยค่ะ พวกเราจะลดค่าบริการให้สามสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”เคลวินอมยิ้มบางๆ ในขณะที่สองสาวประเภทสองขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก่อนจะไปก็อดที่จะพูดทิ้งท้ายไม่ได้“คุณน้องเฌอปรางผิวเนียนมากเลยนะคะ แถมหุ่นก็ยิ่งดีมากๆ อีกด้วย คุณเคลวินโชคดีจังค่ะ”เคลวินยิ้มให้เหมือนเดิม และก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย“งั้นพวกเราลากลับจริงๆ แล้วค่ะ”“ครับ”สองสาวประเภทสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่จะพากันเดินออกมาจากห้องโถงกว้าง มุ่งหน้าตรงไปยังรถที่จอดติดเครื่องยนต์รออยู่“นี่แกว่าไหมนังเชอร์รี่”“ว่า
หล่อนอับอายจนต้องก้มหน้ามองพื้น ในขณะที่เคลวินไม่ได้แสดงทีท่าสนใจอะไรเป็นพิเศษ ก็แน่ล่ะ ในเมื่อเขาผ่านผู้หญิงนมใหญ่มาอย่างโชกโชน และแม้แต่ณิชา อดีตคนรักของเขาก็นมใหญ่เช่นกัน“ผมฝากเงินค่าจ้างพวกคุณเอาไว้ที่แม่บ้านแล้วนะครับ ไปรับได้เลย ส่วนรถจอดรออยู่แล้วครับ”“ขอบพระคุณมากค่ะ”ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมยกมือไหว้เคลวิน ก่อนจะหันมาพูดทิ้งท้ายกับเฌอปราง“คืนนี้พี่รับรอง น้องเฌอปรางจะต้องสวยโดดเด่นยิ่งกว่าเจ้าสาวอีกค่ะ”หล่อนฝืนยิ้มเศร้าหมอง และก็อดที่จะปรายตามองเคลวินไม่ได้ ซึ่งก็ได้เห็นความสะใจบนใบหน้าหล่อจัดอย่างชัดเจน“พวกเราไปนะคะ”“ครับ”ครั้งเมื่อช่างแต่งหน้าและช่างทำผมเดินจากไปแล้ว เฌอปรางก็ยืนก้มหน้าเงียบๆ หัวใจหวั่นไหวเหลือเกิน จนกระทั่งเคลวินก้าวเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ และออกคำสั่ง“เธอดูเป็นสาวขึ้นเยอะเลยนะ เฌอปราง”หล่อนจำต้องช้อนตาขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่มีทางเลือก“เอ่อ... ค่ะ”“ฉันดีใจนะที่ตัวเองเลือกผู้หญิงไม่ผิด” รอยยิ้มของเคลวินเลือดเย็นจนหล่อนหน้าซีด“ณิชาจะต้องกระอักเลือด เมื่อเห็นเราสองคนไปร่วมงาน”“ค่ะ...”หล่อนตอบรับออกไปสั้นมาก เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดคำใดออกไ
รถคันงามแล่นมาจอดสนิทยังหน้าโรงแรมหรูซึ่งหากหล่อนจำไม่ผิดโรงแรมแห่งนี้คือโรงแรมระดับเจ็ดดาวแห่งเดียวของจังหวัดเชียงราย“พร้อมนะ”น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นหลังจากภายในรถถูกความเงียบกลืนกินอยู่นานเกือบสี่สิบห้านาทีหล่อนหันไปมองคนตัวโต แสงไฟที่ประดับอยู่หน้าโรงแรมสะท้อนส่องเข้ามาภายในรถ ทำให้หล่อนได้เห็นสีหน้าและแววตาของเคลวินได้อย่างชัดเจน เขาคาดหวังที่จะได้รับคำตอบน่าที่พึงพอใจจากหล่อน“พะ... พร้อมค่ะ”ริมฝีปากหยักสวยของเคลวินยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะก้าวลงไปจากรถ พร้อมกับยื่นมือใหญ่มาตรงหน้าของหล่อน“เอ่อ...” หล่อนไม่คุ้นชินกับการที่ต้องให้สุภาพบุรุษมาดูแลแม้แต่การก้าวลงจากรถ แต่สายตาที่เต็มไปด้วยคำสั่งของเคลวิน ทำให้จำต้องวางมือเล็กขาวสะอาดลงบนอุ้งมือใหญ่อย่างไม่มีทางหลีกหนี“ระวังนะ”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน แต่หล่อนก็รู้ดีว่า นี่คือการเริ่มต้นของบทละครลวงโลกในวันนี้“ขอบ...คุณค่ะ”เขาอมยิ้มบางๆ และดึงมือของหล่อนให้ไปสอดรัดอยู่กับท่อนแขนกำยำ จากนั้นก็พาหล่อนเดินเคียงข้างเข้าไปบนพรมหนาสีชมพูหวานที่ถูกปูเอาไว้ต้อนรับแขกแข้งขาของหล่อนสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน การ
“กำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับอ้อมกอดอบอุ่นที่สอดมาทางด้านหลังเฌอปรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ละสายตาจากดวงจันทร์กลมโตหมุนกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเคลวินแทน มองเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“หนูคิดถึงพ่อเลี้ยงทุกวินาทีนั่นแหละค่ะ”เขาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนไปมา “งั้นก็เหมือนฉันเลยน่ะสิ ที่คิดถึงเธอตลอดเวลา ทุกวินาทีเลยรู้ไหม...”“พ่อเลี้ยงปากหวานอีกแล้วนะคะ”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา รัดรึงร่างอวบอัดของเมียรักแนบแน่นยิ่งขึ้น“ฉันไม่เคยปากหวาน พูดหวานๆ ก็ไม่เป็น ที่เธอได้ยินทุกอย่างนี่ก็คือความจริงจากใจล้วนๆ”“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยพูดหวานๆ อย่างน้อยๆ ตอนจีบผู้หญิงก็ต้องพูด ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะมีคนรักเหรอคะ” หล่อนได้ทีย่นจมูกใส่เขาอย่างมันเขี้ยวบ้าง“ด้วยความสัตย์จริงนะ ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย”คนฟังเบิกตากว้าง เหลือเชื่อ “อ้าว ถ้าไม่ได้จีบแล้วคุณณิชามาเป็นแฟนพ่อเลี้ยงได้ยังไงคะ”“ณิชาเป็นฝ่ายจีบฉันน่ะ”“ฮะ?” เฌอปรางเหลือเชื่อมากๆ“จริงๆ นะ เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ แต่ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย ตอนเรียนก็เอาแต่เรียน ตอนทำงานก็ทำแต่งาน
เฌอปรางหัวเราะคิกคักเมื่อเคลวินออกคำสั่งเผด็จการแบบนั้นออกไป“พ่อเลี้ยงน่ะ ดูทำเข้าสิคะ”“ทำไมอะไรมิทราบเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำเข้ามาหาเรื่อยๆ“ก็... สั่งคนงานแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ น่าเกลียดจัง”“ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอกน่า มานี่เลย...”มือใหญ่ช้อนใต้ท้ายทอยเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประกบปากลงไปหา“อุ๊บบบ...”เขาบดขยี้จูบแล้วจูบอีก จูบจนเมียรักหายใจหายคอไม่ทัน จึงถอนปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน“หวานจัง...”“พ่อเลี้ยงน่ะ” คนเป็นเมียเอียงอายม้วนต้วน“ก็จริงนี่ ปากเธอหวานมาก แต่ก็ยังมีที่อื่นหวานกว่านะ อยากรู้ไหมว่าตรงไหน”ดวงตาคมกริบของเคลวินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย ขณะเลื่อนต่ำลงมองที่กลางลำตัวสาวเฌอปรางเนื้อตัวอุ่นวาบ เลือดสาวเดือดพล่านขึ้นมาในทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอียงอาย“พ่อเลี้ยงน่ะ... ลามก”เขาดึงหล่อนเข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเอาอย่างแสนรัก“ฉันก็เป็นแบบนี้กับเธอคนเดียวนั่นแหละเฌอปราง... และหวังว่าเธอจะชอบ...”หล่อนยิ้มหวานกับหน้าอกกว้างของสามี “หนูชอบทุกอย่างที่เป็นพ่อเลี้ยงค่ะ”“เมียใครนะปากหวานเจี๊ยบเลย”นิ้วแข็งแรงตรึงปลายคางมน และช
เคลวินถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ทำให้เขาต้องได้รับการให้เลือดอยู่หลายถุง เฌอปรางเฝ้าสามีอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง แม้ว่าตัวหล่อนเองจะบาดเจ็บที่ศีรษะเช่นกันก็ตาม“หนูปราง... ไปให้พยาบาลทำแผลก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเฝ้าหน้าห้องให้ค่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงออกมาแล้ว ป้าจะรีบไปบอกค่ะ” ป้าปราณีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เฌอปรางส่ายหน้าปฏิเสธ“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แต่พ่อเลี้ยงบาดเจ็บ เลือดพ่อเลี้ยงออกมาเยอะมาก หนู... หนูกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะตาย...” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น“พ่อเลี้ยงเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่มีทางยอมตายกะอีแค่มีดแทงหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ ไปทำแผลที่หัวก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าว่าหนูปรางไม่ยอมดูแลตัวเอง พ่อเลี้ยงจะโกรธเอานะคะ”“แต่หนูเป็นห่วงพ่อเลี้ยง... หนูอยากรอดูให้มั่นใจก่อนว่าพ่อเลี้ยงจะปลอดภัย...”“ทำแผลที่หัวนิดเดียวค่ะ และก็แป๊บเดียวด้วย ยังไงก็เสร็จก่อนที่พ่อเลี้ยงจะผ่าตัดเสร็จอยู่แล้วค่ะ”เฌอปรางลังเลอยู่เล็กน้อย“นะคะ เชื่อป้าเถอะ ถ้าหนูปรางไม่สบายไปจะทำยังไงคะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ในท้องหนูปรางมีลูกของพ่อเลี้ยงอยู่ด้วยนะคะ”“ลูก...”มือเล
ณิชาหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นก็จิกหัวของเฌอปรางแรงๆ ลากลงมาจากรถ ซึ่งก็ทำให้คนที่สลบไสลอยู่ได้สติ“มึงฟื้นแล้วเหรอ อีเด็กบ้า”“คุณณิชา...” เฌอปรางตกใจมาก หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนกับเคลวินกำลังขับรถกลับไร่ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนั้นวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ และหล่อนก็สลบไปหล่อนไม่ตาย แล้วเคลวินล่ะ...?“พ่อเลี้ยง... พ่อเลี้ยงอยู่ไหนคะ พ่อเลี้ยงไม่เป็นอะไรใช่ไหม พ่อเลี้ยง”“ฉันอยู่นี่เฌอปราง”เฌอปรางหันไปเห็นว่าเคลวินปลอดภัยหล่อนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“หนูดีใจที่พ่อเลี้ยงปลอดภัย”เคลวินได้ยินได้เห็นความห่วงใยที่เฌอปรางมีให้ตนเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ปกป้องหล่อนไม่ได้“ณิชา... ปล่อยเฌอปรางไป แล้วคุณมาจัดการผมนี่ ผมจะไม่ต่อสู้คุณเด็ดขาด ผมสัญญา...”“ไม่นะคะพ่อเลี้ยง... อย่าพูดแบบนี้นะคะ” เฌอปรางร้องไห้ออกมา และพยายามวิงวอนคนที่เอามีดจี้คอของตนเองอยู่ “คุณณิชา... หนูผิดเองค่ะ ผิดเองทุกอย่าง หนูรักพ่อเลี้ยง แอบรักพ่อเลี้ยงมานาน ก็เลย... ใช้โอกาสที่พ่อเลี้ยงเลิกกับคุณณิชา เข้าหาพ่อเลี้ยงค่ะ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จะมีคนผ
หลังจากเลือกซื้อข้าวของเด็กอ่อนเสร็จแล้ว เคลวินก็พาหล่อนเข้าร้านเพชรร้านเดิม แต่หนนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพราะเขาบังคับให้หล่อนรับแหวนเพชรเม็ดโต พอหล่อนอึกอักปฏิเสธ เขาก็ดึงนิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมาและสวมแหวนให้ทันที“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะเด็กน้อย” เขาพูดเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความเผด็จการหล่อนอมยิ้มหวาน และก็ตอบรับเขาด้วยการผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนกินข้าวกลางวัน สั่งให้หล่อนกินยาบำรุงครรภ์ที่หมอจ่ายมาให้ และก่อนกลับบ้านก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารบำรุงสำหรับคนท้องมาจนเต็มรถ“ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”เขาอมยิ้ม ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัว จากนั้นก็เคลื่อนรถกลับขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนอีกครั้งเฌอปรางนั่งอยู่ในแอ่งแห่งความสุข แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามค้างคาใจติดอยู่“พ่อเลี้ยงคะ”“ว่าไง” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยถาม“คือ...”“มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเห็นหล่อนอึกอักก็เร่งเร้าให้พูด“หนู... หนูอยากรู้ว่า...”“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ”“พ่อเลี้ยงรู้ใช่ไหมคะว่าหนู... เอ่อ... รักพ่อเลี้ยง”หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม และก็หันมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องถนนเช่นเดิม“รู้สิ ฉันไม่ได้ตาบอดสั
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรักหนูไม่ได้ล่ะคะ”“มันไม่มีวันนั้นหรอก”“ทำไมพ่อเลี้ยงถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าจะรักหนูได้”เคลวินอยากจะกระชากแม่เด็กสาวช่างถามเข้ามาจูบปิดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่หล่อนต้องการให้เขาสารภาพออกไปเลยหรือไงว่าตอนนี้เขารักหล่อนเรียบร้อยแล้วบ้าจริง...เขาไม่กล้าสารภาพออกไปหรอก ให้เฌอปรางรับรู้ถึงความรักของเขาผ่านการกระทำดีกว่า“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาซักไซ้ผู้ใหญ่นักเลย นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะ ฉันไปจ่ายเงินก่อน” คนตัวโตได้จังหวะหลบเลี่ยงในที่สุด“ถึงพ่อเลี้ยงจะใจดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน แต่หนูก็ยังต้องการให้พ่อเลี้ยงรักหนู... เหมือนที่หนูรักพ่อเลี้ยง...” เฌอปรางมองตามร่างสูงใหญ่ของเคลวินที่เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจหล่อนนั่งเศร้าอยู่สักพักเคลวินก็เดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่ยาที่คุณหมอจ่ายให้สำหรับหญิงตั้งครรภ์“กลับกันเถอะ”รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หล่อนตัดสินใจวางมือเล็กลงในอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอุ้งมือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก“ค่อยๆ เดินนะ มาฉันประคอง”“หนูเดินได้ค่ะพ่อเลี้ยง”“ก็บอกแล้วไงอย่าดื้อ... เดินดีๆ ค่อ
“เสียใจไหมที่เรายังจดทะเบียนสมรสกันไม่ได้”คนตัวโตหยุดเดิน ยืนข้างรถ และดึงมือเล็กของหล่อนมากุมเอาไว้ ดวงตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าของหล่อน บอกให้รู้ว่าไม่ค่อยสบายใจนัก“ไม่เสียใจหรอกค่ะ”“ดีมาก” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนแผ่วเบา ก่อนจะดึงเข้าไปกอดแนบอก เสียงหัวใจของเขาเต้นอยู่ใต้ใบหูของหล่อน เฌอปรางระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข“ฉันสัญญาว่าถ้าเธออายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์เมื่อไหร่ ฉันจะรีบพาเธอมาจดทะเบียนสมรสทันที” เขาหยุดพูดเล็กน้อย ก่อนจะดันร่างของหล่อนออกห่าง จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของหล่อน “ว่าแต่เมื่อไหร่จะครบยี่สิบปีเต็มกันล่ะ หนึ่งปีกับกี่เดือนหรือ”“เอ่อ... หนึ่งปีกับอีกสิบเดือนค่ะ”“เฮ้อ นานจัง นี่ฉันมีเมียเด็กมากจริงๆ สินะ” ว่าแล้วเขาก็อมยิ้ม และดึงหล่อนเข้าไปกอดอีกครั้ง “แล้วฉันก็แก่ว่าเธอมากเสียด้วย หวังว่าเธอจะไม่นอกใจฉันไปหาเด็กหนุ่มๆ รุ่นราวคราวเดียวกันหรอกนะ เฌอปราง”“พ่อเลี้ยงต่างหากล่ะคะ พอเบื่อหนูแล้วก็จะทิ้งหนู ไล่หนูออกจากไร่เหมือนเดิม”เขาขยับตัวออกห่าง ก้มลงมามองดวงหน้านวลของเฌอปราง ก่อนจะจูบปากอิ่มเบาๆ“ไม่มีทางมีวันนั้นหรอก ฉันหลงเธอจะตายไป”ก็แค่หลง...เฌอปรางต่อคำพู
ป้าปราณีอมยิ้มเมื่อเห็นหล่อนเดินเคียงคู่มากับเคลวิน ซึ่งก็ทำให้หล่อนอดที่จะเสหลบสายตาด้วยความขัดเขินไม่ได้“ตั้งโต๊ะเลยครับป้า”“วันนี้พ่อเลี้ยงยิ้มแย้มต่างไปจากทุกวันเลยนะคะ” ป้าปราณีหันไปสั่งจิตกับแจ่มให้ตั้งโต๊ะแล้วก็อดที่จะแซวเคลวินที่เพิ่งจะเลื่อนเก้าอี้ให้เฌอปรางนั่งไม่ได้เคลวินหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะดึงมือเล็กบนตักมากุมเอาไว้“ผู้ชายเวลามีเมียเด็กก็อารมณ์ดีประมาณผมทุกคนแหละครับ”หล่อนได้ยินคำตอบของเคลวินก็ยิ่งเอียงอาย แต่ทันทีที่จิตกับแจ่มยกอาหารมาตั้งบนโต๊ะ และกลิ่นอาหารหน้าตาดีโชยเข้ามาในจมูกเท่านั้น ความวิงเวียนพะอืดพะอมก็ตีตื้นขึ้นมากระจุกรออยู่ที่ลำคอ มือเล็กยกขึ้นปิดปาก“เป็นอะไรไปเฌอปราง ไม่สบายหรือ”หล่อนไม่อาจจะตอบความสงสัยของเคลวินได้ เพราะต้องรีบพุ่งตัวไปห้องน้ำให้ทันเวลาเสียงโอ้กอ้ากของเด็กสาวดังมาเข้าหูเคลวิน เขาลุกขึ้นยืนจะเดินเข้าไปดู แต่ป้าปราณีห้ามเอาไว้เสียก่อน จากนั้นก็สั่งให้จิตเข้าไปดูเฌอปรางแทน“จิต เอ็งเข้าไปดูหนูปรางหน่อย”“จ้ะ ป้า”“ส่วนเอ็งก็ไปยกน้ำส้มมาให้หนูปราง นังแจ่ม”“จ้ะป้า”สองสาวใช้หายกันไปคนละทิศละทางแล้ว ป้าปราณีก็มองหน้าเคลวินและ
เฌอปรางกำลังจะเลี้ยวเข้าเรือนพักคนงาน แต่ก็ต้องชะงักกึก เมื่อเคลวินปรากฏตัวตรงหน้าเสียก่อน เรือนกายล่ำสันในชุดทำงานและสวมหมวกปีกกว้างเดินเข้ามาหา“เอ่อ...”“เมื่อคืนฉันก็ทำโทษเธอทั้งคืนแล้ว ยังไม่เข็ดอีกหรือเฌอปราง”“หนู... แค่มาเอากระเป๋าค่ะ”“ไม่ต้อง เดี๋ยวให้คนงานยกไปให้” เขาก้าวเข้ามาใกล้จนหล่อนขยับถอยหลังหนีไม่ทัน ดวงตาของเขาที่จ้องมองมา มันทำให้หล่อนอดนึกถึงเรื่องร้อนฉ่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้“กลับเข้าบ้านด้วยกัน ฉันหิวแล้ว”“หิว...?”เขาอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กสาวตีความหมายของคำพูดไปไกลกว่าที่เป็นจริง“ฉันยังไม่ได้กินมื้อเช้าเลย” เขาจ้องหน้าหล่อน “เพราะรอเด็กขี้เซาคนหนึ่งตื่นน่ะ”“เอ่อ... หนูเหรอคะ”เขายกมือขึ้นยีเส้นผมนุ่มให้ยุ่งมากกว่าเดิม จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ดอมดมกลิ่นหอมละมุนด้วยปลายจมูกอย่างอดใจไม่ไหว เฌอปรางหน้าแดงระเรื่อ“พ่อ... พ่อเลี้ยงคะ เดี๋ยวใครมาเห็นค่ะ”เขาจำต้องตัดใจเงยหน้าออกห่างร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่น จากนั้นก็กุมข้อมือเล็กให้เดินเคียงข้างไปด้วยกันเฌอปรางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา มองคนตัวโตที่มีพลังทางเพศสูงลิบอย่างเคลวินด้วยความรักหล่อนจะได้เดินเคียงข้างเขาอ