“ไงจ๊ะ หรือว่าเธอจะจีบเพื่อนพี่อีกคน” มยุเรศเข้ามาร่วมวงในทันทีที่ผละจากนักข่าวซึ่งตามสัมภาษณ์งานเพลงมาได้ สาวสวยวัย 38 ปีที่วันนี้แต่งดวงตาสวยเฉี่ยว ใบหน้าสวยเก๋รับกับผมซอยสั้นตามสไตล์สาวเปรี้ยวเชิดหน้าขึ้นรอฟังคำตอบ
“ผมมิบังอาจหรอกครับพี่นกยูง แค่มาขอสัมภาษณ์เฉยๆ”
‘แทนคุณ’ เอ่ยตอบ แต่กลับรู้สึกร้อนวูบวาบที่แก้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ใช่ร้อนเพราะเขินอายเพราโพยม แต่ที่ร้อนผ่าวขึ้นมาก็เป็นเพราะดวงตาจิกกัดของสาวใหญ่วัยร้อนแรงผู้นี้ต่างหาก เขาเชื่อแล้วว่ารสนิยมคนเราไม่เหมือนกัน เพราะดูท่าเขาจะชื่นชอบอาหารรสชาติจัดจ้านที่กำลังยืนท้าทายอยู่ใกล้ตัวมากกว่าอาหารที่เลิศหรู และดูดีมีรสนิยม
“แหม...อะไรจ๊ะนายแทน พี่แซวแค่นี้ก็อายเหรอ อายพี่อายเชื้อมันไม่ดีนะจ๊ะ เพราะพี่อาจคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้” มยุเรศลอยหน้าลอยตาพูด พร้อมอมยิ้มที่ได้แกล้งนักข่าวหนุ่มสำเร็จ เพราะความคุ้นเคยเนื่องจากเจอกันตามงานหลายครั้ง บวกกับอัธยาศัยที่สุภาพของแทนคุณ ทำให้เธอเลือกที่จะให้สัมภาษณ์นิตยสารของเขามากกว่าที่อื่น
และยิ่งเมื่อได้เห็นแววอายๆ จากดวงตาคมเข้มคู่นั้น เมื่อเธอเอ่ยแซวเขากับเพราโพยม เธอก็อยากจะแกล้งหนุ่มรุ่นน้องคนนี้มากขึ้น
“พี่นกยูงก็...แซวแบบนี้ผมไปต่อไม่เป็นเลยนะครับ”
คำตอบของแทนคุณยิ่งเรียกรอยยิ้มจากสองสาวเพื่อนซี้มากยิ่งขึ้น และทุกภาพของรอยยิ้ม การหัวเราะ ตลอดจนภาพแห่งความสง่างามในตัวของเพราโพยมก็ไม่ได้ขาดตกไปเลยสักภาพ เพราะช่างภาพที่กดชัตเตอร์ได้รัวเร็วนั้นสามารถจับภาพในทุกอิริยาบถของเธอ เพื่อให้ได้ภาพแห่งความประทับใจกลับไปมากที่สุด
“งั้นพวกพี่ขอตัวก่อนนะ” เพราโพยมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเมื่อเห็นว่านักข่าวหนุ่มคนนี้ดูจะสนิทสนมกับมยุเรศอยู่มาก
“เดี๋ยวครับคุณฟ้า ถ้านิตยสารของผมอยากจะขอสัมภาษณ์” แทนคุณถามแย็บขึ้นมา แต่สายตาคมเข้มที่เปลี่ยนเป็นเว้าวอนมองตรงไปยังมยุเรศอย่างต้องการขอให้ช่วย ทว่านักร้องสาวสวยแม่ม่ายทรงเครื่องพร้อมลูกติดอีกสอง กลับทำสีหน้าอมยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ จนแทนคุณต้องเบนสายตาเว้าวอนมาที่เพราโพยมแทน
“พี่อนุญาตให้ติดต่อผ่านพี่นกยูงได้ค่ะ พี่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องโลกภายนอก พี่นกยูงให้คิววันไหนก็วันนั้นแหละ”
“ไชโย! ขอบคุณมากนะครับคุณฟ้า ขอบคุณจริงๆ ครับ เฮ้ย! ปราณรต์ ถ่ายรูปคุณฟ้าไว้เยอะหรือเปล่า”
เพราโพยมอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางดีใจของแทนคุณ และก็ขำที่มยุเรศแกล้งเขา แต่กลับแอบขยิบตาให้เธอ และทั้งที่เธอคิดว่าจะผละขอตัวมาในทันทีที่พูดจบ แต่อะไรบางอย่างกลับบอกให้เธอยืนรอ และหันไปพูดคุยกับผู้เป็นช่างภาพอีกนิด เผื่อว่าเขานั้นต้องการจะถ่ายภาพเธอเพิ่ม ทั้งที่เธอก็สังเกตเห็นแล้วว่าช่างภาพคนนี้นั้นได้กดชัตเตอร์เธอจนแทบจะในทุกอิริยาบถอยู่แล้ว ความรู้สึกบางอย่างในใจบอกเธอแบบนั้น และก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
พลันที่กล้องถ่ายรูปถูกเคลื่อนย้ายออกจากใบหน้าของเขา ก็ทำให้เธอได้เห็นบางสิ่งที่ทำให้หัวคิ้วเรียวสวยต้องขมวดเข้าหากัน ก่อนจะรีบคลายออก ความรู้สึกฟูฟ่องในหัวใจเกิดขึ้นราวกับมีปุยนุ่นสีขาวละมุนค่อยๆ ฟูขยายใหญ่ขึ้นๆ ก่อนจะค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าที่สว่างจ้า นุ่มนวลเกินกว่าทุกสิ่งที่เธอเคยเห็น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเธอคุ้นเคยราวกับได้พบเจอคนพิเศษที่ห่างหายไปนาน ตลอดจนความรู้สึกบางอย่างซึ่งจุกแน่นอยู่ในหัวใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เพราโพยมรีบสลัดไล่ความรู้สึกแปลกๆ ออกไป เมื่อชายหนุ่มผิวขาว หน้าตาหล่อเหลาจนเธอเผลอคิดไปว่าเขาอาจเป็นดาราหรือนายแบบ แต่กล้องในมือของเขาก็ยืนยันว่าไม่ใช่
หนุ่มหล่อที่เธออธิบายไม่ถูกถึงสายตาเขาที่มองตรงมา รอยยิ้มนั้นก็ดูอบอุ่นราวกับว่าโลกนี้ช่างสดชื่นเหลือเกินที่ส่งมาให้นั้น ทำเอาเธอต้องยิ้มตอบโดยอัตโนมัติ เพราโพยมบอกตัวเองว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนแน่ เพราะกระบวนการด้านความจำของเธอยังคงใช้งานได้ดี และเธอก็ไม่มีทางที่จะหลงลืมใครบางคนที่เคยรู้จัก โดยเฉพาะถ้าเขาคนคนนั้นหล่อเหลาได้มากขนาดนี้ แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้มันหมายความว่าอย่างไร ทำไมเธอจึงได้รู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคนคุ้นเคย หรือจะเป็นเพราะรอยยิ้มสดใสนั้น รอยยิ้มที่มีขึ้นราวกับว่าโลกใบนี้ช่างมีแต่ความสุข มีแต่สิ่งที่น่าอภิรมย์จนไม่อาจระงับความสุขที่จะเผื่อแผ่ให้แก่ใครๆ ได้
“ผมถ่ายไว้ครบแล้วครับ” คำพูดแสนสุภาพนั้นหลุดจากปาก เขาพูดพลางก้มศีรษะน้อยๆ เป็นเชิงขอบคุณ
“จ้ะ งั้นพี่ขอตัวนะ” เพราโพยมยิ้ม รู้สึกคล้ายว่าเลือดลมจะสูบฉีดขึ้นที่สองแก้มอย่างไม่รู้ตัว เพราะเขาพูดกับเธอ ไม่ใช่แทนคุณ
ผู้หญิงที่สวยงามไปทั้งเนื้อตัว ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม สีหน้า ท่าทาง หรือแม้แต่คำพูดและแววตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็น ‘เพราโพยม ภัทรนันท์’ ช่างดูงดงามและมีคุณค่า เหมาะสมที่จะประดับอยู่ในเรือนใจของผู้ชายดีๆ สักคน แต่ทำไมเธอถึงยังไม่มีใคร...
“มองตาละห้อยเลยนะ เนี่ยไม่ใช่แค่หมามองเครื่องบินหรือหมาเห็นปลากระป๋องนะโว้ย! แต่เอ็งอะเหมือนหมาที่มองปลากระป๋องอยู่บนเครื่องบินเลยว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” “หลบไปเลย เอ็งก็ไม่ต่างกันหรอก” ปราณรต์ปัดใบหน้ายียวนหัวเราะร่าของแทนคุณให้พ้นไปจากเลนส์กล้องของเขา เพราะแม้แต่ภาพเบื้องหลังของเธอ เขาก็อยากจะบันทึกไว้ให้ครบ ทุกความประทับใจของเขาที่มีต่อเธอคนนี้ แม้ว่ามันจะรางเลือน แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ทำ “ไม่ต่างกันยังไงวะ ไหนพูดมาดิ๊” คิ้วเข้มของแทนคุณขมวดเข้าหากัน สังหรณ์ใจว่าความลับคงจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป “ไอ้แทน ข้าเพื่อนเอ็งนะโว้ย! เอ็งคิดว่าข้าไม่รู้รึไงว่าเอ็งน่ะชอบแม่ม่าย หึหึ...ม่ายเรือพ่วงสองลำซะด้วย” “ไอ้ปราณรต์ ไอ้เพื่อนบ้า เดี๋ยวเถอะ รอบหน้าข้าจะไม่ให้เอ็งถ่าย” “ไอ้แทน” ปราณรต์หุบยิ้มเยาะเย้ยในทันทีที่สายตารู้ทันปนรอยยิ้มเป็นต่อของแทนคุณตอบกลับมา จึงตอบโต้ได้เพียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยืนมองแทนคุณเดินล้อเลียนจากไป.. หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าสะสวยในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนที่กำลังนั่งดูตาชั่งพร้อมจดบันทึกน้ำหนักของท
เสียงคลื่นที่ครวญตามแรงลมสาดซัดเข้าหาชายฝั่ง สลับกับเสียงนกทะเลกู่ร้องแว่วมาให้ได้ยิน เป็นสัญญาณเตือนว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น ส่งผลให้คนซึ่งนั่งนิ่งซบใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาลงกับหัวเข่า ต้องพยายามแหงนขึ้นมองความเปลี่ยนแปลงรอบตัว ยามเมื่อฝ่าเท้าก้าวลงจากรถ ก่อนจะเหยียบย่ำลงบนผืนทรายแห่งนี้ ความมืดดำยังคงอยู่รอบกาย แต่ว่าในขณะนี้กลับกลายเป็นว่ามีแสงสว่างจางๆ ปรากฏขึ้นอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้น คราบน้ำตาที่ทอดตัวลงเป็นสายขนาบสองข้างแก้ม เธอจำต้องปล่อยให้มันไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อความทุกข์ระทมนั้นเข้าโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ จนไม่อาจต้านทานหยาดน้ำแห่งความเจ็บช้ำไว้ได้ไหว เพื่อช่วยชะล้างหัวใจที่กลัดทุกข์ให้ผ่อนคลายลงบ้าง หัวใจที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่ามันแหลกสลายจนไม่มีชิ้นดี น่าแปลกที่มันก็ยังคงเต้นอยู่ทุกขณะ แม้ในขณะนี้ก็เช่นกัน ทว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ความทุกข์นั้นไม่เพียงยังคงอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอยิ่งตอกย้ำถึงความผิดพลาดและความล้มเหลวในชีวิตมากขึ้น และมีบ้างบางเสี้ยวเวลาที่เธอแอบคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เสียงปรบมือจากแขกผู้มีเกียรติดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับผู้ที่กำลังถูกจับตามองอยู่ในขณะนี้เป็นบุคคลสำคัญ และเหมาะสมแล้วสำหรับรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับ ตลอดทั่วทั้งงานประดับประดาไปด้วยไฟและแสงสีเสียงอันยิ่งใหญ่อลังการ ภายในงานประกอบไปด้วย ดารานักร้อง ดีเจ วีเจ พิธีกร ผู้จัดละคร ผู้กำกับ ผู้จัดรายการโทรทัศน์ ผู้จัดรายการวิทยุ เจ้าของสถานี นักประพันธ์ดนตรี นักประพันธ์เพลง บรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มีรายชื่อเสนอเข้าชิงรางวัล ตลอดจนทีมงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากนี่คืองานมอบรางวัลอันทรงเกียรติแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้วงการวิทยุและโทรทัศน์ไทยได้ก้าวไกลและผลิตผลงานดีที่มีคุณค่าออกมาให้ประชาชนคนไทยได้ชื่นชมอย่างต่อเนื่อง ได้รับความเพลิดเพลินเจริญใจ และให้ประโยชน์แก่สังคมไทยอย่างไม่ขาดสาย แสงไฟที่สาดส่องมา รวมทั้งตากล้องและช่างภาพของงานเหมือนจะพุ่งความสนใจมายังเธอเป็นจุดเดียว รวมทั้งเสียงประกาศจากพิธีกรหญิงชายที่ดังซ้ำบนเวทีพร้อมเอ่ยแซวที่เธอมัวแต่ดูจินตลีลาประกอบเพลงจนเพลิน จึงไม่ได้ยินประกาศว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทเพลงประกอบละครยอดเยี่ยมแห่ง
“ก่อนอื่นดิฉันต้องขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านที่กรุณามอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ให้แก่ดิฉันนะคะ ดิฉันรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างสูงสุดค่ะ และดิฉันก็ต้องขอขอบคุณคณะผู้จัดละครและทีมงานทุกท่าน ที่กรุณาให้ดิฉันได้มีโอกาสเขียนเพลงให้ละครเรื่องนี้ ขอบคุณพี่นกยูงที่ช่วยขับร้องเพลงนี้ได้อย่างไพเราะและงดงาม รางวัลนี้ไม่ได้เป็นของดิฉันเพียงคนเดียว แต่เป็นของทีมงานทุกๆ ท่านด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่มีทุกท่านให้โอกาส ดิฉันก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากที่สุด” เสียงปรบมือกึกก้องอีกครั้ง เพราะทุกคำพูดที่เธอถ่ายทอดได้สร้างความประทับใจให้แก่คนฟังได้ดีจริงๆ ใบหน้ายิ้มละไมทอดสายตามองลงไปเบื้องล่าง ก่อนเรือนร่างงามระหงดุจนางพญาเยื้องย่างจะเดินมาจนถึงโต๊ะรับรอง ท่ามกลางเสียงแสดงความยินดี การพูดคุยทักทาย และสายตาชื่นชมอย่างเปิดเผยของเหล่าบรรดาชายหนุ่ม ณ ที่นี้ พิธีการอันทรงเกียรติเทียบชั้นงานพรมแดงของต่างประเทศทำให้ในค่ำคืนนี้เป็นเสมือนสถานที่รวมของเหล่าดารานักร้อง ไฮโซ เซเลบ ผู้จัด ผู้กำกับ ตลอดจนผู้มั่งคั่งทางฐานะและชื่อเสียงของเมืองไทย แขกผู้มีเกียรติทุกท่านต่างแต่งกายกันด้วยช
“มองตาละห้อยเลยนะ เนี่ยไม่ใช่แค่หมามองเครื่องบินหรือหมาเห็นปลากระป๋องนะโว้ย! แต่เอ็งอะเหมือนหมาที่มองปลากระป๋องอยู่บนเครื่องบินเลยว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” “หลบไปเลย เอ็งก็ไม่ต่างกันหรอก” ปราณรต์ปัดใบหน้ายียวนหัวเราะร่าของแทนคุณให้พ้นไปจากเลนส์กล้องของเขา เพราะแม้แต่ภาพเบื้องหลังของเธอ เขาก็อยากจะบันทึกไว้ให้ครบ ทุกความประทับใจของเขาที่มีต่อเธอคนนี้ แม้ว่ามันจะรางเลือน แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ทำ “ไม่ต่างกันยังไงวะ ไหนพูดมาดิ๊” คิ้วเข้มของแทนคุณขมวดเข้าหากัน สังหรณ์ใจว่าความลับคงจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป “ไอ้แทน ข้าเพื่อนเอ็งนะโว้ย! เอ็งคิดว่าข้าไม่รู้รึไงว่าเอ็งน่ะชอบแม่ม่าย หึหึ...ม่ายเรือพ่วงสองลำซะด้วย” “ไอ้ปราณรต์ ไอ้เพื่อนบ้า เดี๋ยวเถอะ รอบหน้าข้าจะไม่ให้เอ็งถ่าย” “ไอ้แทน” ปราณรต์หุบยิ้มเยาะเย้ยในทันทีที่สายตารู้ทันปนรอยยิ้มเป็นต่อของแทนคุณตอบกลับมา จึงตอบโต้ได้เพียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยืนมองแทนคุณเดินล้อเลียนจากไป.. หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าสะสวยในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนที่กำลังนั่งดูตาชั่งพร้อมจดบันทึกน้ำหนักของท
“ไงจ๊ะ หรือว่าเธอจะจีบเพื่อนพี่อีกคน” มยุเรศเข้ามาร่วมวงในทันทีที่ผละจากนักข่าวซึ่งตามสัมภาษณ์งานเพลงมาได้ สาวสวยวัย 38 ปีที่วันนี้แต่งดวงตาสวยเฉี่ยว ใบหน้าสวยเก๋รับกับผมซอยสั้นตามสไตล์สาวเปรี้ยวเชิดหน้าขึ้นรอฟังคำตอบ “ผมมิบังอาจหรอกครับพี่นกยูง แค่มาขอสัมภาษณ์เฉยๆ” ‘แทนคุณ’ เอ่ยตอบ แต่กลับรู้สึกร้อนวูบวาบที่แก้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ใช่ร้อนเพราะเขินอายเพราโพยม แต่ที่ร้อนผ่าวขึ้นมาก็เป็นเพราะดวงตาจิกกัดของสาวใหญ่วัยร้อนแรงผู้นี้ต่างหาก เขาเชื่อแล้วว่ารสนิยมคนเราไม่เหมือนกัน เพราะดูท่าเขาจะชื่นชอบอาหารรสชาติจัดจ้านที่กำลังยืนท้าทายอยู่ใกล้ตัวมากกว่าอาหารที่เลิศหรู และดูดีมีรสนิยม “แหม...อะไรจ๊ะนายแทน พี่แซวแค่นี้ก็อายเหรอ อายพี่อายเชื้อมันไม่ดีนะจ๊ะ เพราะพี่อาจคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้” มยุเรศลอยหน้าลอยตาพูด พร้อมอมยิ้มที่ได้แกล้งนักข่าวหนุ่มสำเร็จ เพราะความคุ้นเคยเนื่องจากเจอกันตามงานหลายครั้ง บวกกับอัธยาศัยที่สุภาพของแทนคุณ ทำให้เธอเลือกที่จะให้สัมภาษณ์นิตยสารของเขามากกว่าที่อื่น และยิ่งเมื่อได้เห็นแววอายๆ จากดวงตาคมเข้มคู่นั้น
“ก่อนอื่นดิฉันต้องขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านที่กรุณามอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ให้แก่ดิฉันนะคะ ดิฉันรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างสูงสุดค่ะ และดิฉันก็ต้องขอขอบคุณคณะผู้จัดละครและทีมงานทุกท่าน ที่กรุณาให้ดิฉันได้มีโอกาสเขียนเพลงให้ละครเรื่องนี้ ขอบคุณพี่นกยูงที่ช่วยขับร้องเพลงนี้ได้อย่างไพเราะและงดงาม รางวัลนี้ไม่ได้เป็นของดิฉันเพียงคนเดียว แต่เป็นของทีมงานทุกๆ ท่านด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่มีทุกท่านให้โอกาส ดิฉันก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากที่สุด” เสียงปรบมือกึกก้องอีกครั้ง เพราะทุกคำพูดที่เธอถ่ายทอดได้สร้างความประทับใจให้แก่คนฟังได้ดีจริงๆ ใบหน้ายิ้มละไมทอดสายตามองลงไปเบื้องล่าง ก่อนเรือนร่างงามระหงดุจนางพญาเยื้องย่างจะเดินมาจนถึงโต๊ะรับรอง ท่ามกลางเสียงแสดงความยินดี การพูดคุยทักทาย และสายตาชื่นชมอย่างเปิดเผยของเหล่าบรรดาชายหนุ่ม ณ ที่นี้ พิธีการอันทรงเกียรติเทียบชั้นงานพรมแดงของต่างประเทศทำให้ในค่ำคืนนี้เป็นเสมือนสถานที่รวมของเหล่าดารานักร้อง ไฮโซ เซเลบ ผู้จัด ผู้กำกับ ตลอดจนผู้มั่งคั่งทางฐานะและชื่อเสียงของเมืองไทย แขกผู้มีเกียรติทุกท่านต่างแต่งกายกันด้วยช
เสียงปรบมือจากแขกผู้มีเกียรติดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับผู้ที่กำลังถูกจับตามองอยู่ในขณะนี้เป็นบุคคลสำคัญ และเหมาะสมแล้วสำหรับรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับ ตลอดทั่วทั้งงานประดับประดาไปด้วยไฟและแสงสีเสียงอันยิ่งใหญ่อลังการ ภายในงานประกอบไปด้วย ดารานักร้อง ดีเจ วีเจ พิธีกร ผู้จัดละคร ผู้กำกับ ผู้จัดรายการโทรทัศน์ ผู้จัดรายการวิทยุ เจ้าของสถานี นักประพันธ์ดนตรี นักประพันธ์เพลง บรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มีรายชื่อเสนอเข้าชิงรางวัล ตลอดจนทีมงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากนี่คืองานมอบรางวัลอันทรงเกียรติแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้วงการวิทยุและโทรทัศน์ไทยได้ก้าวไกลและผลิตผลงานดีที่มีคุณค่าออกมาให้ประชาชนคนไทยได้ชื่นชมอย่างต่อเนื่อง ได้รับความเพลิดเพลินเจริญใจ และให้ประโยชน์แก่สังคมไทยอย่างไม่ขาดสาย แสงไฟที่สาดส่องมา รวมทั้งตากล้องและช่างภาพของงานเหมือนจะพุ่งความสนใจมายังเธอเป็นจุดเดียว รวมทั้งเสียงประกาศจากพิธีกรหญิงชายที่ดังซ้ำบนเวทีพร้อมเอ่ยแซวที่เธอมัวแต่ดูจินตลีลาประกอบเพลงจนเพลิน จึงไม่ได้ยินประกาศว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทเพลงประกอบละครยอดเยี่ยมแห่ง
เสียงคลื่นที่ครวญตามแรงลมสาดซัดเข้าหาชายฝั่ง สลับกับเสียงนกทะเลกู่ร้องแว่วมาให้ได้ยิน เป็นสัญญาณเตือนว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น ส่งผลให้คนซึ่งนั่งนิ่งซบใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาลงกับหัวเข่า ต้องพยายามแหงนขึ้นมองความเปลี่ยนแปลงรอบตัว ยามเมื่อฝ่าเท้าก้าวลงจากรถ ก่อนจะเหยียบย่ำลงบนผืนทรายแห่งนี้ ความมืดดำยังคงอยู่รอบกาย แต่ว่าในขณะนี้กลับกลายเป็นว่ามีแสงสว่างจางๆ ปรากฏขึ้นอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้น คราบน้ำตาที่ทอดตัวลงเป็นสายขนาบสองข้างแก้ม เธอจำต้องปล่อยให้มันไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อความทุกข์ระทมนั้นเข้าโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ จนไม่อาจต้านทานหยาดน้ำแห่งความเจ็บช้ำไว้ได้ไหว เพื่อช่วยชะล้างหัวใจที่กลัดทุกข์ให้ผ่อนคลายลงบ้าง หัวใจที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่ามันแหลกสลายจนไม่มีชิ้นดี น่าแปลกที่มันก็ยังคงเต้นอยู่ทุกขณะ แม้ในขณะนี้ก็เช่นกัน ทว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ความทุกข์นั้นไม่เพียงยังคงอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอยิ่งตอกย้ำถึงความผิดพลาดและความล้มเหลวในชีวิตมากขึ้น และมีบ้างบางเสี้ยวเวลาที่เธอแอบคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด